ตอนที่ 332 ความสามารถที่พรั่งพรู

ในขณะที่เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น

แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนหลายครั้งหลายครา ตามมาด้วยฝุ่นควันคละคลุ้ง

เมื่อเห็นฉากนี้ ศิษย์สาวกหลายคนก็เบิกตากว้างและกระซิบเสียงดัง

"สวรรค์ ! ตกมาจากที่สูงขนาดนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว”

“น่าสังเวชนัก

ไม่รู้ว่าคนโชคร้ายผู้นี้เป็นใคร ?"

"นั่นสิ

ดูเหมือนว่ามันจะตกลงมาจากทะเลเมฆ ใช่ชั้นที่เจ็ดหรือเปล่า ?!"

"เป็นไปได้หรือ ? หากไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้วจะถูกส่งกลับออกมาหลังจากหมดเวลา

ทำไมคนผู้นี้ถึงได้ถูกดีดออกมาเอง ?"

"ดูนั่นสิ ! ไฟสองดวงในโคมไฟที่ชั้นเจ็ดหายไปดวงหนึ่งแล้ว

!"

เมื่อได้ยินเสียงอุทานจากศิษย์คนหนึ่ง ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนยอดหอคอยเจ็ดดาว

สิ่งที่พวกมันได้เห็นก็คือดวงไฟในโคมไฟได้หายไปดวงหนึ่ง

เมื่อได้เห็นสถานการณ์นี้ เฉียวซวนและศิษย์สาวกหลายคนก็รู้สึกตื่นตระหนก

จากนั้นสีหน้าของพวกมันก็กลายเป็นตื่นเต้นยินดีอย่างสุดแสน

"ดูจากรูปร่างแล้วมิใช่อิสตรี

ดังนั้นไม่สมควรเป็นเฟิงหมิน !"

"ในเมื่อไม่ใช่เฟิงหมิน

เช่นนั้นก็น่าจะเป็นจี้เทียนซิงไม่ก็ศิษย์พี่เหวินหยู ?"

"ต้องเป็นจี้เทียนซิงแน่ๆ !"

เหล่าศิษย์สาวกหลายคนต่างถกเถียงกันอยู่หลายคำ

พวกมันพยายามคาดเดาตัวตนของผู้ที่ตกลงมา

เฉียวซวนขมวดคิ้วพลางสบถด้วยเสียงแผ่วเบา “ไอ้สารเลวจี้เทียนซิงไปได้ถึงชั้นเจ็ดเลยหรือ

?”

ศิษย์อีกสองคนตอบอย่างรวดเร็วและถามด้วยความงุนงงว่า

“เช่นนั้นทำไมมันถึงได้ตกลงมาแบบนี้

?!"

"เฮอะ ยังต้องถาม ? มันต้องถูกศิษย์พี่เหวินหยูถีบตกลงมาอยู่แล้ว

!"

"ไปเถอะ ไปดูกันให้ชัดๆไปเลย ! "

" ฮ่าฮ่าฮ่า  ไปๆ

ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าจี้เทียนซิงจะตกตายไปแล้วหรือไม่"

เฉียวซวนและศิษย์อีกสองคนไม่เพียงแค่ไร้ความเห็นอกเห็นใจ

แต่ยังเต็มไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น

ทุกคนรีบไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อดูให้แน่ชัด

เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นว่าบนพื้นหญ้าใต้หอคอยเจ็ดดาวยังคงเต็มไปด้วยฝุ่นละอองและควันลอยฟุ้ง

ปรากฏหลุมลึกและยาวกว่าห้าเมตรบนพื้น

ภายในนั้นเป็นชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมสีขาว

เสื้อผ้าฉีกขาดเต็มไปด้วยรูโหว่และคราบเลือด แทบจะกลายเป็นเสื้อคลุมสีเทา

ผมยาวของมันที่เคยรวบมัดไว้สยายออกกระเซอะกระเซิงและดูเหมือนขอทาน

ร่างของมันชักกระตุกอยู่ในหลุมลึกและมีแอ่งเลือดอยู่ใต้ร่างมันอีกที

ชโลมพื้นดินในหลุมจนกลายเป็นดินสีแดง

มันพยายามอยู่หลายครั้งเพื่อจะผุดลุกขึ้นและยกศีรษะที่เปื้อนเลือดของมันขึ้น

เมื่อได้เห็นใบหน้าชัดตา เฉียวเซียนและศิษย์อีกหลายคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจด้วยความตกตะลึง

"ท่าน ...  เป็นศิษย์พี่เหวินหยูได้อย่างไร ?"

"เป็นไปได้อย่างไร ?! ศิษย์พี่เหวินหยูตกลงมาได้อย่างไร"

"เหตุใดเป็นเช่นนี้ ? ทำไมคนที่ตกลงมาถึงมิใช่จี้เทียนซิง ?"

"ศิษย์พี่เหวินหยู ชัดเจนว่าท่านอยู่บนชั้นเจ็ด

จู่ๆทำไมถึงตกลงมาได้เล่า ?"

ทุกคนตกตะลึงเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย

พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น

อารมณ์ของเฉียวซวนนั้นกลายเป็นซับซ้อนที่สุด

ใบหน้าของมันกลายเป็นมืดมน ความโกรธกริ้วเอ่อล้นในดวงตา

เมื่อไม่นานนี้มันเพิ่งจะพนันกับคนอื่นอยู่หยกๆว่าจี้เทียนซิงไม่มีทางขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้และจะต้องตกลงมาอย่างน่าสังเวช

แต่ความจริงที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม

จี้เทียนซิงยังอยู่ดีที่ชั้นเจ็ด ส่วนผู้ที่ตกลงมาก็คือซื่อเหวินหยู !

เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันน่าสังเวชของซื่อเหวินหยู

เฉียวซวนก็รู้สึกหนังศีรษะชาด้านและรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง  มันเริ่มรู้สึกหวาดผวาในใจอยู่ลับๆ

มันมิอาจจินตนาการได้แน่นอนว่าจี้เทียนซิงทำอะไรกับซื่อเหวินหยูจนตกอยู่ในสภาพนี้

ในเวลานี้เอง ซื่อเหวินหยูก็ค่อยๆคลานออกมาจากหลุม

เขาไม่ได้สนใจเลือดและดินโคลนที่เกาะทั่วตัว  มันช้อนตามองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาวพลางคำรามเสียงแหบแห้งว่า

“จี้เทียนซิง

เจ้ารอก่อนเถอะ.....  ความแค้นครั้งนี้ข้าจะจำไว้ให้มั่น

สักวันข้าจะตอบแทบเป็นสิบๆเท่า

จี้เทียนซิง !!!"

ประโยคเหล่านี้แฝงความโกรธแค้นและความเกลียดเอาไว้อย่างลึกล้ำ

มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันชั่วชีวิตของซื่อเหวินหยูเลยทีเดียว

มันเดินโซเซไปที่ขอบข่ายอาคม ข้ามประตูวาร์ปเพื่อกลับมายังพื้นที่เปิดโล่งใต้หอคอย

ศิษย์หลายคนรีบกรูกันเข้าไปถามมันด้วยความตกอกตกใจ

ทุกคนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่อาการบาดเจ็บของซื่อเหวินหยูนั้นสาหัสเกินจะทน  มันใช้พลังทั้งหมดกระเสือกกระสนกลับมาได้ก็เกินคาดแล้ว  มันใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ

มันเพิกเฉยต่อคำถามของฝูงชนและเดินออกจากพื้นที่เปิดโล่ง

ลงเขาไปเพียงลำพัง

เรื่องที่เกิดขึ้นจบลงด้วยความสิ้นหวังของซื่อเหวินหยู

มันไม่มีหน้าจะอยู่เพื่ออธิบายใดๆให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความอัปยศและน่าสังเวชของมัน  สิ่งที่มันทำได้คือเดินจากไปอย่างเงียบๆ

เฉียวซวนและศิษย์รุ่นเยาว์อีกหลายคนมองเงาหลังที่ค่อยๆลับตาไปของซื่อเหวินหยู

สีหน้าท่าทางของพวกมันทุกคนเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความสงสัย

"นี่เป็นไปได้อย่างไร.... ?  แต่ดูเหมือนว่าซื่อเหวินหยูจะถูกจี้เทียนซิงทำร้ายสาหัสมา

?"

"เหลือเชื่อนัก !

จี้เทียนซิงเข้าหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกมิใช่หรือ ? มันไปถึงชั้นที่เจ็ดได้ไม่พอแต่กลับสามารถถีบซื่อเหวินหยูตกลงมาอีกด้วย

?!”

"นั่นสิ หากมิได้เห็นกับตาตัวเอง

ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"

"ดูเหมือนว่าพวกเราประเมินจี้เทียนซิงต่ำเกินไป

การที่ซื่อเหวินหยูมีสภาพอนาถาเยี่ยงนั้นเป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงมิได้สามัญธรรมดา"

ศิษย์สาวกหลายคนต่างก็พูดคุยกัน

มีเพียงเฉียวซวนผู้เดียวที่ไม่พูดอะไรออกมา สีหน้าของมันหดหู่มืดมน

เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน

หนึ่งชั่วยามผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานี้โคมไฟที่ชั้นหกของหอคอยเจ็ดดาวก็ดับลง

เงาร่างอรชรในชุดสีขาวดิ่งลงมาอย่างนุ่มนวลจากกลางอากาศ

ร่างกายของนางเบาดุจปุยนุ่น

คนโบกมือโคจรลำแสงปราณแท้อันพร่างพราวออกมาสัมผัสบนข่ายอาคมปราณฟ้า

ครืน....

ด้วยเสียงสั่นสะเทือน

นางใช้พลังของข่ายอาคมเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการตกลงมาจากชั้นหก

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของนางก็หยุดลงบนพื้นและก้าวเท้าเดินออกจากประตูวาร์ป

สตรีผู้นี้เต็มไปด้วยความงามสง่า

นางก็คือเฟิ่งหมินนั่นเอง

“ไปไม่ถึงอีกแล้วสินะ.....”

นางพึมพำกับตัวเอง

แม้ว่านางจะล้มเหลวที่จะไปให้ถึงชั้นเจ็ดอย่างใจหวังและถูกดีดออกมาจากหอคอยเจ็ดดาว  แต่ทว่านางกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

มีเพียงอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยเท่านั้น

ศิษย์สาวกหลายคนเดินเข้าไปทักทายนางด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นทุกคนก็แหงนหน้าขึ้นไปมองบนยอดหอคอยเจ็ดดาว

ตอนนี้บนหอคอยเจ็ดดาวเหลือเพียงดวงไฟดวงสุดท้ายที่ยังคงสว่างอยู่

ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัยว่า

ชายหนุ่มจี้เทียนซิงผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่

เขาเข้ามาในหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกแน่หรือ ?

เขาจะได้อะไรจากการไปถึงยอดหอคอย ?

…………..

ที่ด้านบนของหอคอยเจ็ดดาว หมู่ดาวยังคงส่องสว่างอย่างพร่างพราว

จี้เทียนซิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางค่ายกล ใช้พลังจากหินวิญญาณโป๋จิงเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ

เสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

เขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงดวงดาวบางๆสายหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวของเขากลายเป็นลึกล้ำและเงียบสงบ

ราวกับว่าเขาถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชั้นฟ้าของหมู่ดาว

ในแกนกลางของเกสรดอกไม้ที่อยู่เบื้องหน้า

หินวิญญาณโป๋จิงเปล่งแสงระยิบระยับล้อมรอบโลงหยกวิญญาณ

จี้เค่อที่กำลังนอนหลับอยู่ในโลงก็ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีเงินของดวงดาราอยู่หลายชั้น

ลมหายใจของนางสงบและคงที่ พลังสายเลือดก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ สองวัน... สามวัน ... จนกระทั่งห้าวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกำหนดเส้นตายใกล้เข้ามาถึง จี้เทียนซิงสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

ในที่สุดเขาก็หยุดการบ่มเพาะและลืมตาขึ้น

เขาเปิดปากเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมาและมีกระแสอากาศสีเงินไหลออกมาจากปากของเขา

มันเปล่งประกายด้วยแสงดวงดาวเล็กน้อย

"พลังแห่งดวงดาราช่างยอดเยี่ยมและพิเศษสุดในโลกจริงๆ

ผลที่ได้ช่างไม่ธรรมดายิ่งนัก !”

"ข้าเพียงแค่บ่มเพาะอยู่ในค่ายกลเจ็ดดาวแค่ห้าวัน

แต่ด้วยพลังอำนาจจากดวงดาวที่ข้าชักนำมาบ่มเพาะ

มันกลับทำให้ข้าสามารถบรรเทาจุดฝังเข็มได้ถึงหกจุด !”

"น่าเสียดายนัก

หากได้ฝึกฝนที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน ข้าคงทะลวงด่านปราณจิตขั้นที่แปดไปได้แน่”

คิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย  จากนั้นก็หันไปมองจี้เค่อที่กำลังหลับไหลอยู่ในโลกหยกวิญญาณพลางกระซิบกล่าวว่า

“เค่อเค่อ

ใกล้ถึงกำหนดเวลาแล้ว ข้าจะต้องออกไปในไม่ช้า"

"ด้วยความมหัศจรรย์ของค่ายกลเจ็ดดาวและข่ายอาคมระดับปราณฟ้า

ตราบใดที่เจ้านอนอยู่ที่นี่สักสองสามเดือน สายเลือดดาราแดงของเจ้าจะถูกปรับแต่งจนถึงขีดสุด

จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นอัจฉริยะชั้นยอด ... "