!
จี้เทียนซิงได้ยืนขึ้นภายใต้ความสนใจของทุกคน
เขาจ้องไปที่หวังตงบนเวทีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พลันเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“หวังตง
เจ้าเอาความกล้าจากไหนมาท้าทายข้า ?"
"เป็นเพราะเจ้ามีอาวุธวิเศษ ? หรือมีความมั่นใดๆงั้นหรือ ?"
แม้จี้เทียนซิงจะพูดด้วยเสียงต่ำ แต่มันก็แพร่กระจายไปทั่วห้องโถงอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นแขกเหรื่อหลายร้อยคนในห้องโถงต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้เทียนซิงจะจองหองและกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน
ต้องอาศัยความมั่นอกมั่นใจแค่ไหนกันถึงกล้าเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้
?
สีหน้าของประมุขนิกายเจิ้นหวู่ไม่สู้ดีนัก ดวงตาที่มองไปยังจี้เทียนซิงดูมืดมนและเย็นชาไม่น้อย
หวังตงที่อยู่บนเวทีเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้า
คนตะโกนอย่างโกรธแค้นว่า
"จี้เทียนซิง
เจ้านี่มันอวดดีไม่จบไม่สิ้น"
จี้เทียนซิงก้าวช้าๆเดินไปกลางเวทีราวกับสายลม
ท่วงท่าเต็มไปด้วยความสงบ กล่าวต่อไปว่า “ข้าพูดเรื่องจริง
ไฉนเจ้าถึงคิดว่าข้าหยิ่งยโสอวดดี ?”
ฟุ่บ !
เมื่อสิ้นเสียงเขาก็พุ่งออกไปไกลหลายสิบเมตร
กระโดดขึ้นไปบนเวที
ทันทีที่เท้าของจี้เทียนซิงแตะพื้น หวังตงก็ฉวยโอกาสพุ่งออกไปราวกับลูกธนูหลุดจากคันศร
เหวี่ยงหมัดอันดุดันเข้าหาใบหน้าและหน้าอกของเขา
"ฟุ่บ !"
หวังตงรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงเป็นอย่างดี
ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายปรากฏกาย มันจึงพยายามอย่างสุดความสามารถ เร่งความเร็วถึงขีดสุดจนทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง
“เพลงหมัดเมฆาเยือกแข็ง !”
หวังตงคำรามลั่น กำปั้นคู่ของมันกลายเป็นไอน้ำแข็งสีฟ้าที่ปลดปล่อยความเย็นครอบคลุมเวทีกินรัศมีกว้างกว่า
20 เมตร
ในชั่วพริบตาทั่วทั้งเวทีก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งสีฟ้าและอุณหภูมิก็ลดลงจนเย็นสุดขั้ว
กำปั้นขนาดใหญ่กระแทกเข้าหาจี้เทียนซิงซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงครึ่งเมตร
แขกหลายร้อยคนในห้องโถงจ้องเขม็งอย่างตั้งใจและกลั้นหายใจ
สีหน้าของจี้เทียนซิงไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง สงบราบเรียบราวกับว่าคาดหวังต่อการลงมือของหวังตง
ในขณะนั้น เขายกแขนสีแดงเถือกราวกับลาวาขึ้นช้าๆ
กำเนิดปราณอัคคีแท้จริงในฝ่ามือที่ควบแน่นเป็นหัตถ์เพลิงขนาดใหญ่ ตบฟาดไปที่กำปั้นของหวังตง
"เปรี้ยง !!"
หัตถ์เปลวอัคคีกระทบเข้าใส่กำปั้นน้ำแข็งทั้งสองจนเกิดเสียงดังสนั่นระเบิดขึ้น
ในขณะนั้นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็ทำให้ไอเย็นทั้งหมดบนเวทีเริ่มปริแตก
กำปั้นน้ำแข็งทั้งสองถูกทุบแหลกเป็นชิ้นๆและระเหยเป็นไอน้ำโดยหัตถ์เปลวอัคคีของจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
หวังตงก็ถูกกระแทกด้วยพลังนี้
ร่างของมันลอยละลิ่วไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ ล้มลงไปไกลเป็นระยะกว่าสิบเมตร
ทันทีที่มันลุกขึ้น เสื้อคลุมสีขาวปรากฏรอยไหม้และรูโหว่เป็นรอยฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่
ใบหน้าของเขากลายเป็นเหยเก ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แขกหลายร้อยคนในห้องโถงต่างก็แสดงสีหน้าตกใจและอุทานออกมา
"หวา ! พลังฝีมือของจี้เทียนซิงล้ำเลิศเพียงนี้
?"
"หวังตงที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นแปดก็ยังมิอาจหยุดแม้แต่ฝ่ามือเดียวของจี้เทียนซิงได้
?"
"เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างก็มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดเหมือนกัน
แต่หวังตงลงมือก่อนกลับต้องปลิวกระเด็น เรื่องเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร ?"
"ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กจี้เทียนซิงผู้นี้มีคุณสมบัติพอที่จะอวดดีจริงๆ
!"
หวังตงได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของผู้ชมรอบๆก็ยิ่งอับอายและโกรธแค้นมากขึ้น
คนโคจรพลังลมปราณทั่วร่างเปิดการโจมตีอีกระลอก
"ธานีเหมันต์เยือกแข็ง !!"
หวังตงระเบิดความสามารถชั่วชีวิตออกมา
แสดงไม้ตายก้นหีบ
ฝ่ามือของมันแผ่พุ่งลำแสงปราณสีขาวที่เอ่อล้น
ปลดปล่อยกระแสไอเย็นที่ปกคลุมทั่วรัศมีกว่ายี่สิบเมตร
ทันใดนั้นทั้งเวทีก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนาเตอะ
เกล็ดหิมะสีขาวอันหนาแน่นปรากฏขึ้นในอากาศ
มันโบกสะบัดฝ่ามืออย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
ก่อเกิดเป็นหัตถ์แสงอันเยือกเย็นกว่าหกสิบสี่สายในหนึ่งลมหายใจ ตกจากท้องฟ้าและซัดเข้าใส่จี้เทียนซิง
ความเยือกเย็นที่เอ่อล้นท่วมท้นจากฝ่ามือของมัน
เกล็ดหิมะที่ล่องลอยไปทั่วอากาศแผ่แรงกดทับจนผู้คนแทบหายใจไม่ออก
อุณหภูมิในห้องโถงราวกับลดลงถึงจุดเยือกแข็ง ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนหดคอถูมือไปมาโดยไม่รู้ตัว
เกล็ดหิมะในเดือนหก ?
มันเป็นภาพที่หาชมได้ยากยิ่งซึ่งปรากฏเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
แขกเหรื่อและผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแต่เบิกตากว้าง
มองไปบนเวทีด้วยแววตารอคอยและคาดหวัง
ภายในพริบตาต่อมา ฝ่ามือแสงเย็นเยือกหลายสิบสายก็ระเบิดเข้าใส่หัตถ์เปลวอัคคีขนาดใหญ่
"บรึ้ม !!!"
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น ฝ่ามือน้ำแข็งทั้งหมดถูกทำลายแตกเป็นเกล็ดแสงเย็น
กระจายไปรอบๆ
หัตถ์เปลวอัคคีจู่โจมทะลุผ่านแสงเย็นบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาหวังตงในทันที
ส่งผลให้ร่างของมันถูกกระแทกกระเด็นไปอีกคำรบ ชนเข้ากับค่ายกลหนาแน่น
ร่วงลงกับพื้นอย่างรุนแรง
อ่อก...... !!
เมื่อหวังตงพยายามที่จะลุกขึ้นมาบวกอีกรอบ
โลหิตสีแดงสดพลันไหลทะลักจากปากของมันอย่างต่อเนื่อง
มือของมันคว้าจับหน้าอกที่ไหม้เกรียมของตนเองและมีควันดำปกคลุมไปทั่วร่างกาย
ภาพเดิมๆได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
และจี้เทียนซิงก็ยังคงใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวในการลงมือ !
เรียบง่าย เกรี้ยวกราด หยาบโลนและกดขี่
เขาโจมตีหวังตงด้วยท่วงท่าที่เรียบง่าย
รุนแรงแต่ไร้ผู้ต้านทาน
สร้างอาการบาดเจ็บสาหัสให้แก่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงเพียงแค่สองฝ่ามือ
ผู้คนหลายร้อยคนในห้องโถงต่างก็รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นภาพนี้
เหล่าจอมยุทธ์ของกองกำลังระดับสองและสามรู้สึกเปิดหูเปิดตาอย่างมาก
ในใจของพวกมันตั้งตกใจและตื่นเต้น
แววตาของประมุขนิกายเจิ้นหวู่ฉายแววหดหู่มืดมนเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่ามันคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเลวร้ายถึงเพียงนี้
นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่มีหยุนเหยาเป็นศิษย์เอกก็ทำให้แต่ละนิกายรู้สึกกดดันมากพอแล้ว
ทุกนิกายล้วนอิจฉาริษยาที่มีศิษย์ชั้นเยี่ยมอย่างนาง
แต่บัดนี้กลับมีจี้เทียนซิงถือกำเนิดขึ้นมาอีกหนึ่ง
ชายผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เยือกเย็นและเรียบง่าย เฉกเช่นเดียวกับหยุนเหยาที่สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย โชควาสนาที่ดีงามทั้งหมดต่างก็ตกเป็นของนิกายพันธมิตรสวรรค์
เหตุใดสวรรค์ถึงได้ไร้เหตุผลต่อนิกายอื่นขนาดนี้ ?
เหล่าผู้นำหลายคนลอบขบคิดในใจ
หากสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าจี้เทียนซิงและหยุนเหยาเติบโตขึ้น
นิกายพันธมิตรสวรรค์มิใช่ว่าอยู่ยงคงกระพันเลยหรือ ?!
หวังตงกระเสือกกระสน
ดวงตาจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยความเคียดแค้นพลางคำรามด้วยเสียงเย็นชาว่า “จี้เทียนซิง ! เจ้าช่างโหดร้ายนัก ข้ายอมแพ้ !”
พูดจบมันก็รีบเดินลงจากเวทีโดยไม่สนใจเสียงแซ่เซ็งและหัวเราะเยาะในห้องโถง
ก้าวเท้าลงจากเวทีกลับไปยืนข้างๆประมุขนิกายเจิ้นหวู่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
จี้เทียนซิงรู้สึกแปลกใจและคาดไม่ถึงว่าหวังตงจะสามารถทนต่อเสียงก้นด่าและความอัปยศได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เขาคิดในใจ “ก่อนที่จะเริ่มสู้กัน
หวังตงกระซิบกระซาบกับซื่อเหวินหยู เฉียวซวนและคนอื่นๆ ดังนั้นการที่มันยอมทนความอัปยศ
กล่าวยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกมันกำลังรวมหัวกันทำอะไรบางอย่าง ?”
ในขณะนี้เองซื่อเหวินหยูก็ผุดลุกขึ้นและเดินไปทางเวทีพลางกล่าวว่า
"จี้เทียนซิง
! ที่นี่คือนิกายกระบี่ฟ้าและยังเป็นวันเกิดของอาจารย์ข้า
ข้าจะยอมให้เจ้ามาวางก้ามเขื่องโขที่นี่ได้อย่างไร ?!"
ได้ยินเสียงเย็นชาโกรธแค้นของซื่อเหวินหยูดังกระทบโสต
จี้เทียนซิงพลันหันหน้าไปมองอีกฝ่ายและอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้ว
“ซื่อเหวินหยู ก่อนหน้านี้เจ้ายังเจ็บตัวไม่พออีกหรือ
? ไม่จำ ?”
เขามองออกอย่างชัดเจนว่าผิวพรรณของซื่อเหวินหยูดูไม่ค่อยดี
แสดงว่าอาการบาดเจ็บของมันยังไม่ทุเลานัก ระดับพลังย่อมเสื่อมโทรมลงไปหลายส่วน
แต่สิ่งที่จี้เทียนซิงขบคิดไม่เข้าใจก็คือ
ซื่อเหวินหยูที่ถูกเขาทุบตีจมธรณีไปแล้วรอบหนึ่ง
เหตุใดยังมีความกล้าพอที่จะเอ่ยปากยั่วยุเขาในที่สาธารณะ ?
มันไม่กลัวที่จะพ่ายอนาถต่อหน้าธารกำนัลและถูกแขกเหรื่อเย้ยหยันคาบ้านหรือไง ?
ฟุ่บ !
ซื่อเหวินหยูกระโดดขึ้นไปบนเวทีพลันคำรามอย่างเหี้ยมหาญว่า
“จี้เทียนซิง
แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม ข้าก็จะสู้กับเจ้า !”
“……?”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วอีกครั้งและสัมผัสได้ว่าวาจาของซื่อเหวินหยูแฝงความนัยอื่น
เขามองซื่อเหวินหยูด้วยแววตาเหยียดหยามพลางกล่าวว่า
“เจ้าเพิ่งแพ้ข้ามาหมาดๆและยังไม่หายดี
เหตุใดถึงต้องมาท้าทายข้า ?”
“เจ้า !”
ซื่อเหวินหยูเต็มไปด้วยความโกรธในทันที คนพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพลางหอบเอาสายลมแรงตามมา
"จี้เทียนซิง
เจ้ามันกำแหงเกินไปแล้ว !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved