กฏเกณฑ์ในการทำลายค่ายกล
เกี่ยวกับค่ายกลและข่ายอาคมนั้น
จี้เทียนซิงคุ้นชินมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีอะไรแปลกหูแปลกตาสำหรับเขา
สืบเนื่องจากตระกูลจี้เป็นตระกูลขุนนางผู้หลอมสร้างอาวุธและการสร้างอาวุธมักจะมีการวางข่ายอาคมไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้และเชี่ยวชาญไม่น้อย
เขายืนอยู่ริมขอบข่ายอาคมอย่างเงียบสงบเพื่อสังเกตที่พื้นและรูปหล่อสำริดทั้ง
16 เขาพยายามหาวิธีทำลายมัน
บนพื้นปูด้วยหินชนวนสีดำหลายพันแผ่น
พวกมันทั้งแบนและเรียบ ไร้ซึ่งความแตกต่างใดๆ
จี้เทียนซิงมุ่งความสนใจไปที่รูปหล่อสำริด เขาสังเกตพวกมันอยู่ครู่หนึ่งและได้พบกฎเกณฑ์บางอย่าง
รูปร่างของพวกมันคล้ายคลึงกัน
แต่ในอาวุธในมือกลับแตกต่าง ยิ่งไปกว่านั้นระยะการโจมตีของพวกมันคือห้าเมตร
ตราบเท่าที่มีผู้บุกรุกก้าวเท้าเข้าไปในระยะนี้จะถูกโจมตีทันที
พวกมันเดินไปเดินมาบน
'กระดานหมากรุก' แม้จะดูเหมือนจะสะเปะสะปะไม่มีแบบแผน
แต่ความจริงแล้วมันมีกฎของมันบางประการ
สิ่งสำคัญที่สุดคือจี้เทียนซิงได้ค้นพบว่า
บนหน้าอกของพวกมันแต่ละตัวจะมีกระจกสีบรอนซ์
กระจกเหล่านั้นล้วนถูกจารึกไว้ด้วยตัวอักษร
!
บ้างก็จารึกอักษรคำว่าทอง
บ้างก็ไม้ บ้างก็น้ำ ไปจนถึงไฟกับดิน นอกจากคำห้าคำแล้วก็มีท้องฟ้า ปฐพีและมนุษย์
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่าคำใบ้ที่จารึกไว้บนกระจกอาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายค่ายกลนี้
“ท้องฟ้า, ปฐพี
, มนุษย์และทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, รวมทั้งหมดเป็นแปดคำ”
“รูปปั้นสำริดมีทั้งหมด 16 ตัว และทุกๆสองตัวจะมีอักษรจากคำทั้งแปดที่เหมือนกัน ... สิ่งนี้มีอะไรลึกลับซ่อนอยู่หรือเปล่านะ
?”
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงมุ่งเน้นไปที่แนวทางการเคลื่อนไหวของรูปปั้นสำริดทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ
รูปปั้นสำริดที่มีคำว่า
‘ทอง’ อยู่บนหน้าอก
เดินอย่างไร้จุดหมายบนกระดานหมากรุก
อีกด้านหนึ่งของเส้นทาง
รูปปั้นที่มีคำว่าถนนมีแผ่นโลหะที่มีคำว่า 'ท้องฟ้า' เดินผ่านตัวที่มีคำว่า ‘ทอง’
อย่างไรก็ตาม
เมื่อคำว่า 'ทอง' เผชิญหน้ากับ
‘ทอง’ อีกตัวหนึ่ง
พวกมันทั้งสองหันหลังกลับและเดินต่อไป
เมื่อเห็นฉากนี้จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวพึมพำเงียบๆ
“ทอง ไม่มีปฏิกิริยาต่อท้องฟ้า ดังนั้นพวกมันทั้งสองจึงเดินผ่านกันไปเลยและไม่มีการตอบสนอง”
“แต่รูปปั้นสองตัวที่มีคำว่าทองเหมือนกันมาเจอกัน
พวกมันหันหลังกลับและแยกกันเดินไปคนละทาง.... หรือว่าอักษรเหมือนกันจะไม่สามารถอยู่ใกล้กันได้
?”
จี้เทียนซิงจมอยู่กับความคิดนี้และจับจ้องการเคลื่อนไหวของรูปปั้นสำริดอีกครั้ง
จากนั้นไม่นานก็พบว่า
รูปปั้นที่มีคำว่าท้องฟ้ากำลังเดินมาเจอกันท้องฟ้าอีกตัว
ผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่จี้เทียนซิงคาดเดา
พวกมันทั้งสองหันหลังกลับและแยกย้ายกันไป
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจและเผยรอยยิ้มออกมา
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ไม่รู้ว่าถ้าสองคำที่เหมือนกันเกิดชนกันเข้าจะเกิดอะไรขึ้น”
จี้เทียนซิงคิดที่จะลองดูอีกครั้ง เขาก้าวเท้าเข้าสู่ค่ายกลและเดินไปข้างหน้า
เมื่อมาถึงจุดนึง
รูปปั้นสำริดที่อยู่ทางซ้ายมือของเขาก็กำลังมุ่งหน้ามาและเข้าประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว
รูปปั้นตัวนี้มีอักษรคำว่า น้ำ อยู่บนหน้าอก
จี้เทียนซิงตอนนี้อยู่ห่างจากมันเพียงห้าเมตร
ซึ่งเป็นระยะโจมตีเป้าหมายของมัน
ทันใดนั้นมันก็แทงหอกยาวออกมาหาชายหนุ่มทันที
"ฟุ่บ !"
หอกยาวในมือของมันเต็มไปด้วยพลังและความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
มันแทงผ่านอากาศจนเกิดรอยแหวกเป็นทาง
จี้เทียนซิงไม่ได้สนใจมัน
เขาวิ่งต่อไปข้างหน้าไม่หยุด
รูปปั้นสำริดน้ำรีบไล่ตามไปทันที
เท้าคู่ใหญ่สีบรอนซ์ของมันย่ำอย่างหนักไปที่พื้นจนเกิดเสียงทื่อดัง ‘ตึง ตึง ตึง !’
จี้เทียนซิงวิ่งหนีด้วยพลังเต็มที่
แต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รูปปั้นสำริดตัวอื่นๆเพื่อหาคำว่า ‘น้ำ’ อีกตัวหนึ่ง
เขาต้องการที่จะทดสอบดูว่า
หากสองคำมารวมกันจะเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดเขาก็พบตัวที่มีคำว่าน้ำอยู่ข้างหน้าไม่ไกล แต่คำว่าน้ำข้างหลังก็กำลังแทงหอกยาวเข้าหาเขาเช่นกัน
ในช่วงวิกฤต
เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมาและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อไปหารูปปั้นสำริดน้ำข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน
รูปปั้นสำริดน้ำข้างหน้าก็ชักออกมาอาวุธทันที ทำให้ตอนนี้เขาถูกโจมตีเข้าหาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
หากประมาทเพียงน้อยนิดเขาจะบาดเจ็บสาหัสทันที !
อย่างไรก็ตาม
รูปปั้นน้ำทั้งสองก็อยู่ห่างกันไม่ถึงสิบเมตร
หากพุ่งเข้ามาพร้อมกันแบบนี้พวกมันก็หลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ทันแน่นอน
จี้เทียนซิงเผยสีหน้าจริงจังและตัดสินใจในทันที
“ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยน !”
เขาปะทุปราณกระบี่
4 สายและชักนำพวกมันด้วยสองมือ ควบแน่นเป็นตาข่ายกระบี่เพื่อปกป้องตัวเอง
“ตึง !”
เสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังขึ้นไม่ไกลและรูปปั้นน้ำทั้งสองก็พุ่งเข้ามาอย่างดุดัน
ตัวหนึ่งถือหอกอีกตัวถือค้อนยักษ์และมุ่งเป้ามาหาชายหนุ่ม
ในเวลานี้ระหว่างเอง
พวกมันอยู่ห่างกันประมาณ 6 เมตรโดยมีชายหนุ่มคั่นกลาง
หอกยาวและค้อนยักษ์กระแทกมาในเวลาเดียวกันเข้าใส่ตาข่ายกระบี่
“เคร้ง !!”
หลังจากเกิดเสียงระเบิดของการปะทะ
ข่ายกระบี่ก็ถูกทุบและปราณกระบี่ก็กระจัดกระจายไปทั่ว
เมื่อจี้เทียนซิงเห็นว่าระยะห่างของพวกมันเหลือเพียง
4 เมตรเท่านั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ
“ตอนนี้แหละ !”
เขาแค่นเสียงต่ำและกระโดดหลบฉากออกไปด้านข้างทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีระลอกที่สองของหอกยาวและค้อนยักษ์
"ปง !!"
ความเร็วของรูปปั้นน้ำทั้งสองนั้นเร็วเกินไปจนพวกมันไม่อาจรั้งการโจมตีกลับได้ทัน
พวกมันปะทะและซัดการโจมตีใส่กันเองทันที ผลออกมาจึงเกิดเสียงระเบิดขึ้น
ในตอนนั้นเองฉากที่น่าอัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้น
หลังจากการปะทะกันของรุปปั้นน้ำทั้งสอง
พวกมันก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาทันที!
จี้เทียนซิงที่ล้มลงกับพื้นหันหลังกลับไปมองฉากอันเหลือเชื่อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
และทันใดนั้นก็เขาก็เผยรอยยิ้มขึ้น
“หลังจากพวกมันสัมผัสกัน..
หากเป็นตัวอักษรเดียวกันก็จะหายไปทันที !”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ! นี่คือวิธีทำลายค่ายกลลวงตา !”
จี้เทียนซิงกล่าวด้วยความดีใจ
ในเวลาเดียวกันรูปปั้นสำริดอีกสองตัวที่อยู่ในระยะ
5 เมตรก็เข้ามาหาเขาทันที พวกมันชักดาบปลายแหลมเป็นกระบองหนาม หมายจะโจมตีเขา
แต่ทว่า
จี้เทียนซิงที่พบวิธีรับมือก็ไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
เขามองไปที่กระจกตรงหน้าอกพวกมันที่จารึกอักษรว่าไฟกับปฐพี
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อหาตัวอักษรซ้ำ
รูปปั้นไฟกับปฐพีตามติดไม่ลดละและพยายามเปิดการโจมตีอย่างรุนแรง
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็พบเป้าหมาย
เขาล่อพวกมันไปใกล้ๆจากนั้นก็กระโดดหลบไปด้านข้างให้พวกมันโจมตีกันเองตามวิธีการเดิม
เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพวกมันก็โจมตีกันเองจนหายไปเหมือนครั้งแรก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved