ตอนที่ 239

ข่ายอาคมลวงตา

หลุมนั้นไม่ใหญ่นัก

แต่มันก็เพียงพอที่จะให้จี้เทียนซิงแทรกตัวเข้าไปได้อย่างไม่ลำบาก ด้านในของหลุมมืดสนิท พื้นดินและกำแพงแห้งมากและเต็มไปด้วยกลิ่น

จี้เทียนซิงกลั้นลมหายใจต้านกลิ่นไม่พึงประสงค์และแทรกตัวเข้าไปในหลุมจนพบทางเดินที่คดเคี้ยว

เสี่ยวเฮยหลงหดร่างให้เล็กลงจนเหลือเพียงสองเมตร

จากนั้นก็บินนำทางไปข้างหน้าเพื่อคอยสำรวจสถานการณ์ให้จี้เทียนซิง

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม

จี้เทียนซิงและเสี่ยวเฮยหลงก็เดินไปหลายร้อยก้าวจนในที่สุดก็เข้ามาถึงส่วนลึก

ลึกเข้าไปในนั้นเป็นถ้ำที่มีรัศมีมากกว่า

20 เมตร ถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยอัญมณี

รอบ ๆกำแพงมีแร่ธาตุธรรมชาติที่เปล่งประกายสลัว

รัศมีพลังฟ้าดินก็อุดมสมบูรณ์และดอกไม้สมุนไพรที่ขึ้นตามซอกหินก็ยังนำมาปรุงเป็นโอสถที่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

เมื่อมองดูสภาพแวดล้อมในถ้ำ

จี้เทียนซิงก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆว่านี่เป็นถ้ำของสัตว์วิญญาณแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้วสัตว์วิญญาณและสัตว์อสูรต่างก็ฉลาดและชอบใช้ชีวิตอยู่ใกล้เส้นชีพจรวิญญาณมากที่สุด

ในขณะที่จี้เทียนซิงสำรวจถ้ำ

เสี่ยวเฮยหลงก็บินวนเวียนอยู่ในถ้ำและสำรวจสถานการณ์ล่วงหน้า

โฮก !!!

ทันใดนั้นเองมันก็ส่งเสียงมังกรคำรามออกมาและเปลี่ยนร่างกายให้ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดห้าเมตร

พร้อมกับระเบิดไอเย็นออกมาและพุ่งไปที่แผ่นหินที่มุมถ้ำ

“เกิดอะไรขึ้น ?”

เสียงคำรามของมังกรสะท้อนก้องในถ้ำจนทำให้จี้เทียนซิงตื่นตัว

เขาหันหน้าไปมองที่แผ่นหินมุมถ้ำและได้เห็นเงาร่างสูงสองเมตรที่มีแขนยาว

มันคือวานรวิญญาณแขนยาวที่มีขนสีแดง

แขนของมันทั้งยาวและแข็งแรงมาก เดิมทีมันซ่อนตัวอยู่ในโลงหิน หลังจากถูกค้นพบโดยเสี่ยวเฮยหลง มันจึงต้องหนี

เสียงคำรามของเสี่ยวเฮยหลงสร้างความตื่นตระหนกให้วานรวิญญาณแขนยาว

มันกระโดดออกจากโลงหินและหนีไปที่ทางออกถ้ำอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม

มันช้าเกินกว่าที่จะหนีรอดจากการสังหารของเสี่ยวเฮยหลง

"ปง !"

เสียงอึกทึกดังขึ้น  กรงเล็บมังกรคู่หนึ่งที่ถูกปล่อยจากเสี่ยวเฮยหลง

ทุบกระแทกใส่วานรวิญญาณแขนยาวจนมันกระเด็นไปตามกำแพงหิน

เศษหินกองพะเนินด้วยพลังทำลายของกรงเล็บมังกรและเกิดเสียงดังก้องสะท้อนในถ้ำ

และจี้เทียนซิงก็รีบมาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงบริเวณใกล้เคียง

เขาก็เห็นร่างของวานรวิญญาณแขนยาวนอนอยู่บนกองเศษหิน

ร่างกายของมันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยเลือด มันได้รับบาดเจ็บสาหัส

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวกับเสี่ยวเฮยหลงว่า

“เสี่ยวเฮยหลง

เจ้าอย่าได้หุนหันเช่นนี้ได้หรือไม่ ? กว่าข้าจะหาสัตว์วิญญาณเจอสักตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ

!”

เสี่ยวเฮยหลงบินกลับมา

ดวงตาทอประกายแวววับและกล่าวว่า “สหายจี้ ขอโทษที

ข้ากลัวว่ามันจะหนีไปก็เลย..."

จี้เทียนซิงจ้องไปที่วานรวิญญาณแขนยาวครู่หนึ่งและส่ายหัวพลางกล่าวว่า

“ช่างมันเถอะ

วานรแขนยาวเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับสอง

เจ้าจะจับได้หรือไม่ได้ก็ไม่แตกต่างอะไร

ไปค้นหากันต่อเถอะ”

จี้เทียนซิงลอบผิดหวังในใจเล็กน้อย

จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำพร้อมกับเสี่ยวเฮยหลง เพื่อค้นหาในภูเขาต่อไป

ผ่านไปสองชั่วยามโดยไม่รู้ตัว

หนึ่งคืนผ่านไปและจนกระทั่งถึงรุ่งเช้าพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์วิญญาณตัวที่สอง

ถ้ำของสัตว์วิญญาณตัวนี้อยู่บนหน้าผาสูงชันโดยมีก้อนหินและพุ่มไม้ขนาดใหญ่ปิดกั้นเอาไว้

แต่ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเฮยหลงจึงทำให้จี้เทียนซิงสามารถลงมาบนหน้าผาและเข้าไปในถ้ำของสัตว์วิญญาณตัวนั้นได้

เมื่อเข้าไปข้างในส่วนลึกของถ้ำ

พวกเขาก็พบว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณระดับสองเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม

สัตว์วิญญาณตัวนี้คืออีแร้งมงกุฎทอง มันบินได้อย่างรวดเร็ว มีกรงเล็บแหลมคมเหมือนมีดและก้าวร้าวมาก

เมื่อเสี่ยวเฮยหลงและจี้เทียนซิงพบมัน มันก็ปรี่เข้าโจมตีพวกเขาทันที

ระดับพลังของสัตว์วิญญาณระดับสองนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณแท้ขั้นเจ็ดถึงขั้นแปด

เพียงแต่บางชนิดจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

ซึ่งอีแร้งมงกุฎทองตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจี้เทียนซิงเลยแม้แต่น้อย

ฟั่บ

!  ฟุ่บ

!

จี้เทียนซิงโบกมือสะบัดคลื่นกระบี่สองสายออกไปและสังหารมันภายในสองกระบวนท่า

หลังจากปลิดชีพมันแล้วเขาก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“เสียเวลามาเกือบสองวันแล้วยังไม่ได้เรื่อง

แบบนี้ไม่ได้การแน่ ถึงแม้ข้าจะตามหาสัตว์วิญญาณได้ด้วยเข็มทิศสื่อวิญญาณดารา

แต่มันก็เสียเวลาไม่ใช่น้อย อีกทั้งถึงจะพบพวกมันก็เจอแต่สัตว์วิญญาณระดับต่ำซึ่งยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ...”

เสี่ยวเฮยหลงมองอีกฝ่ายด้วยความสับสนและถามว่า

“สหายจี้ เอายังไงต่อ

พวกเรายังต้องตามหามันอีกไหม ?”

จี้เทียนซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นในใจก็สว่างวาบไปด้วยความคิด

“จริงด้วย ! ข้าคิดหาวิธีได้แล้ว

!”

“ก่อนหน้านี้ที่ข้าศึกษาเรื่องข่ายอาคมในตำหนักไท่อัน

ข้าเคยผ่านตาข่ายอาคมลวงตามานี่นา”

“ข่ายอาคมชนิดนี้สามารถปลดปล่อยรัศมีพลังที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงและเลียนแบบการเคลื่อนไหว

ตลอดจนกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณได้

ดังนั่นมันจะต้องล่อสัตว์วิญญาณตัวอื่นให้มาติดกับได้อย่างแน่นอน”

“ข่ายอาคมลวงตาก็เหมือนกับดักล่าสัตว์

เพียงแต่ว่ามันใช้เพื่อดักจับสัตว์อสูรหรือสัตว์วิญญาณชั้นสูง วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านข่ายอาคมในระดับสูงเท่านั้น”

“ดังนั้นข้าจะนำร่างของอีแร้งมงกุฎทองตัวนี้ไว้ในข่ายอาคม

ใช้มันเป็นเหยื่อล่อ แน่นอนว่าต้องมีสัตว์วิญญาณมาติดกับ”

หลังจากฟังคำพูดของจี้เทียนซิง

เสี่ยวเฮยหลงก็พยักหน้าหงึกหงักและพูดไปตามน้ำว่า “สหายจี้

ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด

แต่ฟังแล้วก็ดูเหมือนจะทรงพลังดี... ”

จากนั้นจี้เทียนซิงก็เดินออกจากถ้ำพร้อมกับศพของอีแร้งมงกุฎทอง

เขาพบที่โล่งในเชิงเขาและเริ่มจัดวางข่ายอาคมลวงตาในที่โล่งทันที

ข่ายอาคมลวงตาอาคมระดับล้ำลึกซึ่งมีรัศมีทำการเพียงสิบเมตรเท่านั้น

และด้วยความสามารถของจี้เทียนซิงบวกกับความช่วยเหลือของเสี่ยวเฮยหลง

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะร่ายอาคมชนิดนี้

หลังจากนั้นเพียงสามชั่วยาม

จี้เทียนซิงก็จัดวางข่ายอาคมลวงตาสำเร็จเรียบร้อย บนพื้นที่เปิดโล่งยาว 20 เมตรแห่งนี้

หากมองผิวเผินก็ดูไม่แตกต่างอะไรกับทุ่งหญ้าร้างๆแห่งหนึ่งที่มีก้อนหินระเกะระกะ  แต่แท้จริงแล้วมันปกคลุมไว้ด้วยภาพลวงตา

จี้เทียนซิงขว้างศพของอีแร้งมงกุฏทองบนก้อนหินขนาดใหญ่แล้วกระโดดไปบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป

จากนั้นก็รออย่างอดทน

ภาพลวงตาเริ่มทำงาน

มันเปล่งแสงที่มองไม่เห็นออกมาอย่างต่อเนื่องและกระจายออกไปทุกทิศทาง

ยิ่งไปกว่านั้น

ด้วยความผันผวนจากพลังของข่ายอาคม มันทำหน้าที่แผ่ซ่านกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณ

จีเทียนซิงซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่

เขาพยายามเก็บลมหายใจและรัศมีพลังและคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตรอบๆอย่างเงียบงัน

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยามผลกระทบของข่ายอาคมก็ปรากฏขึ้นในที่สุด

หนูขนทองที่มีรูปร่างเหมือนสุนัขตัวใหญ่สัมผัสกลิ่นอายสัตว์วิญญาณได้

มันค่อยๆเข้าใกล้ภาพลวงตาด้วยความระมัดระวัง

จี้เทียนซิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากเห็นหนูขนทอง “เฮ้อ

เป็นสัตว์วิญญาณระดับสองอีกแล้ว บ้าเอ้ย”

เมื่อหนูขนทองกำลังจะเข้าสู่พื้นที่ของข่ายอาคมลวงตา

จี้เทียนซิงก็กระโดดลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็วและไล่มันออกไป

จากนั้นเขารออีกสองชั่วยามจนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ

ในที่สุดสัตว์วิญญาณตัวที่สองก็ปรากฏตัวขึ้น

มันเป็นเสือสีขาวที่มีความยาวสี่เมตร

บนหน้าผากมีเขาสีทองผุดขึ้นและดวงตาของมันก็ยังเป็นสีทอง

มันเต็มไปด้วยรัศมีพลังที่แข็งกร้าว

และค่อยๆเดินอย่างสงบเข้ามาใกล้ข่ายอาคมลวงตา

เมื่อจี้เทียนซิงเห็นมัน

ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความยิน ในใจร่ำร้องออกมาว่า “สัตว์วิญญาณระดับสี่ ! วิเศษมาก

!”