ตอนที่ 268

พบเจออย่างไม่คาดฝัน

จากคำประกาศของเหลยเฉียนจวินได้ทำให้โลหิตภายในกายของชาวยุทธ์นับพันคนต้องเดือดพล่าน

!

ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงดี

นักพนันนับไม่ถ้วนกรูกันเข้าไปรุมล้อมเจ้ามือของตึกพนันเหยี่ยวเวหาที่กระจายอยู่รอบๆอัฒจันทร์ทันที

หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม

ผู้ชมเกือบแปดส่วนในลานประลองก็วางเดิมพัน

ผลที่ออกมาไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชมเกือบทั้งหมดวางเดิมพันข้างมนุษย์หมาป่าอันหยิง

!

อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนที่เดิมพันข้างจี้เทียนซิง

แต่จำนวนเงินเดิมพนันกลับน้อยนิดจนแทบจะเรียกได้ว่าแทงกั๊กไปงั้นๆ

โดยรวมแล้วผู้ชมเกือบพันคนในตอนนี้ได้ตั้งธงไว้ตั้งแต่การต่อสู้ยังไม่เริ่มแล้วว่า

ผู้ท้าชิงเผ่ามนุษย์จบสิ้นแน่

ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สามกลับกล้าท้าทายมนุษย์หมาป่าอันหยิงที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า

?

กล่าวได้ว่าผู้ท้าชิงในวันนี้เป็นคนตายไปแล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้

!

แม้กระทั่งก่อนหน้านี้เคยมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้ามาท้าประลองอันหยิง

แต่สุดท้ายก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างน่าเวทนา

ทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ดวงตาจับจ้องไปที่ลานประลองกลางห้องโถง

อีกครึ่งชั่วยามผ่านไป

ในที่สุดเหลยเฉียนจวินก็ประกาศปิดรับแทงและเจ้ามือทั้งสิบกว่าคนก็ทยอยเดินออกไป

จากนั้นชายสวมชุดเกราะทั้งสี่คนที่อยู่ข้างหลังเหลยเฉียนจวินก็เดินไปที่เวทีด้านทิศเหนือและทิศใต้เพื่อเปิดประตูเหล็กสีดำสองบานออกมา

ฝั่งทิศใต้ของลานประลอง

ชายสองคนพาจี้เทียนออกจากห้องลับและเดินไปที่เวที

สายตาของผู้ชมนับไม่ถ้วนมารวมกันที่ร่างของจี้เทียนซิงทันที

ทุกคนมองเขาด้วยแววตาหลากหลาย มีทั้งเย้ยหยัน, สงสาร, งุนงงและประหลาดใจ

“เคะ เคะ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยแท้ๆ น่าสงสารที่ต้องมาถูกฉีกเป็นชิ้นๆด้วยน้ำมือของมนุษย์หมาป่าอันหยิง

!”

“เฮ้อ ! เจ้าหนูนี่อุตส่าห์ตัดผ่านมาถึงขอบเขตปราณจิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

มันย่อมเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นของนิกายใหญ่เป็นแน่ แต่กลับต้องมาตาย”

“ฮ่าๆ ข้าใช้หินวิญญาณห้าสิบก้อนซึ่งเป็นทรัพย์สินของทั้งตระกูลแทงข้างอันหยิงไป

หากเจ้าหนูนั่นชนะ ข้าก็หมดตัว !”

“ส่วนข้าเดิมพนันไปสองล้านเหรียญซึ่งเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ข้าเก็บหอมรอมริบมาชั่วชีวิต

มั่นใจได้เลยว่าเจ้าเด็กนั่นซี๊แหงแก๋แน่นอน และเมื่ออันหยิงชนะ

ข้าก็จะเป็นเศรษฐีในข้ามคืน !”

...........

ในมุมตะวันออกของอัฒจันทร์มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินนั่งอยู่

บุคคลผู้นี้ร่างสูงใหญ่กำยำดูเป็นผู้ดีมีศักดิ์ฐานะ

เขาก็คือบิดาของหลิงหยุนเฟยอดีตคนรักเก่าของจี้เทียนซิง  หัวหน้าตระกูลหลิงแห่งเมืองจักรวรรดิ

หลิงซื่อไห่ !

หลายเดือนที่ผ่านมาเขาออกจากเมืองจักรวรรดิชิงหยุนและเดินทางมาถึงดินแดนดาราบรรพกาล

เพื่อล้างแค้นให้หลิงหยุนเฟย

บุตรีหัวแก้วหัวแหวน เขาจึงหาหนทางเข้ามาในเมืองวิญญาณเพลิงได้สำเร็จ

เขาอยู่ในเมืองนี้มาหลายเดือน

และด้วยความที่เป็นชนชั้นสูงของเมืองจึงรู้จักเข้าหาผู้คนเป็นอย่างดี

เขาใช้เวลาระหว่างนี้ตระเตรียมการอย่างลับๆและเฟ้นหายอดฝีมือไว้ได้หลายคน

แต่เดิมเขาวางแผนระยะยาวและคิดปักหลักอยู่ที่เมืองวิญญาณเพลิงเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสม

จากนั้นก็หาทางแก้แค้นจี้เทียนซิง

แต่เขาคาดไม่ถึงว่าทันทีที่มาตึกพนันเหยี่ยวเวหาโดยบังเอิญ

เขาจะพบกับจี้เทียนซิงที่นี่

แวบแรกที่เห็นจี้เทียนซิงเดินเข้าสู่สังเวียน

เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงพลางอุทานว่า “จี้เทียนซิง !? ที่แท้เป็นมันนี่เอง

!”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

เขาสูดหายใจเข้าลึก สีหน้ากลับกลายมาเป็นความปีติยินดีและความตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ .......

เอาเถอะไม่ว่ามันจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรก็ช่างหัวมัน  ไม่คิดฝันเลยว่าข้าจะได้พบมันวันนี้”

“หึๆๆ จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง

ข้าหลิงซื่อไห่จะตั้งตาดูเจ้าถูกอันหยิงฉีกร่างเป็นชิ้นๆ !”

เขานั่งลงบนที่นั่งและกอดอกเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยรอยยิ้มชื่นมื่น

เขาแทบจะอดใจรอเห็นภาพที่จี้เทียนซิงถูกแยกส่วนไม่ไหวแล้ว

............

ในเวลาเดียวกัน

ประตูเหล็กสีดำทางด้านทิศเหนือของลานประลองก็เปิดออก

ชายสองคนในชุดเกราะเหล็กนำทางมนุษย์หมาป่าอันหยิงเข้ามาในลานประลอง

เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของมนุษย์หมาป่าอันหยิง

ดวงตาของทุกคนก็รวมกันเป็นจุดเดียว

เฮ

เฮ  !!

มีฝูงชนบางส่วนลุกขึ้นยืนและตะโกนส่งเสียงเชียร์

พวกเขาโห่ร้องหวังว่าให้อันหยิงฉีกจี้เทียนซิงเป็นชิ้นๆให้ดูเป็นขวัญตา

หลังจากทั้งหมด

กองเชียร์เหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่เดิมพันข้างอันหยิงจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว

ในขณะที่ทุกคนตะโกนและให้กำลังใจ

จี้เทียนซิงก็จ้องมองไปที่มนุษย์หมาป่าอันหยิงด้วยสีหน้าราบเรียบ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมนุษย์หมาป่าของเผ่าอสูร

เขาอดไม่ได้ที่จะเพ่งพินิจด้วยความสนใจ

นี่คือมนุษย์หมาป่าสูงเกือบสองเมตรและเดินหลังเหยียดตรงเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง

มือเท้าของมันหนาและหยาบกร้าน

อีกทั้งยังมีกรงเล็บสีดำที่แหลมคมเหมือนกริชเล่มหนึ่ง

ที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของมันถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กสีดำขนาดใหญ่ลามไปจนถึงลำคอ

ยามที่มันเดินจะเกิดเสียงของโลหะกระทบกันดัง แก๊ง แก๊ง.... !

ทั่วร่างของมันปกคลุมไปด้วยขนสีเทาเข้ม

ที่ซึ่งปกปิดส่วนสำคัญเพราะมันไม่ใส่เสื้อผ้า

ลำตัวส่วนล่างตั้งแต่คอลงมาดูคล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก

เพียงแค่มีขนหน้าและดูกำยำกว่าหลายเท่า

แต่ทว่าส่วนบนลำคอขึ้นไปก็คือศีรษะของหมาป่า

ปากยาวแหลมขนาดใหญ่ ดวงตาสีเขียวที่กระพริบถี่ด้วยความเย็นชา

“นี่ก็คือมนุษย์อสูรของเผ่าอสูร.......

วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว”

จี้เทียนซิงร่ำร้องออกมาในใจ

จากนั้นชายสองคนก็พาอันหยิงไปยังกลางลานและปลดพันธนาการที่คอและมือเท้าของมันออก

ปล่อยให้มันมีอิสระในการเคลื่อนที่ดังเดิม

กร๊อบ.....

กร๊อบ  !

มันบิดคอและเท้าเป็นการวอร์มอัพ

จากนั้นก็จับจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาเย็นเยือกกระหายเลือด

ในเวลานี้เองเหลยเฉียนจวินก็ประกาศเสียงดังว่า

“การต่อสู้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ !”

ประกาศจบเขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว

บนลานประลองที่กว้างใหญ่และแบนราบเหลือเพียงมนุษย์หมาป่าอันหยิงและจี้เทียนซิงเท่านั้น  ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ห่างกันประมาณร้อยก้าว

ทั้งคู่จ้องหน้ากันด้วยความเยือกเย็น

พวกเขาเริ่มสะสมพลังปราณอย่างลับๆ พร้อมที่จะลงมือได้ทุกวินาที

จี้เทียนซิงโคจรพลังปราณอย่างเงียบงันส่งผลให้กระแสพลังในร่างไหลเวียนราวกับแม่น้ำที่เกรี้ยวกราด

ส่วนอันหยิงประสานมือหักกระดูกข้อนิ้วตัวเองดังกร๊อบ

จากนั้นก็ค่อยๆก้มศีรษะลงลง โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

รอบกายปะทุคลื่นพลังอันเย็นเยือกดุร้ายออกมา

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของมัน

ทุกคนโดยรอบก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นการตั้งกระบวนท่าเริ่มต้น

มันพร้อมจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนแล้ว !

จี้เทียนซิงกำหมัดเงียบๆและจ้องอีกฝ่ายเขม็งพร้อมที่จะตอบโต้ทุกเมื่อ

“ฮึ่ม !”

ในเวลานี้เองอันหยิงก็ส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมคมออกมา

เงาร่างกำยำพุ่งดีดไปดุจลูกธนูหลุดจากคันศร ซึ่งปรี่เข้าหาจี้เทียนซิง

มันเร็วเกินไป

เร็วจนผู้คนมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมัน พวกเขาเห็นเพียงแค่มันกลายเป็นเงาสีดำที่พุ่งออก

“ฟุ่บ !”

เพียงพริบตามันก็ทะยานไปไกลเกือบร้อยก้าวและพุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงอย่างดุร้าย

มันเหยียดมือที่หนาและแข็งแรงออกมา

เปิดกางกรงเล็บหมาป่าอันแหลมคมก่อเกิดเป็นริ้วลำแสงอันเย็นเยือก

คว้านเข้าหาศีรษะของจี้เทียนซิง

มนุษย์หมาป่าโหดเหี้ยมดุร้ายมาก

มันต้องการโฉบกระชากศีรษะของจี้เทียนซิงและปลิดชีวิตเขาในทันที

จี้เทียนซิงเตรียมการไว้นานแล้ว

ถึงแม้เขาจะรู้สึกประหลาดใจกับความเร็วของอันหยิงก็ตาม

แต่มันไม่ได้ทำให้เขาต้องร้อนรนมากนัก

เขาใช้ย่างก้าวไร้เงาทันที

เพื่อกระโดดหนีไปด้านข้างสามเมตรเพื่อหลบรอดจากกรงเล็บของมัน

อันหยิงพลาดเป้า

แต่การเคลื่อนไหวของมันก็มิได้ชะงักและไม่หยุดเพียงเท่านี้

มันเอี้ยวตัวไปด้านข้างและเหยียดกรงเล็บตามติดออกไปคว้าศีรษะของจี้เทียนซิง

ทันทีที่เขาตั้งหลักได้

ศีรษะของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยกรงเล็บหมาป่าขนาดใหญ่ที่สาดแสงเย็นเยียบออกมา