ตอนที่ 236 ข้าจะหามาคืนให้ท่าน

เมื่อจี้เทียนซิงได้ยินคำพูดของเซี่ยงหวู่

หน้าผากของเขาก็เกิดเป็นรอยย่น ดวงตาทอประกายประหลาดใจและกล่าวว่า

“ท่านผู้ดูแล เรื่องนี้เป็นไปได้หรือ ?”

“สัตว์เลี้ยงของข้า, เฉียนเยวี่ยยังเด็กและมีพลังไม่มากนัก

แล้วมันจะไปสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามได้อย่างไร ?”

จี้เทียนซิงรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นห้า  แม้ว่าสวนหลิงโซ่วของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะมีสัตว์อสูรวิญญาณหลายสิบชนิด

แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นระดับหนึ่งหรือสอง

ซึ่งระดับสามนั้นหาได้ยากนักและมีอยู่ไม่กี่ตัว

ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเฉียนเยวี่ยวสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสามได้

ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือไม่เชื่อเรื่องนี้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเซี่ยงหวู่นั้นดูเคร่งขรึมและกล่าวว่า

“จี้เทียนซิง ข้ามิได้ล้อเล่น เจ้าควรตามข้าไป”

จี้เทียนซิงกล่าวอย่างใจเย็น “ตกลง

ผู้เยาว์ก็อยากไปดูเหมือนกันว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดกันหรือไม่”

ดังนั้นเขาจึงติดตามเซี่ยงหวู่ออกจากตำหนักเทียนซิงเพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนหลิงโซ่ว

ยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนหลิงโซ่วนั้นตั้งอยู่ด้านหลังขุนเขาทั้งเก้าของนิกายพันธมิตรสวรรค์ซึ่งนับว่าไกลพอสมควร

ชายทั้งสองเร่งรุดไปอย่างรวดเร็วและใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามก่อนที่จะไปถึงเชิงเขาของสวนหลิงโซ่ว

บริเวณเชิงเขามีบ้านและตำหนักหลายสิบหลัง แต่อาณาเขตส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งซึ่งมีพุ่มไม้และต้นหญ้าต่ำๆ

โดยที่บริเวณนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูงและข่ายปราณ

ทันทีที่มาถึงเซี่ยงหวู่ก็พาจี้เทียนซิงเข้าไปในสวนหลิงโซ่วเพื่อตรวจสอบสัตว์อสูรวิญญาณที่ถูกสังหาร

มันเป็นเสือดาวมายาที่มีความยาวลำตัวมากกว่าสี่เมตร

มันมีสีเทาเข้มและเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งทรงพลัง

ดูจากลักษณะแล้ว

มันคือสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามอย่างแน่นอน

มันเป็นจ้าวขุนเขาที่ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน

น่าเสียดายที่มันอยู่ในสวนหลิงโซ่วได้เพียงห้าปีกลับต้องมานอนตายอย่างเงียบงันภายในป่า

บนร่างกายของมันไม่มีรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด

จะมีก็เพียงรอยจากกรงเล็บเล็กๆบนศีรษะของมันที่ทำให้กระโหลกศีรษะแตกจนสมองไหล ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

จี้เทียนซิงรู้ได้ทันทีว่าเสือดาวมายาตัวนี้ถูกโจมตีจากอุ้งเท้าของสัตว์อสูรวิญญาณ

เซี่ยงหวู่ดูสภาพอันน่าสังเวชของเสือดาวมายาด้วยสีหน้าเศร้าสลดพลางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “เฮ้อ

ข้าเลี้ยงดูมันมาถึงห้าปี

แต่มันกลับต้องมาพบจุดจบและมีสภาพน่าสงสารเช่นนี้”

“เดิมทีมันถูกจัดเตรียมไว้มอบเป็นรางวัลให้แก่ศิษย์ฝ่ายในที่แสดงผลงานได้ดีในรายชื่อขั้นสวรรค์ในเดือนหน้า”

“แต่ตอนนี้… เฮ้อ !”

เซี่ยงหวู่ส่ายหัวและถอนหายใจอย่างหนัก

จี้เทียนซิงไม่ได้พูดอะไรและกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ท่านผู้ดูแลเซี่ยง

รบกวนพาข้าไปพบเฉียนเยวี่ยหน่อย”

เซี่ยงหวู่พยักหน้าพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมกล่าวว่า

“เรื่องนี้ผู้อาวุโสอู๋รับรู้แล้ว สัตว์อสูรของเจ้าถูกกักตัวไว้

ท่านกำลังรอเจ้าอยู่ในห้องโถง ตามมาทางนี้ข้าจะพาเจ้าไป”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามเซี่ยงหวู่ก็พาจี้เทียนซิงเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของหอหลิงโซ่ว

ภายในนั้นมีชายชราร่างผอมผมสีเทานั่งอยู่ที่นั่งแรก

เขาปิดตาสองข้างลง สีหน้าไม่แสดงอาการใดๆออกมา

คนผู้นี้ก็คืออาวุโสอู๋แห่งหอหลิงโซ่ว

เขาเคยมอบของขวัญให้แก่จี้เทียนซิงในพิธีรับศิษย์สายตรงอีกด้วย

บนโต๊ะไม้ถัดจากที่นั่งของอาวุโสอู๋มีกรงเหล็กสีดำวางอยู่ มันถูกจารึกไว้ด้วยเส้นสายอาคมที่กระพริบจางๆเป็นระยะ

มันเปล่งประกายพลังปราณออกมาอย่างเจิดจ้า

เฉียนเยวี่ยนอนขดตัวอยู่ในกรงเหล็กด้วยท่าทางดูง่วงนอน ในเวลานั้นเซี่ยงหวู่ก็พาจี้เทียนซิงเข้ามาในห้องโถงและโค้งคำนับต่ออีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “เรียนท่านอาวุโสอู๋

ข้าน้อยพาจี้เทียนซิงมาแล้วขอรับ !”

ผู้อาวุโสอู๋ค่อยๆเปิดตาขึ้นในขณะที่จ้องมองไปยังจี้เทียนซิงด้วยแววตาเฉยชา

เฉียนเยวี่ยที่อยู่ในกรงเหล็กก็ถูกปลุกขึ้นด้วยคำพูดของเซี่ยงหวู่

มันเชิดศีรษะน้อยๆขึ้นจ้องมองไปทันที และเมื่อได้เห็นจี้เทียนซิงก็เผยรอยยิ้มที่โล่งใจออกมา

จี้เทียนซิงก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ “ศิษย์จี้เทียนซิงคารวะผู้อาวุโสอู๋”

อาวุโสอู๋พยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “จี้เทียนซิง

ผู้ดูแลเซี่ยงพาเจ้าไปดูศพของเสือดาวมายาแล้วหรือยัง ? ”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวตามจริงว่า “ศิษย์เห็นแล้วขอรับ”

“อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่าสัตว์เลี้ยงของศิษย์เป็นผู้สังหารเสือดาวมายา

บางทีเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำอย่างอื่น”

ผู้อาวุโสอู๋ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หืม ? มีเงื่อนงำ ?  เรื่องนี้เซี่ยงหวู่เห็นกับตา

แถมสัตว์เลี้ยงของเจ้าก็สารภาพเอง เจ้ายังคิดจะปกป้องมันอีกหรือ ?”

จี้เทียนซิงยังมิตอบคำ

เขามองไปที่เฉียนเยวี่ยในกรงเหล็กและถามว่า “เฉียนเยวี่ยเจ้าฆ่าเสือดาวมายาจริงหรือ ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฉียนเยวี่ยก็มีสีหน้าขุ่นเคืองพลางกล่าวว่า “สหายจี้

ฟังกันก่อน เรื่องนี้ตำหนิข้าไม่ได้นา !”

“เรื่องมันเริ่มมาจากเจ้าเสือดาวน้อยตัวนั้น

จู่ๆมันก็เกิดคลั่งและพุ่งมาทำร้ายข้าก่อน ข้าเพียงป้องกันตัวตอบโต้เฉยๆ

ใครจะยอมเป็นเนื้อบนเขียงให้ผู้คนสับได้ตามใจชอบเล่า ถูกไหม ?”

“ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเสือดาวน้อยตัวนั้นเบื้องหน้าดูทรงพลังแต่กลับอ่อนแอสิ้นดี....

ข้าฟาดอุ้งมือไปผัวะเดียว มันก็.....”

จี้เทียนซิงรู้สึกประหลาดใจและถามด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ

“เจ้าสังหารเสือดาวมายาด้วยอุ้งเท้าเดียวงั้นหรือ ? นั่นมันสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามเลยนะ

!”

ผู้อาวุโสอู๋ที่ฟังการสนทนาของทั้งสองและเห็นว่าพวกเขาไม่มีความละอายราวกับไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มืดมนลงพลางในกระซิบในใจว่า

“เจ้าหนูนี่ทำไมยังไม่รู้สึกผิดอีก

? สัตว์เลี้ยงตัวเองก่อเรื่องแต่กลับมีท่าทางยินดี

นี่มันจะไร้ยางอายเกินไปหรือไม่ ?!”

เฉียนเยวี่ยดูเหมือนจะกลัวจี้เทียนซิงโกรธ

มันจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “สหายจี้ เรื่องนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ! ข้าแค่ไปเดินเล่นในสวนหลิงโซ่ว

ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆเจ้าเสือดาวน้อยจะบ้าคลั่งและพุ่งมากัดข้า”

“แถมมันยังอ่อนปวกเปียกเกินไป

ข้าแค่ตอบโต้ตามสัญชาตญาณ

สะบัดอุ้งเท้าไปมั่วซั่วเท่านั้นแต่มันกลับซี๊แหงแก๋ซะงั้นอ่า”

“สหายจี้ ข้าเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ

ข้าไม่ได้เจตนาจะฆ่ามันจริงๆ !”

หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้จากปากของเฉียนเยวี่ย

จี้เทียนซิงก็รู้สึกโล่งอกผสมกับความยินดี เขาคิดในใจว่า

“เฉียนเหยวี่ยเพิ่งฟื้นฟูพลังกลับมาได้เพียงสามส่วนเท่านั้นแต่มันกลับทรงพลังจนถึงขั้นสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามได้ด้วยอุ้งเท้าเดียว”

“ถ้าหากมันฟื้นฟูกลับมาได้ห้าถึงหกส่วนเล่า

? มิใช่ว่ามันจะสามารถต่อกรกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับสี่ที่มีพลังในขอบเขตปราณโอสถ*ได้เลยหรือ ?”

คิดถึงเรื่องนี้ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง  เมื่อเห็นว่าเฉียนเยวี่ยดูเป็นกังวลและกระวนกระวาย

ชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาเถอะเฉียนเยวี่ย

ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”

เฉียนเยวี่ยพยักหน้าและเผยรอยยิ้มกว้าง “สหายจี้

ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องเชื่อข้า !”

ทันใดนั้นใบหน้าของผู้อาวุโสอู๋ก็เข้มขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “จี้เทียนซิง

ที่ข้าเรียกเจ้ามามิใช่ว่าต้องการให้เจ้าปลอบโยนมัน แต่เรียกมาเพื่อสะสางเรื่องนี้

!”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเข้าใจขอรับ

ในเมื่อเสือดาวมายาถูกสัตว์เลี้ยงของข้าสังหารไปจริง

เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ส่วนเรื่องนี้จะสะสางอย่างไร

ผู้เยาว์ขอเรียนถามผู้อาวุโสอู๋ก็แล้วกันขอรับ”

ผู้อาวุโสอู๋ไม่พอใจอย่างมากกับทัศนคติของอีกฝ่าย

เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “แก้ไขยังไง ? แน่นอนว่าข้าย่อมลงโทษเจ้าตามกฎของนิกาย

เจ้านำเสือดาวมายากลับคืนมาให้ข้าได้หรือไม่เล่า ?”

จี้เทียนซิงส่ายหัวทันทีและกล่าวว่า “จะให้นำเสือดาวมายากลับคืนย่อมเป็นไปไม่ได้

แต่ศิษย์จะหาทางนำสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามคืนให้ท่านหนึ่งตัว

เช่นนี้ดีหรือไม่ขอรับ?”

***แก้ไขเรียงลำดับพลังนิดนึงครับ ปราณแท้ -

ปราณจิต – ปราณโอสถ 元丹境 แล้วถึงจะไปปราณฟ้า***