ตอนที่ 361 ลูกปัดแห่งดวงดาราอยู่ตรงหน้าแล้ว !

เมื่อเปรียบเทียบกับข่ายปราณเจ็ดดารา  ข่ายปราณเสถียรหกวิถีนั้นจะง่ายกว่าเล็กน้อย

จี้เทียนซิงใช้เวลาทั้งหมดสี่ชั่วยามในการลอกคราบข่ายปราณชนิดนี้

แน่นอนว่าหลังจากการยับยั้งการทำงานของมันเสร็จ

เขาก็หมดแรงและสูญสิ้นพลังลมปราณแทบทั้งหมด ร่างกายแทบแหลกสลาย

ถึงแม้ว่าเขาจะเร่งฟื้นฟูด้วยหินวิญญาณในทันทีแต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลากว่าสองสามวัน

นอกจากนี้พลังวิญญาณและจิตใจของเขาก็อ่อนล้าถึงขีดสุด

สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือนเล็กน้อย

"บัดซบ !  เหลือข่ายปราณอีกสองชนิดสุดท้ายเท่านั้น

แต่ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว ความแข็งแกร่งของข้ายังมีไม่เพียงพอ !”

จี้เทียนซิงพึมพำอย่างไม่เต็มใจ

หากพลังยุทธ์ของเขาตัดผ่านไปถึงขอบเขตปราณจิต

บางทีเขาอาจจะคงสภาพการยับยั้งข่ายปราณไปได้อีกสองวันหรือมากกว่านั้น

เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถทำลายข่ายปราณทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์

แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงนั่งกับพื้นและดูดซับพลังจากหินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ

หยุนเหยาจ้องมองไปเขาด้วยสีหน้ากังวลและถามอย่างอ่อนโยนว่า

“ศิษย์น้องเทียนซิง

เจ้าไม่เป็นไรนะ ? ยังไหวหรือเปล่า ?”

จี้เทียนซิงเงยหน้าขึ้น

จ้องมองนางและดวงตาที่กระจ่างใสของนางที่แสดงความกังวลออกมา

ทันใดนั้น

ความคิดของเขาก็โลดแล่นเปล่งแสงสว่าง ความคิดดีๆพลันเกิดขึ้นในหัว

เขามองหน้าหยุนเหอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

ถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่

ข้ามีเรื่องขอร้องท่าน ช่วยข้าได้หรือไม่ ?”

"ได้ เจ้าว่ามา”  หยุนเหยาพยักหน้าและรับปากโดยไม่ลังเล

จี้เทียนซิงมองตรงไปยังข่ายปราณข้างหน้าและกล่าวว่า

“ศิษย์พี่, ข้ารู้ว่าพรสวรรค์ของยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน

ดังนั้นข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าทำลายข่ายปราณอีกสองชนิดที่เหลือ”

หยุนเหยาแข็งค้างไปวูบหนึ่งและกล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า

“เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าทำลายข่ายปราณ

?"

หยุดไปครู่หนึ่งนางถอนหายใจและกล่าวต่อไปว่า "ศิษย์น้องเทียนซิง

ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วย แต่ข้าไม่รู้วิธีการทำลายมันอย่างที่เจ้ารู้

ศาสตร์แห่งอาคมนั้นความเข้าใจของละคนนั้นไม่เท่ากัน

ต่อให้ข้าเก่งกาจกว่าเจ้าแต่การหยั่งรู้ก็ไม่เหมือนเจ้าอยู่ดี

หากผิดพลาดอะไรไปรังแต่จะเกิดหายนะ”

จี้เทียนซิงผุดยิ้มบางและกล่าวปลุกปลอบให้กำลังใจนาง

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล

ข้าสามารถสอนกลวิธีในการทำลายมันให้ท่านได้ ข้าจะเป็นคนปกป้องท่าน

ส่วนท่านลงมือทำลายมันแทนข้า”

"นี่ ... "

หยุนเหยาลังเลและพิจารณา จากนั้นถามว่า

"ศิษย์น้องเทียนซิง

เจ้าเพิ่งพูดว่ายังมีข่ายปราณอีกสองชนิดที่ต้องทำลายใช่หรือไม่ ?  แต่ที่ข้าเห็นเหลือเพียงชนิดเดียว"

จี้เทียนซิงส่ายหัวและอธิบายว่า "มีสองชนิดจริง

หนึ่งคือโซ่ผนึกแปดมังกรและอีกชนิดก็คือหม้อวิเศษเก้าจักรวาล"

"หม้อวิเศษเก้าจักรวาล ...?

"หยุนเหยาขมวดคิ้ว

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสงสัย

ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น

แม้แต่ชูไฮว่ซานก็ยังไม่เคยได้ยินเทคนิคการจัดเรียงข่ายปราณที่ชื่อว่าหม้อวิเศษเก้าจักรวาลมาก่อน

พวกเขาตกใจและคิดว่ามันเหลือเชื่อนัก

หยุนเหยาจ้องมองจี้เทียนซิงและหลับตาลงชั่งน้ำหนักคำขอของเขาในใจอย่างเงียบงัน

นางรู้ในใจว่าวิธีการทำลายข่ายปราณระดับสวรรค์นี้เป็นวิถีลับที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

เรียกได้ว่าเป็นความรู้ที่มีค่าดั่งสมบัติ

โดยทั่วไปแล้วในยุทธภพ หากผู้ใดสักคนที่มีความเชี่ยวชาญในวิถีลับที่น่าอัศจรรย์เยี่ยงนี้

เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเปิดเผยต่อคนนอกแม้เพียงครึ่งคำ

แต่ศิษย์น้องของนาง

จี้เทียนซิงกลับคิดส่งผ่านวิถีลับนี้ให้กับนางจริงๆ  นั่นแสดงว่าเขาเชื่อใจนางมากและเห็นว่านางเป็นคนที่ไว้ใจได้

หยุนเหยารู้สึกอบอุ่นในหัวใจและรู้สึกได้ถึงภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกไว้บนสองไหล่

นางทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นจี้เทียนซิงผิดหวัง

จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

"ตกลงเทียนซิง ข้าจะช่วยเจ้า”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากนาง จี้เทียนซิงก็รู้สึกโล่งใจ

รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้าซีดเซียวของเขา

"ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่"

จากนั้นจี้เทียนซิงก็ไขว้ขาบนหินสีดำก้อนหนึ่งและจ้องไปที่ข่ายปราณระดับสวรรค์เบื้องหน้า

เขาใช้สัมผัสญาณและส่งสัญญาณเสียงไปสอนหยุนเหยาถึงวิธีการทำลายข่ายปราณโซ่ผนึกแปดมังกร

หยุนเหยาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน

พรสวรรค์ของนางเรียกได้ว่าอยู่แนวหน้าและยากจะหาผู้ใดเทียบเคียง

เมื่อจี้เทียนซิงถ่ายทอดวิธีการทำลายข่ายปราณให้นาง

นางก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา

นางเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งและกระบวนการในการทำลายอันลี้ลับของข่ายปราณ

เพียงครึ่งชั่วยามต่อมา นางก็จดจำวิธีการทำลายข่ายปราณโซ่ผนึกแปดมังกรไว้ในใจได้ครบถ้วน

นางเหยียดฝ่ามือขาวเนียนออกมา

ลากเป็นเส้นสายอาคมและท่วงท่าอันลี้ลับ

แสงปราณแท้เปล่งประกายเจิดจ้าและฉีดอัดเข้าไปในมหาข่ายปราณตรงหน้า

นางจ้องมองไปที่มหาข่ายปราณระดับสวรรค์อย่างเคร่งขรึม

กลิ่นอายรอบตัวเต็มไปด้วยความมั่นใจและหนักแน่น

เมื่อนางฉีดอัดปราณแท้เข้าไปในข่ายปราณและเริ่มกระบวนการทำลาย

ม่านหมอกแสงสีขาวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

โฮกกกกกกก

ในหมอกสีขาวที่ปกคลุมทั่วรัศมีสิบไมล์

ลักษณ์มายาคล้ายมังกรทองพลันปรากฏขึ้น

บินไปรอบๆข่ายปราณด้วยความเร็วสูง

ทั้งหมดล้วนเป็นแปดมังกรทองศักดิ์สิทธิ์

พวกมันทุกตัวยาวกว่าร้อยเมตร ขนาดใหญ่โตมโหฬาร

ปลดปล่อยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์กร้าวเกร่งและกดขี่สรรพชีวิต

มังกรทั้งแปดบินวนเวียนอย่างเป็นเอกเทศ

และไม่เกาะกุมกัน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างพวกมันมีการเชื่อมโยงที่มองไม่เห็น

ก่อเกิดเป็นชั้นม่านปราการไร้สภาพซึ่งปกป้องไปทั่วทั้งข่ายปราณ

เมื่อแปดมังกรกระพือลำตัวยาวด้วยความเร็วสูง

มหาข่ายปราณพลันขยับเคลื่อนอย่างรวดเร็วจนก่อเกิดพายุเฮอริเคนพัดปลิวไปตามท้องฟ้ากระจายไปทุกทิศทุกทาง

หยุนเหยาลุกขึ้นยืนท้าทายพายุลมแรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมั่นคง

แววตาของนางหนักแน่นจริงจังอย่างมาก

จี้เทียนซิงนั่งอยู่ข้างๆนาง สังเกตปฏิกิริยาของมหาข่ายปราณด้วยสายตาที่กระตือรือร้น

เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของข่ายปราณ

ทุกๆสองถึงสามลมหายใจ เขาจะส่งสัญญาณเสียงไปหาหยุนเหยาเพื่อบอกวิธีการทำลายข่ายปราณอย่างละเอียดและระมัดระวัง

เพื่อให้แน่ใจว่านางจะไม่ทำให้เกิดการผิดพลาดใดๆ

เมื่อเวลาผ่านไป ลักษณ์มายามังกรทั้งแปดตัวก็หมุนตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นส่งผลให้พายุเฮอริเคนรอบๆข่ายปราณยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากแปดชั่วยามผ่านไป

มายามังกรทั้งแปดตัวก็ค่อยๆสลายหายไปและในที่สุดพายุเฮอริเคนก็หายตามไปด้วย

ในเวลานี้เอง

โซ่ผนึกแปดมังกรก็ถูกเจาะทะลวงด้วยน้ำมือของหยุนเหยาสำเร็จ

มันจะถูกยับยั้งการทำงานเป็นเวลาห้าวัน

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ

หยุนเหยาถอนฝ่ามือกลับและถอนหายใจลับๆ

นางหันศีรษะไปมองจี้เทียนซิง

ทั้งสองสบตากันและเผยรอยยิ้มออกมาโดยไร้วาจา ผ่านความรู้สึกของหัวใจและสัมผัสญาณ

นางนั่งเป็นเวลาสองชั่วยามและหลังจากปราณแท้ฟื้นฟูนางก็เริ่มลงมืออีกครั้งภายใต้คำแนะนำของจี้เทียนซิง   นางเริ่มกระบวนการทำลายข่ายปราณชนิดสุดท้าย, หม้อวิเศษเก้าจักรวาล

มหาข่ายปราณนี้ซ่อนลึกที่สุด

ละเอียดลึกลับที่สุดอยากจะคาดเดา อีกทั้งยังยากที่สุดในบรรดามหาข่ายปราณทั้งห้า

หยุนเหยาปิดตาฟังเสียงสัญญาณการชี้นำของจี้เทียนซิงอย่างตั้งอกตั้งใจ

ทุ่มเทสุดกำลังโดยใช้ออกทั้งพลังลมปราณแท้พลังวิญญาณ

อีกหนึ่งชั่วยามต่อมารูปร่างแท้จริงของข่ายปราณหม้อวิเศษเก้าจักรวาลก็ปรากฏขึ้น

เหนือท้องฟ้ากินรัศมีกว่าพันไมล์มีแสงเงาของหม้อยักษ์ขนาดใหญ่เก้าใบควบแน่นขึ้น

เงาของหม้อยักษ์แต่ละใบนั้นใหญ่โตดั่งขุนเขา

มันปลดปล่อยกลิ่นอายหนาแน่นและหนักหน่วงออกมาราวกับสะกดโลกทั้งใบ

จี้เทียนซิงมองไปที่ภาพเบื้องหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง

จากนั้นเริ่มเอ่ยปากชี้แนะหยุนเหยาต่อไป

การตอบสนองของหยุนเหยานั้นรวดเร็วมาก อีกทั้งระดับพลังของนางก็แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า

นางจึงสามารถเจาะทะลวงความลี้ลับของมันได้อย่างราบรื่น

ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าอกเข้าใจที่มีต่อจี้เทียนซิงก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นและมากขึ้น

ความรู้สึกของนางที่มีต่อชายหนุ่มผู้ได้เชื่อมสัมผัสญาณตอบโต้กัน พัฒนาขึ้นเป็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจนไปโดยที่นางไม่รู้ตัว...

............

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม

หยุนเหยาก็สูญพลังปราณไปจนหมดสิ้น จิตวิญญาณของนางเริ่มเหนื่อยล้าและอ่อนแอลง

ในเวลานี้เอง เงามายาของหม้อยักษ์ทั้งเก้าก็หายไปในที่สุด !

ข่ายปราณหม้อวิเศษเก้าจักรวาลถูกทำลายและถูกยับยั้งการทำงานของมันไปเป็นเวลาสี่วัน

ถึงแม้ว่าตอนนี้ดวงหน้างามของหยุนเหยาจะซีดเซียวเหมือนกระดาษขาว

จิตวิญญาณอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง แต่นางก็รู้สึกตื่นเต้นยินเป็นพ้นล้น !

"สำเร็จแล้ว ! พวกเราสามารถทำลายมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ได้จริงๆ

!”

จี้เทียนซิงยิ้มบางและพยักหน้าให้นาง

เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังและพึมพำในใจว่า

“ลูกปัดแห่งดวงดารา....

ข้ามาหาเจ้าแล้ว !“