นอกจากนี้ยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังของมังกรสองหัว
มันเป็นชายวัยกลางคนผู้งามสง่าในชุดเกราะทองคำ
แต่งกายเหมือนขุนพลทั่วไป,
มันคือนายพลหยูหลิน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนในจัตุรัสมิได้แยแสสนใจนายพลหยูหลินแต่อย่างใด
ดวงตาของพวกมันล้วนตกไปอยู่ที่ชายหนุ่มรูปนามเบื้องหน้า
ทุกคนต่างรู้ว่าโอรสแห่งสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานได้มาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้ว
!
ประมุขแต่ละนิกาย, ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็เผยสีหน้ายำเกรง
ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
หัวหน้าศิษย์ทุกคนจ้องมองไปที่โอรสสวรรค์บนหลังมังกรทอง
แสดงสีหน้าเคารพออกมาอย่างแรงกล้า
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
สงบ เยือกเย็นและดูไม่แยแส
คนสองที่ว่านี้ย่อมเป็นจี้เทียนซิงและหยุนเหยา
"วูบ วูบ !"
มังกรทองสองเศียรบินอยู่เหนือศีรษะของทุกคน
ก่อให้เกิดสายลมแรงและรัศมีพลังกดดันที่มองไม่เห็น
ต้นไม้รอบจัตุรัสถูกลมพัดแรงจนเอนเอียงใกล้จะหักโค่น ชายอาภรณ์ของทุกคนสะบัดพัดพลิ้วไปตามลมแรงเช่นเดียวกัน
มังกรทองบินเวียนเป็นวงกลมอยู่สองรอบ
จากนั้นมันก็ค่อยๆร่อนลง
"ตึง !!"
ทันทีที่กรงเล็บมังกรทั้งห้ากระทบผืนแผ่นดิน พื้นหินชวนที่แข็งแกร่งพลันเกิดหลุมขนาดใหญ่ห้าหลุมและรอยปริร้าวรอบๆในทันที
รูม่านตาของทุกคนหดวูบลงและตึงแน่น
ในใจลอบตื่นตะหนกและยำเกรงต่อพลานุภาพของโอรสสวรรค์และลานจักรพรรดิในตำนาน
"ตุบ ! ตุบ !"
เทียนจือกระโดดลงจากหลังมังกรทองเป็นคนแรก
ร่อนลงบนกลางจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
นายพลหยูหลินเดินตามรอยเท้าของอีกฝ่าย กระโดดลงบนจัตุรัสและยืนเงียบๆด้านหลัง
ห่างไปสามก้าวพอดิบพอดี
วูบ !
จากนั้นเทียนจือยกมือซ้ายขึ้นโบกไปทางมังกรทอง
มันผงกเศียรและร่างกายของมันก็ส่องแสงสีทองออกมา
ขนาดตัวหดลงอย่างรวดเร็วจนเล็กลงเรื่อยๆ
วู้ม !!
ภายในชั่วกระพริบตา มังกรทองสองเศียรที่ยาวนับพันเมตรก็กลายเป็นลูกปัดมังกรคู่ที่ขนาดเพียงนิ้วโป้ง
ลอยไปตกบนฝ่ามือของเทียนจือ
จากนั้นเทียนจือก็รั้งมือกลับ
เดินสองมือไพล่หลัง ตรงไปยังฝูงชน
มันยืนอยู่ห่างจากฉู่เทียนเซิงไปสิบก้าว
กวาดสายตาคมกล้ามองฝูงชนอย่างสงบเยือกเย็น
ดวงตาที่เฉยเมยของมันจ้องผ่านฉู่เทียนเซิงเป็นอันดับแรก
ตามมาด้วยแถวที่สองและสาม เพ่งมองประมุขทุกนิกาย หัวหน้าศิษย์ทุกคน
ส่วนเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังสุด
มันไม่แยแสและเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง
แน่นอน ยามที่มันกวาดสายตาผ่านหยุนเหยา
มันหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งและเผยรอยยิ้มบางที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นขึ้น
ในเวลานี้เอง ทุกคนก็กล่าวทักทายและประสานมือโค้งคำนับอย่างเคารพนอบน้อม
"พวกเราเหล่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งเทียนเฉิน
ขอน้อมรับโอรสสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง !"
เสียงของทุกคนตะเบ็งออกมาพร้อมกันเป็นคลื่นเสียงที่ดังก้องไปด้วยทั้งจัตุรัส
ชวนให้ผู้ได้ยินต้องรู้สึกขยาดเขลา ขนลุกขนพอง
เทียนจือผงกศีรษะของมันเล็กน้อย
สีหน้าไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ
พลันยกมือขึ้นอย่างถ่อมตนและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ
“พวกท่านทุกคนมิต้องมากมารยาทไป เชิญลุกขึ้นทำตัวตามสบายเถิด !”
ทุกคนลุกขึ้นยืนทันทีและจ้องมองโอรสสวรรค์อย่างใกล้ชิด
เพ่งพิศวงหน้าที่แท้จริงของผู้ที่ได้ชื่อว่าบุตรแห่งสวรรค์
ดวงตาของเทียนจือจับจ้องไปที่ฉู่เทียนเซิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านนี้สมควรเป็นประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์, ฉู่เทียนเซิงแล้วกระมัง ?”
ฉู่เทียนเซิงรีบคารวะอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อมว่า
"คาวระเทียนจือ เป็นกระหม่อมเอง !"
เทียนจือพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
ฉู่เทียนเซิงผายมืออย่างรวดเร็วและกล่าวต่อไปว่า
“ทูลฝ่าบาท
พวกกระหม่อมคอยต้อนรับพระองค์อยู่ที่นี่ ไม่เพียงทำตามบัญชาของลานจักรพรรดิ แต่ยังเพื่อน้อมสนองต่อเจตนาแท้จริงของที่ลานจักรพรรดิมีต่อสถานการณ์โดยรวมด้วยขอรับ"
"กระหม่อมได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ในห้องโถงแล้ว
ขอให้พระองค์เสด็จไปบอกกล่าวเรื่องราวต่อพวกเราในห้องโถงเถิดขอรับ
ที่นั่นสะดวกสบายกว่า"
หลังจากพูดจบฉู่เทียนเซิงก็โค้งตัวลงและผายมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญอีกฝ่าย
เทียนจือพยักหน้าและเดินนำหน้าไป
ตามมาด้วยนายพลหยูหลิน มุ่งหน้าไปยังห้องโถง
ฉู่เทียนเซิงก้าวเท้าเดินตามติด
และตามหลังมาด้วยเหล่าประมุขนิกายอื่นๆและผู้อาวุโส
หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยลมหายใจ ทุกคนก็เข้าไปในตำหนักฉิงเทียนกันพร้อมหน้า
แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ย่อมมีบรรยากาศอึดอัดเกี่ยวกับเรื่องการจัดแจงตำแหน่งที่นั่ง
เทียนจือย่อมนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดเป็นที่แน่นอน
เคียงข้างด้วยนายพลหยูหลินที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ใบหน้าของมันเคร่งขรึมสง่างามตามแบบฉบับทหารกล้าไม่ผิดเพี้ยน
ประมุขนิกายทั้งแปดและผู้อาวุโส
นั่งเป็นสองแถวที่ด้านข้างของห้องโถง
ทางด้านซ้ายมือของเทียนจือนั่งไว้ด้วยฉู่เทียนเซิง
พระแม่สุ่ยเยวี่ย เหยียนจางเหมินและฉีจ้ง
ส่วนอีกสี่คนทางด้านขวา เทียนเจี้ยนจงนั่งอยู่เป็นลำดับแรก
ตามมาด้วยประมุขนิกายเจิ้นหวู่ เฟิงฮั่วและพันใบไม้ร่วง
สำหรับอาวุโสและหัวหน้าศิษย์ของแต่ละนิกายนั้นยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมีที่นั่ง
ทำได้เพียงยืนอยู่ด้านหลังประมุขของแต่ละคน
จี้เทียนซิงและหยุนเหยายืนเคียงข้างกันอยู่หลังฉู่เทียนเซิง
โดยมีเฟิงหมินอยู่หลังพระแม่สุ่ยเยวี่ยและอู่อวี้อยู่หลังเหยียนจางเหมิน
ส่วนผู้ที่อยู่ด้านหลังเทียนเจี้ยนจงมีเพียงหวงฟู่ผู้เดียว
ท้ายที่สุดซื่อเหวินหยูหัวหน้าศิษย์ก็ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
ซึ่งเทียนเจี้ยนจงก็ยังมิได้เลือกเฟ้นศิษย์สายตรงคนใหม่
จากนั้นเทียนจือกวาดตาผ่านฝูงชนอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า
“จ้าวสำนักและประมุขทุกท่าน
เรามาเยือนอาณาจักรเทียนเฉินในครั้งนี้ตามพระบัญชาของตี้จวินแห่งลานจักรพรรดิ
เพื่อเป็นคนกลางในสถานการณ์โดยรวม"
"เพื่อรักษาสถานภาพของทุกฝ่ายให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคง
ให้แน่ใจว่าปวงประชาได้อยู่ดีมีสุขและเจริญรุ่งเรือง ไร้ซึ่งไฟสงคราม"
"พวกท่านทุกคนต่างก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่
เป็นประมุขของสำนักนิกาย ปกครองอาณาจักรเทียนเฉินและดินแดนดาราบรรพกาลมาเนิ่นนาน พวกท่านจำเป็นต้องร่วมมือกัน
หันหน้าเข้าหากันและอยู่กันอย่างปรองดอง"
ประมุขทั้งแปดต่างก็พยักหน้าอย่างลับๆและจ้องมองเทียนจือด้วยความคาดหวังในใจ
สำหรับความขัดแย้งระหว่างนิกายกระบี่ฟ้าและนิกายพันธมิตรสวรรค์นั้น
ทุกคนที่เกี่ยวข้องต่างก็รู้ดี
ทุกคนเริ่มสงสัยและขบคิดในใจอย่างลับๆ พวกมันดูไม่ออกว่าท่าทีเช่นนี้ของเทียนจือสื่อถึงอะไร
แล้วจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ในเวลานี้เองเทียนจือได้กล่าวต่อไปว่า
“เราเพิ่งมาเยือนอาณาจักรแห่งนี้ได้ไม่นานและยังไม่ทราบสถานการณ์เท่าใดนัก
พวกท่านเชิญแนะนำตัวให้เรารู้จักก่อนเถิด”
ฉู่เทียนเซิงลุกขึ้นยืนเป็นคนแรกและประสานมือโค้งคารวะ
แนะนำตัวเอง
ทันทีหลังจากนั้น พระแม่สุ่ยเยวี่ยของนิกายฤทัยจันทรา
เหยียนจางเหมิน ฉีจ้ง ฯลฯก็ลุกขึ้นแนะนำตัวตามลำดับ
หลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อประมุขทั้งแปดนิกายใหญ่แนะนำตัวเองเสร็จสิ้น เทียนจือก็จดจำชื่อและลักษณะท่าทางของทุกคนได้หมดสิ้น
เขามองไปที่ฉู่เทียนเซิงและเอ่ยปากถามว่า “ประมุขฉู่
เราทราบข่าวเมื่อเดือนก่อน
ว่าประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเกาอวี่ได้ส่งจดหมายร้องเรียนมาที่ลานจักรพรรดิ
ใจความว่านิกายพันธมิตรสวรรค์บุกขึ้นตำหนักใหญ่ของนิกายกระบี่ฟ้า
จับดาบควงกระบี่ทำลายขุนเขาหลักของนิกายอย่างโหดเหี้ยม”
“ไม่ทราบว่าประมุขฉู่พอจะอธิบายถึงสาเหตุที่มาที่ไปและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของพวกท่านให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่
?"
ฉู่เทียนเซิงอึ้งไปวูบหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่ามันคาดไม่ถึงว่าเทียนจือผู้นี้จะเป็นคนเด็ดขาด
วิธีการของพระองค์ช่างรวบรัดชัดเจนตรงเข้าประเด็นหลักทันทีที่พบหน้ากัน
มันยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด
ทันใดนั้นเองเทียนเจี้ยนจงก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลางห้องโถงอย่างรวดเร็ว
คนโค้งคารวะอย่างนอบน้อมต่อเทียนจือและกล่าวอย่างแค้นเคืองว่า
“กระหม่อมเกาอวี่
ประมุขแห่งนิกายกระบี่ฟ้าขอรับ”
“กราบทูลเทียนจือ
นิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นนิกายใหญ่อันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
พวกมันโหดร้ายป่าเถื่อนและข่มเหงรังแกผู้คนยิ่งนัก !”
"ไม่เพียงแค่สังหารศิษย์สาวก, ทำลายธรณีประตูนิกาย
แต่พวกมันยังทำลายรากฐานก่อตั้งนับร้อยๆปีของนิกายกระบี่ฟ้า......."
"เทียนจือ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้แก่นิกายกระบี่ฟ้าของกระหม่อมนะขอรับ
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved