สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง
ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ทั้งสองขวางทางจี้เทียนซิงและมองไปด้วยท่าทีหยอกเย้า
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและแสดงสีหน้าไม่แยแส
หลังจากเหลือบมองทั้งคู่วูบหนึ่งก็เดินผ่านไป
อย่างไรก็ตาม
ชายหนุ่มทั้งสองกลับตามราวีจากด้านซ้ายและขวาพลางยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“เฮ้ๆ
เจ้าหนูนี่เป็นศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์ใช่ไหม ?”
“โฮ่ เจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีฟ้า
มันสมควรเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายพันธมิตรสวรรค์”
“แหมๆ บังเอิญจริงๆที่ได้พบกับศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่นี่
!”
“เอ๋ ดูเจ้าหนูนี่สิ
มันแบกศิษย์สตรีมาด้วยแหะ..... โอ้
แม่จ้าว สตรีผู้นี้งามหยดย้อยยิ่งนัก ! น่าเสียดายที่นางบาดเจ็บสาหัสแถมยังหมดสติ”
“ไอ้หนู เจ้านี่มันโชคดีนัก แสดงว่าที่รีบร้อนจากไปโดยมิทักทายสหายร่วมทางเช่นนี้...
เป็นไปได้ว่าเจ้ากำลังหิ้วสาวไปหาถ้ำเงียบๆเพื่อเชือดนางสินะ ?”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนกันหยอกเย้าข้างหูจี้เทียนซิงทั้งซ้ายและขวา กิริยาท่าทางและการพูดจาของพวกมันทำให้จี้เทียนซิงรำคาญมาก
ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและคิดแค่เพียงรีบพาหยุนเหยากลับนิกายไปรักษาตัวโดยเร็วที่สุด
ทว่า
เมื่อได้ยินคำพูดยียวนกวนประสาทแถมยังถูกหยามเกียรติ เขาก็เริ่มหงุดหงิด
สีหน้าดำทะมึน
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร
แต่สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง ไปเล่นที่อื่นไป หลีกทาง !”
เขาตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวและรีบมุ่งหน้าต่อไป
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวทั้งสองชะงักวูบ
ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธพลางตะโกนว่า “เหอะๆ ไอ้หนู เจ้านี่มันบ้าไปแล้วแน่ๆ กล้าตะคอกใส่พวกเรา !”
“เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายพันธมิตรสวรรค์แต่กลับกล้าปากดีใส่พวกเราเช่นนี้
ดูเหมือนว่าคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะยิ่งมายิ่งนิสัยเสียมากขึ้นทุกวัน
!”
ชายหนุ่มทั้งสองกล่าวเย้ยหยันพลางชักกระบี่ที่สะพายอยู่กลางหลังออกมาจ่อชี้ไปทางจี้เทียนซิง
“ไอ้หนู ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้านิกายสินะ
แม้แต่คนของนิกายกระบี่ฟ้าอย่างพวกข้าก็ยังไม่รู้จัก !”
“พวกเราคือศิษย์ฝ่ายในของนิกายกระบี่ฟ้า เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ด่าทอพวกเราเช่นนี้
? หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้าเสียบ้าง
ผู้คนคงจะเอาไปพูดกันว่านิกายกระบี่ฟ้าของข้ากลัวนิกายพันธมิตรสวรรค์”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวทั้งสองคนเริ่มมีโทสะ
หลังจากเปิดเผยตัวตนแล้วพวกเขาก็ชักกระบี่ออกมาเตรียมจะลงมือต่อจี้เทียนซิง
จี้เทียนซิงสีหน้าซีดเซียว
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็น
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองคิดหาเรื่องผู้คนจริงๆสินะ”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้วางตัวเป็นศัตรูกับศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
อย่างไรก็ตาม
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเจตนาดี พวกมันก่อกวนและพยายามหาเรื่องเขา แน่นอนว่าจี้เทียนซิงย่อมไม่อยู่เฉยได้อีกต่อไป
เขาอุ้มหยุนเหยาที่หมดสติไปนอนบนพื้นหญ้า
จากนั้นก็หยิบกระบี่มังกรดำออกมาและหันหน้าไปหาศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าทั้งสอง
เมื่อพวกมันได้เห็นปฏิกิริยาของจี้เทียนซิงก็แสยะยิ้มและกล่าวด้วยความรังเกียจว่า
“โอ้ ? ศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์หยิ่งผยองเช่นนี้เหมือนกันหมดหรือไม่
? แม้กระทั่งศิษย์ฝ่ายนอกตัวเล็กๆก็ยังกล้าหันกระบี่ใส่พวกข้า”
“เจ้าหนู นิกายของเจ้าก็แค่มีชื่อเสียงเพราะก่อตั้งมานานกว่าพันปีเท่านั้น
อีกไม่นานชื่อเสียงของนิกายกระบี่ฟ้าจะเข้าไปแทนที่ วันนี้พวกข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าเอง
จงจำไว้ให้ดีว่าต่อไปนี้เมื่อเห็นคนของนิกายกระบี่ฟ้าเมื่อใดเจ้าต้องหลบทาง !”
เมื่อสิ้นเสียง
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองก็เหวี่ยงกระบี่ออกไปพร้อมกัน ก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่เย็นหลายสายที่มุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง
เมื่อได้เห็นชายหนุ่มทั้งสองลงมือ
จี้เทียนซิงก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกมันมีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สามเท่านั้น
เขายกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลนและเลื่อนมือแตะด้ามกระบี่มังกรดำ
“เช้ง !”
กระบี่มังกรดำโบกสะบัดออกไปกลายเป็นคลื่นกระบี่ยาวสามเมตร บรรยากาศโดยรอบปะทุออกเป็นเกลียวคลื่นพลังกระบี่อันแหลมคมที่กวาดเข้าหาศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสอง
ในขณะที่คลื่นกระบี่สีขาวดุจหิมะส่องประกาย
มายามังกรน้ำแข็งที่เลือนลางผลันปรากฏตัวขึ้นและกางกรงเล็บอยู่บนท้องฟ้า
“ปัง ปัง !”
หลังจากเสียงดังเกิดขึ้น
คลื่นกระบี่ของศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองคนก็ถูกบดขยี้ด้วยกระบี่มังกรดำทันที
พลังอันรุนแรงเกรี้ยวกราดของกระบี่มังกรดำก่อให้เกิดคลื่นกระบี่สีขาวดุจหิมะและภาพมายาของมังกรน้ำแข็งก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องหน้าถอดสีและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
!
กระบี่มังกรดำจู่โจมอย่างรวดเร็วจนพวกมันไม่อาจตั้งตัวได้ทัน
มันสายเกินกว่าจะหลบหลีก
อึ่ก..........
อ๊ากกกก !
เสียงกรีดร้องโหยหวนสองสายดังขึ้น
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองถูกทุบร่างด้วยคลื่นพลังกระบี่จนโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนพงหญ้ารอบด้าน
พวกมันกลิ้งโคโร่ไปบนพื้นหญ้าหลายตลบก่อนที่จะหยุดและคุกเข่าบนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว
โลหิตสีแดงฉาดไหลออกมาจากมุมปากท่วมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดภายใต้แสงแดด พวกมันทั้งสองก้มศีรษะมองไปที่ช่องท้องด้วยสีหน้าแตกตื่นและได้เห็นรอยบาดแผลลึกที่ช่องท้อง โลหิตไหลซึมออกมาจากปากแผลไม่หยุด
เดิมทีทั้งสองสวมใส่สมบัติป้องกันระดับล้ำลึกที่แข็งแกร่งเอาไว้
แต่ทันทีที่โดนคลื่นกระบี่ของกระบี่มังกรดำเข้าไปก็ทำให้สมบัติป้องกันแทบจะหมดสภาพกลายเป็นขยะไร้ค่า
ผลลัพธ์ที่เห็นนี้ทำให้ทั้งสองต่างก็เต็มไปด้วยความสยดสยอง
พวกเขาจะทำใจเชื่อได้อย่างไรว่าศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะมีพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เพียงกระบี่เดียวก็ทำให้พวกมันทั้งสองบาดเจ็บสาหัส
!
หากไม่มีสมบัติป้องกันระดับล้ำลึก
พวกมันคงถูกคลื่นกระบี่สายนั้นทุบจนร่างแหลกเป็นสองส่วนไปแล้ว
แซ่ก
แซ่ก แซ่ก ...
จี้เทียนซิงกระชับกระบี่มังกรดำและค่อยๆเดินไปข้างหน้าทีละก้าวบนพื้นหญ้าจนเกิดเสียงฝีเท้าแผ่วเบาขึ้น
สีหน้าของเขาดูเฉยเมยเย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันจนทำให้ศิษย์ทั้งสองของนิกายกระบี่ฟ้าต้องก้าวถอยหลัง
พวกมันเผยให้เห็นสีหน้าที่หวาดกลัว
“สารเลวเอ้ย ! เจ้าคิดจะทำอะไร
? เจ้ากล้าสังหารพวกเรางั้นหรือ ?!”
“ไอ้หนู พวกเราเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้า
หากเจ้ากล้าเล่นใหญ่ล่ะก็เรื่องไม่จบแค่นี้แน่
นิกายพันธมิตรสวรรค์ของเจ้าเตรียมรับโทสะของนิกายกระบี่ฟ้าได้เลย !”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองพ่ายแพ้และหวาดกลัวต่อจี้เทียนซิงจนสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ ในใจเต็มไปด้วยความกลัว
นี่คือสันเขาที่ไร้ผู้คนสัญจร
หากจี้เทียนซิงคิดจะฆ่าพวกมันจริงๆก็ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้ อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น
เขามองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนแข้งขาสั่นด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันพลางกล่าวว่า
“เหอะ ข้าก็นึกว่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าจะแน่แค่ไหน
ที่แท้ก็มีดีแค่นี้”
“คิดไม่ถึงว่าศิษย์ฝ่ายในสองคนร่วมมือกันก็ยังรับแม้แต่กระบี่เดียวของข้าไม่ได้
เห็นได้ชัดว่านิกายกระบี่ฟ้าของพวกเจ้านี่มันขยะชัดๆ !”
“สวะอย่างพวกเจ้ายังมีหน้าจะสั่งสอนข้า ? เห็นสารรูปของตัวเองตอนนี้หรือยัง
? เอาเถอะ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้มีชีวิตต่อไป
ขอขมาซะ !”
จี้เทียนซิงยืนถือกระบี่พลางจับจ้องทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าตัวสั่นเทาด้วยโทสะที่ถูกหยามเกียรติ
พวกมันต้องการสู้กลับ
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงเหวี่ยงกระบี่ออกไปอีกครั้งอย่างเรียบง่ายจนกระแทกทั้งสองบินออกไปอีกครั้ง
อาการบาดเจ็บยิ่งปะทุหนักขึ้นจนอาเจียนโลหิตออกมาไม่หยุด
“จะขอขมาหรือจะไปเฝ้ายมบาล !”
จี้เทียนซิงคำรามอย่างเย็นชา
ดวงตาเปล่งประกายอำมหิต
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองถูกเขาสยบโดยสมบูรณ์ พวกมันไม่รู้จักจี้เทียนซิงและไม่รู้นิสัยใจคอของอีกฝ่าย แต่เพียงแค่ดูท่าทางของเขา
ทั้งสองก็ไม่สงสัยเลยว่าหากดื้อดึงต่อไปก็มีแต่ตายเท่านั้น
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองก็ยอมกล้ำกลืนความอัปยศอดสูและยอมจำนนต่อจี้เทียนซิง
“สะ สหาย
พวกเรามีตาหามีแววไม่ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ โปรดไว้ชีวิต !”
“อย่าได้ฆ่าพวกเราเลย ไว้ชีวิตด้วย !”
จี้เทียนซิงเห็นพวกมันทั้งสองยอมรับความอัปยศและคุกเข่าขอขมา
เขายิ่งกล่าวเหยียดหยามมากขึ้น “เหอะ ! พวกเจ้าทั้งสองนี่มันสวะจริงๆ กลัวตายจนต้องร้องขอความเมตตา !”
“ข้าอยากรู้นักว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างพวกเจ้ายังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายกระบี่ฟ้าอีกงั้นหรือ
? นิกายกระบี่ฟ้าตกต่ำจนต้องรับขยะอย่างพวกเจ้าเป็นศิษย์
??”
ศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสองแทบจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธแค้น
ใบหน้าเป็นสีม่วงคล้ำและร่างกายสั่นระริก
หากพวกเขาไม่ยอมคุกเข่าขอขมาก็ต้องทอดร่างเป็นศพด้วยน้ำมือจี้เทียนซิง
ถึงแม้ตอนนี้จะยอมขอโทษก็ยังถูกอีกฝ่ายเหยียดหยามอยู่ดี
พวกเขาเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ
หากรู้เช่นนี้คงไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนให้ต้องอัปยศ !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved