ตอนที่ 90

เกราะมังกรน้ำแข็ง

มวลอารมณ์และประสบการณ์ชีวิตของเนี่ยห่าวทำให้จี้เทียนซิงเข้าใจหัวอก

บิดาของเขา, จี้ชางคงก็ได้รับบาดเจ็บเรื้อรังเช่นเดียวกัน เขาหวั่นว่าบิดาจะมีชีวิตไม่ยืนยาวและเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ด้วยความที่ประสบปัญหาคล้ายๆกันก็ทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเนี่ยห่าวยิ่งลดลงไปด้วย

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคออยู่ครู่หนึ่ง

และแล้วเวลาก็ถึงเวลา

หลังจากนั้นไม่นานการประมูลของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ก็กำลังจะเริ่มขึ้น

เนี่ยห่าวผุดลุกขึ้นพร้อมกับเชื้อเชิญจี้เทียนซิงและจี้เค่อให้เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมไปยังหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ด้วยกัน

จี้เค่อคิดอยากจะไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ในเมื่อตอนนี้เนี่ยห่าวออกปากเชิญ จี้เทียนซิงก็เลยต้องพยักหน้าตามใจนาง

ทั้งสามออกจากโรงเตี๊ยมและขึ้นรถม้าไปยังหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ที่อยู่กลางเมือง

มันตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักที่เจริญที่สุดในเมืองและครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ การออกแบบตึกและอาคารดูงดงามน่าประทับใจ

เมื่อทั้งสามมาถึงหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ก็พบว่าด้านนอกของตึกนั้นแออัดไปด้วยผู้คนและเต็มไปด้วยเสียงสนทนาอย่างมีชีวิตชีวา

เหล่าพ่อค้าจากเมืองและแคว้นใกล้เคียง, จอมยุทธ์และบุคคลสำคัญมากมายล้วนแต่รอเข้าไปข้างใน

กลุ่มสามคนของจี้เทียนซิงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปด้านในเพื่อเข้าไปในสถานที่จัดการประมูล

สถานที่จัดงานนี้เป็นห้องโถงเปิดโล่งที่มีเวทีทรงกลมสูงเหนือพื้นดินและมีที่นั่งหลายพัน นอกจากนี้ยังมีห้องพักหรูหราสวยงามหลายร้อยห้องบนชั้นสองของห้องโถง มันเป็นสถานที่ที่สงวนไว้เพื่อบุคคลสำคัญและผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้น

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงและจี้เค่อจะมีฐานะไม่ธรรมดา

แต่ก็จำกัดเฉพาะในเมืองจักรวรรดิ

พวกเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ดังนั้นทำได้เพียงหาที่นั่งในห้องโถงรวมกับผู้อื่น

ส่วนเนี่ยห่าวก็นั่งข้างๆจี้เทียนซิง

ในขณะที่การประมูลยังไม่เริ่ม

เนี่ยห่าวก็หันไปสนทนากับจี้เทียนซิงด้วยรอยยิ้มเพื่อให้คำแนะนำเบื้องต้น

“ท่านพี่จี้ อีกสักครู่จะมีสมบัติล้ำค่าหายากมากมายปรากฏขึ้นในการประมูลคืนนี้

หากท่านพบสิ่งของที่ต้องตาก็ขออย่าได้ลังเล”

“กฎในการแลกเปลี่ยนของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์มีอยู่ว่า

พวกมันรับแต่เพียงทองคำและเงินตรา อ่อ

ยังมีตั๋วเงินที่เป็นที่ยอมรับของแคว้นรอบๆนี้ก็ใช้ได้เช่นกัน”

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เนี่ยห่าวมาเยือนหมู่ตึกสมบัติสวรรค์

เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับกฏของการประมูลที่นี่ในทุกด้าน

ไม่นานหลังจากนั้นที่นั่งนับพันในห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คน

และเมื่อถึงเวลา การประมูลก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

สตรีนางหนึ่งที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงอันเย้ายวนใจเดินเข้ามาในห้องโถง

สตรีนางนี้มีอายุราวๆ 30 ปี นางเป็นสตรีเต็มวัยที่เติบโตเต็มที่แล้ว

ใบหน้าของนางนับว่าไม่เลว

เรือนร่างเซ็กซี่เร้าร้อนและที่เสื้อของนางนั้นผ่าลึกจนเห็นร่องหุบเหวขาวหิมะที่ดูโดดเด่นสะดุดตามาก

จี้เทียนซิงเพียงมองนางวูบเดียวก็รู้สึกว่าเนื้อที่ท่อนแขนถูกหยิก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บและหันหัวไปมองจี้เค่อพลางกล่าวว่า

“เค่อเค่อ เจ้า....”

“ฮึ ! พี่ใหญ่เทียนซิง

ท่านห้ามมองนางจิ้งจอกนั่นนะ !”

จี้เค่อบุ้ยปากเล็กๆในขณะที่กล่าวด้วยสีหน้าหึงหวง

จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

แต่ก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “แค่กๆ.... เค่อเค่อ  เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว

ข้าเพียงแต่คิดว่าวิธีทำการค้าของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์นั้นน่าสนใจไม่น้อย

พวกมันส่งสตรีทรงเสน่ห์เช่นนี้มาเป็นผู้จัดการประมูลย่อมโกยเงินทองไปได้มากมายแน่นอน”

เนี่ยห่าวเผยยิ้มบางและพยักหน้าเล็กน้อย

“พี่จี้กล่าวได้ถูกแล้ว

สตรีนางนี้ชื่อว่าหงเฉียงเว่ย  นางเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในการประมูลแต่ละครั้งของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์”

“นางไม่เพียงแค่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลเท่านั้นแต่ยังรู้จักวิธีดึงดูดใจผู้คนและมักจะยั่วยวนให้เหล่าเศรษฐีที่คิดอกุศลกับนางต้องโยนเงินมาทิ้งที่นี่มากมาย”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและไม่กล่าวต่อ

ในเวลานี้หงเฉียงเว่ยก็เผยอยิ้มให้กับบรรดาแขกเหรื่อ

และกล่าวทักทายต้อนรับเหล่าผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงที่คมชัด จากนั้นก็กล่าวเปิดงานประมูลในคืนนี้

สตรีนางนี้เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

นางไม่เพียงแค่น่าหลงใหลเท่านั้นแต่ยังรู้จักพูดจาและใช้เสียงสูงเสียงต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามกับบรรดาแขกและการกระซิบแผ่วเบาจนผู้คนต้องเงี่ยหูฟัง  ซึ่งการแสดงของนางนั้นทำให้บรรยากาศของห้องโถงมีชีวิตชีวา

ผู้คนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยอาการตื่นเต้นและคาดหวัง

ในไม่ช้าการประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

สมบัติชิ้นแรกถูกส่งไปยังเวทีประมูลโดยทหารยามสองคน

หงเฉียงเว่ยเปิดกล่องไม้จันทน์และหยิบกระบี่พร้อมฝักสีน้ำตาลออกมาจากกล่องใบนั้น

นางกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม

“สมบัติชิ้นแรกของการประมูลคืนนี้ก็คือกระบี่ลึกลับที่มีคุณภาพดีที่สุดที่เรียกว่ากระบี่เงาวายุ”

“กระบี่เล่มนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ศาสตราหลงอวี้ของจักรวรรดิชางเฟิง

นอกจากนี้กระบี่เล่มนี้ยังแฝงไว้ด้วยพลังธาตุลม”

“ผู้มีเกียรติทุกท่าน

ข้าขอเริ่มต้นการประมูลกระบี่เงาวายุเล่มนี้ที่ราคาต่ำสุด 5 ล้าน และราคาที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งต้องไม่ต่ำกว่า  100,000!”

“กระบี่เลิศล้ำค้ำจุนวีรบุรุษ  สหายแห่งเต๋ากระบี่ทุกท่านยังจะรออะไรอยู่เล่า ?”

หงเฉียงเว่ยอธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของกระบี่เงาวายุด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค

นางพยายามโน้มน้าวยุยงอารมณ์ของทุกคนโดยเฉพาะมือกระบี่

จี้เทียนซิงเกิดในตระกูลขุนนางผู้หลอมสร้างอาวุธย่อมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้

จอมยุทธ์แต่ละคนล้วนประกอบไปด้วยธาตุต่างๆซึ่งแปลงพลังงานฟ้าดินไปเป็นพลังต้นกำเนิดลมปราณที่มีธาตุสอดคล้องกัน

โดยส่วนมากจอมยุทธ์แต่ละคนจะมีหนึ่งในธาตุทั้งห้าเป็นองค์ประกอบ

ยกตัวอย่างเช่นจี้เทียนซิง  ตัวของเขานั้นมีคุณสมบัติธาตุทอง

ต้นกำเนิดของธาตุทองคือความแหลมคม ดังนั้นการบ่มเพาะและพรสวรรค์ในศาสตร์กระบี่ของเขาจึงสูงล้ำสุดขั้ว

นอกจากห้าองค์ประกอบแล้วก็ยังมีองค์ประกอบพิเศษ

เช่น วายุ อัสนี พิรุณ(ฝน)

ซึ่งองค์ประกอบพิเศษเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์

ดังนั้นอาวุธที่แฝงไว้ด้วยองค์ประกอบของธาตุพิเศษเหล่านี้มักจะล้ำค่าและมีราคาแพง

“ถึงแม้กระบี่เงาวายุเล่มนี้จะดูไม่เลว แต่ข้ามีกระบี่มังกรดำอยู่แล้ว

คงไม่มีกระบี่เล่มไหนที่จะดีไปว่ากระบี่มังกรดำ…”

จี้เทียนซิงขบคิดในใจและไม่คิดที่จะเสนอราคา

ส่วนจี้เค่อและเนี่ยห่าวก็ไม่สนใจกระบี่เล่มนี้เช่นกัน

แต่มีเหล่าจอมยุทธ์และผู้มีฐานะหลายคนในห้องโถงสนใจกระบี่เงาวายุมาก

พวกเขากำลังแข่งกันเสนอราคา

เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมากระบี่เงาวายุก็ถูกยอดมือกระบี่ผู้หนึ่งประมูลไปในราคา

7 ล้านเหรียญเงิน

ต่อมาหงเฉียงเว่ยก็นำสมบัติชิ้นที่สองออกมาและเริ่มการประมูล

สมบัติชิ้นนี้เป็นเม็ดยาระดับล้ำลึกที่มีคุณภาพดีที่สุด 3 เม็ดซึ่งหลอมกลั่นออกมาโดยปรมาจารย์โอสถ มันมีฤทธิ์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของรากฐานการบ่มเพาะ

ทุกคนในห้องโถงต่างก็ประมูลมันและในที่สุดเม็ดยาทั้งสามเม็ดก็ถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่วโดยบุคลผู้ไม่ธรรมดาที่อยู่ในห้องพิเศษ

การประมูลยังคงดำเนินต่อไปและสมบัติชิ้นที่

3 4 5 ก็ถูกประมูลออกไปอย่างต่อเนื่อง

สมบัติส่วนใหญ่ที่ผ่านไปนี้ล้วนแต่เป็นเม็ดโอสถ

อาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ บางครั้งก็มีสมบัติที่หายากเป็นพิเศษถูกนำออกมาประมูลเช่นกัน

สมบัติทุกชิ้นล้วนแต่มีผู้เสนอราคาและจบลงในราคาที่สูงลิบลิ่ว

จี้เทียนซิงและสหายยังคงจับจ้องอย่างเงียบงันและไม่เสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียว

จนกระทั่งสมบัติชิ้นที่เจ็ดถูกนำออกมาบนเวทีประมูลจี้เทียนซิงถึงได้เกิดความรู้สึกสนใจ

และจับจ้องสิ่งของชิ้นนั้นอย่างระมัดระวัง

มันเป็นเกราะที่มีคุณภาพสูงล้ำและถูกหลอมจากเกล็ดแข็งของมังกรแต่กลับดูเบาบางดั่งปุยฝ้าย

สมบัติชิ้นนี้ดูเหมือนเสื้อที่บางโปร่งแสงซึ่งมีน้ำหนักเบามากและสวมใส่ง่าย อย่างไรก็ตามมันทนน้ำทนไฟและศาสตราวุธในระดับที่ต่ำกว่าขั้นล้ำลึกไม่สามารถทำลายการป้องกันของมันได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสมบัติชิ้นนี้เป็นเกราะในฝันที่เหล่าจอมยุทธ์ทุกคนต้องการจะสวมใส่  มันสามารถปกป้องชีวิตได้ในช่วงเวลาวิกฤติ !