ตอนที่ 92

ฆ่าคนชิงสมบัติ

เนี่ยห่าวถามตัวเอง

หากเป็นมันที่จู่ๆมีคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงขอยืมเงินสิบล้าน

มันจะให้หรือไม่ ?   เห็นได้ชัดว่าไม่

ด้วยเหตุนี้

ความมีน้ำใจของจี้เทียนซิงจึงทำให้มันรู้สึกประทับใจยิ่ง

นี่คือโลกแห่งการฆ่าฟันแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่เว้นแต่ละวัน

บุคลที่เปี่ยมด้วยน้ำใจเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง !

จี้เทียนซิงฟังน้ำเสียงที่จริงใจและหนักแน่นของอีกฝ่าย

เขาพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย “หากท่านยังต้องการหยกหมื่นวิญญาณก็จงรีบยกมือก่อนที่แม่นางหงจะประกาศเถอะ

อย่าได้เสียเวลาแล้ว…”

เนี่ยห่าวพยักหน้าอย่างหนักแน่นและรับตั๋วเงินมา

มันตะโกนเสียงดัง  “ข้าเสนอ 61 ล้าน !”

หงเฉียงเว่ยกำลังจะเคาะค้อนเพื่อเตรียมประกาศว่าหยกหมื่นวิญญาณกำลังจะถูกประมูลออกไปด้วยราคา

60 ล้าน

ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของเนี่ยห่าวดังขึ้น

มือขาวเนียนยกค้างกลางอากาศจากนั้นก็เผยรอยยิ้มอันสดใส

“คุณชายท่านนี้เสนอราคาที่ 61 ล้าน! มีผู้ใดเสนอราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่ ?”

ทุกคนในห้องโถงพูดคุยกันแล้วเงยหน้าขึ้นมองห้องอันหรูหราบนชั้นสองและเผยสีแห่งความคาดหวังออกมา พวกเขากำลังจะรอดูว่าบุคลในห้องพิเศษผู้นั้นจะเกทับอีกหรือไม่

ภายในห้องนั้นองค์ชายชุดขาวที่ถือจอกสุรารอยยิ้มแข็งค้าง เดิมทีเขามีความมั่นใจมากและคิดว่าจะล้มคู่แข่งได้สำเร็จตราบเท่าที่หงเฉียงเว่ยทุบค้อนลงมา

การประมูลก็จบลงและหยกหมื่นวิญญาณก็จะตกเป็นของเขา

แต่ในวินาทีสุดท้ายเขาก็คาดไม่ถึงว่าคู่แข่งจะเสนอราคาเพิ่มขึ้นไปอีก

!

องค์ชายชุดขาวใบหน้าแข็งทื่อและดวงตาพวยพุ่งไปด้วยโทสะ

60 ล้านเป็นขีดจำกัดของมันแล้ว และไม่สามารถเสนอราคาได้สูงกว่านี้อีก

!

ถึงแม้ว่าภายในใจจะโกรธเกรี้ยวและไม่ยินยอม

แต่มันก็ทำได้เพียงข่มไว้ในใจและขบกรามแน่น

หลังจากนั้นไม่นานหงเฉียงเว่ยก็ประกาศผลออกมาดังๆ

สุดท้ายหยกหมื่นวิญญาณก็ถูกขายไปในราคา

61 ล้านและเป็นของเนี่ยห่าว องค์ชายชุดขาวผุดลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองหน้าของเนี่ยห่าวในขณะที่ดวงตาเปล่งแสงเย็น

ผู้คุ้มกันส่งเสียงต่ำออกมาว่า

“ฝ่าบาทต้องการให้ข้าน้อยเก็บมันและชิงหยกหมื่นวิญญาณมาหรือไม่ขอรับ

?”

องค์ชายชุดขาวหรี่ตาลงและไม่เอ่ยอันใด

บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นเย็นเฉียบ จากนั้นก็เดินออกจากห้อง

......

ในที่สุดการประมูลของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ก็จบลง

ทุกคนทยอยเดินออกจากห้องโถงประมูลเรื่อยๆและหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

แขกจำนวนมากก็ออกไปจนห้องโถงที่เคยแน่นขนัดกลายเป็นเงียบสงบ

จี้เทียนซิง

เนี่ยห่าวและจี้เค่อถูกเชิญไปที่ห้องรับแขก

พวกเขามอบตั๋วเงินและรับหยกหมื่นวิญญาณมา

การค้าถือเป็นอันสิ้นสุดสมบูรณ์

จี้เทียนซิงได้เกราะมังกรน้ำแข็งส่วนเนี่ยห่าวได้หยกหมื่นวิญญาณ

ทั้งคู่ต่างพึงพอใจกับการมาเยือนหอประมูลในวันนี้

จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากหมู่ตึกสมบัติสวรรค์เพื่อกลับไปที่รถม้า

แต่ในขณะที่ทั้งสามกำลังเตรียมขึ้นรถก็มีชายสองคนปรากฏตัวขึ้นจากความมืดมิดและขวางทางเนี่ยห่าวเอาไว้

ทั้งสองคนนี้หนึ่งคือองค์ชายชุดขาว

อีกหนึ่งเป็นผู้คุ้มกันของมัน พวกมันรอคอยเนี่ยห่าวอยู่นอกประตูหมู่ตึกสมบัติสวรรค์มาพักใหญ่แล้ว

องค์ชายชุดขาวไม่ได้สนใจมองจี้เทียนซิงและจี้เค่อ

แต่เดินตรงดิ่งไปหาเนี่ยห่าวพลางกล่าวว่า “พี่ชายผู้นี้

หากข้าจะขอซื้อหยกหมื่นวิญญาณในราคาสองเท่าของที่เจ้าประมูลมา เจ้าจะว่าอย่างไร ?”

เนี่ยห่าวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

“คุณชายทำให้ข้าหัวเราะแล้ว

หากท่านให้ราคาข้าเป็นสองเท่าได้จริง ไฉนท่านไม่ประมูลด้วยราคานี้แต่แรกเล่า ?”

ใบหน้าขององค์ชายชุดขาวดูมืดมนและอธิบายด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า

“ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ตอนนี้เลย 60 ล้าน ส่วนที่เหลือข้าจะสั่งให้บ่าวรับใช้รวบรวมมาให้ภายในสามวัน”

น้ำเสียงและทัศนคติของเขาค่อนข้างแข็งกระด้าง

ท่าทางดูเย่อหยิ่งและแฝงความกดดันผู้คน

แต่ทว่าเนี่ยห่าวไม่สนใจข้อเสนอนี้แม้แต่น้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ขออภัยด้วยสหาย หยกหมื่นวิญญาณมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อข้า

ไม่ว่าท่านจะจ่ายกี่ล้านข้าก็ไม่ขาย !”

องค์ชายชุดขาวดวงตาเย็นชาในบันดลและคำรามอย่างเย้ยหยันว่า

“เหอะ! คนอย่างข้าลู่หมิงหยาง

อยากได้อะไรก็ต้องได้ ! ในเมื่อชอบสุราจับกรอกก็จงอย่าได้โทษข้าอำมหิต !”

เมื่อสิ้นเสียง

ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าหาเนี่ยห่าวดุจสายลมและซัดฝ่ามือไปที่หน้าอกของเขาทันที

ผู้คุ้มกันคนนี้เป็นยอดฝีมือในเขตแดนเชื่อมปราณ

ฝ่ามือของมันกระพริบผ่านด้วยลำแสงสีแดงซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงอย่างยิ่ง

ฝ่ามือที่ร้อนแรงดั่งเปลวไฟยังไม่ทันถึงตัว

เนี่ยห่าวก็สัมผัสได้ถึงความร้อนลวกที่แผดเผาจนทำให้มันแทบหายใจไม่ออก

เสื้อคลุมและเส้นผมราวกับถูกเผาไหม้

ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเขตแดนต้นกำเนิดแท้ของมัน

เป็นการยากที่จะหลีกหนีชะตากรรมจากฝ่ามือนี้พ้น !

ในช่วงเวลาวิกฤติ  จี้เทียนซิงที่อยู่ข้างๆก็เกิดการตอบสนองทันที ชายหนุ่มชักกระบี่มังกรดำออกมาและกระแทกเข้าหาฝ่ามือสีแดงเพลิงของผู้คุ้มกัน

“เคร้ง !”

ประกายไฟส่องแสงระยิบระยับในยามค่ำคืนและกระบี่มังกรดำที่แฝงด้วยไอเย็นก็ดับฝ่ามือเพลิงอันร้อนแรงของอีกฝ่ายลง

ใบหน้าของผู้คุ้มกันแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่สีดำ  มันรีบถอนฝ่ามือกลับทันที

คลื่นลำแสงกระบี่อันเย็นเยียบพาดผ่านตลอดเส้นทางที่มันกรีดกรายราวกับพื้นดินปรากฏลำธารเย็นขึ้นมาสายหนึ่ง

เมื่อเห็นอำนาจของกระบี่เล่มนี้

องค์ชายชุดขาวก็ขมวดคิ้ว ดวงตาหันไปมองเจ้าของกระบี่จนได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย

มันโพล่งขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ เป็นเจ้านี่เอง !”

เนี่ยห่าวรอดพ้นจากการลอบทำร้ายมาได้

มันถอนหายใจด้วยความโล่งอกและก้าวถอยหลังไปยืนเคียงข้างจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันผู้ติดตามทั้งสองคนก็รีบชักกระบี่ออกมาและชี้ไปที่หน้าของลู่หมิงหยางเอาไว้ด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านอย่างรุนแรง

จี้เทียนซิงสอดกระบี่มังกรดำคืนฝักในขณะที่จ้องมองลู่หมิงหยางด้วยสายตาเย็นชาพลางหัวเราะเยาะประชด

“เหอะๆ เป็นข้าเอง  ก่อนหน้านี้เจ้าก็ดีกับน้องสาวข้าไม่น้อยเลย"

“เจ้านี่มันหน้าด้านเสียจริง

แข่งประมูลแพ้เลยคิดฆ่าคนชิงสมบัติ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าเป็นคนของราชวงศ์ใดกัน ไร้ยางอายสิ้นดี

!”

เนี่ยห่าวก็จ้องมองไปที่ลู่หมิงหยางเช่นกันและตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ลู่หมิงหยาง! เจ้ามันชั่วช้าสามานย์นัก

!”

แม้แต่จี้เค่อก็ยังสบถด่าทออย่างเหยียดหยามเช่นกัน

“เหอๆ หน้าตาเหมือนมนุษย์ ที่แท้กลับเป็นสัตว์ !"

ลู่หมิงหยางถูกรุมด่าทอจากรุ่นเยาว์ทั้งสาม

สีหน้าของมันบึ้งตึงไปด้วยความโกรธแค้นจนแทบไม่อาจอดใจรอที่จะสับสังหารพวกมันทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตามกระบี่ของจี้เทียนซิงทำให้มันรู้สึกหวาดหวั่นและอิจฉาไม่น้อย

นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีผู้ติดตามที่ดูหน่วยก้านไม่เลว

ที่สำคัญที่สุดคือตรงนี้เป็นหน้าประตูทางเข้าของหมุ่ตึกสมบัติสวรรค์และเป็นสถานที่สาธารณะ

หากทำให้เรื่องใหญ่ก็ยากที่จะปิดปากผู้คน

ลู่หมิงหยางทำได้เพียงข่มความโกรธและจิตสังหารเอาไว้เท่านั้น  มันถลึงตาใส่เนี่ยห่าวและจี้เทียนซิง “ข้าจะจดจำความแค้นครั้งเอาไว้

เจ้าทั้งสอง....รอรับผลที่ตามมาจากโทสะของข้าได้เลย  !”

หลังจากกัดฟันแน่นลู่หมิงหยางก็หันหลังกลับและจากไปพร้อมกับผู้คุ้มกัน

เงาร่างของพวกมันทั้งหมดจางหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

เนี่ยห่าวไม่ได้สั่งการใดๆต่อผู้คุ้มกัน

เขาเพียงมองเงาหลังของลู่หมิงหยางที่จางหายไปในความมืดพลางสบถออกมา

“ระยำเอ๊ย !

เจ้าหมอนั่นช่างบ้าบิ่นนัก

ข้าเกือบเสร็จมันแล้วเชียว”

หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆและข่มความโกรธเอาไว้

เนี่ยห่าวก็หันไปมองจี้เทียนซิงและประสานมือคารวะอย่างจริงใจ “ท่านพี่จี้ ขอบคุณท่านมากที่ยื่นมือเข้าช่วย

ข้าเป็นหนี้ชีวิตของท่านแล้ว !”