เมื่อเปรียบเทียบกับข่ายปราณเจ็ดดารา ข่ายปราณเสถียรหกวิถีนั้นจะง่ายกว่าเล็กน้อย
จี้เทียนซิงใช้เวลาทั้งหมดสี่ชั่วยามในการลอกคราบข่ายปราณชนิดนี้
แน่นอนว่าหลังจากการยับยั้งการทำงานของมันเสร็จ
เขาก็หมดแรงและสูญสิ้นพลังลมปราณแทบทั้งหมด ร่างกายแทบแหลกสลาย
ถึงแม้ว่าเขาจะเร่งฟื้นฟูด้วยหินวิญญาณในทันทีแต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลากว่าสองสามวัน
นอกจากนี้พลังวิญญาณและจิตใจของเขาก็อ่อนล้าถึงขีดสุด
สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือนเล็กน้อย
"บัดซบ ! เหลือข่ายปราณอีกสองชนิดสุดท้ายเท่านั้น
แต่ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว ความแข็งแกร่งของข้ายังมีไม่เพียงพอ !”
จี้เทียนซิงพึมพำอย่างไม่เต็มใจ
หากพลังยุทธ์ของเขาตัดผ่านไปถึงขอบเขตปราณจิต
บางทีเขาอาจจะคงสภาพการยับยั้งข่ายปราณไปได้อีกสองวันหรือมากกว่านั้น
เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถทำลายข่ายปราณทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงนั่งกับพื้นและดูดซับพลังจากหินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ
หยุนเหยาจ้องมองไปเขาด้วยสีหน้ากังวลและถามอย่างอ่อนโยนว่า
“ศิษย์น้องเทียนซิง
เจ้าไม่เป็นไรนะ ? ยังไหวหรือเปล่า ?”
จี้เทียนซิงเงยหน้าขึ้น
จ้องมองนางและดวงตาที่กระจ่างใสของนางที่แสดงความกังวลออกมา
ทันใดนั้น
ความคิดของเขาก็โลดแล่นเปล่งแสงสว่าง ความคิดดีๆพลันเกิดขึ้นในหัว
เขามองหน้าหยุนเหอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
ถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่
ข้ามีเรื่องขอร้องท่าน ช่วยข้าได้หรือไม่ ?”
"ได้ เจ้าว่ามา” หยุนเหยาพยักหน้าและรับปากโดยไม่ลังเล
จี้เทียนซิงมองตรงไปยังข่ายปราณข้างหน้าและกล่าวว่า
“ศิษย์พี่, ข้ารู้ว่าพรสวรรค์ของยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน
ดังนั้นข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าทำลายข่ายปราณอีกสองชนิดที่เหลือ”
หยุนเหยาแข็งค้างไปวูบหนึ่งและกล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า
“เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าทำลายข่ายปราณ
?"
หยุดไปครู่หนึ่งนางถอนหายใจและกล่าวต่อไปว่า "ศิษย์น้องเทียนซิง
ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วย แต่ข้าไม่รู้วิธีการทำลายมันอย่างที่เจ้ารู้
ศาสตร์แห่งอาคมนั้นความเข้าใจของละคนนั้นไม่เท่ากัน
ต่อให้ข้าเก่งกาจกว่าเจ้าแต่การหยั่งรู้ก็ไม่เหมือนเจ้าอยู่ดี
หากผิดพลาดอะไรไปรังแต่จะเกิดหายนะ”
จี้เทียนซิงผุดยิ้มบางและกล่าวปลุกปลอบให้กำลังใจนาง
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล
ข้าสามารถสอนกลวิธีในการทำลายมันให้ท่านได้ ข้าจะเป็นคนปกป้องท่าน
ส่วนท่านลงมือทำลายมันแทนข้า”
"นี่ ... "
หยุนเหยาลังเลและพิจารณา จากนั้นถามว่า
"ศิษย์น้องเทียนซิง
เจ้าเพิ่งพูดว่ายังมีข่ายปราณอีกสองชนิดที่ต้องทำลายใช่หรือไม่ ? แต่ที่ข้าเห็นเหลือเพียงชนิดเดียว"
จี้เทียนซิงส่ายหัวและอธิบายว่า "มีสองชนิดจริง
หนึ่งคือโซ่ผนึกแปดมังกรและอีกชนิดก็คือหม้อวิเศษเก้าจักรวาล"
"หม้อวิเศษเก้าจักรวาล ...?
"หยุนเหยาขมวดคิ้ว
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสงสัย
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น
แม้แต่ชูไฮว่ซานก็ยังไม่เคยได้ยินเทคนิคการจัดเรียงข่ายปราณที่ชื่อว่าหม้อวิเศษเก้าจักรวาลมาก่อน
พวกเขาตกใจและคิดว่ามันเหลือเชื่อนัก
หยุนเหยาจ้องมองจี้เทียนซิงและหลับตาลงชั่งน้ำหนักคำขอของเขาในใจอย่างเงียบงัน
นางรู้ในใจว่าวิธีการทำลายข่ายปราณระดับสวรรค์นี้เป็นวิถีลับที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
เรียกได้ว่าเป็นความรู้ที่มีค่าดั่งสมบัติ
โดยทั่วไปแล้วในยุทธภพ หากผู้ใดสักคนที่มีความเชี่ยวชาญในวิถีลับที่น่าอัศจรรย์เยี่ยงนี้
เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเปิดเผยต่อคนนอกแม้เพียงครึ่งคำ
แต่ศิษย์น้องของนาง
จี้เทียนซิงกลับคิดส่งผ่านวิถีลับนี้ให้กับนางจริงๆ นั่นแสดงว่าเขาเชื่อใจนางมากและเห็นว่านางเป็นคนที่ไว้ใจได้
หยุนเหยารู้สึกอบอุ่นในหัวใจและรู้สึกได้ถึงภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกไว้บนสองไหล่
นางทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นจี้เทียนซิงผิดหวัง
จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"ตกลงเทียนซิง ข้าจะช่วยเจ้า”
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากนาง จี้เทียนซิงก็รู้สึกโล่งใจ
รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้าซีดเซียวของเขา
"ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่"
จากนั้นจี้เทียนซิงก็ไขว้ขาบนหินสีดำก้อนหนึ่งและจ้องไปที่ข่ายปราณระดับสวรรค์เบื้องหน้า
เขาใช้สัมผัสญาณและส่งสัญญาณเสียงไปสอนหยุนเหยาถึงวิธีการทำลายข่ายปราณโซ่ผนึกแปดมังกร
หยุนเหยาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
พรสวรรค์ของนางเรียกได้ว่าอยู่แนวหน้าและยากจะหาผู้ใดเทียบเคียง
เมื่อจี้เทียนซิงถ่ายทอดวิธีการทำลายข่ายปราณให้นาง
นางก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา
นางเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งและกระบวนการในการทำลายอันลี้ลับของข่ายปราณ
เพียงครึ่งชั่วยามต่อมา นางก็จดจำวิธีการทำลายข่ายปราณโซ่ผนึกแปดมังกรไว้ในใจได้ครบถ้วน
นางเหยียดฝ่ามือขาวเนียนออกมา
ลากเป็นเส้นสายอาคมและท่วงท่าอันลี้ลับ
แสงปราณแท้เปล่งประกายเจิดจ้าและฉีดอัดเข้าไปในมหาข่ายปราณตรงหน้า
นางจ้องมองไปที่มหาข่ายปราณระดับสวรรค์อย่างเคร่งขรึม
กลิ่นอายรอบตัวเต็มไปด้วยความมั่นใจและหนักแน่น
เมื่อนางฉีดอัดปราณแท้เข้าไปในข่ายปราณและเริ่มกระบวนการทำลาย
ม่านหมอกแสงสีขาวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
โฮกกกกกกก
ในหมอกสีขาวที่ปกคลุมทั่วรัศมีสิบไมล์
ลักษณ์มายาคล้ายมังกรทองพลันปรากฏขึ้น
บินไปรอบๆข่ายปราณด้วยความเร็วสูง
ทั้งหมดล้วนเป็นแปดมังกรทองศักดิ์สิทธิ์
พวกมันทุกตัวยาวกว่าร้อยเมตร ขนาดใหญ่โตมโหฬาร
ปลดปล่อยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์กร้าวเกร่งและกดขี่สรรพชีวิต
มังกรทั้งแปดบินวนเวียนอย่างเป็นเอกเทศ
และไม่เกาะกุมกัน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างพวกมันมีการเชื่อมโยงที่มองไม่เห็น
ก่อเกิดเป็นชั้นม่านปราการไร้สภาพซึ่งปกป้องไปทั่วทั้งข่ายปราณ
เมื่อแปดมังกรกระพือลำตัวยาวด้วยความเร็วสูง
มหาข่ายปราณพลันขยับเคลื่อนอย่างรวดเร็วจนก่อเกิดพายุเฮอริเคนพัดปลิวไปตามท้องฟ้ากระจายไปทุกทิศทุกทาง
หยุนเหยาลุกขึ้นยืนท้าทายพายุลมแรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมั่นคง
แววตาของนางหนักแน่นจริงจังอย่างมาก
จี้เทียนซิงนั่งอยู่ข้างๆนาง สังเกตปฏิกิริยาของมหาข่ายปราณด้วยสายตาที่กระตือรือร้น
เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของข่ายปราณ
ทุกๆสองถึงสามลมหายใจ เขาจะส่งสัญญาณเสียงไปหาหยุนเหยาเพื่อบอกวิธีการทำลายข่ายปราณอย่างละเอียดและระมัดระวัง
เพื่อให้แน่ใจว่านางจะไม่ทำให้เกิดการผิดพลาดใดๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ลักษณ์มายามังกรทั้งแปดตัวก็หมุนตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นส่งผลให้พายุเฮอริเคนรอบๆข่ายปราณยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากแปดชั่วยามผ่านไป
มายามังกรทั้งแปดตัวก็ค่อยๆสลายหายไปและในที่สุดพายุเฮอริเคนก็หายตามไปด้วย
ในเวลานี้เอง
โซ่ผนึกแปดมังกรก็ถูกเจาะทะลวงด้วยน้ำมือของหยุนเหยาสำเร็จ
มันจะถูกยับยั้งการทำงานเป็นเวลาห้าวัน
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ
หยุนเหยาถอนฝ่ามือกลับและถอนหายใจลับๆ
นางหันศีรษะไปมองจี้เทียนซิง
ทั้งสองสบตากันและเผยรอยยิ้มออกมาโดยไร้วาจา ผ่านความรู้สึกของหัวใจและสัมผัสญาณ
นางนั่งเป็นเวลาสองชั่วยามและหลังจากปราณแท้ฟื้นฟูนางก็เริ่มลงมืออีกครั้งภายใต้คำแนะนำของจี้เทียนซิง นางเริ่มกระบวนการทำลายข่ายปราณชนิดสุดท้าย, หม้อวิเศษเก้าจักรวาล
มหาข่ายปราณนี้ซ่อนลึกที่สุด
ละเอียดลึกลับที่สุดอยากจะคาดเดา อีกทั้งยังยากที่สุดในบรรดามหาข่ายปราณทั้งห้า
หยุนเหยาปิดตาฟังเสียงสัญญาณการชี้นำของจี้เทียนซิงอย่างตั้งอกตั้งใจ
ทุ่มเทสุดกำลังโดยใช้ออกทั้งพลังลมปราณแท้พลังวิญญาณ
อีกหนึ่งชั่วยามต่อมารูปร่างแท้จริงของข่ายปราณหม้อวิเศษเก้าจักรวาลก็ปรากฏขึ้น
เหนือท้องฟ้ากินรัศมีกว่าพันไมล์มีแสงเงาของหม้อยักษ์ขนาดใหญ่เก้าใบควบแน่นขึ้น
เงาของหม้อยักษ์แต่ละใบนั้นใหญ่โตดั่งขุนเขา
มันปลดปล่อยกลิ่นอายหนาแน่นและหนักหน่วงออกมาราวกับสะกดโลกทั้งใบ
จี้เทียนซิงมองไปที่ภาพเบื้องหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง
จากนั้นเริ่มเอ่ยปากชี้แนะหยุนเหยาต่อไป
การตอบสนองของหยุนเหยานั้นรวดเร็วมาก อีกทั้งระดับพลังของนางก็แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า
นางจึงสามารถเจาะทะลวงความลี้ลับของมันได้อย่างราบรื่น
ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าอกเข้าใจที่มีต่อจี้เทียนซิงก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นและมากขึ้น
ความรู้สึกของนางที่มีต่อชายหนุ่มผู้ได้เชื่อมสัมผัสญาณตอบโต้กัน พัฒนาขึ้นเป็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจนไปโดยที่นางไม่รู้ตัว...
............
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม
หยุนเหยาก็สูญพลังปราณไปจนหมดสิ้น จิตวิญญาณของนางเริ่มเหนื่อยล้าและอ่อนแอลง
ในเวลานี้เอง เงามายาของหม้อยักษ์ทั้งเก้าก็หายไปในที่สุด !
ข่ายปราณหม้อวิเศษเก้าจักรวาลถูกทำลายและถูกยับยั้งการทำงานของมันไปเป็นเวลาสี่วัน
ถึงแม้ว่าตอนนี้ดวงหน้างามของหยุนเหยาจะซีดเซียวเหมือนกระดาษขาว
จิตวิญญาณอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง แต่นางก็รู้สึกตื่นเต้นยินเป็นพ้นล้น !
"สำเร็จแล้ว ! พวกเราสามารถทำลายมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ได้จริงๆ
!”
จี้เทียนซิงยิ้มบางและพยักหน้าให้นาง
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังและพึมพำในใจว่า
“ลูกปัดแห่งดวงดารา....
ข้ามาหาเจ้าแล้ว !“
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved