ย่างก้าวไร้เงา
!
ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะไม่ได้เอ่ยอันใด
แต่แววตาที่เย้ยหยันและเหยียดหยามของเขานั้นเป็นดั่งการตบหน้าซื่อจิงเฉิงอย่างเงียบๆ
ใบหน้าของซื่อจิงเฉิงกลายเป็นมืดครึ้ม
เขาพยายามอย่างมากที่จะข่มความโกรธแค้นและความอัปยศอดสูเพื่อเดินออกมา
เขาเดินกลับไปที่ตำแหน่งเดิม
สายตาจ้องที่พื้นอย่างเลื่อนลอยด้วยความผิดหวังและกระซิบแผ่วเบาว่า
"มันเป็นไปได้ยังไงกัน ? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
“อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้า
ข้าศึกษาศาสตร์แห่งโอสถมาเป็นเวลาห้าปี แต่กลับพ่ายแพ้ให้เจ้าเด็กสารเลวที่มาจากรัฐเล็กๆ
!”
“ข้าไม่ยินยอม !”
ซื่อจิงเฉิงกำหมัดแน่นและหันศีรษะไปจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างเคียดแค้น
อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงไม่สนใจ
เขาเงยหน้ามองไปที่ฮั่นเฉียวเซิง
ในขณะเดียวกันฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศผลการประเมินในครั้งนี้
“จากการทดสอบพวกเจ้าทั้งสิบ ลู่หมิงหยางสอบตก
ถูกลงโทษให้ทำความสะอาดหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ส่วนเม็ดยาทั้งสามของจี้เทียนซิงมีคุณภาพสูงที่สุด
ได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาปราณทองคำสองเม็ดและมีสิทธิ์เลือกเรียนวรยุทธ์ระดับล้ำลึกหนึ่งวิชาจากศาลายุทธ์ของนิกาย”
“นี่คือกฎกติกาของหอยุทธ์เรา ผู้ชนะได้รางวัล
ผู้แพ้ต้องถูกลงโทษ
ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะตั้งใจเรียนรู้อย่างหนักต่อไปและไม่ทำตัวหย่อนยานในอนาคต !”
หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเอาเม็ดยาสีทองบริสุทธิ์สองเม็ดมอบเป็นรางวัลให้แก่จี้เทียนซิง
ส่วนวรยุทธ์ระดับล้ำลึกนั้น
จี้เทียนซิงต้องไปที่ศาลายุทธ์เพื่อศึกษาและเลือกมาฝึกหนึ่งวิชา
หลังจากมอบรางวัลเสร็จแล้วฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศสิ้นสุดการประเมินและเดินออกจากห้องโถงพร้อมกับตู้หวู่
หลังจากทั้งสองจากไป
บรรดาศิษย์ก็หันไปมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าซับซ้อน
ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ต่างก็มองจี้เทียนซิงด้วยสายตาที่เย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ก่อนเริ่มการประเมินพวกเขายังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเยาะเย้ยถากถางจี้เทียนซิงเกี่ยวกับการปรุงยา
พวกเขาตราหน้าว่าจี้เทียนซิงไม่มีทางปรุงยาได้และต้องอับอายจนไม่มีหน้าอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้อีกต่อไป
แต่ผลที่ปรากฎออกมากลับกลายเป็นว่าจี้เทียนซิงได้อันดับหนึ่งและก้าวข้ามเหนือพวกเขาไปแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจและไม่สามารถสู้หน้าผู้คนได้
พวกเขาแทบอยากจะหลบลี้หนีหน้าในทันที
ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องและไม่เต็มใจ พวกเขารีบก้าวยาวๆออกจากห้องโถงใหญ่กลับไปเก็บตัวที่ห้อง
พวกเขาไม่กล้าสู้หน้าจี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆ
ส่วนศิษย์คนอื่นๆกลับจ้องมองที่เม็ดยาปราณทองคำในมือของจี้เทียนซิงด้วยสายตาอิจฉาเลื่อมใส
สีหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่
“เม็ดยาปราณทองคำ
นี่คือเม็ดยาระดับล้ำลึกที่ล้ำค่ายิ่งนัก !”
“เม็ดยานี้เป็นโอสถทรงคุณค่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณแท้
มันไม่เพียงแค่ดีที่สุด แต่ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันยังช่วยปรับปรุงปราณธาตุทองอีกต่างหาก นี่เป็นเม็ดยาที่มีสรรพคุณครอบจักรวาลโดยแท้ !”
“ข้าคิดไม่ถึงว่าครูฝึกฮั่นจะใจป้ำควักเม็ดยาระดับล้ำลึกสองเม็ดออกมาเป็นรางวัลสำหรับการประเมิน
! ถ้ารู้ว่าของรางวัลล้ำค่าขนาดนี้
ข้ายอมอดหลับอดนอนฝึกปรุงยาให้พื้นฐานแน่นกว่านี้ไปนานแล้ว !”
“เฮ้อ โลกนี้ไม่มีสิ่งใดคาดเดาล่วงหน้าได้
ใครจะไปรู้ว่าซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งการปรุงยาจะพ่ายแพ้ต่อจี้เทียนซิงที่ไม่เคยปรุงยามาก่อน นี่นับว่าแปลกมาก !”
“ฮ่าๆ
เรื่องนี้ต้องโทษพวกมันเองที่ออกตัวแรงเกินไป
เวลาแพ้ขึ้นมาจึงต้องทนรับความอัปยศและขายหน้าในที่สาธารณะ !”
“ใช่สมน้ำหน้าพวกมัน ก่อนหน้านี้ทำตัวหยิ่งยโสนัก
ราวกับไม่เห็นพวกเราทั้งหมดในสายตา !”
จี้เทียนซิงเก็บเม็ดยาปราณทองคำกลับไปในขณะที่ฟังเหล่าศิษย์กระซิบกระซาบกัน เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและเผยรอยยิ้มขึ้น
เขาได้ยินว่าก่อนหน้านี้ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ไม่เห็นผู้ใดในสายตาหากเป็นการแข่งขันปรุงยา
แม้กระทั่งศิษย์ร่วมหอเคยไปขอคำชี้แนะ พวกเขาก็ไม่สนใจ
จนกระทั่งวันนี้ที่จี้เทียนซิงเอาชนะทั้งสองในการปรุงยาต่อหน้าสาธารณะ
ทำให้ศิษย์คนอื่นๆรู้สึกมีความสุขในความโชคร้ายของพวกเขา
ถึงแม้ผิวเผินจี้เทียนซิงจะยังคงสงบเยือกเย็น
แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้อันดับหนึ่ง
ขอแค่ผ่านการประเมินและไม่ทำให้ครูฝึกฮั่นผิดหวังเขาก็พอใจแล้ว เขาไม่อยากถูกศิษย์คนอื่นๆหัวเราะเยาะในความล้มเหลวก็เท่านั้น
แต่กระนั้นผลที่ออกมากลับเกินคาดคิด
เขาฝึกฝนปรุงยาอยู่ในตำหนักไท่อันแค่คืนเดียวโดยมีเซี่ยงหวู่จี้ชี้แนะไม่กี่คำก็สามารถปรับแต่งเม็ดยาที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้ออกมาได้
จนเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบ
“ถึงแม้ว่าอารมณ์และนิสัยใจคอของตาแก่เหม็นจะค่อนข้างแปลกๆและหัวรุนแรง แต่เขาก็มีความสามารถอันน่าทึ่งอย่างที่โอ้อวดไว้จริง
นอกจากนี้ก็นับว่าดีต่อข้าไม่น้อยทีเดียว....”
“หรือพรุ่งนี้ข้าควรจะกลับไปกวาดพื้นให้เขาต่อ...
?”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
จี้เทียนซิงก็เริ่มชั่งน้ำหนักในใจและรู้สึกว่าการกวาดพื้นให้ตาแก่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหากเทียบกับสิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งเดือน
ในเวลานี้เองเนี่ยห่าวก็เดินเข้ามาตบไหล่ของเขาและกล่าวว่า
“พี่จี้ ยินดีกับท่านด้วย ! ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์ของการประเมินจะน่าทึ่งมากขนาดนี้
ท่านเปิดหูเปิดตาพวกเราจริงๆ !”
เนี่ยห่าวกล่าวอย่างตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มกว้าง
ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่จริงใจอย่างมาก
จี้เทียนซิงรู้สึกกระดากเล็กน้อยและเดินเคียงคู่เนี่ยห่าวออกจากห้องโถงใหญ่
จากนั้นพวกเขาก็อำลาแยกย้ายกันเพราะจี้เทียนซิงต้องออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นไปที่ศาลายุทธ์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์เพื่อเลือกเฟ้นวิชาหนึ่งอย่างที่เป็นรางวัล
ศาลายุทธ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขาของนิกาย
มันเป็นตำหนักที่งดงามและดูสูงส่งมาก
ระหว่างที่เดินทาง จี้เทียนซิงก็มีความคิดในใจลับๆ
“ยังดีที่รางวัลที่ครูฝึกฮั่นมอบให้ข้าคือการ ‘เลือก’ วรยุทธ์ เพราะถ้าหากเขามอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้ข้าคงน่าเสียดายยิ่งแล้ว ข้าแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป
ข้าทั้งบ่มเพาะวิถีใจกระบี่แถมยังฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่ดาราเหินของตาแก่เหม็น ดังนั้นเคล็ดวิชาทั่วไปไม่มีประโยชน์ต่อข้าในตอนนี้
ฝึกซ้ำซ้อนกันเปล่าๆ”
“ยามนี้สิ่งที่ข้าขาดมากที่สุดก็คือเคล็ดวิชาท่าร่าง
ดังนั้นข้าจะเลือกเฟ้นวิชาท่าร่างดีๆสักวิชาหนึ่ง !"
นานมาแล้วที่จี้เทียนซิงคิดจะฝึกวิชาท่าร่างที่ช่วยในการเคลื่อนไหว
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาส
แต่ยามนี้โอกาสมาถึงแล้ว
เขาได้รับสิทธิ์ให้เลือกวิชาระดับล้ำลึกได้หนึ่งวิชา !
................
เมื่อมาถึงที่ศาลายุทธ์
จี้เทียนซิงก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่และแสดงป้ายศิษย์ฝ่ายนอกออกมาต่อหน้าผู้ดูแลชุดดำ
ผู้ดูแลชุดดำได้ทราบเรื่องจากครูฝึกฮั่นแล้ว
เขาจึงแนะนำจี้เทียนซิงโดยสังเขปว่า
“ห้องโถงหลักชั้นแรกของศาลายุทธ์จะเก็บรวบรวมเคล็ดวิชาระดับยอดเยี่ยมเอาไว้ ส่วนชั้นที่ 2 เก็บรักษาเคล็ดวิชาระดับล้ำลึก
และสุดท้ายชั้นที่ 3 เก็บรักษาพวกเคล็ดวิชาจิปาถะ
เจ้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปก็ยังไม่จำเป็นต้องรู้”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและเข้าใจว่าเคล็ดวิชาในชั้นที่
3 อาจจะเป็นสถานที่เก็บเคล็ดวิชาหลายแขนงรวมๆกัน
เช่นการหลอมโอสถ ข่ายอาคม หลอมอาวุธ เป็นต้น
เขาเดินตรงไปที่ชั้นสองทันทีและเดินผ่านห้องโถงใหญ่กว้างที่เต็มไปด้วยชั้นเก็บตำราวิชามากมาย
นิกายพันธมิตรสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมานับพันปี
มรดกตกทอดย่อมล้ำลึกจนมิอาจคาดเดาได้
ซึ่งภายในศาลายุทธ์แห่งนี้เก็บสะสมสรรพวิชาไว้มากกว่า 100000 วิชา !
แม้แต่เคล็ดวิชาระดับล้ำลึกที่ล้ำค่ายิ่งในสายตาจี้เทียนซิงก็มีไม่ต่ำกว่า
10,000 เล่มในห้องโถงใหญ่ชั้นสอง
จี้เทียนซิงตาลายและใช้เวลาค่อนข้างมากในการค้นอ่านตำรายุทธ์ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เลือกได้หนึ่งวิชา
มันคือเคล็ดวิชาท่าร่างที่ชื่อ [ย่างก้าวไร้เงา]
เคล็ดวิชานี้เป็นท่าร่างระดับล้ำลึกซึ่งกล่าวไว้ในบทนำว่า
หลังจากฝึกฝนไปจนถึงขีดสุด คนผู้นั้นจะสามารถก้าวถึงขอบเขตลึกลับที่เดินราวกับบินและหากบินก็บินอย่างไร้เงา
!
จี้เทียนซิงรู้สึกว่าคำกล่าวในบทนำนี้ดูจะเวอร์วังเกินจริงไปเสียหน่อย
แต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลังออกจากศาลายุทธ์ เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ทันทีที่กลับมาที่ห้อง เขาก็เข้าไปในห้องลับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปิดด่านบ่มเพาะต่อเนื่อง
ครั้งนี้เขาไม่เพียงแค่จะฝึกย่างก้าวไร้เงาเท่านั้น
แต่เขาจะดูดซับเม็ดยาปราณทองคำอีกด้วย
ธาตุหลักของจี้เทียนซิงนั้นเป็นธาตุทอง
เขาเชื่อว่าหลังจากกินยาสองเม็ดนี้เข้าไปแล้วทักษะและพลังปราณของเขา
รวมไปถึงปราณธาตุทองก็จะยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้น !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved