ตอนที่
366 บงกชทองที่บานสะพรั่ง
จี้เทียนซิงที่กำลังสวมอาภรณ์เทพกระบี่ย่อมมองไม่เห็นตนเอง
แม้เขาจะตกตะลึงในใจไม่น้อยแต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ทว่าหยุนเหยาเป็นบุคลในมุมมองที่สองย่อมเห็นได้ชัดเจน
ดวงตาคู่งามของนางจ้องไปที่เขา
หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
ในสายตาของนาง
จี้เทียนซิงตอนนี้คล้ายกับเทพกระบี่มากกว่าเจ็ดส่วน !
ความแตกต่างระหว่างเขากับเทพกระบี่มีเพียงแค่เขาไร้ซึ่งความโอหังอวดดีของผู้เป็นเจ้าเฉกเช่นเทพกระบี่
ไร้กลิ่นอายกดขี่ผู้คนและโลกหล้า
แต่หยุนเหยาเชื่อว่านี่เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อจี้เทียนซิงเติบโตขึ้นจนเป็นยอดฝีมือ
เมื่อนั้นกลิ่นอายและบรรยากาศรอบตัวของเขาย่อมเปลี่ยนไป
...........
จี้เทียนซิงก้าวเท้าออกไปทดลองเดินและพบว่าอาภรณ์เทพกระบี่ที่เขาใส่อยู่นั้นเคลื่อนไหวขยับตัวได้สะดวกและไม่อึดอัด
จากประสบการณ์ของเขา เขาไม่สามารถจดจำวัสดุและวิธีการผลิตของอาภรณ์ชุดนี้ได้เลย
อีกทั้งยังมองไม่ออกว่ามันเป็นสมบัติประเภทใด
อาภรณ์ชุดนี้หนาแน่นและดูทรงพลังมาก
แต่มันให้ความรู้สึกราวกับไม่ได้สวมอะไรเลย
เมื่อได้เหลือบไปเห็นหยุนเหยาที่จ้องมองเขาไม่วางตาราวกับกำลังชื่นชมศิลปะที่สมบูรณ์แบบชิ้นนึง
เขาอดไม่ได้ที่จะเดินไปตรงหน้านางพลางถามแผ่วเบาว่า “ศิษย์พี่ ท่านจ้องอะไรนัก ?”
หยุนเหยาเหยียดแขนเรียวงามออกไปช่วยเขาจัดแจงปกเสื้ออย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มบางสายหนึ่งผุดขึ้นและกล่าวติดตลกว่า “เทียนซิง
ยามที่เจ้าใส่ชุดนี้ดูคล้ายกับเทพกระบี่มาก"
"ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอาภรณ์นี้ถึงปรากฏกายขึ้นเองโดยสมัครใจและยอมรับเจ้าเป็นนาย
ข้าเกรงว่าเจ้าต้องมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทพกระบี่เป็นแน่"
จี้เทียนซิงลูบคางและพูดติดตลกว่า
“ศิษย์พี่ ท่านก็เว่อร์ไป ข้าเป็นลูกพ่อค้าวานิช
ตระกูลข้าเป็นตระกูลขุนนาง
จะเอาข้าไปเปรียบเทียบหรือกล่าวว่ามีสัมพันธ์กับเทพกระบี่ได้อย่างไร"
"บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโชคดีที่ทำลายข่ายปราณได้กระมัง
มันถึงได้ยอมรับข้าเป็นนาย"
"นอกจากนี้มันเป็นอาภรณ์ของบุรุษ
และข้าก็เป็นบุรุษเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ ดังนั้นมันจะเลือกข้าก็ไม่แปลก"
หยุนเหยาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อาภรณ์เทพกระบี่ยอมรับเจ้าเป็นนายของมันแล้ว
ต่อให้มันวิเศษเพียงใดก็มีแต่เจ้าที่ควบคุมใช้งานมันได้“
“นอกจากนี้
อาภรณ์ชุดนี้เป็นสมบัติตกทอดจากเทพกระบี่ มันต้องมีประโยชน์มากกว่านี้แน่
เจ้าลองสำรวจมันดูสิ"
อาภรณ์ถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกายของจี้เทียนซิง
มันรวมเข้ากับจิตวิญญาณของเขาและเชื่อมต่อกันและกัน
เพียงหนึ่งความคิดอาภรณ์ก็ถูกสลัดออก
และเพียงอีกหนึ่งความคิดอาภรณ์ก็ปรากฏบนร่างเขาจากอากาศเบาบาง
ทันทีที่เขากระตุ้นพลังปราณและถ่ายเทไปที่อาภรณ์
มันก็เปล่งแสงสีทองอันเจิดจ้าออกมาคล้ายควันไฟสีทองที่กำลังร่ายรำอย่างแผ่วพริ้ว
ดั่งสายลมบางที่กำลังพัดผ่าน
“วูบ !
วูบ !”
ในขณะที่อาภรณ์รัศมีสีทองกำลังกระพือพลิ้ว
เท้าของเขาก็ค่อยๆยกขึ้นจากพื้นดินจนกระทั่งลอยตัวกลางอากาศได้
เมื่อเขาพยายามเพิ่มพลังปราณและควบคุมอาภรณ์ เขาก็สามารถบินกลางอากาศได้ในที่สุด
เมื่อเห็นภาพนี้หยุนเหยาก็มิได้ประหลาดใจนัก
นางพึมพำแผ่วเบาและกล่าวว่า “ช่างวิเศษจริงๆ แต่ความสามารถนี้สมควรเป็นแค่บางส่วนของพลังพิเศษของอาภรณ์เทพกระบี่"
จี้เทียนซิงบินวนเวียนไปมากลางอากาศอยู่หลายรอบ จากนั้นพยายามระงับอาการตื่นเต้นยินดีและร่อนลงข้างๆหยุนเหยา
“วิเศษ วิเศษมาก
! อาภรณ์เทพกระบี่สามารถช่วยให้ข้าบินได้
ต่อไปนี้เวลาเดินทางคงสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
ความสามารถนี้ทำให้เขานึกถึงปิ่นปักผมของหยุนเหยา
ปีกวายุเพลิงที่ช่วยให้นางบินบนทางฟ้าได้
จากนั้นหยุนเหยาก็ย้ำเตือนเขาให้ลองสำรวจดูความสามารถอื่นๆของมัน
จี้เทียนซิงพยักหน้าและอัดพลังลมปราณเข้าไปในอาภรณ์อีกครั้ง และด้วยการสะบัดแขนอย่างเบาบาง
คมมีดสีทองก็แผ่พุ่งออกมา
"ปึง ! ปึง ! ปึง !"
ท่ามกลางเสียงเสียดผ่านอากาศ พื้นหินแข็งก็ถูกแยกออกเป็นลำธารขนาดใหญ่
เศษหินดินทรายกระจายคลุ้งไปทั่ว
เพียงการโจมตีออกไปมั่วๆซั่วๆก็ทรงพลังถึงเพียงนี้
ของวิเศษชิ้นนี้ทำให้เขาทั้งตื่นเต้นดีใจและพึงพอใจมาก
เขาพยายามศึกษามันต่ออีกครู่หนึ่ง
แต่หลังจากใช้พลังลมปราณไปมากก็ยังไม่พบความสามารถอื่นใด
เขาหยุดมือและกล่าวว่ากับหยุนเหยาว่า
"อ่อ จริงด้วยศิษย์พี่
เมื่อครู่นี้ข้าเห็นบางอย่างคล้ายๆสระน้ำอยู่ด้านหลังรูปปั้นเทพกระบี่"
หยุนเหยาเลิกคิ้วเรียวงามขึ้นทันทีและถามด้วยความสงสัยว่า
"สระ ? แต่ตอนที่พวกเราเข้ามา
ข้าแผ่สัมผัสญาณออกไปตรวจสอบดูแล้ว ไม่พบว่ามีสระน้ำอย่างที่เจ้าว่า”
"เช่นนั้นก็ไปดูให้เห็นกับตากันเถอะ"
กล่าวจบเขาก็เดินนำหยุนเหยาเข้าไปในห้องโถงลึก
หนุ่มสาวทั้งสองเดินไปได้ราวๆหนึ่งร้อยก้าวก็พบสระน้ำสีดำทรงสี่เหลี่ยมบนพื้นราบ
สระน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยน้ำที่ส่องแสงสีฟ้าจางๆ
มันไร้การเคลื่อนไหวและไม่มีพลังใดๆแผ่ซ่านออกมา
แต่ตรงกลางสระมีใบบงกชสีขาวเทาใบใหญ่ลอยอยู่
ดอกบงกชนั้นจับกลุ่มกันแน่นหนาและมีสีเทาขาว
ก่อให้เกิดบรรยากาศอันลึกลับชนิดหนึ่งขึ้น
จี้เทียนซิงและหยุนเหยายืนอยู่ข้างสระน้ำ ดวงตาสองคู่จ้องมองไปที่สระน้ำอย่างถี่ถ้วน
นางตกตะลึงและถามด้วยความสงสัยว่า "แปลก
สัมผัสของข้าตรวจไม่พบสระน้ำแห่งนี้มาก่อนเลย......
หรือว่ามันเพิ่งปรากฏขึ้นหลังจากรูปปั้นเทพกระบี่ถล่มลงมางั้นหรือ ?"
จี้เทียนซิงมองไปที่มุมทั้งสี่ของสระน้ำซึ่งทั้งหมดเป็นแผ่นพื้นเคลื่อนไหวและมีร่องรอยของการเสียดสีกัน
จากนั้นพยักหน้ากล่าวว่า “คงเป็นกลไกบางชนิด
มันจะปรากฏขึ้นหลังจากรูปปั้นเทพกระบี่พังทลาย"
"ศิษย์พี่ใหญ่
ท่านไม่คิดหรือว่าใบบงกชในสระพวกนั้นแปลกๆหรือ ?"
หยุนเหยาจ้องมองไปที่ใบบงกชที่เบ่งบานอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้ากล่าวว่า
"แปลกอย่างที่เจ้าว่าจริงๆด้วย
ใบของมันเหมือนถูกแกะสลักจากหิน มันไม่มีรากอยู่ข้างใต้แต่กลับลอยบนผิวน้ำได้..."
"น้ำในสระนี้ต้องมีอะไรชอบมาพากลแน่"
จี้เทียนซิงพยักหน้าและก้าวเท้าไปที่สระ
แผ่สัมผัสญาณออกไปในนั้นและพบว่าน้ำในสระนี้สามารถปิดกั้นการตรวจสอบของสัมผัสญาณได้
มันทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมภายในสระได้เลย
ในขณะที่เขาเดินเข้าไปมองใกล้ๆใบบงกชในสระ
ทันใดนั้นแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นทันที
ลำแสงสีทองนั้นส่องประกายจากก้นของสระน้ำในฉับพลัน
แสงกลุ่มนั้นถูกหักเหด้วยน้ำในสระและเปล่งแสงเจิดจ้าหลายร้อยสายออกมา
ดูงดงามเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นจากก้นสระและทำให้ทั่วทั้งสระสั่นสะเทือนเล็กน้อย
จี้เทียนซิงและหยุนเหยามีประสบการณ์มาก่อนและคาดเดาได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งสองถอยห่างจากสระน้ำอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นสระน้ำที่เคยไร้การเคลื่อนไหวได้ปรากฏกระแสน้ำวนขึ้น
น้ำสีฟ้าซีดในสระถูกกลืนกินโดยกระแสน้ำวนและทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงสิบลมหายใจ น้ำในสระส่วนใหญ่ก็ถูกกลืนลงไป
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือใบบงกชสีเทาขาวและดอกของมันกลับยังคงลอยอยู่กลางอากาศ !
ดวงตาของจี้เทียนซิงและหยุนเหยาจับจ้องไปที่ใบบงกชและดอกบัว ในไม่ช้า น้ำทั้งหมดในสระก็ถูกกลืนหายไปหมดสิ้น
สระน้ำกลายเป็นหลุมมืด, ลึกและไม่มีเสียงดังกระทบโสตให้ได้ยิน
ใบบงกชและดอกบัวตูมยังคงลอยอยู่กลางอากาศ มันสั่นสะเทือนเล็กน้อย
จากนั้นก็มีเสียงแตกดัง ‘แกร่ก’ ขึ้น
ใบบงกชขนาดใหญ่กว่าสองเมตรจู่ๆก็แตกสลายกลายเป็นเศษหินนับไม่ถ้วนและตกลงไปในหลุมลึกก้นสระ
หลังจากที่หินทั้งหมดหลุดลอกออกไป ตาดอกไม้สีทองที่มีขนาดเท่ากำปั้นได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง มันส่องแสงสีทองอร่ามเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
ในขณะที่แสงสีทองเริ่มส่องแสงระยิบระยับมากขึ้นและมากขึ้น ตาดอกไม้สีทองก็ผลิบานและขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ประดุจดั่งกลีบกุหลาบสีทองนับสิบดอกที่กำลังเบ่งบาน
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาเพ่งสายตามองไปยังดอกบัวสีทองที่กำลังบานสะพรั่ง
จนกระทั่งมันบานเต็มที่
พวกเขาก็ได้เห็นแกนกลางของมันที่มีลูกปัดสีเงินขนาดเท่าหัวแม่มือเม็ดหนึ่งวางอยู่ !
ต่อให้แสงสีทองจากการเบ่งบานของดอกบัวทองจะแพรวพราวเจิดจ้าเพียงใดก็ยังมิอาจปกปิดรัศมีแสงแห่งดวงดาราของลูกปัดสีเงินเม็ดเล็กๆนี้ได้
มันแผ่ซ่านกลิ่นอายอันลี้ลับและงดงามออกมาอย่างไม่ขาดสาย !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved