"นับจากนี้ไปก็จงเป็นศิษย์รับใช้ต่อไปเถอะ
!”
เมื่อได้ยินวาจาเกรี้ยวกราดเปี่ยมโทสะของหลงหยุนเซียว
ไป๋หวู่เชินพลันแข็งค้างอย่างโง่งมในทันที
เดิมทีมันคิดว่า เมื่อแจ้งข่าวต่อเทียนจือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจี้เทียนซิงกับหยุนเหยา
อีกฝ่ายคงต้องพิโรธโกรธกริ้วเป็นการใหญ่
ในฐานะที่เป็นโอรสสวรรค์ที่โดดเด่น
เป็นบุตรแห่งตี้จวินผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า การที่ว่าที่ชายาในอนาคตถูกชิงไปนับว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง
หากคิดจากสามัญสำนึกทั่วไป
เทียนจือสมควรสั่งจับกุมตัวหยุนเหยาที่ทำให้ต้องเสียหน้า จากนั้นใช้วิธีการที่รุนแรงเพื่อลงโทษหรือแม้แต่กำจัดอีกฝ่ายให้พ้นหูพ้นตา
ด้วยวิธีการนี้ถึงจะสาสมแก่ใจของไป๋หวู่เชิน
หลังจากมันถูกปลดจากฐานะศิษย์ฝ่ายใน มันตกเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคนในนิกาย
ชื่อสร้างบารมีที่สั่งสมมาถูกลบล้างหมดสิ้น
ความอัปยศอดสูและความเกลียดชังอย่างสุดแสนทำให้จิตใจของมันบิดเบี้ยว
ต่อให้มันมิได้ครอบครองหยุนเหยา
มันก็ไม่มีวันยอมให้จี้เทียนซิงได้นางไปเช่นกัน !
อย่างไรก็ตาม แทนที่เทียนจือจะพิโรธโกรธแค้น
พระองค์กลับด่าทอมันแทน
คำพูดของจักรพรรดิมีค่าดั่งทอง
พระองค์นับว่ามีอิทธิพลต่อนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นอย่างมาก !
หากเทียนจือกล่าวว่าจะให้มันเป็นศิษย์รับใช้ไปชั่วชีวิต
ดังนั้นมันก็จะต้องเป็นศิษย์รับใช้ชั่วชีวิต !
นับจากบัดนี้ไป
ชีวิตในครึ่งหลังของไป๋หวู่เชินพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ !
มันจ้องมองเทียนจือด้วยสีหน้าตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
คนแทบอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ
มันไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนจือถึงมิได้โกรธเคือง
เมื่อได้ยินว่าหยุนเหยาสนิทสนมกับจี้เทียนซิง ?
เมื่อได้เห็นสีหน้าตกตะลึงเหม่อลอยของไป๋หวู่เชิน
หลงหยุนเซียวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาพลางตะคอกเสียงแข็งว่า “เจ้ามัวบื้ออะไรอยู่ ไสหัวไป !”
ไป๋หวู่เชินได้สติกลับมา
คนกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เทียนจืออย่าได้มีโทสะ ! ที่ข้าน้อยพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง
มิได้โป้ปดแม้แต่น้อย”
"เทียนจือ
ข้าน้อยถูกจี้เทียนซิงกลั่นแกล้งรังแก....."
ก่อนที่มันจะพูดจบ หลงหยุนเซียวจ้องมองไปที่นายพลหยูฉิน
ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับทราบในทันที คนเหยียดมือออกไปคว้าจับลำคอของไป๋หวู่เชิน
ลากมันออกจากห้อง
ไป๋หวู่เชินสะบัดตัวดิ้นรนอย่างหนัก
แต่มันก็ไม่สามารถหลุดจากเงื้อมมือนายพลหยูได้แม้แต่น้อย
ต่อหน้าตัวตนระดับนายพลหยูฉินผู้ยิ่งใหญ่
มันดูผอมแห้งและอ่อนแอราวกับไก่ป่วย มิอาจขัดขืนใดๆได้
นายพลหยูฉินลากมันออกจากห้อง
ผ่านลานกว้างและโยนมันออกนอกประตูตำหนัก
ใบหน้าของไป๋หวู่เชินเต็มไปด้วยฝุ่น
สารรูปที่ถูกจับโยนออกไปนั้นช่างดูอดสูน่าเวทนา
โชคดีที่ตอนนี้เป็นยามดึกสงัดจึงไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือได้ยินเสียงร่ำร้องของมัน
มันลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เปรอะไปทั่วตัว
มองไปยังตำหนักในด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
คนกำหมัดและขมกรามแน่นด้วยความโมโห
ความเคียดแค้นเกลียดชังเอ่อล้นไปทั่วหัวใจของมัน จะหันหน้าไปทางไหนก็ไม่มีผู้ใดช่วยมันได้
"บัดซบเอ๊ย ! บัดซบที่สุด ! อย่างเจ้าสมควรแล้วที่ถูกแย่งสตรีไป !”
มันคำรามอย่างลับๆ ก้นด่าสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง
"ข้าอุตส่าห์บอกเจ้าด้วยเจตนาที่ดี
เจ้าไม่เพียงไม่ขอบคุณข้าแต่ยังสั่งให้ข้าเป็นศิษย์รับใช้ เจ้าทำลายชีวิตข้า !”
"เดรัจฉาน ! เดรัจฉานจี้เทียนซิง เจ้าก็ด้วย
พวกเจ้าทุกคนไปตายกันให้หมดเลย !!”
ไป๋หวูเชินยืนอยู่ด้านนอกประตูตำหนักเทียนเหอและเห่าหอนอยู่นาน
ก่อนจะสะบัดปลายแขนเสื้อเดินจากไป”
อีกด้านหนึ่ง นายพลหยูฉินก็ได้กลับไปที่ห้องของหลงหยุนเซียวแล้ว
เมื่อได้เห็นสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจังของอีกฝ่าย
นายพลหยูฉินกำหมัดโค้งคำนับแล้วถามว่า “เทียนจือ
ฟังจากคำพูดและการตอบสนองของไป๋หวู่เชิน
บางช่วงบางตอนสิ่งที่มันพูดมามิคล้ายจะเป็นเรื่องโกหก
ไฉนพระองค์ถึงได้จัดการกับมันเช่นนี้เล่าขอรับ ?"
หลงหยุนเซียวแสยะยิ้มมุมปาก
ใบหน้าเผยอาการดูถูกเหยียดหยามกล่าวว่า “เราเทียนจือย่อมทราบดีว่าบางเรื่องที่ไป๋หวู่เชินพูดมาเป็นความจริง
เหยาเหยาสนิทสนมกับจี้เทียนซิงมาก"
"อย่างไรก็ตาม
สำหรับเรื่องนี้เรามีความคิดอ่านของเราเอง
จำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องเต้นไปตามเกมของคนชั่วช้าอย่างมัน ?"
"มันกลับดำเป็นขาวปกปิดข้อเท็จจริงต่อหน้าเรา
ใส่ร้ายป้ายสีจี้เทียนซิงก็เพราะมันถูกความโกรธเกลียดเข้าครอบงำ มันไม่มีความสามารถพอจะล้างแค้นได้ด้วยตัวเอง
ดังนั้นมันจึงต้องการยืมมือเราจัดการกับจี้เทียนซิง !”
"เฮอะ คนชั่วช้าเจ้าเล่ห์คิดว่าตนเองฉลาด
หวังจะหลอกใช้เราเทียนจืองั้นหรือ ? น่าขันนัก !”
หลังจากฟังคำอธิบายของหลงหยุนเซียว
นายพลหยูฉินก็ตระหนักได้ในทันทีและกล่าวว่า “เทียนจือช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
ความคิดอ่านของผู้ที่มีจิตใจสกปรกมิอาจเล็ดรอดสายตาพระองค์ไปได้เลย"
หลงหยุนเซียวโบกมืออย่างสง่างาม
คนกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า
“ไม่ต้องพูดถึงบุคลผู้นั้นแล้ว
เข้าเรื่องภารกิจกันเลยดีกว่า”
นายพลหยูฉินโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและถามว่า “เทียนจือ
พระองค์คิดแก้ปัญหาเรื่องความบาดหมางระหว่างพันธมิตรสวรรค์และกระบี่ฟ้าอย่างไรขอรับ
?"
หลงหยุนเซียวกล่าวช้าๆว่า
“ก่อนหน้านี้ฉู่เทียนเซิงรายงานเหตุผลอย่างละเอียดต่อเราอย่างลับๆมาบ้างแล้ว”
“ประมุขฉู่สงสัยว่ามีพวกเผ่าพันธุ์มารปีศาจแฝงตัวอยู่ในนิกายกระบี่ฟ้า
วางแผนเป่าหูเทียนเจี้ยนจงและยั่วยุให้สองนิกายประจัญหน้ากัน"
นายพลหยูฉินพยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“ย่อมเป็นไปได้ขอรับ
ก่อนหน้านี้ตี้ซื่อเคยพูดว่าอาณาจักรเทียนเฉินมีไอมารปะทุซ่าน
มีมารปีศาจหลบซ่อนอยู่ในดินแดนนี้”
“อืม” หลงหยุนเซียวพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวเสียงราบเรียบว่า
“เราได้รับบัญชาจากพระบิดาให้มาตรวจสอบสถานการณ์โดยรวมของอาณาจักรเทียนเฉิน
และเป้าหมายหลักก็คือการกำจัดพวกมารที่หลงเหลือ !”
“ตราบเท่าที่พวกมารชั่วได้ถูกกำจัด
ความเกลียดชังระหว่างพันธมิตรสวรรค์และกระบี่ฟ้าย่อมได้รับการแก้ไขในแนวทางที่ดี"
นายพลหยูฉินขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นถามไปว่า “เทียนจือ
เช่นนั้นพวกเราควรดำเนินการอย่างไรต่อไปขอรับ ? เริ่มจากตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกมารดีหรือไม่
?”
หลงหยุนเซียวผงกศีรษะและสั่งการด้วยท่าทางองอาจผ่าเผย
“นายพลหยูฉิน
ตอนนี้ท่านนำแผ่นมังกรเทียนซวนออกมา เราจะตรวจจับรัศมีพลังปราณของพวกมาร”
"เราอยากดูว่ามีพวกมารหลงเหลืออีกจำนวนมากน้อยเท่าใดในดินแดนดาราบรรพกาล
ดูว่าพวกมันกล้าดียังไงถึงได้มาอาละวาดในอาณาเขตของเรา !”
"รับบัญชาขอรับ !”
นายพลหยูฉินป้องมือรับคำสั่ง
จากนั้นหยิบกล่องอาคมสีทองออกมาจากแหวนมิติอย่างรวดเร็ว
อาคมทองคำกล่องนี้ทำจากวัสดุไม่ทราบที่มา
ทั่วทั้งกล่องเป็นสีทองเข้ม ขอบแกะสลักด้วยลวดลายมังกรและเส้นสายอาคมจำนวนมาก
วู้ม !
ในขณะที่นายพลหยูฉินปลดปล่อยปราณยุทธ์มหาศาลให้ถ่ายเทเข้าไปในนั้น
ทั่วทั้งอาคมขยายออกเป็นข่ายอาคมขนาดใหญ่ที่กว้างห้าเมตร ยาวห้าเมตรในพริบตา
ภายในข่ายอาคมมีเพียงความมืดมิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายพลหยูฉินร่ายเคล็ดอาคมด้วยสองมือ
ลำแสงสีทองเข้มพลันส่องสว่างเจิดจ้าในข่ายอาคม ควบแน่นก่อตัวขึ้นเป็นม่านแสง
เส้นสายอักขระเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นบนม่านแสง
มันลากเป็นภูเขา แม่น้ำและป่าอันกว้างใหญ่จนไปถึงทุ่งหญ้าอาณาเขตไพศาล
ภายในครึ่งชั่วยาม ภาพมายาที่สมบูรณ์แบบได้ปรากฏขึ้นในม่านแสง
มันเป็นแผนที่ที่สมบูรณ์ยิ่งของดินแดนดาราบรรพกาลทั้งหมด
นายพลหยูฉินยังคงร่ายอาคมลับในการสำรวจไอมารโดยอาศัยพลังของแผ่นมังกรเทียนซวน
หลงหยุนเซียวกอดอกและจ้องมองไปในแผนที่ รอคอยอย่างสงบและอดทน
หลังจากผ่านไปราวๆหนึ่งร้อยลมหายใจ
เมื่อนายพลหยูฉินหยุดร่ายอาคม
แผนที่ของแผ่นมังกรเทียนซวนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที
พื้นที่สองจุดในแผนที่พลันส่องสว่างไปด้วยแสงสีดำและกลั่นตัวเป็นหมอกทมิฬ
หนึ่งในกลุ่มหมอกทมิฬนี้มีความมืดมิดที่หนาแน่นมาก
มันตั้งอยู่ใจกลางของแผนที่เยื้องไปทางทิศใต้ ส่วนหมอกทมิฬอีกจุดหนึ่งดูเบาบางกว่า, อยู่ทางทิศตะวันตก
หมอกสีดำที่ดูเบาบางบ่งชี้ว่าไอมารนั้นอ่อนแอ
ความแข็งแกร่งของพวกมาร ณ สถานที่แห่งนั้นอ่อนแอ
และจุดที่หมอกทมิฬหนาแน่นเป็นสีดำมิดก็ย่อมหมายความว่าไอมารในสถานที่นั้นรุนแรง
เหล่ามารก็ต้องแข็งแกร่งทรงพลังมาก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved