องค์ชายจี้หลิงลงสนาม
ว่านซือหลินรู้สึกหงุดหงิดกับความจองหองของจี้เทียนซิงจนไม่ออมพลังไว้อีกและปะทุพลังทั้งหมดฟาดฟันเป็นลำแสงกระบี่
8 สายออกมา
“8 กระบี่วายุคำราม !”
ลำแสงกระบี่
8 สายกระจายออกไปและทันใดนั้นสายลมอันรุนแรงก็กระหน่ำพัดเข้ามาในลานประลองจากนั้นก็มุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง
“เหอะ !”
เมื่อเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชากระบี่อันเกรี้ยวกราด
สีหน้าของจี้เทียนซิงก็ยังไม่แยแส ท่าร่างกระพริบถี่สามครั้งและล่าถอยออกไปร่วมสิบเมตรในพริบตา
เขาไม่เพียงแค่หลบหนีจากเคล็ดวิชาของว่านซือหลินได้เท่านั้น
แต่ยังย้ายไปอยู่ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายด้วย !
"มันจบแล้ว !"
จี้เทียนซิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชาและเหยียดมือขวาเข้าโจมตีที่หลังคอของว่านซือหลิน
ว่านซือหลินเพิ่งใช้เคล็ดวิชากระบี่ที่รุนแรงที่สุดออกไป
เขาไร้ซึ่งการป้องกันในช่วงเวลานี้
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของจี้เทียนซิงจากข้างหลัง เขาตื่นตระหนกจนรูม่านตาหดวูบ
ก่อนที่จะตอบสนองได้ทันเขาก็ถูกทุบเข้าที่หลังคอด้วยฝ่ามือของจี้เทียนซิง
"ปึก !"
เกิดเสียงดังขึ้นจากฝ่ามือของจี้เทียนซิง
เขาแผ่พุ่งพลังลมปราณออกมาเล็กน้อยและทำให้ว่านซือหลินหมดสติไป จากนั้นเขาก็เตะเข้ากลางหลังของอีกฝ่ายจนตกลงจากขอบเวที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
จี้เทียนซิงชนะแล้ว !
นับตั้งแต่เริ่มการประลองจนถึงตอนสุดท้าย
เขาไม่ได้ใช้กระบี่เลย
และใช้เพียงสามกระบวนท่าเท่านั้นหากนับการหลบหลีกเข้าไปด้วย
เขาเอาชนะจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สี่ได้อย่างง่ายดาย !
ในขณะนั้นเอง
ทั่วทั้งจตุรัสก็เงียบกริบ
ผู้คนนับหมื่นต่างตกตะลึงและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสายตาที่ไม่อาจทำใจเชื่อได้
ผลลัพธ์ที่ออกมาเหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
ฝูงชนในจัตุรัสก็ดึงสติกลับมาและระเบิดเสียงสนทนากันอย่างคึกโครม
“เป็นไปได้อย่างไร ? นี่ใช่จี้เทียนซิงชนชั้นปรับแต่งกายาขั้นที่สามเมื่อเดือนที่แล้วจริงหรือ
?!”
“บ้าชัดๆ
เวลาเพียงหนึ่งเดือนมันกลับฟื้นฟูพลังมายังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงได้ ไม่เพียงแค่ทำลายค่ายกลของนิกายหนุนสวรรค์ได้
แต่มันยังเอาชนะว่านซือหลินได้ด้วย 3 กระบวนท่า !?
นี่มันช่างเหลือเชื่อนัก
!”
“เจ้าเห็นหรือไม่ ? ที่สำคัญที่สุดคือจี้เทียนซิงไม่ได้ชักกระบี่เลยสักนิด
!”
“นั่นสิ...
ขนาดไม่ใช้อาวุธก็เอาชนะว่านซือหลินได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแล้ว...ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันอยู่ระดับใดกันแน่
?”
ก่อนหน้านี้ในจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงเยาะเย้ยถากถางจี้เทียนซิง
และเสียงผู้คนที่ฟันธงว่าชายหนุ่มไม่อาจเอาชนะว่านซือหลินได้ ซึ่งตอนนี้คนเหล่านั้นต่างก็หน้าแดงก่ำและรู้สึกอยากจะขุดรูหนี
ในเวลานี้ฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศผลการประลองออกมาเสียงดังว่า
ว่านซือหลินพ่ายแพ้ถูกคัดออก ส่วนจี้เทียนซิงชนะเข้ารอบ !
จี้เทียนซิงเดินลงจากลานประลองท่ามกลางสายตานับหมื่นคู่ของฝูงชนและกลับไปหาองค์หญิงน้อยจี้เค่อ
เมื่อนางได้เห็นเขาเอาชนะว่านซือหลินได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าเล็กๆก็กลายเป็นแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นยินดี “พี่ใหญ่เทียนซิง
ท่านน่าทึ่งนัก ! ฮิๆๆ…ท่านไม่เห็นสีหน้าของตัวโง่งมพวกนั้น
พวกมันตกตะลึงและตกใจกับความสามารถของท่านมาก !”
“ก่อนหน้านี้พวกมันเพิ่งหัวเราะเยาะว่าท่านไม่ประมาณตน
แต่ตอนนี้พวกมันแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนี ! พี่ใหญ่เทียนซิง
ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน !”
จี้เทียนซิงได้รับชัยชนะทำให้องค์หญิงน้อยจี้เค่อเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอิบและตื่นเต้น
เมื่อเห็นนางกุมมือของเขาและกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
จี้เทียนซิงก็เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “เอาล่ะๆ
พอแล้วเค่อเค่อ ยังเหลือการประลองรอบสองอยู่
หากเจ้าอยากเข้านิกายหนุนสวรรค์ก็ต้องชนะอีกรอบ
ทางที่ดีเจ้าควรรีบฟื้นฟูพลังเสียก่อนเถอะ”
“โอ้ ใช่ๆ” องค์หญิงน้อยพยักหน้าและเงียบลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็นั่งขัดสมาธิโคจรพลังเพื่อฟื้นฟูลมปราณ
ต่อมาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ก็ขึ้นไปประลองกันอีกหลายคู่
แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำให้จี้เทียนซิงต้องสนใจมากนัก
ดวงตาของเขากวาดมองผ่านองค์ชายจี้หลิง, เจี้ยนหวู่เซิงและวีรบุรุษคู่ดำขาว เขาไม่รู้ว่าพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่
จนในที่สุดการประลองครั้งสุดท้ายของรอบแรกก็เริ่มขึ้น
องค์ชายน้อยจี้หลิงเดินขึ้นมาบนลานประลองด้วยรอยยิ้มมั่นใจและยืนอย่างองอาจกลางเวที เหล่าผู้ชมรอบจัตุรัสที่ได้เห็นการปรากฏตัวขององค์ชายน้อยต่างก็ส่งเสียงเชียร์กระหึ่มด้วยความตื่นเต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาดรุณีแรกแย้มต่างก็แสดงความชื่นชมหลงใหลอย่างสุดซึ้ง
และตะโกนร้องเรียกโดยไม่สนภาพลักษณ์
ไม่ต้องสงสัยว่าชื่อเสียงขององค์ชายจี้หลิงนั้นโด่งดังเกินไป
เขาได้รับการยอมรับชื่นชนจากปวงชนว่าเป็นราชามากน้ำใจและสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อม
อีกทั้งยังมีความสามารถและปกครองประชาชนอย่างเป็นธรรม
ไม่ทราบว่ามีหญิงสาวมากน้อยเพียงใดที่ยินยอมพร้อมใจและตั้งความฝันว่าจะแต่งงานกับเขา
คู่ต่อสู้ของจี้หลิงก็คือฉีเชียนฟาน
อัจฉริยะอายุ 18 ปีที่มีความแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สาม
ถึงแม้จี้หลิงได้รับเสียงเชียร์ให้กำลังอย่างกึกก้อง แต่คุณสมบัติของฉีเชียนฟานก็นับว่าใช่ย่อยและไม่อาจดูถูกได้อย่างแน่นอน
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าองค์ชายจี้หลิงตันเถียนพิการแต่กำเนิด
และชั่วชีวิตนี้ถูกกำหนดให้มีพลังในระดับปรับแต่งกายาเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับดอกดาราแดงเมื่อไม่นานมานี้จนฟื้นฟูตันเถียนที่เสียหายและบ่มเพาะพลังมาถึงเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สองได้
แต่เป็นไปไม่ได้ที่ภายในเวลาสั้นๆจะขยับไปถึงขั้นที่สามซึ่งเป็นระดับเดียวกับฉีเชียนฟาน
!
นอกจากนี้ยังไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะบ่มเพาะพลังจากขั้นที่สองไปยังขั้นที่สามภายในเวลาครึ่งเดือน มันเป็นการขัดต่อสามัญสำนึกเกินไป !
ฉีเชียนฟานก็ทราบเรื่องนั้นดีและซึ่งความกริ่นเกรง
เขาชักกระบี่และโจมตีออกไปด้วยความมั่นใจ
“องค์ชายน้อย ล่วงเกินแล้ว !”
เช้ง
เช้ง เช้ง เช้ง !
จี้หลิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่แพรวพราวในทันทีและตกอยู่ในอันตราย
แต่ทว่า
สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อยนิด
มุมปากยังคงยกยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อแสงกระบี่ของฉีเชียนฟ่านมาถึงเบื้องหน้า
ดวงตาของเขาก็เปล่งแสงเย็นเยือกและชักกระบี่โต้กลับในทันใด
“เช้ง !”
พลังกระบี่ระเบิดออกและเกิดลำแสงกระบี่อันแหลมคมส่องอร่ามขึ้น
“เคร้ง !”
ลำแสงกระบี่ตัดผ่านอากาศและสยบลำแสงกระบี่สี่สายของฉีเชียนฟานด้วยความเร็วอันเหนือชั้นในพริบตา
ทุกคนต่างได้ยินเพียงเสียง
‘เช้ง’ เบาๆและจากนั้นเพลงกระบี่ของฉีเชียนฟานก็ถูกสยบอย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกัน
กระบี่ในมือขององค์ชายน้อยจี้หลิงก็พาดบนคอของฉีเชียนฟานโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
สีหน้ากลายเป็นแข็งทื่อ
ทุกคนที่อยู่รอบๆลานประลองต่างก็อ้าปากค้างและเงียบลง พวกเขาเบิกตากว้างเผยให้เห็นถึงสีหน้าอันเหลือเชื่อ
เสียงพูดคุยและเสียงเชียร์ทั้งหมดต่างหยุดชะงักกะทันหันด้วยความตกตะลึง
ไม่มีใครสามารถทำใจให้เชื่อได้ลงว่าความแข็งแกร่งขององค์ชายน้อยจี้หลิงจะมาถึงขีดขั้นนี้
!
เขาทำลายเพลงกระบี่ของฉีเชียนฟานได้อย่างง่ายดายและเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วมาก
!
ความสามารถของเขาถึงขนาดที่หยุดเพลงกระบี่ของจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สามได้ในพริบตา
ความแข็งแกร่งขององค์ชายจี้หลิงอยู่ในระดับใดกัน
?! เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สี่
หรือขั้นที่ห้า ? หรือว่าจะเป็นขั้นที่หก
…..?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนก็รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นลงด้วยความหวาดผวา
สีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความเคารพบูชาและคลั่งไคล้
วินาทีต่อมาฝูงชนก็ได้สติและโห่ร้องออกมาด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง
วิชากระบี่ขององค์ชายน้อยจี้หลิงเป็นดั่งเทพและทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก
!
ทั่วทั้งจตุรัสนั้นมีแต่เชียร์ดังกระหึ่มและเสียงซุบซิบสนทนาคาดเดาเกี่ยวกับระดับพลังที่แท้จริงขององค์ชายน้อยจี้หลิง
มีเพียงผู้เดียวที่ไม่สนใจก็คือจี้เทียนซิง
เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ดำทะมึนและมืดมน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved