ตอนที่ 376

ตอนที่

376 มังกรทองปรากฏ

โอรสสวรรค์มาเยือน

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วหลังจากได้ยินความคิดเห็นของศิษย์เบ็ดเตล็ดทั้งหลาย

คนฉุกคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะจำได้ว่า อีกสี่วันเทียนจือจะมาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนี้ชายหนุ่มก็หมดความสนใจในเรื่องที่เหล่าศิษย์คุยกัน

เขาหันหลังเดินกลับไปที่ลานเทียนซิง

ทั่วทั้งนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่างก็กำลังง่วนอยู่กับโคมไฟและของประดับตกแต่ง

ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้อาวุโส

ผู้ดูแลและศิษย์รับใช้เบ็ดเตล็ด ไม่มีเรื่องราวใดเกี่ยวข้องกับเขาเลย

เขาขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจกับการเอาใจคนใหญ่คนโตเหล่านี้

ทันทีที่กลับไปถึงลานเทียนซิง เขาก็บอกให้เสี่ยงซวงหญิงรับใช้ประจำตำหนัก

ปิดประตูและไม่รับแขกในช่วงหลายวันนี้

หลังจากอธิบายกับเสี่ยวซวงอยู่หลายคำ เขาก็กลับเข้าไปในห้องลับเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะต่อไป

ผ่านการสกัดกลั่นลูกปัดดวงดาราและผสานโลหิตเทพกระบี่

ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงระดับสาม ไปถึงขอบเขตปราณโอสถขั้นที่สาม ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

โดยทั่วไปแล้วสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่ต้องการเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง  จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีรากฐานที่มั่นคงและค่อยๆพัฒนาความแข็งแกร่งไปทีละน้อย

ค่อยเป็นค่อยไป

เขาต้องทำสมาธิเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อทำให้รากฐานของพลังยุทธ์แน่นหนาขึ้น

ในอีกสามวันข้างหน้า

ศิษย์สาวกและผู้อาวุโสทั้งหลายของนิกายพันธมิตรสวรรค์ย่อมวุ่นวายจนหัวหมุน

เพียงแค่ช่วงเวลาก่อนถึงวันนั้น

นิกายขนาดใหญ่แทบทั้งหมดดูราวกับนิกายสร้างใหม่

มันดูสะอาดเอี่ยมอ่องและสมบูรณ์แบบพร้อมแสงไฟระยิบระยับไปทั่วทุกแห่งหน

ขุนเขาทั้งเก้าลูก, จวนและตำหนักนับพันหลังต่างก็ถูกทำความสะอาด

ลูกกรงหน้าต่างทุกบานแทบไม่มีฝุ่นจับ

ศิษย์รับใช้และอื่นๆหลายพันคนต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นถึงการมาเยือนของเทียนจือ

หลายๆคนไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับลานจักรพรรดิจ้งโจวมาก่อน

นับประสาอะไรกับการที่ไม่ทราบว่าตี้จวินและเทียนจือนั้นยิ่งใหญ่ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงใด

ทุกคนรู้แค่เพียงว่าผู้ที่มาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ในครั้งนี้เป็นตัวตนที่มีความโดดเด่นและยิ่งใหญ่มาก

เพียงคำพูดคำเดียวอาจทำให้อาณาจักรเทียนเฉินล่มสลายได้ !

บรรยากาศที่อบอุ่นและคึกครื้นจากการทำกิจกรรมตกแต่งยกใหญ่

เกิดขึ้นทั่วนิกายเป็นเวลากว่าสามวัน

ในตอนเย็นของวันที่สาม กลุ่มคนผู้ทรงอำนาจก็เริ่มเดินทางมาถึงใต้ประตูนิกายทีละคนสองคน

ทหารองครักษ์ที่ดูแลประตูภูเขาจดจำได้ในทันทีว่าผู้เข้มแข็งเหล่านี้ล้วนเป็นประมุข,ผู้อาวุโสและหัวหน้าศิษย์ของเจ็ดนิกายใหญ่ที่เหลือ

!

เทียนเจี้ยนจงและหวงฟู่,  พระแม่สุ่ยเยวี่ยและเฟิงหมิน, เหยียนจางเหมินและอู่อวี้จากนิกายหลิวเหอ  ฯลฯ

ทั้งหมดต่างก็มาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ในครั้งนี้

ประมุขของนิกายเหล่านั้นต่างก็นำศิษย์สาวกและหัวหน้าศิษย์มาด้วย

เป็นธรรมดาที่พวกมันย่อมต้องการพบหน้าและกราบคารวะโอรสสวรรค์

นิกายพันธมิตรสวรรค์ได้เตรียมการสำหรับเหตุการณ์นี้ไว้นานแล้ว

พวกเขาจัดเตรียมตำหนักและห้องหับหลายหลังที่ฝ่ายนอกเพื่อรองรับแขกเหรื่อจากนิกายต่างๆเป็นการชั่วคาว

ผ่านพ้นค่ำคืนอันวุ่นวายไป วันใหม่ก็มาถึง

วันนี้เป็นวันที่เทียนจือจะมาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์ตามกำหนดการ

ทุกคนในนิกายต่างก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง พวกมันล้วนตื่นแต่เช้าตรู่และรอคอย

จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะ

เดินออกจากห้องลับและลานเทียนซิง

ครึ่งชั่วยามต่อมาเขาก็ขึ้นไปยอดเขาฉิงเทียนและเดินไปถึงจัตุรัสฝ่ายนอกของตำหนักฉิงเทียน

ในเวลานี้ผู้คนหลายสิบคนได้มารวมตัวกันที่จัตุรัสด้านหน้าวิหาร

แต่ละคนต่างก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น

ผู้ที่ยืนอยู่หน้าสุดแน่นอนว่าต้องเป็นฉู่เทียนเซิง

ด้านหลังของมันคือเหล่าผู้เข้มแข็งในดินแดนนี้, ประมุขทั้งเจ็ดของทั้งเจ็ดนิกาย

แถวที่สามก็คือหยุนเหยาและเหล่าหัวหน้าศิษย์ของแต่ละนิกายใหญ่ๆ

แถวที่สี่มีจำนวนมากที่สุด โดยมีผู้คนหลายสิบหรือมากกว่านั้น

เก้าคนเป็นอาวุโสของนิกายพันธมิตรสวรรค์ ที่เหลือเป็นผู้ดูแล พ่อบ้านของแต่ละนิกาย

ทุกคนต่างยืนอย่างเรียบๆร้อยๆด้วยเสื้อผ้าสะอาดเอี่ยมอ่อง

แหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า เฝ้ารอการเสด็จมาเยือนของโอรสสวรรค์

เมื่อจี้เทียนซิงเดินเอื่อยเฉื่อยมาถึงจัตุรัส

เขาก็ดึงดูดความสนใจและตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในทันที

เหล่าประมุขและหัวหน้าศิษย์ของทุกนิกายต่างก็มองเขาเป็นจุดเดียว

ประมุขทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือระดับปราณฟ้าและเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะสัมผัสได้ทันทีถึงระดับพลังยุทธ์ของจี้เทียนซิงในตอนนี้  ปราณโอสถระดับสาม !

ทันใดนั้นเองประมุขทั้งหลายต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป

ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

พระแม่สุ่ยเยวี่ยจากนิกายฤทัยจันทรา,

เหยียนจางเหมินจากนิกายหลิวเหอ, ฉีจ้งแห่งนิกายตันติง

ต่างรู้สึกเหลือเชื่อนัก

ส่วนประมุขทั้งสามจากนิกายเจิ้นหวู่

นิกายเฟิงฮั่วและนิกายพันใบไม้ร่วงรู้สึกตกใจและริษยามากล้น

เทียนเจี้ยนจงแห่งนิกายกระบี่ฟ้าเป็นผู้ที่เกิดปฏิกิริยาและอารมณ์ที่เลวร้ายที่สุด

คนเกิดโทสะลุกโหมจนหน้าอกเป่งพอง มันจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยแววตาอาฆาตแค้น

หากดวงตาของมันสามารถฆ่าใครบางคนได้

จี้เทียนซิงคงตายไปนับร้อยครั้งแล้ว

ไม่มีใครสามารถทำใจเชื่อได้ว่า ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนจี้เทียนซิงจะสามารถทะลวงผ่านขอบเขตปราณจิตไปถึงปราณโอสถขั้นที่สามได้

!

นี่คือปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่ง !

การที่ได้เห็นนิกายพันธมิตรสวรรค์ปรากฏอัจฉริยะเชิงยุทธ์อีกคนที่โดดเด่นเทียบเท่ากับหยุนเหยา

ประมุขนิกายอื่นๆยิ่งรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียนเจี้ยนจงที่ลอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขุนแค้น

มันสาบานว่าจะทำลายล้างนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้ได้โดยเร็วที่สุด

มันจะไม่มีวันยอมเปิดโอกาสให้นิกายพันธมิตรสวรรค์ได้เติบโตและพัฒนาไปมากกว่านี้

จี้เทียนซิงเดินอย่างสงบไปที่กลางจตุรัสและหยุดยืนเคียงข้างหยุนเหยา

ทั้งสองมิได้พูดจากัน

เพียงสบตากันวูบเดียวก็เข้าใจความหมายของกันและกันผ่านแววตา

หลังจากสบตากันแล้วทั้งคู่ก็หันไปมองข้างหน้าอย่างใจเย็น

รอคอยอย่างเงียบๆ

เหล่าหัวหน้าศิษย์ของแต่ละนิกายเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของจี้เทียนซิง

พวกมันรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้บุคลิกลักษณะได้เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน  ครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พระอาทิตย์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

แสงสุริยันสีทองแผดแสงเรืองรองจากเวหา ตกกระทบสะท้อนบนจัตุรัสกว้าง

ในขณะนี้เอง บนท้องฟ้าเบื้องหน้ายอดเขาชื่อเซียวพลันปรากฏเสียงคำรามของมังกรที่สะเทือนก้องไปทั่วขุนเขา

"โฮกกกกกกกกกก

!!"

เงาร่างสีทองขนาดมหึมาสะท้อนแสงแดดสีทองอ่อนๆ

ควบดิ่งจากเวหาในระยะไกลราวกับรุ้งลำแสงสีทอง

ผู้คนในจัตุรัสเงยหน้าขึ้นมองและจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที  ดวงตาของพวกมันทุกคนต่างก็จดจ่ออยู่กับลำแสงสีทองสายนั้น

ภายในริ้วแสงสีทองอร่ามจ้ามีมังกรทองตัวหนึ่งที่ลำตัวยาวกว่าพันเมตรและเปล่งรัศมีพลังที่แข็งกล้าออกมา  !

มันมีสองหัวและมีเขาเหมือนเขากวางอยู่บนศีรษะ

ซึ่งส่องแสงสีทองออกมา

ดวงตามังกรสีเงินสีเข้มสองคู่จ้องมองลงไปที่ฝูงชนบนจัตุรัส

เผยให้เห็นความไม่แยแสใส่ใจต่อสามัญชนในแววตาของมัน

ถึงแม้ว่ามังกรทองตัวนี้ยังอยู่ห่างไกลจากทุกคน

แต่รัศมีพลังแห่งมังกรที่ทรงพลานุภาพไร้ที่เปรียบก็แผ่บรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกคลุมไปทั่วยอดเขาชื่อเซียว  ก่อให้เกิดความขยาดกลัวในใจของทุกคนอย่างรุนแรง

บนด้านหลังของมังกรทองมีคนสองคนกำลังยืนอยู่  จ้องมองลงมาที่ทุกคนภายในจัตุรัส

ผู้ที่ยืนอยู่หน้าสุดเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบต้นๆ

มันสวมเสื้อคลุมสีทองที่เปล่งประกายงดงาม มงกุฎเสียบผมสลักลวดลายหงส์มังกร  เข็มขัดคาดเอวสีม่วงทองฝังด้วยหยกและสวมรองเท้าเมฆาวายุ

ใบหน้าของมันขาวกระจ่าง

หล่อเหลาราวกับผลึกหยกเนื้อดี ผิวพรรณแลดูบอบบางอ่อนนุ่มราวกับหยกชั้นเลิศ

ขนคิ้วเหยียดตรงดุงกระบี่ จมูกสูงโด่งเป็นสัน

ริมฝีปากบางและเรียวกระชับ

แสดงออกถึงความมั่นอกมั่นใจในตัวเองและความเฉยชาไม่แย่แสสิ่งใด

ดวงตาคู่โตคมชัดราวกับทะเลดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับด้วยความเฉลียวฉลาด

วงหน้าของมันเป็นอะไรที่งดงามราวกับผลงานชิ้นเอกที่สรวงสวรรค์บรรจงสร้าง

!

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมันแลดูผอมเล็กน้อยซึ่งเป็นไปตามช่วงวัยอายุ

มันยังไม่มีเค้าร่างที่ภูมิฐานสง่างามของผู้เป็นจักรพรรดิและความเป็นจ้าวปกครองผู้คน

แต่โดยรวมแล้วบุรุษหนุ่มผู้นี้โดดเด่นและหล่อยิ่ง

มันเพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ทุกรูปนามต้องรู้สึกอับอายขายหน้าและด้อยค่า  มันทำให้คนอดไม่ได้ที่จะต้องลดศีรษะต่ำ

แสดงความเคารพ