ข่ายอาคมลวงตา
หลุมนั้นไม่ใหญ่นัก
แต่มันก็เพียงพอที่จะให้จี้เทียนซิงแทรกตัวเข้าไปได้อย่างไม่ลำบาก ด้านในของหลุมมืดสนิท พื้นดินและกำแพงแห้งมากและเต็มไปด้วยกลิ่น
จี้เทียนซิงกลั้นลมหายใจต้านกลิ่นไม่พึงประสงค์และแทรกตัวเข้าไปในหลุมจนพบทางเดินที่คดเคี้ยว
เสี่ยวเฮยหลงหดร่างให้เล็กลงจนเหลือเพียงสองเมตร
จากนั้นก็บินนำทางไปข้างหน้าเพื่อคอยสำรวจสถานการณ์ให้จี้เทียนซิง
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
จี้เทียนซิงและเสี่ยวเฮยหลงก็เดินไปหลายร้อยก้าวจนในที่สุดก็เข้ามาถึงส่วนลึก
ลึกเข้าไปในนั้นเป็นถ้ำที่มีรัศมีมากกว่า
20 เมตร ถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยอัญมณี
รอบ ๆกำแพงมีแร่ธาตุธรรมชาติที่เปล่งประกายสลัว
รัศมีพลังฟ้าดินก็อุดมสมบูรณ์และดอกไม้สมุนไพรที่ขึ้นตามซอกหินก็ยังนำมาปรุงเป็นโอสถที่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย
เมื่อมองดูสภาพแวดล้อมในถ้ำ
จี้เทียนซิงก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆว่านี่เป็นถ้ำของสัตว์วิญญาณแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วสัตว์วิญญาณและสัตว์อสูรต่างก็ฉลาดและชอบใช้ชีวิตอยู่ใกล้เส้นชีพจรวิญญาณมากที่สุด
ในขณะที่จี้เทียนซิงสำรวจถ้ำ
เสี่ยวเฮยหลงก็บินวนเวียนอยู่ในถ้ำและสำรวจสถานการณ์ล่วงหน้า
โฮก !!!
ทันใดนั้นเองมันก็ส่งเสียงมังกรคำรามออกมาและเปลี่ยนร่างกายให้ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดห้าเมตร
พร้อมกับระเบิดไอเย็นออกมาและพุ่งไปที่แผ่นหินที่มุมถ้ำ
“เกิดอะไรขึ้น ?”
เสียงคำรามของมังกรสะท้อนก้องในถ้ำจนทำให้จี้เทียนซิงตื่นตัว
เขาหันหน้าไปมองที่แผ่นหินมุมถ้ำและได้เห็นเงาร่างสูงสองเมตรที่มีแขนยาว
มันคือวานรวิญญาณแขนยาวที่มีขนสีแดง
แขนของมันทั้งยาวและแข็งแรงมาก เดิมทีมันซ่อนตัวอยู่ในโลงหิน หลังจากถูกค้นพบโดยเสี่ยวเฮยหลง มันจึงต้องหนี
เสียงคำรามของเสี่ยวเฮยหลงสร้างความตื่นตระหนกให้วานรวิญญาณแขนยาว
มันกระโดดออกจากโลงหินและหนีไปที่ทางออกถ้ำอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม
มันช้าเกินกว่าที่จะหนีรอดจากการสังหารของเสี่ยวเฮยหลง
"ปง !"
เสียงอึกทึกดังขึ้น กรงเล็บมังกรคู่หนึ่งที่ถูกปล่อยจากเสี่ยวเฮยหลง
ทุบกระแทกใส่วานรวิญญาณแขนยาวจนมันกระเด็นไปตามกำแพงหิน
เศษหินกองพะเนินด้วยพลังทำลายของกรงเล็บมังกรและเกิดเสียงดังก้องสะท้อนในถ้ำ
และจี้เทียนซิงก็รีบมาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงบริเวณใกล้เคียง
เขาก็เห็นร่างของวานรวิญญาณแขนยาวนอนอยู่บนกองเศษหิน
ร่างกายของมันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยเลือด มันได้รับบาดเจ็บสาหัส
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวกับเสี่ยวเฮยหลงว่า
“เสี่ยวเฮยหลง
เจ้าอย่าได้หุนหันเช่นนี้ได้หรือไม่ ? กว่าข้าจะหาสัตว์วิญญาณเจอสักตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
!”
เสี่ยวเฮยหลงบินกลับมา
ดวงตาทอประกายแวววับและกล่าวว่า “สหายจี้ ขอโทษที
ข้ากลัวว่ามันจะหนีไปก็เลย..."
จี้เทียนซิงจ้องไปที่วานรวิญญาณแขนยาวครู่หนึ่งและส่ายหัวพลางกล่าวว่า
“ช่างมันเถอะ
วานรแขนยาวเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับสอง
เจ้าจะจับได้หรือไม่ได้ก็ไม่แตกต่างอะไร
ไปค้นหากันต่อเถอะ”
จี้เทียนซิงลอบผิดหวังในใจเล็กน้อย
จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำพร้อมกับเสี่ยวเฮยหลง เพื่อค้นหาในภูเขาต่อไป
ผ่านไปสองชั่วยามโดยไม่รู้ตัว
หนึ่งคืนผ่านไปและจนกระทั่งถึงรุ่งเช้าพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์วิญญาณตัวที่สอง
ถ้ำของสัตว์วิญญาณตัวนี้อยู่บนหน้าผาสูงชันโดยมีก้อนหินและพุ่มไม้ขนาดใหญ่ปิดกั้นเอาไว้
แต่ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเฮยหลงจึงทำให้จี้เทียนซิงสามารถลงมาบนหน้าผาและเข้าไปในถ้ำของสัตว์วิญญาณตัวนั้นได้
เมื่อเข้าไปข้างในส่วนลึกของถ้ำ
พวกเขาก็พบว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณระดับสองเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม
สัตว์วิญญาณตัวนี้คืออีแร้งมงกุฎทอง มันบินได้อย่างรวดเร็ว มีกรงเล็บแหลมคมเหมือนมีดและก้าวร้าวมาก
เมื่อเสี่ยวเฮยหลงและจี้เทียนซิงพบมัน มันก็ปรี่เข้าโจมตีพวกเขาทันที
ระดับพลังของสัตว์วิญญาณระดับสองนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณแท้ขั้นเจ็ดถึงขั้นแปด
เพียงแต่บางชนิดจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย
ซึ่งอีแร้งมงกุฎทองตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจี้เทียนซิงเลยแม้แต่น้อย
ฟั่บ
! ฟุ่บ
!
จี้เทียนซิงโบกมือสะบัดคลื่นกระบี่สองสายออกไปและสังหารมันภายในสองกระบวนท่า
หลังจากปลิดชีพมันแล้วเขาก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“เสียเวลามาเกือบสองวันแล้วยังไม่ได้เรื่อง
แบบนี้ไม่ได้การแน่ ถึงแม้ข้าจะตามหาสัตว์วิญญาณได้ด้วยเข็มทิศสื่อวิญญาณดารา
แต่มันก็เสียเวลาไม่ใช่น้อย อีกทั้งถึงจะพบพวกมันก็เจอแต่สัตว์วิญญาณระดับต่ำซึ่งยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ...”
เสี่ยวเฮยหลงมองอีกฝ่ายด้วยความสับสนและถามว่า
“สหายจี้ เอายังไงต่อ
พวกเรายังต้องตามหามันอีกไหม ?”
จี้เทียนซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นในใจก็สว่างวาบไปด้วยความคิด
“จริงด้วย ! ข้าคิดหาวิธีได้แล้ว
!”
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าศึกษาเรื่องข่ายอาคมในตำหนักไท่อัน
ข้าเคยผ่านตาข่ายอาคมลวงตามานี่นา”
“ข่ายอาคมชนิดนี้สามารถปลดปล่อยรัศมีพลังที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงและเลียนแบบการเคลื่อนไหว
ตลอดจนกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณได้
ดังนั่นมันจะต้องล่อสัตว์วิญญาณตัวอื่นให้มาติดกับได้อย่างแน่นอน”
“ข่ายอาคมลวงตาก็เหมือนกับดักล่าสัตว์
เพียงแต่ว่ามันใช้เพื่อดักจับสัตว์อสูรหรือสัตว์วิญญาณชั้นสูง วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านข่ายอาคมในระดับสูงเท่านั้น”
“ดังนั้นข้าจะนำร่างของอีแร้งมงกุฎทองตัวนี้ไว้ในข่ายอาคม
ใช้มันเป็นเหยื่อล่อ แน่นอนว่าต้องมีสัตว์วิญญาณมาติดกับ”
หลังจากฟังคำพูดของจี้เทียนซิง
เสี่ยวเฮยหลงก็พยักหน้าหงึกหงักและพูดไปตามน้ำว่า “สหายจี้
ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด
แต่ฟังแล้วก็ดูเหมือนจะทรงพลังดี... ”
จากนั้นจี้เทียนซิงก็เดินออกจากถ้ำพร้อมกับศพของอีแร้งมงกุฎทอง
เขาพบที่โล่งในเชิงเขาและเริ่มจัดวางข่ายอาคมลวงตาในที่โล่งทันที
ข่ายอาคมลวงตาอาคมระดับล้ำลึกซึ่งมีรัศมีทำการเพียงสิบเมตรเท่านั้น
และด้วยความสามารถของจี้เทียนซิงบวกกับความช่วยเหลือของเสี่ยวเฮยหลง
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะร่ายอาคมชนิดนี้
หลังจากนั้นเพียงสามชั่วยาม
จี้เทียนซิงก็จัดวางข่ายอาคมลวงตาสำเร็จเรียบร้อย บนพื้นที่เปิดโล่งยาว 20 เมตรแห่งนี้
หากมองผิวเผินก็ดูไม่แตกต่างอะไรกับทุ่งหญ้าร้างๆแห่งหนึ่งที่มีก้อนหินระเกะระกะ แต่แท้จริงแล้วมันปกคลุมไว้ด้วยภาพลวงตา
จี้เทียนซิงขว้างศพของอีแร้งมงกุฏทองบนก้อนหินขนาดใหญ่แล้วกระโดดไปบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
จากนั้นก็รออย่างอดทน
ภาพลวงตาเริ่มทำงาน
มันเปล่งแสงที่มองไม่เห็นออกมาอย่างต่อเนื่องและกระจายออกไปทุกทิศทาง
ยิ่งไปกว่านั้น
ด้วยความผันผวนจากพลังของข่ายอาคม มันทำหน้าที่แผ่ซ่านกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณ
จีเทียนซิงซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่
เขาพยายามเก็บลมหายใจและรัศมีพลังและคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตรอบๆอย่างเงียบงัน
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยามผลกระทบของข่ายอาคมก็ปรากฏขึ้นในที่สุด
หนูขนทองที่มีรูปร่างเหมือนสุนัขตัวใหญ่สัมผัสกลิ่นอายสัตว์วิญญาณได้
มันค่อยๆเข้าใกล้ภาพลวงตาด้วยความระมัดระวัง
จี้เทียนซิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากเห็นหนูขนทอง “เฮ้อ
เป็นสัตว์วิญญาณระดับสองอีกแล้ว บ้าเอ้ย”
เมื่อหนูขนทองกำลังจะเข้าสู่พื้นที่ของข่ายอาคมลวงตา
จี้เทียนซิงก็กระโดดลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็วและไล่มันออกไป
จากนั้นเขารออีกสองชั่วยามจนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ
ในที่สุดสัตว์วิญญาณตัวที่สองก็ปรากฏตัวขึ้น
มันเป็นเสือสีขาวที่มีความยาวสี่เมตร
บนหน้าผากมีเขาสีทองผุดขึ้นและดวงตาของมันก็ยังเป็นสีทอง
มันเต็มไปด้วยรัศมีพลังที่แข็งกร้าว
และค่อยๆเดินอย่างสงบเข้ามาใกล้ข่ายอาคมลวงตา
เมื่อจี้เทียนซิงเห็นมัน
ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความยิน ในใจร่ำร้องออกมาว่า “สัตว์วิญญาณระดับสี่ ! วิเศษมาก
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved