คนเสียสติอันดับหนึ่งของฟงอวิ๋น
?
หลังจากเสร็จสิ้นการบ่มเพาะ
จี้เทียนซิงก็เดินไปที่มุมห้องลับและยืนอยู่หน้าเสาหินเกลียว
ภายในห้องลับที่พักของศิษย์หอยุทธ์ฟงอวิ๋นทุกคนจะมีเสาหินเกลียวสำหรับตรวจวัดขอบเขตพลังยุทธ์
จี้เทียนซิงรู้สึกได้ว่าตนเองอยู่ในขอบเขตสูงสุดของระดับปราณแท้แล้ว
เหลืออีกครึ่งก้าวเท่านั้น
เพียงแค่บรรเทาเส้นชีพจรกระบี่เส้นสุดท้ายก็จะสามารถเข้าสู่ขอบเขตปราณจิตได้โดยสมบูรณ์
ดังนั้นเขาจึงใช้เสาหินหมุนเกลียวเพื่อตรวจวัดระดับพลังที่แท้จริงอีกรอบให้แน่ใจ
ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยสีสันแห่งความคาดหวัง
จากนั้นก็เอื้อมมือออกไป กางฝ่ามือช้าๆทาบกดไปเสาหินเกลียว
ตัวอ่อนกระบี่ในร่างกายโคจรหมุนวนจนทำให้เกิดพลังลมปราณ
จากนั้นมันก็ถ่ายเทเข้าสู่เสาหินเกลียวผ่านฝ่ามือของเขา
ทันใดนั้นเองเส้นสายสีดำที่เสาหินก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีและลำแสงสีแดงก็ส่องสว่างขึ้น
“หนึ่ง สอง สาม……ลำแสงเก้าเส้น ! นี่ข้ามาถึงขอบเขตปราณแท้ขั้นที่ 7 แล้วจริงๆ !”
“เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ไม่ผิด
ตราบใดที่ข้าสามารถบรรเทาเส้นชีพจรหลักเส้นสุดท้ายให้เป็นชีพจรกระบี่ได้สำเร็จ
เมื่อนั้นข้าจะทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตปราณจิตโดยสมบูรณ์ !”
จี้เทียนซิงถอนฝ่ามือออก
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความคาดหวัง หลังจากนั้นครู่หนึ่งอารมณ์ของเขาก็สงบลงและกระซิบในใจ
“ข้าปิดด่านบ่มเพาะเก้าวันติดต่อกันและกระโดดจากขอบเขตปราณแท้ขั้นที่
7 ไปถึงขั้นที่ 9 นี่คือฤทธิ์เดชอันน่ามหัศจรรย์ของเม็ดยาหยกน้ำค้าง
!”
“อย่างไรก็ตาม การบ่มเพาะวิทยายุทธ์ควรจะค่อยเป็นค่อยไป
หากระดับพลังพุ่งสูงเร็วเกินไปจะทำให้รากฐานไม่มั่นคงและมีคอขวดในอนาคต”
“ข้าต้องใช้เม็ดยาปราณทองคำเพื่อเสริมสร้างและขัดเกลาพลังปราณของข้าให้รากฐานแน่นกว่านี้เสียก่อน”
ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะมีอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี
แต่ประสบการณ์การบ่มเพาะของเขาก็นับว่าไม่เลว และไม่เคยรีบร้อน
การได้รับความทุกข์ทรมานในถ้ำวายุทมิฬเมื่อไม่นานนี้ทำให้เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น
และไม่เย่อหยิ่งจองหองอย่างไร้เหตุผลอีกต่อไป
จากนั้นจี้เทียนซิงก็กินเม็ดยาปราณทองคำและบ่มเพาะเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อสร้างรากฐานวรยุทธ์ให้มั่นคงยิ่งขึ้น
จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นในอีกวันหนึ่ง
เขาก็สิ้นสุดการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับ
มาถึงตอนนี้ศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็เดินออกจากห้องและไปรวมตัวกันที่ลานกว้างเพื่อกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
เมื่อพวกเขาได้เห็นจี้เทียนซิงเดินออกมาก็เผยให้เห็นสีหน้าตกตะลึงและมองด้วยสายตาแปลกๆ
ฝูงชนหันไปมองเขาสองสามครั้งแล้วกระซิบกัน
รวมไปถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งก็มีกู่เจี้ยนหมิง, เย่ชางเซิงและศิษย์คนอื่นๆที่ซุบซิบกันไม่หยุด
“จี้เทียนซิง ไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้โอหังยิ่งนัก !”
“เหอะ เหอะ ...
เจ้าหมอนี่ไม่โผล่หัวมาร่วมครึ่งเดือน
ข้าก็หลงคิดไปว่ามันออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นไปแล้วเสียอีก”
“หึ
ครูฝึกฮั่นย้ำแล้วย้ำอีกให้ฝึกฝนภารกิจครั้งนี้อย่างหนัก
แต่เจ้าหมอนี่กลับหายหน้าไปถึงครึ่งเดือน
กำแหงนัก !”
“ในช่วงที่ผ่านมาครูฝึกฮั่นเปิดสอนเรื่องข่ายอาคมในห้องโถงใหญ่ทุกวันตอนบ่าย
แต่จี้เทียนซิงไม่เคยเข้าฟังสักครั้งเดียว แบบนี้มันจองหองเกินไปแล้ว”
ด้านหน้าโต๊ะหินที่บ่อน้ำโบราณ
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงต่างก็นินทาจี้เทียนซิงและกล่าวเยาะเย้ยเช่นกัน
“หมอนี่มันหยิ่งเกินไปแล้ว แค่ได้อันดับหนึ่งในการปรุงยาแต่กลับกล้าไม่เข้าฟังบรรยายของครูฝึกฮั่นเลย เหิมเกริมจริงๆ !”
“เหอะ ! จี้เทียนซิงสมควรได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่โอหังที่สุดในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นแล้วกระมัง
?”
“วันนี้เป็นวันทดสอบสิ้นเดือน เดี๋ยวอีกไม่นานครูฝึกฮั่นก็จะเข้ามาเปิดการทดสอบข่ายอาคมแล้ว จี้เทียนซิงไม่เคยเข้าฟังบรรยายแม้แต่วันเดียว
การสอบครั้งนี้เขาจบสิ้นแน่ !”
“ฮ่าๆ
การทดสอบวันนี้ผู้ที่ได้คะแนนต่ำสุดจะถูกลงโทษ แค่คิดข้าก็ตื่นเต้นเหลือเกินแล้ว !”
ที่มุมๆหนึ่งของลานกว้าง
ลู่หมิงหยางก็หยุดกวาดพื้นแล้วเหลือบมองจี้เทียนซิงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“จี้เทียนซิง เจ้ามันจองหองลำพองเกินตัวเสียแล้ว !
คอยดูเถอะการทดสอบวันนี้เจ้าจะต้องพ่ายแพ้
ส่วนข้าจะเป็นผู้ชนะและเป็นอันดับหนึ่ง ! ถึงแม้ข้าจะไม่มีแนวร่วมเพราะจี้หลิงถูกขับไล่ออกจากนิกาย
แต่ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ !”
จี้เทียนซิงยืนอยู่ใต้ชายคาของประตูและกวาดสายตามองไปที่สีหน้าซับซ้อนของศิษย์ทั้งแปด เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“คนพวกนี้สมองมีปัญหากันหรือไงนะ ? ข้าไม่เคยทำอะไรพวกมันสักครั้ง ทำไมพวกมันถึงได้เกลียดชังข้านัก ?”
ในเวลานี้เองประตูของห้องถัดไปก็เปิดออก
เนี่ยห่าวเดินออกมาจากห้องและยืนอยู่ใต้ชายคาดูเหมือนว่าเพิ่งจะฝึกเสร็จ
เขาหันไปมองจี้เทียนซิงอย่างอดไม่ได้ที่จะกระพริบตาเห็นใจ
จากนั้นเขาก็เดินไปหาอีกฝ่ายและกล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า
“พี่จี้ ครึ่งเดือนมานี่ท่านหายไปไหนมา ? ข้าไม่เห็นท่านเข้าฟังบรรยายของครูฝึกฮั่นเลยสักวัน”
จี้เทียนซิงยักคิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ก่อนหน้านี้มีเรื่องยุ่งยากต้องจัดการนิดหน่อยน่ะ
เดิมทีคิดว่าใช้เวลาไม่กี่วัน สุดท้ายกลับยาวถึงครึ่งเดือน”
เนี่ยห่าวส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงเห็นใจ
“พี่จี้ เพราะท่านไม่เคยเข้าฟังบรรยายของครูฝึกฮั่นเลยตลอดครึ่งเดือน
ศิษย์คนอื่นๆเลยนินทาท่านลับหลังกันสนุกปาก”
จี้เทียนซิงเหลือบมองศิษย์ร่วมหอทั้งแปดและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันพลางกล่าวว่า
“เหอๆ ก็แค่กลุ่มอีแอบที่ทำได้เพียงนินทาชาวบ้าน
ไม่มีอันใดต้องกลัว”
เนี่ยห่าวพยักหน้าและตบที่ไหล่ของเขา
“พี่จี้เข้าใจก็ดีแล้ว ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกานักหรอก”
“เพียงแต่วันนี้เป็นวันทดสอบสิ้นเดือนของครูฝึกฮั่น
ท่านต้องระวังให้มาก เหล่าศิษย์หลายคนรอซ้ำท่านหลายคนเลยล่ะ”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและยกยิ้มมุมปาก
“พวกตัวร้ายเหล่านั้นอยากเห็นข้าขายหน้าแล้วรอซ้ำงั้นหรือ
? ฝันไปเถอะ ! ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าฟังบรรยายก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่ฝึกเสียหน่อย”
เนี่ยห่าวหัวเราะฮ่าๆและชูนิ้วโป้งให้จี้เทียนซิง ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่การแสดงออกของเขาก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่าง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงระฆังที่หอประชุมก็ดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
ศิษย์ทุกคนหยุดการสนทนาและรีบไปที่ห้องโถงใหญ่ จี้เทียนกับเนี่ยห่าวก็เดินไปเช่นกัน ใบหน้าของเขาสงบเยือกเย็น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเข้าฟังบรรยายเรื่องข่ายอาคมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เขาก็มีพื้นฐานและพรสวรรค์โดยกำเนิดที่สูงมาก หลังจากได้รับการชี้แนะจากเซี่ยงหวู่จี้
ความสามารถในด้านข่ายอาคมของเขาก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก
ต่อให้เขาไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคม
แต่การจะทำให้ผ่านการประเมินของฮั่นเฉียวเซิงนั้นแทบไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวง
ในตอนที่ทำภารกิจร่วมกับหยุนเหยา
เขาได้ประสบกับวิกฤตชีวิตและความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้ง เขาตระหนักดีถึงความสำคัญของข่ายอาคม
นอกจากนี้เขายังเข้าใจถึงเจตนาอันดีของฮั่นเฉียวเซิงที่สอนศาสตร์แห่งอาคมให้เหล่าศิษย์
เพราะข่ายอาคมนั้นเชื่อมโยงกับวรยุทธ์อย่างแยกกันไม่ออก
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ท่องอยู่ในยุทธภพ
พวกเขาสามารถพบเจอและใช้ออกด้วยศาสตร์ชนิดนี้ได้แทบทุกที่ทุกเวลา
อีกทั้งมันยังสามารถช่วยชีวิตในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย
จี้เทียนซิงตัดสินใจแล้วว่าหลังจากผ่านการประเมินย่อยวันนี้เขาจะพยายามพัฒนาขีดความสามารถทางด้านข่ายอาคมให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน
จี้เทียนซิงและเหล่าศิษย์คนอื่นๆก็รวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ครบถ้วน ต่อมาฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ก็เดินตามมาติดๆ
ฮั่นเฉียวเซิงเดินไปที่แท่นตำแหน่งแรกพลางกวาดสายตามองผู้คนอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยเสียงดังว่า
“เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนย่อมศึกษาและฝึกฝนกันอย่างหนัก”
“วันนี้ข้าต้องการประเมินผลการเรียนรู้ของพวกเจ้าตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเพื่อดูว่าพวกเจ้าละเอียดรอบคอบมากกว่าเดิมหรือไม่
การประเมินครั้งนี้ ไม่มีการถามคำถามใดๆทั้งสิ้น
มีเพียงการกระทำของพวกเจ้าเท่านั้นที่เป็นทั้งคำถามและคำตอบ
ข้าได้วางข่ายอาคมไว้ล่วงหน้าและจะใช้ข่ายอาคมเพื่อประเมินพวกเจ้าทั้งหมด !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved