ตอนที่ 280

เพลิงวิญญาณฟ้า

ตลอดครึ่งชั่วยามที่ผ่านมาจี้เทียนซิงมิได้หยุดกวัดแกว่งกระบี่เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการสะบัดคลื่นกระบี่หนาแน่นออกมา และไม่รู้ว่ามีโครงกระดูกมากน้อยเท่าใดที่ถูกทำลายไปในช่วงเวลานี้

โครงกระดูกของมนุษย์และสัตว์อสูรถูกทำลายลงตัวแล้วตัวเล่าด้วยรังสีกระบี่ของเขา  แต่ทว่าชิ้นส่วนกระดูกและเศษเล็กเศษน้อยที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดินจะค่อยๆคืบคลานเข้ามารวมกันเป็นชิ้นใหม่

โครงกระดูกที่ร่วงหล่นลงบนพื้นตะเกียกตะกายเข้าหาจี้เทียนซิงและเกาะแข้งเกาะขาเขาเอาไว้

พวกมันพยายามเปิดปากและกัดเขาอย่างไม่ขาดสาย

พวกมันเหล่านี้ดูเหมือนจะได้รับชีวิตและมีสติปัญญา

พวกมันปิดล้อมจี้เทียนซิงอย่างไร้ความปรานี

หมายจะทำให้เขาตกตายและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นโครงกระดูกเหมือนพวกมัน

นอกจากนี้โครงกระดูกยักษ์สูงหลายเมตรที่ตัวใหญ่เท่าบ้านก็ล้วนแต่ทรงพลังและแข็งแกร่งยากที่จะทำลาย

อีกทั้งพวกมันยังรวดเร็วมาก

พวกมันสามารถกระโดดออกไปได้ไกลกว่าสิบเมตรและเปลวไฟในดวงตาที่ระอุของพวกมันก็ยังเป็นสีน้ำเงินเข้มที่แปลกประหลาดและเยือกเย็นยิ่ง

ถึงแม้ว่ากระบี่มังกรดำจะคมกริบก็ยังไม่อาจล้มพวกมันได้

ทำได้เพียงสร้างอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

จี้เทียนซิงต้องลงมือกว่าสิบครั้งและใช้ออกมากกว่าสามสิบกระบี่

กว่าจะป่นทำลายโครงกระดูกยักษ์ให้แหลกเป็นชิ้นๆได้

หลังจากผ่านการต่อสู้อันสิ้นหวังมากว่าครึ่งชั่วยาม

เขาสู้พลางถอยพลางกับกองทัพโครงกระดูกกว่าหลายพันตัว

เขาและเฉียนเยวี่ยทำลายพวกมันไปมากกว่าแปดส่วน

ในระหว่างการต่อสู้เขายังคงเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในป่าและเดินห่างออกไปอีกหลายร้อยเมตร

จนมาถึงพื้นที่แห่งหนึ่งที่ถูกสุมทับไว้ด้วยชิ้นส่วนกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน

จี้เทียนซิงอ่อนล้าและเหนื่อยหอบไปทั่วทั้งร่างกายและจิตใจ

เขาต้องการเพียงหาที่หลบภัยเพื่อซ่อนตัวและพักฟื้น

แต่เขาก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงความคิดอันโง่เขลา

เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับ

ชีวิตของเขาถูกกำหนดให้ต้องรับมือกับอันตรายอยู่ตลอดเวลา

ในเวลานี้เอง

กระดูกสีเทาใต้พื้นดินก็มารวมตัวกันอย่างต่อเนื่องและทำให้โดยรอบเต็มไปด้วยความปั่นป่วน

เสียงครึ่ก

ครึ่ก ครึ่กที่ฟังแล้วชวนขนหัวลุก กลิ่นอายความตายอันมืดมิดและเย็นเยือกแผ่กระจายไปทั่วป่า

ปรากฏหมอกสีเทาอยู่ในป่าครอบคลุมเหล่าโครงกระดูกสีขาวร่วมหลายร้อยเมตร

จี้เทียนซิงเห็นกับตาว่าโครงกระดูกเหล่านั้นถูกชักนำด้วยขุมพลังไร้สภาพสายหนึ่งและทวีความเร็วมากขึ้น

“แกร่ก

แกร่ก  !!”

กระดูกสีขาวไร้สิ้นสุดกองพะเนินทับถมเป็นภูเขากระดูก

หนำซ้ำมันยังคงสุมกันมากขึ้นและมากขึ้นจนเกิดเสียงแหลมที่เด่นชัด

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ

กระดูกมากมายมหาศาลก็มารวมกันจนสูงหลายร้อยเมตร

ภูเขากระดูกสีขาวที่มีความสูงมากกว่าสองร้อยเมตรปรากฏขึ้นในป่าจากอากาศที่เบาบาง

พวกมันบิดเบี้ยวไปมาครู่หนึ่งและเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นมนุษย์กระดูกยักษ์ที่มีความสูงกว่าสองร้อยเมตร

แขนขาและศีรษะของยักษ์กระดูกสีขาวตัวนี้ประกอบไปด้วยท่อนกระดูกมากมายไร้สิ้นสุด ดวงตากลวงโบ๋ที่ลึกลงไปนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มสองกลุ่ม

ตึง  !!

ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ของมันเหยียบย่ำต้นไม้แห้งกรังกว่าหลายสิบต้นจะพินาศและเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นดิน

มันสามารถก้าวเท้าออกไปได้ไกลหลายร้อยเมตรเพียงพริบตา

และตามติดจี้เทียนซิงได้ทัน จากนั้นก็ยกเท้าขนาดใหญ่ขึ้นและกระทืบลงบนพื้น

หมายจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายให้บี้แบน

จี้เทียนซิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบโคจรย่างก้าวไร้เงาเพื่อหนีไปเบื้องหน้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

"สหายจี้ !  หลบไป !”

เฉียนเยวี่ยตะโกนอย่างใจจดใจจ่อและรีบกางกรงเล็บออกไปเพื่อคว้าตัวชายหนุ่มและบินไปข้างหน้า

"ตึงงงงงงงง !!"

เกิดเสียงดังกึกก้อง

ยักษ์กระดูกกระทืบเท้าเหยียบลงบนพื้นดินจนผืนโลกสั่นสะเทือน

พื้นสีแดงเข้มเกิดรอยเท้าใหญ่ลึกหลายเมตรราวกับหลุมยักษ์

โชคดีที่เฉียนเยวี่ยคว้าตัวจี้เทียนซิงหนีออกไปได้ทัน

มิฉะนั้นหากช้ากว่านี้เขาคงถูกเหยียบแบนเป็นซอสเนื้อ

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงเพียงมีเวลาถอนหายใจอย่างโล่งอกได้แค่ชั่วลัดนิ้วเดียวและยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร

แต่กระดูกยักษ์ก็อ้าปากพ่นเปลวไฟสีน้ำเงินออกมา

เปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก่อตัวขึ้นจากปากของมันยาวกับมังกรพ่นไฟ

จี้เทียนซิงรู้ดีว่าเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มนี้เป็นการผสมผสานระหว่างปราณอัคคีกับเปลวไฟอันลึกลับแปลกประหลาดสายหนึ่ง

มันเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

หากถูกเปลวไฟลูกนี้เข้ากระทบ

ผลที่ตามมาก็ยากที่จะจินตนาการได้

ในช่วงคับขันเป็นตาย

เขาทำได้เพียงระเบิดศักยภาพชั่วชีวิตเพื่อหนีไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง

“ตูมมมมมมม !!!”

แนวเพลิงสีฟ้าพุ่งผ่านเขาและกระทบพื้นดินจนเกิดเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง

ทันใดนั้นพื้นโลกก็ถูกทำลายยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่กว่า

20 เมตร

ใบไม้แห้งกรังที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้นถูกแสงจากเพลิงสีฟ้าส่องกระทบและถูกเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที

ครืน...........

!

คลื่นกระทบอันรุนแรงได้เกิดขึ้นจากการปะทะของเพลิงสีฟ้าจนเกิดเป็นไฟที่โหมกระหน่ำและกระแทกร่างของจี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ย

พวกเขาทั้งสองถูกแรงระเบิดในทันทีและกลิ้งโคโร่ไปตามพื้นดินกว่าหลายร้อยก้าว

อ้าก   !!

เฉียนเยวี่ยร่ำร้องอย่างเจ็บปวดและกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นอย่างทุกข์ทรมาน

ก่อนหน้านี้มันเอาตัวบังเพื่อปกป้องจี้เทียนซิงจากคลื่นกระแทกจนได้รับเอาพลังทำลายส่วนใหญ่เข้าไป

ดังนั้นอาการบาดเจ็บของมันก็สาหัสกว่า

ขนสีฟ้าน้ำแข็งตามร่างกายของมันถูกย้อมไปด้วยชั้นหมอกสีเทาบางๆจนกลายเป็นสีซีด

มองผิวเผินถึงแม้ว่ามันจะไม่ปรากฏคราบเลือดหรืออาการบาดเจ็บฟกช้ำใดๆ

แต่แท้จริงแล้วเฉียนเยวี่ยได้รับอาการบาดเจ็บภายใน ร่างกายและจิตวิญญาณของมันกำลังถูกกัดเซาะด้วยเปลวไฟสีฟ้า

อีกทั้งยังทำให้พลังของมันลดลงอย่างรวดเร็ว

"สหายจี้ ! ระวังเพลิงวิญญาณฟ้าเหล่านั้นให้มาก

มันจะกลืนกินแก่นชีวิตของเจ้า !”  เฉียนเยวี่ยกระตุ้นเตือนจี้เทียนซิงให้ระวังเปลวไฟสีฟ้าเหล่านั้น

จี้เทียนซิงไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บอย่างเฉียนเยวี่ย

แต่เขาก็ตื่นตระหนกต่อคลื่นกระแทกอันรุนแรงจนทำให้ลมหายใจติดขัดและโคจรพลังปราณได้ไม่สะดวก

เขาลุกขึ้นจากพื้นเพื่อฟื้นฟูพลังปราณตามปรกติ

เมื่อได้เห็นว่าขนของเฉียนเยวี่ยเปลี่ยนเป็นสีเทาและรัศมีพลังอ่อนโทรมลงมากอย่างอ่อนแอ

เขาจึงถามด้วยความกังวลว่า “เฉียนเยวี่ย ?  เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังไหวหรือไม่ ?”

เฉียนเยวี่ยพยักหน้าและตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

“ไม่เป็นไรมาก ข้ายังพอไหว  สหายจี้ เจ้าสัตว์ประหลาดกระดูกตนนี้แข็งแรงเกินไป

อย่าคาดหวังว่าต่อสู้แลกชีวิตกับมันแล้วจะรอด ทางที่ดีควรจะหลบหนีกันก่อนดีกว่า”

จี้เทียนซิงกระชับกระบี่มังกรดำไว้ในแน่น

ดวงตาของเขาเย็นชาและเกรี้ยวกราดพลางจับจ้องไปที่โครงกระดูกยักษ์

จากนั้นก็พาเฉียนเยวี่ยวิ่งหนีไปข้างหน้า

โครงกระดูกยักษ์เห็นดังนั้นก็รีบตามติดในทันที

มันก้าวขาหนึ่งครั้งก็ทะยานไปได้ร้อยเมตรจึงไล่ตามจี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ยได้ทัน

จากนั้นมันก็เปิดปากและพ่นเปลวไฟสีฟ้าออกมาอีกครั้ง

“บูม !”

เสียงกัมปนาทดังกึกก้องราวกับโลกระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง

ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงคละคลุ้งไปทั่ว

จี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ยโชคดีพอที่จะรอดพ้นจากเสาเพลิง

แต่พวกเขาก็ถูกกระแทกด้วยคลื่นกระแทกอีกครั้งจนกระเด็นออกไปไกล

อาการบาดเจ็บของเฉียนเยวี่ยนั้นสาหัสยิ่งกว่าเดิมและขนที่ด้านหลังของมันก็กลายเป็นสีเทาด้าน

แม้กระทั่งแววตาของมันก็ยังกลายเป็นหม่นหมองไร้สีสัน

ส่วนจี้เทียนซิงถูกเปลวไฟสีฟ้ากัดเซาะ

ผิวที่ใบหน้าและลำคอเกิดรอยมรณะสีเทาปรากฏขึ้น !

“เราหนีไม่พ้นแน่ ! มีทางเดียวคือต้องหาวิธีกำจัดมัน !”