หาเรื่องไม่หยุดหย่อน
?
หลังจากฟังคำอธิบายของพ่อบ้านเคราแพะ
พวกเขาทั้งสามก็เข้าใจแล้วว่าภูเขามังกรนั้นสำคัญเพียงใด
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมประมุขนิกายกระบี่ฟ้าถึงได้ต้องการสิทธิ์ครอบครองภูเขามังกรมากขนาดนี้
ทั้งหยินเฟยหยางและหยานตงไหลสามารถจินตนาการได้เลยว่าตราบใดที่พวกมันเอาชนะในการประลองครั้งนี้และนำสิทธิ์ครอบครองภูเขามังกรให้นิกายต่อไปได้
พวกมันจะได้รับรางวัลใหญ่และมีคุณค่าในสายตาของประมุขอย่างมาก
ในอนาคตพวกมันจะมีสถานะที่สูงส่งขึ้นและได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยมในนิกาย
!
นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าจะได้รับการดูแลเฉกเช่นเดียวกับฮั่งเชิน
พ่อบ้านเคราแพะกล่าวเสริมว่า
“ตอนนี้ผ่านไปสองเดือนแล้ว ท่านประมุขและสหายแห่งจักรพรรดิผู้นั้นก็ยังไม่สามารถทำลายข่ายปราณนั้นได้เลย
ข่ายปราณปกปักษ์ของสุสานโบราณล้ำลึกยากจะคาดเดาเกินไป”
“แต่ว่า นิกายพันธมิตรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าพวกเรา นอกจากนี้ยังยังเชี่ยวชาญลึกซึ้งด้านข่ายปราณยิ่งกว่าพวกเรา
แถมยังมียอดฝีมือขอบเขตปราณฟ้าถึงสองคน”
“ถ้าหากเราปล่อยให้นิกายพันธมิตรสวรรค์ได้ครองภูเขามังกร
แน่นอนว่าพวกมันจะสามารถทำลายข่ายปราณก้นภูเขาได้ภายในสามปี
หลังจากนั้นพวกมันก็จะพบสมบัติและมรดกของสุดยอดฝีมือพันปีผู้นั้น
สุดท้ายนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
นี่คือสิ่งที่นิกายเราไม่อยากให้เป็น !”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้พ่อบ้านเคราแพะก็จับจ้องมองไปที่ทั้งสามคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยังว่าภารกิจมิได้มีเพียงหนึ่งเดียว”
ฮั่งเชินและหยินเฟยหยางพยักหน้ารับและตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ศิษย์ทราบแล้ว !”
พ่อบ้านผงกศีรษะเล็กน้อยและเผยให้เห็นสีหน้าที่พึงพอใจ “เอาล่ะ นี่คือเรื่องทั้งหมดเท่าที่ข้าทราบ พวกเจ้าหุบปากให้สนิท
อย่าได้หลุดออกมาแม้เพียงครึ่งคำเชียว !”
ฮั่งเชินและหยินเฟยหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่าจะเก็บความลับไว้อย่างดี
จากนั้นพ่อบ้านเคาแพะก็เดินออกจากห้องลับ
ทั้งสามคนยังคงอยู่ในห้องลับและกระซิบกระซาบเกี่ยวกับภารกิจต่อไป
พวกมันคุยกันพักหนึ่งและฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าพวกมันได้ดึงความสนใจจนเป็นที่รู้จักไปทั่วฝ่ายนอกแล้ว
จากการแสดงเพลงกระบี่ที่กลางจัตุรัส
ดังนั้นครั้งนี้พวกมันจะเอาให้หนักกว่าเดิมด้วยการไปเยือนหอยุทธ์ฟงอวิ๋นในอีกสองวันข้างหน้า
โดยอ้างว่ามาเพื่อขอคำชี้แนะแลกเปลี่ยนความคิดในเชิงยุทธ์
ด้วยแผนนี้ไม่เพียงแค่สำรวจความแข็งแกร่งของศิษย์ในหอยุทธ์อันดับหนึ่งของฝ่ายนอกได้เท่านั้น
แต่มันยังดึงดูดความสนใจของฝ่ายนอกแทบทั้งหมดอีกครั้ง
......
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเช้าวันที่สามจี้เทียนซิงก็กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในห้อง
เขาโคจรพลังปราณและตัวอ่อนกระบี่เพื่อพยายามเลื่อนระดับขอบเขตพลังยุทธ์
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงระฆังดังขึ้น
จี้เทียนซิงดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินออกจากห้องมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่
เมื่อเขาเข้าไปในสนามก็พบศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนมารวมตัวกันที่ลานกว้าง
ในเวลาเดียวกันสมาชิกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นหลายคนก็รีบตามมาสมทบที่ห้องโถงใหญ่
หลังจากทุกคนเข้าไปข้างในก็พบฮั่นเฉียวเซิงนั่งอยู่บนที่นั่งแรก
ส่วนทางด้านขวามือมีรุ่นเยาว์อีกสามคนนั่งคุกเข่าเพื่อรอคอยอย่างเงียบสงบ
เมื่อจี้เทียนซิงและคนอื่นๆได้เห็นชายหนุ่มสามคนนั้น
พวกเขาก็จดจำได้ทันทีว่า พวกมันคือฮั่งเชิน หยานตงไหลและหยินเฟยหยาง !
ฮั่นเฉียวเซิงโบกมือให้จี้เทียนซิงและคนอื่นๆนั่งลงที่ด้านซ้ายมือของห้องโถงใหญ่
เป็นผลให้สองฝ่ายนั่งประจันหน้ากัน
ฮั่นเฉียวเซิงประกาศด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม
“วันนี้ที่ข้าเรียกระดมพวกเจ้าทุกคนมาก็เพราะคำเชิญของศิษย์ทั้งสามแห่งนิกายกระบี่ฟ้า
พวกมันต้องการชี้แนะแลกเปลี่ยนความคิดในเชิงยุทธ์กับพวกเจ้า”
“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และอภิปรายวรยุทธ์กันได้อย่างอิสระตามความถนัด
ข้าจะไม่รบกวนหรือแทรกแซง”
หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็ล่าถอยออกจากห้องโถงใหญ่และปล่อยให้ทุกคนสื่อสารกันเอง
ห้องโถงหลักเงียบกริบและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด
สีหน้าของทั้งสองฝ่ายยังคงราบเรียบเป็นปกติ
พวกมันต่างก็มีความคิดในใจของตัวเองและแฝงความเป็นศัตรูกันอย่างล้ำลึก
ในเมื่อตัวแทนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นไม่เอ่ยอันใด
ศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาก่อน
ดวงตาของหยานตงไหลกวาดมองไปที่ฝูงชน
มุมปากยกยิ้มแผ่วเบาและเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านมีความสุภาพสำรวมและไม่คิดที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก่อน
งั้นผู้น้องก็ขอบังอาจเริ่มเป็นฝ่ายถามคำถามก่อนก็แล้ว”
“เดือนนี้ ข้าได้รวบรวมสมุนไพรทั้งหมด 13 ชนิด พวกมันคือเมล็ดโกฐจุฬาลัมพา, หญ้าฟื้นฟู, แก่นหลักต้นหม่อน, ผลเดือด, เมล็ดไม้จันทน์, ใบไม้พันหล้า
ข้าต้องการใช้พวกมันหลอมกับเม็ดยาหยวนตันสามเม็ดเพื่อพัฒนาคุณสมบัติและสรรพคุณของมัน”
“คำถามของข้าคือ กระบวนการนี้จะมีปัญหาใดๆหรือไม่
? จุดอ่อนของการผสมสมุนไพรมากชนิดเช่นนี้อยู่ที่ใด
? แล้วข้าจะใช้พวกมันปรับปรุงคุณสมบัติของเม็ดยาได้อย่างไร
?”
เมื่อได้ยินคำถามของหยานตงไหล
ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีว่าผู้นี้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาหลอมโอสถ
มันต้องการทดสอบภูมิความรู้ในเชิงโอสถ
ศิษย์หลายคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นหันไปมองหน้ากันพลางขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นไม่นานซื่อจิงเฉิงที่เชี่ยวชาญการปรุงยาก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
มันจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างเงียบและเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แสดงอาการใดๆออกมามันจึงเริ่มพูดว่า
“เฮ้ ศิษย์พี่หยาน กระบวนการนี้มีปัญหาแน่นอน”
“ก่อนอื่นเลยสูตรยาของเจ้าผิด
หากเจ้าเพิ่มผลเดือดเข้าไปก็ไม่ควรใช้ใบไม้พันหล้า สรรพคุณทางยาของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้จะหักล้างกันและได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ สุดท้ายมันจะนำไปสู่ความล้มเหลวในการปรุงยาครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ประการที่สอง ถ้าเจ้าใช้เพลิงปราณในการปรุงยาก็ยิ่งไม่ถูกต้องเข้าไปใหญ่
หากเป็นเรื่องการปรับแต่งพัฒนาคุณสมบัติของเม็ดยา เจ้าต้องใช้เพลิงแท้จริง
นอกจากนี้ก็ควรเปลี่ยนวัตถุดิบจากใบไม้พันหล้าเป็นหญ้าดวงดาราจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นหันไปมองซื่อจิงเฉิงและได้เห็นสีหน้าอันมั่นอกมั่นใจของมัน
ทุกคนก็โล่งอกและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในมุมมองของพวกมัน
ซื่อจิงเฉิงดูมั่นใจมากในการอภิปรายรอบนี้
เขาต้องข่มอีกฝ่ายด้วยความรู้ได้สำเร็จเป็นแน่ !
โดยไม่คาดคิด
หลังจากได้ฟังคำอธิบาย หยานตงไหลก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
มันกล่าวด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจว่า “อ่า..
ถึงแม้ศิษย์น้องท่านนี้จะพูดจาฉาดฉานและมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับศาสตร์ในการปรุงยาด้วยความรู้และรากฐานที่มั่นคง แต่ทว่าศิษย์น้องก็ยังเด็กน้อยนักแถมยังมีประสบการณ์ที่ตื้นเขินเกินไป”
“ข้าเฉลยให้นะ ความจริงแล้ววิธีการที่ข้าตั้งคำถามขึ้นมานี้
ไม่ประสบปัญหาใดๆเลย ทุกอย่างราบลื่นเป็นไปตามสูตรยาทั้งหมด
และด้วยเม็ดยานั้นมันทำให้ข้าประสบความสำเร็จในการยกระดับพลังขึ้นได้อีกด้วย”
“ความเข้าใจอันลึกซึ้งที่ศิษย์น้องท่านนี้กล่าวยืดยาว
แท้จริงเป็นการคาดคะเนและยกเหตุผลมาผสมกันมั่วซั่ว หากเจ้าลองปรุงยาด้วยสูตรที่ข้าบอกไปด้วยตัวเอง
เจ้าจะเข้าใจเองว่าคำพูดของเจ้ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ !”
ท้ายที่สุดหยานตงไหลก็เอื้อมมือไปล้วงขวดหยกเล็กๆออกจากแขนเสื้อและเทเม็ดยาสีแดงเข้มสามเม็ดออกมา
ซึ่งพวกมันก็คือเม็ดยาหยวนตันที่กล่าวถึงในตอนแรกนั่นเอง
ทันใดนั้นใบหน้าของซื่อจิงเฉิงก็กลายเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
สีหน้าของมันแดงก่ำด้วยความอับอาย
ศิษย์หลายคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
บางคนก็แสดงออกด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ซื่อจิงเฉิงขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงลุ่มลึกว่า
“เพ้ย ! ศิษย์พี่หยาน
ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเหมือนว่าการปรุงยาครั้งนี้ล้มเหลวชัดๆ
คำถามเจ้ามันเป็นการถกปัญหาให้ข้าช่วยในการปรับปรุงสูตรยาและวิธีการ
พอข้าอธิบายจบเจ้ากลับบอกว่าการปรุงยาครั้งนี้มิได้ล้มเหลว
นี่เจ้าล้อข้าเล่นเหรอ ? เห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไง
?!”
หยานตงไหลส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ศิษย์น้องท่านนี้ระวังคำพูดคำจาหน่อยดีหรือไม่ ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้าบอกว่าการปรุงยาครั้งนี้ล้มเหลว
? ข้าไม่ได้พูดสักคำ”
“ข้าแค่ตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆให้ทุกคนแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
ศิษย์น้อง ความรู้ในศาสตร์ปรุงยาของเจ้ามิได้ลึกซึ้งพอจนมองไม่ออกมากกว่าว่าการปรุงยาของข้าล้มเหลวหรือไม่ เจ้าโทษข้าเช่นนี้มันถูกต้องแล้วหรือ ?”
“เจ้า !”
ซื่อจิงเฉิงเป็นใบ้ในทันทีและถูกคำพูดของหยานตงไหลบีบจนดูเหมือนคนโง่
มันรู้สึกเสียหน้าจนไม่ต้องการรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
แต่หากมันลุกออกไปตอนนี้ก็จะกลายเป็นตัวตลกเข้าไปใหญ่
ในเวลานี้เองหยินเฟยหยางก็เผยรอยยิ้มและเริ่มพูดขึ้นว่า
“ศิษย์น้องท่านนี้ใจเย็นก่อน
เขายกคำถามเรื่องการปรุงยาขึ้นมาถก บางทีเจ้าอาจจะเพียงแค่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกยุทธ์ การปรุงยาอาจไม่ใช่ศาสตร์ที่เจ้าถนัด ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถตอบได้ถูกต้อง
ถ้าเป็นเช่นนี้งั้นพวกเราเปลี่ยนเป็นเรื่องวิทยายุทธ์เป็นไง ?"
“ข้ามีข้อสงสัยอยู่เสมอเกี่ยวกับการบ่มเพาะวิทยายุทธ์
ข้าขอถามพวกเจ้าทุกคนให้หายข้องใจหน่อย ดูซิว่าพวกเจ้าจะชี้แนะให้ข้าเห็นทางสว่างในเรื่องนี้หรือไม่”
“ดังที่พวกเราทุกคนรู้กันดีว่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนจะมีการเก็บพลังปราณไว้ในตันเถียน
จากนั้นก็โคจรพลังปราณผ่านเส้นชีพจรทั้งเก้าทั่วร่างกาย
แต่ทว่าศิษย์พี่ฮั่งที่อยู่ข้างๆข้าผู้นี้มีเส้นชีพจรลมปราณหลักถึงสิบเส้น
ผลที่ออกมาทำให้พลังปราณของเขาแข็งแกร่งทรงพลังกว่าคนทั่วไปและเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่โดดเด่นไร้เทียมทานในรุ่นเดียวกัน”
“ข้าสงสัยอยู่เสมอว่าเรื่องเหลือเชื่อดุจเทพนิยายเช่นนี้มีขึ้นได้อย่างไร
?
ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถช่วยข้าแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ว่าเส้นชีพจรหลักสิบเส้นมีจริงหรือไม่”
ซื่อจิงเฉิงที่เพิ่งขายหน้าให้กับหยานตงไหลได้ยินคำพูดของหยินเฟยหยางก็หัวเราะร่าขึ้นมาทันทีพลางกล่าวว่า
“เหอๆ ศิษย์พี่หยิน
เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นควายหรือไงถึงได้แต่งเรื่องหลอกเด็กขึ้นมาเช่นนี้ ?”
“ในร่างกายมนุษย์มีเส้นชีพจรหลักเพียงเก้าเส้นเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ทุกคนรับรู้กันดี
เจ้าพูดว่าศิษย์พี่ข้างๆเจ้ามีเส้นชีพจรลมปราณสิบเส้นงั้นหรือ ? น่าขัน ! ข้าว่าเจ้ากำลังโกหกคำโตมากกว่า
ผีบ้าที่ไหนจะมีเส้นชีพจรหลักสิบเส้น
ไม่มีทาง !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved