ในขณะที่เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น
แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนหลายครั้งหลายครา ตามมาด้วยฝุ่นควันคละคลุ้ง
เมื่อเห็นฉากนี้ ศิษย์สาวกหลายคนก็เบิกตากว้างและกระซิบเสียงดัง
"สวรรค์ ! ตกมาจากที่สูงขนาดนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว”
“น่าสังเวชนัก
ไม่รู้ว่าคนโชคร้ายผู้นี้เป็นใคร ?"
"นั่นสิ
ดูเหมือนว่ามันจะตกลงมาจากทะเลเมฆ ใช่ชั้นที่เจ็ดหรือเปล่า ?!"
"เป็นไปได้หรือ ? หากไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้วจะถูกส่งกลับออกมาหลังจากหมดเวลา
ทำไมคนผู้นี้ถึงได้ถูกดีดออกมาเอง ?"
"ดูนั่นสิ ! ไฟสองดวงในโคมไฟที่ชั้นเจ็ดหายไปดวงหนึ่งแล้ว
!"
เมื่อได้ยินเสียงอุทานจากศิษย์คนหนึ่ง ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนยอดหอคอยเจ็ดดาว
สิ่งที่พวกมันได้เห็นก็คือดวงไฟในโคมไฟได้หายไปดวงหนึ่ง
เมื่อได้เห็นสถานการณ์นี้ เฉียวซวนและศิษย์สาวกหลายคนก็รู้สึกตื่นตระหนก
จากนั้นสีหน้าของพวกมันก็กลายเป็นตื่นเต้นยินดีอย่างสุดแสน
"ดูจากรูปร่างแล้วมิใช่อิสตรี
ดังนั้นไม่สมควรเป็นเฟิงหมิน !"
"ในเมื่อไม่ใช่เฟิงหมิน
เช่นนั้นก็น่าจะเป็นจี้เทียนซิงไม่ก็ศิษย์พี่เหวินหยู ?"
"ต้องเป็นจี้เทียนซิงแน่ๆ !"
เหล่าศิษย์สาวกหลายคนต่างถกเถียงกันอยู่หลายคำ
พวกมันพยายามคาดเดาตัวตนของผู้ที่ตกลงมา
เฉียวซวนขมวดคิ้วพลางสบถด้วยเสียงแผ่วเบา “ไอ้สารเลวจี้เทียนซิงไปได้ถึงชั้นเจ็ดเลยหรือ
?”
ศิษย์อีกสองคนตอบอย่างรวดเร็วและถามด้วยความงุนงงว่า
“เช่นนั้นทำไมมันถึงได้ตกลงมาแบบนี้
?!"
"เฮอะ ยังต้องถาม ? มันต้องถูกศิษย์พี่เหวินหยูถีบตกลงมาอยู่แล้ว
!"
"ไปเถอะ ไปดูกันให้ชัดๆไปเลย ! "
" ฮ่าฮ่าฮ่า ไปๆ
ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าจี้เทียนซิงจะตกตายไปแล้วหรือไม่"
เฉียวซวนและศิษย์อีกสองคนไม่เพียงแค่ไร้ความเห็นอกเห็นใจ
แต่ยังเต็มไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
ทุกคนรีบไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อดูให้แน่ชัด
เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นว่าบนพื้นหญ้าใต้หอคอยเจ็ดดาวยังคงเต็มไปด้วยฝุ่นละอองและควันลอยฟุ้ง
ปรากฏหลุมลึกและยาวกว่าห้าเมตรบนพื้น
ภายในนั้นเป็นชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมสีขาว
เสื้อผ้าฉีกขาดเต็มไปด้วยรูโหว่และคราบเลือด แทบจะกลายเป็นเสื้อคลุมสีเทา
ผมยาวของมันที่เคยรวบมัดไว้สยายออกกระเซอะกระเซิงและดูเหมือนขอทาน
ร่างของมันชักกระตุกอยู่ในหลุมลึกและมีแอ่งเลือดอยู่ใต้ร่างมันอีกที
ชโลมพื้นดินในหลุมจนกลายเป็นดินสีแดง
มันพยายามอยู่หลายครั้งเพื่อจะผุดลุกขึ้นและยกศีรษะที่เปื้อนเลือดของมันขึ้น
เมื่อได้เห็นใบหน้าชัดตา เฉียวเซียนและศิษย์อีกหลายคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจด้วยความตกตะลึง
"ท่าน ... เป็นศิษย์พี่เหวินหยูได้อย่างไร ?"
"เป็นไปได้อย่างไร ?! ศิษย์พี่เหวินหยูตกลงมาได้อย่างไร"
"เหตุใดเป็นเช่นนี้ ? ทำไมคนที่ตกลงมาถึงมิใช่จี้เทียนซิง ?"
"ศิษย์พี่เหวินหยู ชัดเจนว่าท่านอยู่บนชั้นเจ็ด
จู่ๆทำไมถึงตกลงมาได้เล่า ?"
ทุกคนตกตะลึงเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย
พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
อารมณ์ของเฉียวซวนนั้นกลายเป็นซับซ้อนที่สุด
ใบหน้าของมันกลายเป็นมืดมน ความโกรธกริ้วเอ่อล้นในดวงตา
เมื่อไม่นานนี้มันเพิ่งจะพนันกับคนอื่นอยู่หยกๆว่าจี้เทียนซิงไม่มีทางขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้และจะต้องตกลงมาอย่างน่าสังเวช
แต่ความจริงที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม
จี้เทียนซิงยังอยู่ดีที่ชั้นเจ็ด ส่วนผู้ที่ตกลงมาก็คือซื่อเหวินหยู !
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันน่าสังเวชของซื่อเหวินหยู
เฉียวซวนก็รู้สึกหนังศีรษะชาด้านและรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง มันเริ่มรู้สึกหวาดผวาในใจอยู่ลับๆ
มันมิอาจจินตนาการได้แน่นอนว่าจี้เทียนซิงทำอะไรกับซื่อเหวินหยูจนตกอยู่ในสภาพนี้
ในเวลานี้เอง ซื่อเหวินหยูก็ค่อยๆคลานออกมาจากหลุม
เขาไม่ได้สนใจเลือดและดินโคลนที่เกาะทั่วตัว มันช้อนตามองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาวพลางคำรามเสียงแหบแห้งว่า
“จี้เทียนซิง
เจ้ารอก่อนเถอะ..... ความแค้นครั้งนี้ข้าจะจำไว้ให้มั่น
สักวันข้าจะตอบแทบเป็นสิบๆเท่า
จี้เทียนซิง !!!"
ประโยคเหล่านี้แฝงความโกรธแค้นและความเกลียดเอาไว้อย่างลึกล้ำ
มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันชั่วชีวิตของซื่อเหวินหยูเลยทีเดียว
มันเดินโซเซไปที่ขอบข่ายอาคม ข้ามประตูวาร์ปเพื่อกลับมายังพื้นที่เปิดโล่งใต้หอคอย
ศิษย์หลายคนรีบกรูกันเข้าไปถามมันด้วยความตกอกตกใจ
ทุกคนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่อาการบาดเจ็บของซื่อเหวินหยูนั้นสาหัสเกินจะทน มันใช้พลังทั้งหมดกระเสือกกระสนกลับมาได้ก็เกินคาดแล้ว มันใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ
มันเพิกเฉยต่อคำถามของฝูงชนและเดินออกจากพื้นที่เปิดโล่ง
ลงเขาไปเพียงลำพัง
เรื่องที่เกิดขึ้นจบลงด้วยความสิ้นหวังของซื่อเหวินหยู
มันไม่มีหน้าจะอยู่เพื่ออธิบายใดๆให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความอัปยศและน่าสังเวชของมัน สิ่งที่มันทำได้คือเดินจากไปอย่างเงียบๆ
เฉียวซวนและศิษย์รุ่นเยาว์อีกหลายคนมองเงาหลังที่ค่อยๆลับตาไปของซื่อเหวินหยู
สีหน้าท่าทางของพวกมันทุกคนเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความสงสัย
"นี่เป็นไปได้อย่างไร.... ? แต่ดูเหมือนว่าซื่อเหวินหยูจะถูกจี้เทียนซิงทำร้ายสาหัสมา
?"
"เหลือเชื่อนัก !
จี้เทียนซิงเข้าหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกมิใช่หรือ ? มันไปถึงชั้นที่เจ็ดได้ไม่พอแต่กลับสามารถถีบซื่อเหวินหยูตกลงมาอีกด้วย
?!”
"นั่นสิ หากมิได้เห็นกับตาตัวเอง
ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
"ดูเหมือนว่าพวกเราประเมินจี้เทียนซิงต่ำเกินไป
การที่ซื่อเหวินหยูมีสภาพอนาถาเยี่ยงนั้นเป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงมิได้สามัญธรรมดา"
ศิษย์สาวกหลายคนต่างก็พูดคุยกัน
มีเพียงเฉียวซวนผู้เดียวที่ไม่พูดอะไรออกมา สีหน้าของมันหดหู่มืดมน
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน
หนึ่งชั่วยามผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้โคมไฟที่ชั้นหกของหอคอยเจ็ดดาวก็ดับลง
เงาร่างอรชรในชุดสีขาวดิ่งลงมาอย่างนุ่มนวลจากกลางอากาศ
ร่างกายของนางเบาดุจปุยนุ่น
คนโบกมือโคจรลำแสงปราณแท้อันพร่างพราวออกมาสัมผัสบนข่ายอาคมปราณฟ้า
ครืน....
ด้วยเสียงสั่นสะเทือน
นางใช้พลังของข่ายอาคมเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการตกลงมาจากชั้นหก
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของนางก็หยุดลงบนพื้นและก้าวเท้าเดินออกจากประตูวาร์ป
สตรีผู้นี้เต็มไปด้วยความงามสง่า
นางก็คือเฟิ่งหมินนั่นเอง
“ไปไม่ถึงอีกแล้วสินะ.....”
นางพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่านางจะล้มเหลวที่จะไปให้ถึงชั้นเจ็ดอย่างใจหวังและถูกดีดออกมาจากหอคอยเจ็ดดาว แต่ทว่านางกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
มีเพียงอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยเท่านั้น
ศิษย์สาวกหลายคนเดินเข้าไปทักทายนางด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทุกคนก็แหงนหน้าขึ้นไปมองบนยอดหอคอยเจ็ดดาว
ตอนนี้บนหอคอยเจ็ดดาวเหลือเพียงดวงไฟดวงสุดท้ายที่ยังคงสว่างอยู่
ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัยว่า
ชายหนุ่มจี้เทียนซิงผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่
เขาเข้ามาในหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกแน่หรือ ?
เขาจะได้อะไรจากการไปถึงยอดหอคอย ?
…………..
ที่ด้านบนของหอคอยเจ็ดดาว หมู่ดาวยังคงส่องสว่างอย่างพร่างพราว
จี้เทียนซิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางค่ายกล ใช้พลังจากหินวิญญาณโป๋จิงเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ
เสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
เขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงดวงดาวบางๆสายหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวของเขากลายเป็นลึกล้ำและเงียบสงบ
ราวกับว่าเขาถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชั้นฟ้าของหมู่ดาว
ในแกนกลางของเกสรดอกไม้ที่อยู่เบื้องหน้า
หินวิญญาณโป๋จิงเปล่งแสงระยิบระยับล้อมรอบโลงหยกวิญญาณ
จี้เค่อที่กำลังนอนหลับอยู่ในโลงก็ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีเงินของดวงดาราอยู่หลายชั้น
ลมหายใจของนางสงบและคงที่ พลังสายเลือดก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ สองวัน... สามวัน ... จนกระทั่งห้าวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกำหนดเส้นตายใกล้เข้ามาถึง จี้เทียนซิงสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
ในที่สุดเขาก็หยุดการบ่มเพาะและลืมตาขึ้น
เขาเปิดปากเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมาและมีกระแสอากาศสีเงินไหลออกมาจากปากของเขา
มันเปล่งประกายด้วยแสงดวงดาวเล็กน้อย
"พลังแห่งดวงดาราช่างยอดเยี่ยมและพิเศษสุดในโลกจริงๆ
ผลที่ได้ช่างไม่ธรรมดายิ่งนัก !”
"ข้าเพียงแค่บ่มเพาะอยู่ในค่ายกลเจ็ดดาวแค่ห้าวัน
แต่ด้วยพลังอำนาจจากดวงดาวที่ข้าชักนำมาบ่มเพาะ
มันกลับทำให้ข้าสามารถบรรเทาจุดฝังเข็มได้ถึงหกจุด !”
"น่าเสียดายนัก
หากได้ฝึกฝนที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน ข้าคงทะลวงด่านปราณจิตขั้นที่แปดไปได้แน่”
คิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองจี้เค่อที่กำลังหลับไหลอยู่ในโลกหยกวิญญาณพลางกระซิบกล่าวว่า
“เค่อเค่อ
ใกล้ถึงกำหนดเวลาแล้ว ข้าจะต้องออกไปในไม่ช้า"
"ด้วยความมหัศจรรย์ของค่ายกลเจ็ดดาวและข่ายอาคมระดับปราณฟ้า
ตราบใดที่เจ้านอนอยู่ที่นี่สักสองสามเดือน สายเลือดดาราแดงของเจ้าจะถูกปรับแต่งจนถึงขีดสุด
จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นอัจฉริยะชั้นยอด ... "
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved