ตอนที่ 193

ข้าลุยเอง

!

จี้เทียนซิงกับลู่หมิงหยางหันไปมองหน้ากันโดยมิได้รีบร้อนขึ้นเวที

ส่วนทางด้านของนิกายกระบี่ฟ้า ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสคุมกฎ

พ่อบ้านรวมไปถึงเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็เผยรอยยิ้มหยอกเย้าที่มั่นอกมั่นใจ

พวกฮั่งเชินทั้งสามคนไม่จำเป็นต้องพูดคุยนัดแนะใดๆให้มากความ

พวกมันตัดสินใจจัดลำดับการประลองได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อสิ้นเสียงของอาวุโสต่ง

หยานตงไหลที่มีระดับพลังอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งสามก็เดินออกไปยืนกลางเวทีมังกรจันทร์

อาวุโสถังของฝ่ายนิกายกระบี่ฟ้าประกาศขึ้นในทันที

“รอบแรก

หยานตงไหลจากนิกายกระบี่ฟ้าเป็นตัวแทนเข้าร่วมการต่อสู้”

ชูไฮว่ซานหันไปมองจี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางเพื่อรอคอยให้พวกมันตัดสินใจกันเองว่าใครจะลงประลองก่อน

ลู่หมิงหยางที่เห็นว่าหยานตงไหลลงประลองเป็นคนแรกก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาทันทีและรีบกล่าวกับจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็วว่า

“ให้ข้าลุยเองไอ้น้อง !”

ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ยอมให้จี้เทียนซิงเอ่ยปากและชิงมุ่งหน้าไปกลางเวทีอย่างรวดเร็ว

ชูไฮว่ซานประกาศเสียงดังขึ้นมาทันทีว่า

“รอบแรก นิกายพันธมิตรสวรรค์ขอส่งลู่หมิงหยางลงประลอง”

จากนั้นชูไฮว่ซานและอาวุโสถังก็ล่าถอยไปยืนอยู่ที่ขอบเวทีและจ้องมองไปยังศิษย์ทั้งสองกลางสนาม

หยานตงไหลกุมกระบี่และยืนกอดอกอย่างเยือกเย็น  มันเผยยิ้มยียวนพลางจ้องมองไปที่ลู่หมิงหยางอย่างมีเลศนัยและกล่าวว่า

“ศิษย์น้องลู่หมิงหยาง พวกเราได้พบหน้ากันอีกแล้ว”

“เฮอะ !

ลู่หมิงหยางแค่นเสียงและเผยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

มันขี้เกียจเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับหยานตงไหลและหยิบลูกบอลสีเงินออกมาอย่างรวดเร็ว

มันถือลูกบอลสีเงินไว้บนฝ่ามือและอัดพลังปราณอันแก่กล้าเข้าไป

วู้ม  !

ทันใดนั้นลูกบอลเงินก็ส่องแสงสีเงินอันวาววับและเปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนชุดเกราะสีเงินพัวพันไปทั่วร่างของมัน

ชุดเกราะนี้ไม่เพียงแค่ห่อหุ้มร่างกายส่วนบนของมันเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงรองเท้าและกลายเป็นหมวกรบที่ปกคลุมมิดชิดดุจนักรบโบราณ

!

แม้กระทั่งดวงตาที่มองลอดจากหมวกเกราะก็ยังมีม่านแสงสีเงินจางๆที่คอยปกป้องดวงตาเอาไว้อีกด้วย

ในชั่วพริบตาลู่หมิงหยางก็เป็นดั่งยักษ์สีเงินที่สูงเกือบสองเมตร

!

เมื่อเห็นภาพนี้เหล่าศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์กลับไม่ได้รู้สึกถึงความฮึกเหิมยิ่งใหญ่แม้แต่น้อย   สีหน้าของพวกมันทุกคนดูแปลกพิลึก...

สารรูปที่เปลี่ยนไปของลู่หมิงหยางทำให้คนของนิกายกระบี่ฟ้าระเบิดเสียงหัวเราะร่าออกมาพร้อมกับกุมท้องเอนตัวไปข้างหน้าด้วยความขบขัน

แม้แต่พ่อบ้านและอาวุโสคุมกฎก็ยังอดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะแผ่วเบาออกมา

หยานตงไหลกลั้นหัวเราะ

มันอดไม่ได้ที่จะยิ้มหยามพลางมองไปที่ลู่หมิงหยางด้วยความสมเพช

จากนั้นก็กล่าวล้อเลียนว่า “ฮ่ะๆ ศิษย์น้องลู่

เจ้าเตรียมตัวมาได้ดีเยี่ยมจริงๆ !”

“เห็นเจ้ากลายร่างเป็นนักรบยักษ์สีเงินที่น่าเกรงขามเช่นนี้

ข้าล่ะกลัวจนแข้งขาสั่นยืนแทบไม่ไหวแล้ว

ไม่ไหวๆ..... สงสัยข้าต้องขอยอมแพ้ซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ......"

ลู่หมิงหยางรู้ดีว่าทุกคนกำลังหัวเราะเยาะ

แต่มันก็กล้ำกลืนความอัปยศอดสูและชักกระบี่สีทองออกมา

ดวงตาจ้องเขม็งไปที่หยานตงไหลและคำรามออกมาว่า

“ศิษย์พี่หยาน

อย่าได้โอหังให้มากนัก พวกเรามารบมิได้มาพล่าม เข้ามาเลยเซ่ ! ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้าเจ๋งแค่ไหน !”

“ย่อมได้”

เช้ง

!

หยานตงไหลก็ชักกระบี่สีดำจากกลางหลังด้วยเจตนาต่อสู้อันแรงกล้าจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ทั่วท้อง

“ศิษย์น้องลู่ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว !”

“เพลงกระบี่เจ็ดสังหารที่ข้าสำแดงกลางจตุรัสในวันนั้นเป็นเพียงกระบวนท่าแรกเริ่ม

บัดนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นเพลงกระบี่เจ็ดสังหารที่แท้จริง !”

ฟุ่บ

!

เมื่อเสียงลดลงหยานตงไหลก็พุ่งเข้าหาลู่หมิงหยางด้วยสองมือที่กุมกระบี่พลางคำรามออกมาด้วยเจตนาฆ่าฟัน

หนึ่ง สะบั้นกระดูก !

หยานตงไหลทะยานดิ่งใส่ลู่หมิงหยางพลางตวัดกระบี่ออกมา

คลื่นกระบี่สีดำที่ทุบกระแทกออกไปหาลู่หมิงหยางนี้ยาวเกือบสองเมตร

มันหอบหุ้มไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้ขุนเขาและสายน้ำต้องพินาศ

“มาได้ดี !”

ลู่หมิงหยางไม่ตื่นตระหนก  ขวัญกำลังใจของมันปะทุซ่านดังสายรุ้ง จากนั้นมันได้ตวัดกระบี่สาดซัดออกไปสามสาย

ป้ง  !!

คลื่นกระบี่ของทั้งสองปะทะเข้าหากันในทันทีและส่งเสียงอู้อี้แสบแก้วหูออกมา

คลื่นกระบี่สามสายของลู่หมิงหยางถูกทำลายด้วยคลื่นกระบี่ของหยานตงไหลในฉับพลัน

หยานตงไหลกระโจนเข้าใส่อีกคำรบพลางฟาดกระบี่กระแทกหาลู่หมิงหยาง

เจตนาฆ่าฟันทั่วร่างที่แผ่ซ่านออกมาเกือบจะควบแน่นกลายเป็นสายลม

สาม สังหารฤทัย !

ลำแสงกระบี่อันทรงพลังสามเส้นวาบผ่านและห่อหุ้มลู่หมิงหยางไว้

ณ จุดนนั้นทันที

เจตนาฆ่าฟันอันรุนแรงและพลานุภาพของเพลงกระบี่ที่น่าหวาดกลัวทำให้ดวงตาของลู่หมิงหยางสั่นระริกอย่างตื่นตระหนก  สีหน้าของมันกลายเป็นไม่น่าดู

น่าเสียดายที่มันใส่หมวกเกราะปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิดจนคนรอบข้างไม่อาจเห็นการแสดงออกของมันได้

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้มันล่าถอยไปวูบหนึ่งและควงลำแสงกระบี่ออกไปต้านทาน

เป้ง

เป้ง  เป้ง  !!

แสงกระบี่บนท้องฟ้าปะทะกันอย่างรุนแรง

เสียงอู้อี้แสบหูระเบิดออกมาอีกครั้ง

คลื่นกระบี่ของลู่หมิงหยางถูกทุบทำลายเป็นชิ้นอีกครั้งและแตกกระจายไปทั่ว

หยานตงไหลยิ่งลงมือยิ่งคึกคัก

เจตนาฆ่าฟันของมันเกรี้ยวกราดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเป็นเงาตามตัว  มันดีดปราดไปเบื้องหน้าดุจอุกกาบาตเข้าหาลู่หมิงหยางด้วยกลิ่นอายพลังอันไร้เทียมทาน

สี่ ดับวิญญาณ !

กระบี่สีดำตวัดออกอีกครั้ง

แผ่กระจายเป็นคลื่นกระบี่อันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวสี่สายซึ่งครอบคลุมไปทั่วร่างลู่หมิงหยาง

ลู่หมิงหยางมีระดับพลังอ่อนด้อยกว่าหยานตงไหล

มันรู้สึกตระหนกต่อเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรงของอีกฝ่ายจนไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆกับการโจมตีครั้งนี้

เมื่อเห็นคลื่นกระบี่สี่สายที่เปล่งประกายต่อหน้าเส้นแล้วเส้นเล่า

มันทำได้เพียงถอยร่นอย่างต่อเนื่องและเหวี่ยงกระบี่ไปมาก่อเกิดเป็นเส้นแสงคลื่นกระบี่สิบแปดสายเพื่อเข้าต้านรับอย่างหดหู่

เคร้ง !

หลังจากเสียงแสบแก้วหูระเบิดขึ้นอีกรอบ

คลื่นกระบี่ของลู่หมิงหยางก็ถูกทุบทำลายจนหมดสิ้น

คลื่นกระบี่สี่สายของหยานตงไหลก็หายไปสามสายเช่นกัน

แต่ทว่ากระบี่สายที่สี่ยังคงอยู่และในที่สุดก็ได้กระแทกเข้าใส่ชุดเกราะของลู่หมิงหยางเข้าเต็มๆ

“เคร้งงงงง !!”

หลังจากสิ้นเสียงตกกระทบ

ลู่หมิงหยางก็ถูกส่งให้บินออกไปไกลสามเมตรด้วยคลื่นกระบี่ชุดสุดท้ายของหยานตงไหล

ไหล่ซ้ายของเกราะเงินเผยให้เห็นร่องลึกอันน่าตกใจ

เห็นได้ชัดว่าเกราะเงินของลู่หมิงหยางได้รับความเสียหายแล้ว

โชคดีที่เกราะเงินช่วยลดทอนพลังโจมตีจนทำให้ลู่หมิงหยางไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

มันรีบลุกขึ้นยืนและหันไปมองที่ไหล่ซ้ายด้วยใบหน้าซีดขาวอย่างหวาดกลัว

ทว่าหยานตงไหลก็พุ่งออกไปตามติดอย่างต่อเนื่องด้วยเจตนาฆ่าฟัน

ลู่หมิงหยางอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบที่แผ่นหลังพลางคิดในใจ

"ระยำ ! ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้วะ ?!”

“นี่คือพลังที่แท้จริงของมันงั้นหรือ ?”

ในเวลาเดียวกันหยานตงไหลก็ทะยานมาถึงและฟาดคลื่นกระบี่ออกไปอีกห้าสาย

ห้า ทำลายพสุธา !!

ลู่หมิงหยางหลบเลี่ยงอย่างหมดท่าอีกครั้งพลางยกกระบี่ขึ้นต้าน

“เคร้ง.... เคร้ง !”

หลังจากเสียงแหลมระเบิดขึ้นอีกครั้งหลาย

ลู่หมิงหยางก็ถูกซัดกระเด็นจนกลิ้งตลบไปไกลถึงสี่เมตร

เกราะที่หน้าอกของมันถูกคว้านออกจนเป็นร่องลึก

มาถึงตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่าเพลงกระบี่เจ็ดสังหารที่หยานตงไหลบ่มเพาะนั้นเป็นวิชากระบี่ต่อสู้อันดุร้ายเพียงใด

เพลงกระบี่ชนิดนี้มุ่งเน้นที่สังหาร

มันไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าให้มากความ

มันคือการสังหารอย่างรวดเร็วและจะไม่หยุดจนกว่าจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้พินาศสิ้น

!

ยิ่งเร่งมากเท่าใดพลังทำลายและเจตนาฆ่าฟันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว  นอกจากนี้เพลงกระบี่ก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น

หก สังหารเบิกขุนเขา !

โดยไม่รีรอให้ลู่หมิงหยางได้มีโอกาสลุก

หยานตงไหลออกเพลงกระบี่ที่หกทันที

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลู่หมิงหยางไม่มีพลังพอที่จะหยุดยั้งกระบี่ที่หกได้อีกแล้ว  มันถูกกระแทกลอยละลิ่วไปอีกรอบ

ครั้งนี้ชุดเกราะสีเงินของมันเกิดร่องลึกขึ้นอีกสามรอยจนกลายเป็นบิดเบี้ยวผิดรูป

ถึงแม้สมบัติชิ้นนี้จะเป็นเกราะป้องระดับล้ำลึก

แต่กระบี่ดำของหยานตงไหลก็เป็นศัตราวุธระดับล้ำลึกเช่นกัน

สังหารที่เจ็ด สวรรค์บรรลัย !!