ตอนที่ 263

การเดินทางครั้งใหม่สู่เมืองวิญญาณเพลิง

หลังจากนั้นฮ่าวเมิ่งก็หยิบเครื่องรางสีแดงเจ็ดอันออกมาจากแหวนมิติ

เครื่องรางแต่ละชิ้นยาวหนึ่งฟุต

กว้างเท่าฝ่ามือและเป็นสีแดงก่ำ แต่ละอันนั้นแผ่ซ่านพลังงานอันรุนแรงออกมา

จี้เทียนซิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องรางเหล่านี้มีระดับสูงและมีพลังทำลายอันน่ากลัวมาก หากพวกมันระเบิดเจ็ดครั้งพร้อมกันย่อมสามารถระเบิดภูเขาได้ครึ่งลูก !

หยุนเหยาเห็นเครื่องรางระเบิดในมือของฮ่าวเมิ่งก็พยักหน้าและกล่าวว่า

“ศิษย์น้องฮ่าว วิธีการนี้ยอดมาก”

ฮ่าวเมิ่งยิ้มและกล่าวต่อไปว่า

“เครื่องรางระเบิดพวกนี้เป็นยันต์อาคมระดับล้ำลึก

มีเพียงปรมาจารย์แห่งยันต์เท่านั้นที่สามารถปรับแต่งพวกมันได้ ตราบใดที่ผู้ถือจุดชนวนระเบิด

คนผู้นั้นจะสามารถฆ่าใครก็ได้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตปราณโอสถ

อีกทั้งยังสามารถระเบิดหินผาใหญ่กว่าสิบเมตรได้”

“ถ้ำปีศาจแห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน

ผนังก็เป็นหินแข็งทั้งสิ้นแถมทางเดินก็เชื่อมต่อกันทั้งหมด

มีซอกเล็กซอกน้อยอีกนับไม่ถ้วน ที่สำคัญคือฐานรากของมันก็ไม่มั่นคง

หากใช้ยันต์ระเบิดได้ถูกจุดและเหมาะสม รับรองว่าเละหมดแน่นอน”

ถ้ำแห่งนี้มีห้องลับหลายห้องและทางเดินอันสลับซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแกนกลางของถ้ำปีศาจทั้งหมดก็คือถ้ำว่างเปล่าที่มีรัศมีร่วมกิโลเมตร

ถ้ำรอบๆมีประตูหินหกบานที่ขยายเส้นทางไปอีกหลายช่องทางซึ่งตัดผ่านห้องลับ

ดังนั้นเมื่อแกนกลางถูกทำลายจนถล่มขึ้นมา

ทั่วทั้งถ้ำจะทรุดตัวและถูกทำลายโดยสมบูรณ์

หลังจากตัดสินใจแล้ว

จี้เทียนซิง หยุนเหยาและฮ่าวเมิ่งก็เดินออกจากห้องลับบูชากลับไปที่ตรงกลาง

ฮ่าวเมิ่งเดินไปเดินมารอบๆถ้ำและสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นเขาก็พบจุดที่เหมาะสมสำหรับการวางจุดระเบิด

เขาใช้เวลาครึ่งชั่วยามเพื่อวางยันต์ระเบิดทั้งเจ็ดจุดรอบถ้ำ

จนเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเขาก็กลับไปหาหยุนเหยาและจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็วพลางตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องจี้ ออกไปเร็ว ! ข้าได้วางอาคมตั้งเวลาเอาไว้แล้ว อีกไม่นานมันจะระเบิดพร้อมกันทั้งเจ็ดจุด”

เมื่อทั้งสองได้ยินคำพูดของฮ่าวเมิ่งก็รีบทะยานเข้าสู่เส้นทางกลับเพื่อออกไปนอกถ้ำปีศาจทันที  พวกเขาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็กลับออกมาถึงด้านนอกและเฝ้ามองที่ปากทางเข้าถ้ำปีศาจอย่างเงียบๆ

ตูม  !!!

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณร้อยอึดใจก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากใต้พื้นดินทันที

!

ครืน

…. !

พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน

ภูเขาทั้งลูกสั่นท้านราวกับเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง

พื้นดินเกิดรอยปริแตกหลายสิบแห่งจนเกิดร่องน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้สูงใหญ่จำนวนมากเอนไปมาจากการสั่นสะเทือนและมีบางส่วนหักโค่นล้มลงมา

ชั่วครู่หนึ่งภูเขาทั้งลูกก็สั่นอย่างแรงราวกับกำลังจะพังทลายลงมา

มันเต็มไปด้วยฝุ่นละออง

หลังจากใช้ผ่านไปนานการสั่นไหวอันรุนแรงก็ค่อยๆสงบลง

ณ จุดนี้ยอดเขาทั้งลูกกลายเป็นบิดเบี้ยว

หลังจากถ้ำปีศาจใต้ดินถูกระเบิด

ด้านในของภูเขาจึงกลายเป็นกลวงโบ๋และก้อนหินจากยอดเขาสูงก็ทับถมลงมา

แม้ทั้งสามจะมองไม่เห็นสถานการณ์ด้านในของยอดเขา

แต่พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าถ้ำปีศาจทั้งหมดย่อมถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว

“ฮู่ว...... ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้วสินะ !”

ฮ่าวเมิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีออกมากล่าวว่า “พวกเราทำลายถ้ำปีศาจและสังหารเผ่าปีศาจไปมากมายนับไม่ถ้วน

ในเวลาอันสั้นพวกมันคงไม่ออกมาก่อเรื่องแน่นอน !”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวเสริมว่า

“ถูกต้อง

ดินแดนดาราบรรพกาลคงอยู่อย่างสงบไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ข้าเพียงแค่หวังว่าหลังจากมหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้รอดชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ของพวกเขาไปได้แล้ว

พวกมันจะหลบหนีไปจากดินแดนดาราบรรพกาลและไม่กลับมาอีก”

หยุนเหยาดูสงบนิ่งและไม่พูดอะไรออกมา

ทุกคนเข้าใจดีว่าปีศาจทั้งสองตนนั้นย่อมไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน

พวกมันไม่มีทางออกไปจากดินแดนดาราบรรพกาลโดยยังมิได้ช่วยจักรพรรดิปีศาจที่ถูกผนึกออกมา

บางที

หลังจากวันนี้ผ่านไปไม่นาน

พวกมันอาจจะกลับมาพร้อมกับความน่ากลัวที่มากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้......

……….

หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน

เศษฝุ่นและเศษไม้ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็สลายไปในที่สุดและท้องฟ้ายามค่ำคืนก็กลับมามีสภาพดุจเดิม

หยุนเหยากระซิบกล่าวว่า

“ศิษย์น้องฮ่าว ศิษย์น้องจี้ พวกเรากลับนิกายกันเถอะ”

ฮ่าวเมิ่งพยักหน้าและเดินตามหลังนางไป

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงมีสีหน้าครุ่นคิดลังเล เขาไม่ได้เดินตามศิษย์พี่ทั้งสองไป

หยุนเหยาหันกลับมามองอีกฝ่ายและถามด้วยความฉงนว่า

“ศิษย์น้องจี้ ?  เจ้ามีอะไรหรือเปล่า ?”

จี้เทียนซิงยิ้มเจื่อนเพื่อขออภัยนางและอธิบายว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องไปทำก่อน ดังนั้นข้าจะยังไม่กลับนิกายกับพวกท่านตอนนี้”

หว่างคิ้วของหยุนเหยามีรอยย่นเล็กน้อยแต่ก็มิได้เอ่ยปากถามอะไร

ฮ่าวเมิ่งขมวคิ้วเอียงคอถามด้วยความสงสัยว่า

“ศิษย์น้องจี้ เจ้าคิดจะไปไหน

แล้วอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมา ?”

จี้เทียนซิงใช้ความคิดวูบหนึ่งและตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

“มันเป็นเรื่องสำคัญต่อข้าและค่อนข้างยุ่งยากมาก อาจต้องใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนหรืออย่างช้าก็เดือนหนึ่ง   แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง

ข้าจะกลับไปยังนิกายก่อนถึงเวลาการประลองจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์จะเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการเปิดเผยจุดประสงค์

หยุนเหยาและฮ่าวเมิ่งก็ไม่กล้าซักไซ้ให้มากความ พวกเขากล่าวเตือนชายหนุ่มว่า

“เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า จงระมัดระวังตัวให้มาก”

“ศิษย์น้องจี้ ถนอมตัวด้วย !”

ทั้งสองโบกมือให้จี้เทียนซิงและหันหลังเดินต่อไป

จี้เทียนซิงมองด้านหลังของศิษย์พี่ทั้งสองเป็นเวลานานก่อนจะมุ่งหน้าไปในทิศทางอื่น

หลังจากออกจากยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของอดีตถ้ำปีศาจ

เขาปล่อยเฉียนเยวี่ยออกมาจากถุงมิติ

“วูบ !”

เฉียนเยวี่ยปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาและขยายร่างกายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในพริบตาต่อมาขนาดของมันก็โตขึ้นกว่าสามเมตรกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกน้ำแข็งตัวใหญ่ที่มีรูปร่างสวยงาม

อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอันสูงส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หางยาวทั้งสิบสองของมันที่ดูลึกลับ

สวยงามและมีเสน่ห์อย่างมาก

“สหายจี้

เจ้าไม่กลับนิกายกับศิษย์พี่ใหญ่นมโตและเจ้าคนป่านั่น

เจ้าคิดจะไปที่ไหนคนเดียวหรือ ?”

จี้เทียนซิงเอื้อมมือไปแตะที่หัวของมัน

มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีความหมายและกล่าวว่า “ข้าเพิ่งพบเบาะแสเกี่ยวกับลูกปัดแห่งดวงดาราจากในห้องลับของถ้ำปีศาจ ข้าต้องการไปตรวจสอบโดยเร็วที่สุด"

ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะวิถีใจกระบี่ถึงขั้นที่สี่

จิตวิญญาณกระบี่จางเทียนเคยพูดกับเขาก่อนหน้านี้ว่า

ด้วยศักยภาพของเขานั้นทำได้เพียงติดอยู่ที่ขั้นที่สี่เท่านั้นและไม่สามารถฝึกฝนขั้นที่ห้าได้

ซึ่งก็หมายความว่าจี้เทียนซิงจะหยุดความก้าวหน้าไว้ที่ขอบเขตปราณจิตเท่านั้น

และถูกกำหนดให้ล้มเหลวในการบรรลุสู่ขอบเขตปราณโอสถไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม

ดังนั้น

เพื่อแก้ไขปัญหาในจุดนี้ เขาจำเป็นจะต้องตามหาลูกปัดแห่งดวงดาราและผสานโลหิตเทพกระบี่เท่านั้น

!

เฉียนเยวี่ยเกาหัวแกร่กๆเพราะมันไม่รู้ว่าลูกปัดแห่งดวงดาราคืออะไร

แต่มันก็พอจะเดาได้จากสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายว่าสิ่งนี้สำคัญเพียงใด

มันพยักหน้าและถามว่า

“เอาเถอะ ลุยไหนก็ลุยกัน แล้วเจ้าจะเริ่มหาเบาะแสจากที่ไหนก่อน ?”

จี้เทียนซิงแหงนหน้ามองบนท้องฟ้ายามค่ำคืนทางทิศเหนือด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า

“หากเราต้องการเบาะแสและข้อมูลข่าวสารที่แน่นอนก็ต้องไปที่เมืองวิญญาณเพลิง !”