ตอนที่ 70

กฏเกณฑ์ในการทำลายค่ายกล

เกี่ยวกับค่ายกลและข่ายอาคมนั้น

จี้เทียนซิงคุ้นชินมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีอะไรแปลกหูแปลกตาสำหรับเขา

สืบเนื่องจากตระกูลจี้เป็นตระกูลขุนนางผู้หลอมสร้างอาวุธและการสร้างอาวุธมักจะมีการวางข่ายอาคมไว้ด้วยเช่นกัน  ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้และเชี่ยวชาญไม่น้อย

เขายืนอยู่ริมขอบข่ายอาคมอย่างเงียบสงบเพื่อสังเกตที่พื้นและรูปหล่อสำริดทั้ง

16  เขาพยายามหาวิธีทำลายมัน

บนพื้นปูด้วยหินชนวนสีดำหลายพันแผ่น

พวกมันทั้งแบนและเรียบ ไร้ซึ่งความแตกต่างใดๆ

จี้เทียนซิงมุ่งความสนใจไปที่รูปหล่อสำริด เขาสังเกตพวกมันอยู่ครู่หนึ่งและได้พบกฎเกณฑ์บางอย่าง

รูปร่างของพวกมันคล้ายคลึงกัน

แต่ในอาวุธในมือกลับแตกต่าง ยิ่งไปกว่านั้นระยะการโจมตีของพวกมันคือห้าเมตร

ตราบเท่าที่มีผู้บุกรุกก้าวเท้าเข้าไปในระยะนี้จะถูกโจมตีทันที

พวกมันเดินไปเดินมาบน

'กระดานหมากรุก' แม้จะดูเหมือนจะสะเปะสะปะไม่มีแบบแผน

แต่ความจริงแล้วมันมีกฎของมันบางประการ

สิ่งสำคัญที่สุดคือจี้เทียนซิงได้ค้นพบว่า

บนหน้าอกของพวกมันแต่ละตัวจะมีกระจกสีบรอนซ์

กระจกเหล่านั้นล้วนถูกจารึกไว้ด้วยตัวอักษร

!

บ้างก็จารึกอักษรคำว่าทอง

บ้างก็ไม้ บ้างก็น้ำ ไปจนถึงไฟกับดิน นอกจากคำห้าคำแล้วก็มีท้องฟ้า ปฐพีและมนุษย์

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้  เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่าคำใบ้ที่จารึกไว้บนกระจกอาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายค่ายกลนี้

“ท้องฟ้า, ปฐพี

, มนุษย์และทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, รวมทั้งหมดเป็นแปดคำ”

“รูปปั้นสำริดมีทั้งหมด 16 ตัว และทุกๆสองตัวจะมีอักษรจากคำทั้งแปดที่เหมือนกัน ... สิ่งนี้มีอะไรลึกลับซ่อนอยู่หรือเปล่านะ

?”

ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงมุ่งเน้นไปที่แนวทางการเคลื่อนไหวของรูปปั้นสำริดทั้งหมด

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ

รูปปั้นสำริดที่มีคำว่า

‘ทอง’ อยู่บนหน้าอก

เดินอย่างไร้จุดหมายบนกระดานหมากรุก

อีกด้านหนึ่งของเส้นทาง

รูปปั้นที่มีคำว่าถนนมีแผ่นโลหะที่มีคำว่า 'ท้องฟ้า' เดินผ่านตัวที่มีคำว่า ‘ทอง’

อย่างไรก็ตาม

เมื่อคำว่า 'ทอง' เผชิญหน้ากับ

‘ทอง’ อีกตัวหนึ่ง

พวกมันทั้งสองหันหลังกลับและเดินต่อไป

เมื่อเห็นฉากนี้จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวพึมพำเงียบๆ

“ทอง ไม่มีปฏิกิริยาต่อท้องฟ้า ดังนั้นพวกมันทั้งสองจึงเดินผ่านกันไปเลยและไม่มีการตอบสนอง”

“แต่รูปปั้นสองตัวที่มีคำว่าทองเหมือนกันมาเจอกัน

พวกมันหันหลังกลับและแยกกันเดินไปคนละทาง....  หรือว่าอักษรเหมือนกันจะไม่สามารถอยู่ใกล้กันได้

?”

จี้เทียนซิงจมอยู่กับความคิดนี้และจับจ้องการเคลื่อนไหวของรูปปั้นสำริดอีกครั้ง

จากนั้นไม่นานก็พบว่า

รูปปั้นที่มีคำว่าท้องฟ้ากำลังเดินมาเจอกันท้องฟ้าอีกตัว

ผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่จี้เทียนซิงคาดเดา

พวกมันทั้งสองหันหลังกลับและแยกย้ายกันไป

การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจและเผยรอยยิ้มออกมา

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ไม่รู้ว่าถ้าสองคำที่เหมือนกันเกิดชนกันเข้าจะเกิดอะไรขึ้น”

จี้เทียนซิงคิดที่จะลองดูอีกครั้ง  เขาก้าวเท้าเข้าสู่ค่ายกลและเดินไปข้างหน้า

เมื่อมาถึงจุดนึง

รูปปั้นสำริดที่อยู่ทางซ้ายมือของเขาก็กำลังมุ่งหน้ามาและเข้าประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว

รูปปั้นตัวนี้มีอักษรคำว่า น้ำ อยู่บนหน้าอก

จี้เทียนซิงตอนนี้อยู่ห่างจากมันเพียงห้าเมตร

ซึ่งเป็นระยะโจมตีเป้าหมายของมัน

ทันใดนั้นมันก็แทงหอกยาวออกมาหาชายหนุ่มทันที

"ฟุ่บ !"

หอกยาวในมือของมันเต็มไปด้วยพลังและความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

มันแทงผ่านอากาศจนเกิดรอยแหวกเป็นทาง

จี้เทียนซิงไม่ได้สนใจมัน

เขาวิ่งต่อไปข้างหน้าไม่หยุด

รูปปั้นสำริดน้ำรีบไล่ตามไปทันที

เท้าคู่ใหญ่สีบรอนซ์ของมันย่ำอย่างหนักไปที่พื้นจนเกิดเสียงทื่อดัง ‘ตึง ตึง ตึง !’

จี้เทียนซิงวิ่งหนีด้วยพลังเต็มที่

แต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รูปปั้นสำริดตัวอื่นๆเพื่อหาคำว่า ‘น้ำ’ อีกตัวหนึ่ง

เขาต้องการที่จะทดสอบดูว่า

หากสองคำมารวมกันจะเกิดอะไรขึ้น

ในที่สุดเขาก็พบตัวที่มีคำว่าน้ำอยู่ข้างหน้าไม่ไกล  แต่คำว่าน้ำข้างหลังก็กำลังแทงหอกยาวเข้าหาเขาเช่นกัน

ในช่วงวิกฤต

เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมาและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อไปหารูปปั้นสำริดน้ำข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน

รูปปั้นสำริดน้ำข้างหน้าก็ชักออกมาอาวุธทันที ทำให้ตอนนี้เขาถูกโจมตีเข้าหาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

หากประมาทเพียงน้อยนิดเขาจะบาดเจ็บสาหัสทันที !

อย่างไรก็ตาม

รูปปั้นน้ำทั้งสองก็อยู่ห่างกันไม่ถึงสิบเมตร

หากพุ่งเข้ามาพร้อมกันแบบนี้พวกมันก็หลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ทันแน่นอน

จี้เทียนซิงเผยสีหน้าจริงจังและตัดสินใจในทันที

“ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยน !”

เขาปะทุปราณกระบี่

4 สายและชักนำพวกมันด้วยสองมือ  ควบแน่นเป็นตาข่ายกระบี่เพื่อปกป้องตัวเอง

“ตึง !”

เสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังขึ้นไม่ไกลและรูปปั้นน้ำทั้งสองก็พุ่งเข้ามาอย่างดุดัน

ตัวหนึ่งถือหอกอีกตัวถือค้อนยักษ์และมุ่งเป้ามาหาชายหนุ่ม

ในเวลานี้ระหว่างเอง

พวกมันอยู่ห่างกันประมาณ 6 เมตรโดยมีชายหนุ่มคั่นกลาง

หอกยาวและค้อนยักษ์กระแทกมาในเวลาเดียวกันเข้าใส่ตาข่ายกระบี่

“เคร้ง !!”

หลังจากเกิดเสียงระเบิดของการปะทะ

ข่ายกระบี่ก็ถูกทุบและปราณกระบี่ก็กระจัดกระจายไปทั่ว

เมื่อจี้เทียนซิงเห็นว่าระยะห่างของพวกมันเหลือเพียง

4 เมตรเท่านั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ

“ตอนนี้แหละ !”

เขาแค่นเสียงต่ำและกระโดดหลบฉากออกไปด้านข้างทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีระลอกที่สองของหอกยาวและค้อนยักษ์

"ปง !!"

ความเร็วของรูปปั้นน้ำทั้งสองนั้นเร็วเกินไปจนพวกมันไม่อาจรั้งการโจมตีกลับได้ทัน

พวกมันปะทะและซัดการโจมตีใส่กันเองทันที ผลออกมาจึงเกิดเสียงระเบิดขึ้น

ในตอนนั้นเองฉากที่น่าอัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้น

หลังจากการปะทะกันของรุปปั้นน้ำทั้งสอง

พวกมันก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาทันที!

จี้เทียนซิงที่ล้มลงกับพื้นหันหลังกลับไปมองฉากอันเหลือเชื่อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

และทันใดนั้นก็เขาก็เผยรอยยิ้มขึ้น

“หลังจากพวกมันสัมผัสกัน..

หากเป็นตัวอักษรเดียวกันก็จะหายไปทันที !”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ !  นี่คือวิธีทำลายค่ายกลลวงตา !”

จี้เทียนซิงกล่าวด้วยความดีใจ

ในเวลาเดียวกันรูปปั้นสำริดอีกสองตัวที่อยู่ในระยะ

5 เมตรก็เข้ามาหาเขาทันที พวกมันชักดาบปลายแหลมเป็นกระบองหนาม หมายจะโจมตีเขา

แต่ทว่า

จี้เทียนซิงที่พบวิธีรับมือก็ไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อย

เขามองไปที่กระจกตรงหน้าอกพวกมันที่จารึกอักษรว่าไฟกับปฐพี

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อหาตัวอักษรซ้ำ

รูปปั้นไฟกับปฐพีตามติดไม่ลดละและพยายามเปิดการโจมตีอย่างรุนแรง

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็พบเป้าหมาย

เขาล่อพวกมันไปใกล้ๆจากนั้นก็กระโดดหลบไปด้านข้างให้พวกมันโจมตีกันเองตามวิธีการเดิม

เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพวกมันก็โจมตีกันเองจนหายไปเหมือนครั้งแรก