ตอนที่ 141

ย่างก้าวไร้เงา

!

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะไม่ได้เอ่ยอันใด

แต่แววตาที่เย้ยหยันและเหยียดหยามของเขานั้นเป็นดั่งการตบหน้าซื่อจิงเฉิงอย่างเงียบๆ

ใบหน้าของซื่อจิงเฉิงกลายเป็นมืดครึ้ม

เขาพยายามอย่างมากที่จะข่มความโกรธแค้นและความอัปยศอดสูเพื่อเดินออกมา

เขาเดินกลับไปที่ตำแหน่งเดิม

สายตาจ้องที่พื้นอย่างเลื่อนลอยด้วยความผิดหวังและกระซิบแผ่วเบาว่า

"มันเป็นไปได้ยังไงกัน ? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”

“อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้า

ข้าศึกษาศาสตร์แห่งโอสถมาเป็นเวลาห้าปี แต่กลับพ่ายแพ้ให้เจ้าเด็กสารเลวที่มาจากรัฐเล็กๆ

!”

“ข้าไม่ยินยอม !”

ซื่อจิงเฉิงกำหมัดแน่นและหันศีรษะไปจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างเคียดแค้น

อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงไม่สนใจ

เขาเงยหน้ามองไปที่ฮั่นเฉียวเซิง

ในขณะเดียวกันฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศผลการประเมินในครั้งนี้

“จากการทดสอบพวกเจ้าทั้งสิบ ลู่หมิงหยางสอบตก

ถูกลงโทษให้ทำความสะอาดหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ส่วนเม็ดยาทั้งสามของจี้เทียนซิงมีคุณภาพสูงที่สุด

ได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาปราณทองคำสองเม็ดและมีสิทธิ์เลือกเรียนวรยุทธ์ระดับล้ำลึกหนึ่งวิชาจากศาลายุทธ์ของนิกาย”

“นี่คือกฎกติกาของหอยุทธ์เรา ผู้ชนะได้รางวัล

ผู้แพ้ต้องถูกลงโทษ

ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะตั้งใจเรียนรู้อย่างหนักต่อไปและไม่ทำตัวหย่อนยานในอนาคต !”

หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเอาเม็ดยาสีทองบริสุทธิ์สองเม็ดมอบเป็นรางวัลให้แก่จี้เทียนซิง

ส่วนวรยุทธ์ระดับล้ำลึกนั้น

จี้เทียนซิงต้องไปที่ศาลายุทธ์เพื่อศึกษาและเลือกมาฝึกหนึ่งวิชา

หลังจากมอบรางวัลเสร็จแล้วฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศสิ้นสุดการประเมินและเดินออกจากห้องโถงพร้อมกับตู้หวู่

หลังจากทั้งสองจากไป

บรรดาศิษย์ก็หันไปมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าซับซ้อน

ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ต่างก็มองจี้เทียนซิงด้วยสายตาที่เย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ก่อนเริ่มการประเมินพวกเขายังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเยาะเย้ยถากถางจี้เทียนซิงเกี่ยวกับการปรุงยา

พวกเขาตราหน้าว่าจี้เทียนซิงไม่มีทางปรุงยาได้และต้องอับอายจนไม่มีหน้าอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้อีกต่อไป

แต่ผลที่ปรากฎออกมากลับกลายเป็นว่าจี้เทียนซิงได้อันดับหนึ่งและก้าวข้ามเหนือพวกเขาไปแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจและไม่สามารถสู้หน้าผู้คนได้

พวกเขาแทบอยากจะหลบลี้หนีหน้าในทันที

ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องและไม่เต็มใจ พวกเขารีบก้าวยาวๆออกจากห้องโถงใหญ่กลับไปเก็บตัวที่ห้อง

พวกเขาไม่กล้าสู้หน้าจี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆ

ส่วนศิษย์คนอื่นๆกลับจ้องมองที่เม็ดยาปราณทองคำในมือของจี้เทียนซิงด้วยสายตาอิจฉาเลื่อมใส

สีหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่

“เม็ดยาปราณทองคำ

นี่คือเม็ดยาระดับล้ำลึกที่ล้ำค่ายิ่งนัก !”

“เม็ดยานี้เป็นโอสถทรงคุณค่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณแท้

มันไม่เพียงแค่ดีที่สุด แต่ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันยังช่วยปรับปรุงปราณธาตุทองอีกต่างหาก  นี่เป็นเม็ดยาที่มีสรรพคุณครอบจักรวาลโดยแท้ !”

“ข้าคิดไม่ถึงว่าครูฝึกฮั่นจะใจป้ำควักเม็ดยาระดับล้ำลึกสองเม็ดออกมาเป็นรางวัลสำหรับการประเมิน

! ถ้ารู้ว่าของรางวัลล้ำค่าขนาดนี้

ข้ายอมอดหลับอดนอนฝึกปรุงยาให้พื้นฐานแน่นกว่านี้ไปนานแล้ว !”

“เฮ้อ โลกนี้ไม่มีสิ่งใดคาดเดาล่วงหน้าได้

ใครจะไปรู้ว่าซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งการปรุงยาจะพ่ายแพ้ต่อจี้เทียนซิงที่ไม่เคยปรุงยามาก่อน  นี่นับว่าแปลกมาก !”

“ฮ่าๆ

เรื่องนี้ต้องโทษพวกมันเองที่ออกตัวแรงเกินไป

เวลาแพ้ขึ้นมาจึงต้องทนรับความอัปยศและขายหน้าในที่สาธารณะ !”

“ใช่สมน้ำหน้าพวกมัน ก่อนหน้านี้ทำตัวหยิ่งยโสนัก

ราวกับไม่เห็นพวกเราทั้งหมดในสายตา !”

จี้เทียนซิงเก็บเม็ดยาปราณทองคำกลับไปในขณะที่ฟังเหล่าศิษย์กระซิบกระซาบกัน  เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและเผยรอยยิ้มขึ้น

เขาได้ยินว่าก่อนหน้านี้ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ไม่เห็นผู้ใดในสายตาหากเป็นการแข่งขันปรุงยา

แม้กระทั่งศิษย์ร่วมหอเคยไปขอคำชี้แนะ พวกเขาก็ไม่สนใจ

จนกระทั่งวันนี้ที่จี้เทียนซิงเอาชนะทั้งสองในการปรุงยาต่อหน้าสาธารณะ

ทำให้ศิษย์คนอื่นๆรู้สึกมีความสุขในความโชคร้ายของพวกเขา

ถึงแม้ผิวเผินจี้เทียนซิงจะยังคงสงบเยือกเย็น

แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่น้อย

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้อันดับหนึ่ง

ขอแค่ผ่านการประเมินและไม่ทำให้ครูฝึกฮั่นผิดหวังเขาก็พอใจแล้ว เขาไม่อยากถูกศิษย์คนอื่นๆหัวเราะเยาะในความล้มเหลวก็เท่านั้น

แต่กระนั้นผลที่ออกมากลับเกินคาดคิด

เขาฝึกฝนปรุงยาอยู่ในตำหนักไท่อันแค่คืนเดียวโดยมีเซี่ยงหวู่จี้ชี้แนะไม่กี่คำก็สามารถปรับแต่งเม็ดยาที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้ออกมาได้

จนเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบ

“ถึงแม้ว่าอารมณ์และนิสัยใจคอของตาแก่เหม็นจะค่อนข้างแปลกๆและหัวรุนแรง  แต่เขาก็มีความสามารถอันน่าทึ่งอย่างที่โอ้อวดไว้จริง

นอกจากนี้ก็นับว่าดีต่อข้าไม่น้อยทีเดียว....”

“หรือพรุ่งนี้ข้าควรจะกลับไปกวาดพื้นให้เขาต่อ...

?”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

จี้เทียนซิงก็เริ่มชั่งน้ำหนักในใจและรู้สึกว่าการกวาดพื้นให้ตาแก่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหากเทียบกับสิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งเดือน

ในเวลานี้เองเนี่ยห่าวก็เดินเข้ามาตบไหล่ของเขาและกล่าวว่า

“พี่จี้ ยินดีกับท่านด้วย ! ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์ของการประเมินจะน่าทึ่งมากขนาดนี้

ท่านเปิดหูเปิดตาพวกเราจริงๆ !”

เนี่ยห่าวกล่าวอย่างตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มกว้าง

ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่จริงใจอย่างมาก

จี้เทียนซิงรู้สึกกระดากเล็กน้อยและเดินเคียงคู่เนี่ยห่าวออกจากห้องโถงใหญ่

จากนั้นพวกเขาก็อำลาแยกย้ายกันเพราะจี้เทียนซิงต้องออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นไปที่ศาลายุทธ์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์เพื่อเลือกเฟ้นวิชาหนึ่งอย่างที่เป็นรางวัล

ศาลายุทธ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขาของนิกาย

มันเป็นตำหนักที่งดงามและดูสูงส่งมาก

ระหว่างที่เดินทาง จี้เทียนซิงก็มีความคิดในใจลับๆ

“ยังดีที่รางวัลที่ครูฝึกฮั่นมอบให้ข้าคือการ ‘เลือก’ วรยุทธ์ เพราะถ้าหากเขามอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้ข้าคงน่าเสียดายยิ่งแล้ว  ข้าแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป

ข้าทั้งบ่มเพาะวิถีใจกระบี่แถมยังฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่ดาราเหินของตาแก่เหม็น  ดังนั้นเคล็ดวิชาทั่วไปไม่มีประโยชน์ต่อข้าในตอนนี้

ฝึกซ้ำซ้อนกันเปล่าๆ”

“ยามนี้สิ่งที่ข้าขาดมากที่สุดก็คือเคล็ดวิชาท่าร่าง

ดังนั้นข้าจะเลือกเฟ้นวิชาท่าร่างดีๆสักวิชาหนึ่ง !"

นานมาแล้วที่จี้เทียนซิงคิดจะฝึกวิชาท่าร่างที่ช่วยในการเคลื่อนไหว

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาส

แต่ยามนี้โอกาสมาถึงแล้ว

เขาได้รับสิทธิ์ให้เลือกวิชาระดับล้ำลึกได้หนึ่งวิชา !

................

เมื่อมาถึงที่ศาลายุทธ์

จี้เทียนซิงก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่และแสดงป้ายศิษย์ฝ่ายนอกออกมาต่อหน้าผู้ดูแลชุดดำ

ผู้ดูแลชุดดำได้ทราบเรื่องจากครูฝึกฮั่นแล้ว

เขาจึงแนะนำจี้เทียนซิงโดยสังเขปว่า

“ห้องโถงหลักชั้นแรกของศาลายุทธ์จะเก็บรวบรวมเคล็ดวิชาระดับยอดเยี่ยมเอาไว้  ส่วนชั้นที่ 2 เก็บรักษาเคล็ดวิชาระดับล้ำลึก

และสุดท้ายชั้นที่ 3 เก็บรักษาพวกเคล็ดวิชาจิปาถะ

เจ้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปก็ยังไม่จำเป็นต้องรู้”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและเข้าใจว่าเคล็ดวิชาในชั้นที่

3 อาจจะเป็นสถานที่เก็บเคล็ดวิชาหลายแขนงรวมๆกัน

เช่นการหลอมโอสถ ข่ายอาคม หลอมอาวุธ เป็นต้น

เขาเดินตรงไปที่ชั้นสองทันทีและเดินผ่านห้องโถงใหญ่กว้างที่เต็มไปด้วยชั้นเก็บตำราวิชามากมาย

นิกายพันธมิตรสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมานับพันปี

มรดกตกทอดย่อมล้ำลึกจนมิอาจคาดเดาได้

ซึ่งภายในศาลายุทธ์แห่งนี้เก็บสะสมสรรพวิชาไว้มากกว่า 100000 วิชา !

แม้แต่เคล็ดวิชาระดับล้ำลึกที่ล้ำค่ายิ่งในสายตาจี้เทียนซิงก็มีไม่ต่ำกว่า

10,000 เล่มในห้องโถงใหญ่ชั้นสอง

จี้เทียนซิงตาลายและใช้เวลาค่อนข้างมากในการค้นอ่านตำรายุทธ์  จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เลือกได้หนึ่งวิชา

มันคือเคล็ดวิชาท่าร่างที่ชื่อ [ย่างก้าวไร้เงา]

เคล็ดวิชานี้เป็นท่าร่างระดับล้ำลึกซึ่งกล่าวไว้ในบทนำว่า

หลังจากฝึกฝนไปจนถึงขีดสุด คนผู้นั้นจะสามารถก้าวถึงขอบเขตลึกลับที่เดินราวกับบินและหากบินก็บินอย่างไร้เงา

!

จี้เทียนซิงรู้สึกว่าคำกล่าวในบทนำนี้ดูจะเวอร์วังเกินจริงไปเสียหน่อย

แต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง

หลังออกจากศาลายุทธ์  เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ทันทีที่กลับมาที่ห้อง เขาก็เข้าไปในห้องลับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปิดด่านบ่มเพาะต่อเนื่อง

ครั้งนี้เขาไม่เพียงแค่จะฝึกย่างก้าวไร้เงาเท่านั้น

แต่เขาจะดูดซับเม็ดยาปราณทองคำอีกด้วย

ธาตุหลักของจี้เทียนซิงนั้นเป็นธาตุทอง

เขาเชื่อว่าหลังจากกินยาสองเม็ดนี้เข้าไปแล้วทักษะและพลังปราณของเขา

รวมไปถึงปราณธาตุทองก็จะยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้น !