เกราะมังกรน้ำแข็ง
มวลอารมณ์และประสบการณ์ชีวิตของเนี่ยห่าวทำให้จี้เทียนซิงเข้าใจหัวอก
บิดาของเขา, จี้ชางคงก็ได้รับบาดเจ็บเรื้อรังเช่นเดียวกัน เขาหวั่นว่าบิดาจะมีชีวิตไม่ยืนยาวและเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้วยความที่ประสบปัญหาคล้ายๆกันก็ทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเนี่ยห่าวยิ่งลดลงไปด้วย
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคออยู่ครู่หนึ่ง
และแล้วเวลาก็ถึงเวลา
หลังจากนั้นไม่นานการประมูลของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ก็กำลังจะเริ่มขึ้น
เนี่ยห่าวผุดลุกขึ้นพร้อมกับเชื้อเชิญจี้เทียนซิงและจี้เค่อให้เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมไปยังหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ด้วยกัน
จี้เค่อคิดอยากจะไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ในเมื่อตอนนี้เนี่ยห่าวออกปากเชิญ จี้เทียนซิงก็เลยต้องพยักหน้าตามใจนาง
ทั้งสามออกจากโรงเตี๊ยมและขึ้นรถม้าไปยังหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ที่อยู่กลางเมือง
มันตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักที่เจริญที่สุดในเมืองและครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ การออกแบบตึกและอาคารดูงดงามน่าประทับใจ
เมื่อทั้งสามมาถึงหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ก็พบว่าด้านนอกของตึกนั้นแออัดไปด้วยผู้คนและเต็มไปด้วยเสียงสนทนาอย่างมีชีวิตชีวา
เหล่าพ่อค้าจากเมืองและแคว้นใกล้เคียง, จอมยุทธ์และบุคคลสำคัญมากมายล้วนแต่รอเข้าไปข้างใน
กลุ่มสามคนของจี้เทียนซิงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปด้านในเพื่อเข้าไปในสถานที่จัดการประมูล
สถานที่จัดงานนี้เป็นห้องโถงเปิดโล่งที่มีเวทีทรงกลมสูงเหนือพื้นดินและมีที่นั่งหลายพัน นอกจากนี้ยังมีห้องพักหรูหราสวยงามหลายร้อยห้องบนชั้นสองของห้องโถง มันเป็นสถานที่ที่สงวนไว้เพื่อบุคคลสำคัญและผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้น
ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงและจี้เค่อจะมีฐานะไม่ธรรมดา
แต่ก็จำกัดเฉพาะในเมืองจักรวรรดิ
พวกเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ดังนั้นทำได้เพียงหาที่นั่งในห้องโถงรวมกับผู้อื่น
ส่วนเนี่ยห่าวก็นั่งข้างๆจี้เทียนซิง
ในขณะที่การประมูลยังไม่เริ่ม
เนี่ยห่าวก็หันไปสนทนากับจี้เทียนซิงด้วยรอยยิ้มเพื่อให้คำแนะนำเบื้องต้น
“ท่านพี่จี้ อีกสักครู่จะมีสมบัติล้ำค่าหายากมากมายปรากฏขึ้นในการประมูลคืนนี้
หากท่านพบสิ่งของที่ต้องตาก็ขออย่าได้ลังเล”
“กฎในการแลกเปลี่ยนของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์มีอยู่ว่า
พวกมันรับแต่เพียงทองคำและเงินตรา อ่อ
ยังมีตั๋วเงินที่เป็นที่ยอมรับของแคว้นรอบๆนี้ก็ใช้ได้เช่นกัน”
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เนี่ยห่าวมาเยือนหมู่ตึกสมบัติสวรรค์
เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับกฏของการประมูลที่นี่ในทุกด้าน
ไม่นานหลังจากนั้นที่นั่งนับพันในห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คน
และเมื่อถึงเวลา การประมูลก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สตรีนางหนึ่งที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงอันเย้ายวนใจเดินเข้ามาในห้องโถง
สตรีนางนี้มีอายุราวๆ 30 ปี นางเป็นสตรีเต็มวัยที่เติบโตเต็มที่แล้ว
ใบหน้าของนางนับว่าไม่เลว
เรือนร่างเซ็กซี่เร้าร้อนและที่เสื้อของนางนั้นผ่าลึกจนเห็นร่องหุบเหวขาวหิมะที่ดูโดดเด่นสะดุดตามาก
จี้เทียนซิงเพียงมองนางวูบเดียวก็รู้สึกว่าเนื้อที่ท่อนแขนถูกหยิก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บและหันหัวไปมองจี้เค่อพลางกล่าวว่า
“เค่อเค่อ เจ้า....”
“ฮึ ! พี่ใหญ่เทียนซิง
ท่านห้ามมองนางจิ้งจอกนั่นนะ !”
จี้เค่อบุ้ยปากเล็กๆในขณะที่กล่าวด้วยสีหน้าหึงหวง
จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่ก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “แค่กๆ.... เค่อเค่อ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว
ข้าเพียงแต่คิดว่าวิธีทำการค้าของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์นั้นน่าสนใจไม่น้อย
พวกมันส่งสตรีทรงเสน่ห์เช่นนี้มาเป็นผู้จัดการประมูลย่อมโกยเงินทองไปได้มากมายแน่นอน”
เนี่ยห่าวเผยยิ้มบางและพยักหน้าเล็กน้อย
“พี่จี้กล่าวได้ถูกแล้ว
สตรีนางนี้ชื่อว่าหงเฉียงเว่ย นางเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในการประมูลแต่ละครั้งของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์”
“นางไม่เพียงแค่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลเท่านั้นแต่ยังรู้จักวิธีดึงดูดใจผู้คนและมักจะยั่วยวนให้เหล่าเศรษฐีที่คิดอกุศลกับนางต้องโยนเงินมาทิ้งที่นี่มากมาย”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและไม่กล่าวต่อ
ในเวลานี้หงเฉียงเว่ยก็เผยอยิ้มให้กับบรรดาแขกเหรื่อ
และกล่าวทักทายต้อนรับเหล่าผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงที่คมชัด จากนั้นก็กล่าวเปิดงานประมูลในคืนนี้
สตรีนางนี้เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
นางไม่เพียงแค่น่าหลงใหลเท่านั้นแต่ยังรู้จักพูดจาและใช้เสียงสูงเสียงต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามกับบรรดาแขกและการกระซิบแผ่วเบาจนผู้คนต้องเงี่ยหูฟัง ซึ่งการแสดงของนางนั้นทำให้บรรยากาศของห้องโถงมีชีวิตชีวา
ผู้คนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยอาการตื่นเต้นและคาดหวัง
ในไม่ช้าการประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สมบัติชิ้นแรกถูกส่งไปยังเวทีประมูลโดยทหารยามสองคน
หงเฉียงเว่ยเปิดกล่องไม้จันทน์และหยิบกระบี่พร้อมฝักสีน้ำตาลออกมาจากกล่องใบนั้น
นางกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“สมบัติชิ้นแรกของการประมูลคืนนี้ก็คือกระบี่ลึกลับที่มีคุณภาพดีที่สุดที่เรียกว่ากระบี่เงาวายุ”
“กระบี่เล่มนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ศาสตราหลงอวี้ของจักรวรรดิชางเฟิง
นอกจากนี้กระบี่เล่มนี้ยังแฝงไว้ด้วยพลังธาตุลม”
“ผู้มีเกียรติทุกท่าน
ข้าขอเริ่มต้นการประมูลกระบี่เงาวายุเล่มนี้ที่ราคาต่ำสุด 5 ล้าน และราคาที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งต้องไม่ต่ำกว่า 100,000!”
“กระบี่เลิศล้ำค้ำจุนวีรบุรุษ สหายแห่งเต๋ากระบี่ทุกท่านยังจะรออะไรอยู่เล่า ?”
หงเฉียงเว่ยอธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของกระบี่เงาวายุด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค
นางพยายามโน้มน้าวยุยงอารมณ์ของทุกคนโดยเฉพาะมือกระบี่
จี้เทียนซิงเกิดในตระกูลขุนนางผู้หลอมสร้างอาวุธย่อมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้
จอมยุทธ์แต่ละคนล้วนประกอบไปด้วยธาตุต่างๆซึ่งแปลงพลังงานฟ้าดินไปเป็นพลังต้นกำเนิดลมปราณที่มีธาตุสอดคล้องกัน
โดยส่วนมากจอมยุทธ์แต่ละคนจะมีหนึ่งในธาตุทั้งห้าเป็นองค์ประกอบ
ยกตัวอย่างเช่นจี้เทียนซิง ตัวของเขานั้นมีคุณสมบัติธาตุทอง
ต้นกำเนิดของธาตุทองคือความแหลมคม ดังนั้นการบ่มเพาะและพรสวรรค์ในศาสตร์กระบี่ของเขาจึงสูงล้ำสุดขั้ว
นอกจากห้าองค์ประกอบแล้วก็ยังมีองค์ประกอบพิเศษ
เช่น วายุ อัสนี พิรุณ(ฝน)
ซึ่งองค์ประกอบพิเศษเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์
ดังนั้นอาวุธที่แฝงไว้ด้วยองค์ประกอบของธาตุพิเศษเหล่านี้มักจะล้ำค่าและมีราคาแพง
“ถึงแม้กระบี่เงาวายุเล่มนี้จะดูไม่เลว แต่ข้ามีกระบี่มังกรดำอยู่แล้ว
คงไม่มีกระบี่เล่มไหนที่จะดีไปว่ากระบี่มังกรดำ…”
จี้เทียนซิงขบคิดในใจและไม่คิดที่จะเสนอราคา
ส่วนจี้เค่อและเนี่ยห่าวก็ไม่สนใจกระบี่เล่มนี้เช่นกัน
แต่มีเหล่าจอมยุทธ์และผู้มีฐานะหลายคนในห้องโถงสนใจกระบี่เงาวายุมาก
พวกเขากำลังแข่งกันเสนอราคา
เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมากระบี่เงาวายุก็ถูกยอดมือกระบี่ผู้หนึ่งประมูลไปในราคา
7 ล้านเหรียญเงิน
ต่อมาหงเฉียงเว่ยก็นำสมบัติชิ้นที่สองออกมาและเริ่มการประมูล
สมบัติชิ้นนี้เป็นเม็ดยาระดับล้ำลึกที่มีคุณภาพดีที่สุด 3 เม็ดซึ่งหลอมกลั่นออกมาโดยปรมาจารย์โอสถ มันมีฤทธิ์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของรากฐานการบ่มเพาะ
ทุกคนในห้องโถงต่างก็ประมูลมันและในที่สุดเม็ดยาทั้งสามเม็ดก็ถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่วโดยบุคลผู้ไม่ธรรมดาที่อยู่ในห้องพิเศษ
การประมูลยังคงดำเนินต่อไปและสมบัติชิ้นที่
3 4 5 ก็ถูกประมูลออกไปอย่างต่อเนื่อง
สมบัติส่วนใหญ่ที่ผ่านไปนี้ล้วนแต่เป็นเม็ดโอสถ
อาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ บางครั้งก็มีสมบัติที่หายากเป็นพิเศษถูกนำออกมาประมูลเช่นกัน
สมบัติทุกชิ้นล้วนแต่มีผู้เสนอราคาและจบลงในราคาที่สูงลิบลิ่ว
จี้เทียนซิงและสหายยังคงจับจ้องอย่างเงียบงันและไม่เสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่งสมบัติชิ้นที่เจ็ดถูกนำออกมาบนเวทีประมูลจี้เทียนซิงถึงได้เกิดความรู้สึกสนใจ
และจับจ้องสิ่งของชิ้นนั้นอย่างระมัดระวัง
มันเป็นเกราะที่มีคุณภาพสูงล้ำและถูกหลอมจากเกล็ดแข็งของมังกรแต่กลับดูเบาบางดั่งปุยฝ้าย
สมบัติชิ้นนี้ดูเหมือนเสื้อที่บางโปร่งแสงซึ่งมีน้ำหนักเบามากและสวมใส่ง่าย อย่างไรก็ตามมันทนน้ำทนไฟและศาสตราวุธในระดับที่ต่ำกว่าขั้นล้ำลึกไม่สามารถทำลายการป้องกันของมันได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสมบัติชิ้นนี้เป็นเกราะในฝันที่เหล่าจอมยุทธ์ทุกคนต้องการจะสวมใส่ มันสามารถปกป้องชีวิตได้ในช่วงเวลาวิกฤติ !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved