สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสิบวันนี้
ผู้อาวุโสหลิงเหยาใช้โอสถวิญญาณล้ำค่า น้ำอมฤตและเม็ดยาแทบจะทุกชนิดของนิกายพันธมิตรสวรรค์
โดยหวังว่าพวกมันจะรักษาอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงให้ฟื้นฟูได้โดยเร็วที่สุด
มันให้จี้เทียนซิงได้กินของล้ำค่าเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
อีกทั้งยังใช้พลังลมปราณเสริมในการรักษา
หยุนเหยาเป็นอีกผู้หนึ่งที่ยังคอยอยู่เคียงข้างจี้เทียนซิงเป็นเวลาสิบวันติดต่อกัน
แม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
ผู้เยี่ยมยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถ
แต่การที่มิได้พักผ่อนติดต่อกันสิบวันสิบคืนก็ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณอ่อนล้าลงไม่น้อย
นางนั่งอยู่ข้างเตียงหยกน้ำแข็ง
ใช้มือข้างหนึ่งรองพวงแก้มขาวเนียน ดวงตาจ้องมองไปยังจี้เทียนซิงที่สลบสไลไม่ได้สติ
ดวงหน้าที่เคยผุดผาดงดงามปกคลุมไปด้วยความเหนื่อยล้า
ดวงตาที่เคยกระจ่างใสราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกหนาของความอ่อนล้า
โชคดีที่หลังจากได้พักฟื้นผ่านไปสิบวันสิบคืน
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็ตื่นขึ้นจากอาการหมดสติ
“อึก.......อา”
เขารู้สึกงุนงนมึนหัว
สติยังคงเลือนรางเล็กน้อยแต่ก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
เมื่อดวงตาของเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆโดยรอบได้ชัดเจน
สิ่งแรกที่เขาได้เห็นก็คือสตรีงดงามดุจเทพธิดาจำแลงที่นั่งอยู่ข้างเตียง
คิ้วขนงของนางขมวดมุ่นจนเกิดรอยย่น
หว่างคิ้วหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
พวงแก้มและดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความหม่นหมองทำให้นางดูเย็นชาเยือกเย็นยากจะเข้าใกล้
แต่ในสายตาของจี้เทียนซิง นางยังคงเป็นที่สุดของหญิงงามล่มเมือง
ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้
นางไม่ดูเย็นชาและเย่อหยิ่งเหมือนในอดีตอีกต่อไป เต็มไปด้วยความอ่อนแอแลดูน่าสงสาร
ต่อให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่มาจุติบนโลก
อย่างไรเสีย นางก็ย่อมมีด้านที่อ่อนแอและช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าเช่นกัน
จี้เทียนซิงเหม่อมองดวงหน้างามของนางอยู่นาน ขยับริมฝีปากแล้วเอ่ยปากด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
“ข้าเคยอ่านเจอประโยคหนึ่งในตำรา"
"เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา
บุคลที่เจ้าเห็นเป็นคนแรกย่อมเป็นบุคลที่เจ้าอยากเห็นในความฝัน”
“ดังนั้นคนผู้นั้นก็ย่อมเป็นคนที่เจ้าห่วงใยมากที่สุด.....”
เมื่อได้เห็นหยุนเหยาที่สัปหงกหมดแรงอยู่ข้างเตียง
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ประโยคเหล่านี้กลับก้องอยู่ในหัวจนทำให้เขาต้องเอ่ยปากออกมา
หยุนเหยาที่กำลังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของเขา
นางเปิดตาขึ้นได้สติในทันที
นางอึ้งไปวูบหนึ่ง สบสายตาลึกซึ้ง
มองเห็นความซับซ้อนและความอ่อนโยนที่มิอาจอธิบายได้ของเขา
"เทียนซิง
? ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว !"
หยุนเหยาออกอาการตื่นเต้นเล็กน้อย
ใบหน้างดงามของนางปรากฏรอยยิ้มที่หาได้ยากขึ้น
นางยื่นมือที่บอบบางออกมาอย่างรวดเร็วและจับที่ข้อมืออีกฝ่ายเพื่อสำรวจชีพจรและสภาพร่างกาย
ครู่ต่อมานางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสัมผัสได้ว่าชีพจรของเขามั่นคงและแข็งแรง อีกทั้งอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็หายแล้ว
จี้เทียนซิงยังคงจ้องหน้านางอย่างไม่ละสายตา
เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ใหญ่
ขอบคุณท่านมากแล้วที่ดูแลข้ามาตลอด"
"จริงสิ ข้าหมดสติไปกี่วัน ?"
หยุนเหยากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าหมดสติไปสิบวันสิบคืน"
"ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้ารอประเดี๋ยว
ข้าจะไปเรียกอาวุโสหลิงเหยามาตรวจดูอาการเจ้า...."
จี้เทียนซิงส่ายหัวเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกศิษย์พี่"
"ข้ารู้สึกได้ อาการบาดเจ็บในตอนนี้ไม่หนักหนาเท่าไหร่แล้ว
หลังจากพักอีกสักสองสามวันข้าก็จะหายดี"
"อืม เป็นเช่นนั้นก็ดี" หยุนเหยาพยักหน้าเล็กน้อย
พอสิ้นประโยคนี้ห้องลับกลายเป็นเงียบกริบ
ไม่มีฝ่ายใดเอ่ยวาจา ทำให้บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนและน่าอึดอัดเล็กน้อย...
ถึงแม้หยุนเหยาจะวางตัวเป็นปกติ
และดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ยินประโยคที่จี้เทียนซิงพูด
แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่านางต้องได้ยินแน่นอน
นั่นก็เพราะ....ติ่งหูขาวใสของนางกลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนตอนนั้นอีกครั้ง
หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ๆจี้เทียนซิงก็เอ่ยปากขึ้นว่า
“ศิษย์พี่
ท่านดูแลข้ามาตลอดหลายวันคงเหนื่อยล้ามากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด"
หยุนเหยามีอาการลังเลเล็กน้อยและกล่าวว่า “หากข้าไม่อยู่แล้วใครจะดูแลเจ้า ?”
จี้เทียนซิงยิ้มบาง
“ไม่ต้องกังวล
อาการบาดเจ็บของข้าคงที่แล้ว ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น"
"ถึงมีอาการแปลกแทรกซ้อนเกิดขึ้นจริง
แต่ศิษย์ของหอวิญญาณโอสถก็คงช่วยเหลือข้าได้"
"ศิษย์พี่ หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเรากับกระบี่ฟ้าย่อมกลายเป็นเลวร้ายลงกว่าเดิม อาจจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในนิกาย
ท่านควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมเพื่อช่วยเหลือท่านอาจารย์”
หลังจากได้ยินคำพูดเกลี้ยกล่อมของจี้เทียนซิง
หยุนเหยาพยักหน้ายอมกลับไปพักผ่อน แต่ทว่านางก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวย้ำให้อีกฝ่ายดูแลตัวเองให้ดี
เมื่อนางออกไปก็เหลือเพียงเขาอยู่ตามลำพัง เขาข่มอาการเจ็บปวดจากการบอบช้ำภายใน
ใช้มือยันเตียงและค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ
เขาปิดตาลงและตรวจสอบอาการบาดเจ็บตนเองด้วยสัมผัสวิญญาณ
หลังจากได้เห็นภาพของอวัยวะภายในและเส้นชีพจรลมปราณกระบี่ เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ
"ตอนรับฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจง
อาวุโสจางเทียนช่วยข้าต้านพลังไปได้เจ็ดส่วน ข้าต้องทานรับเองอีกสามส่วนทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย
เส้นชีพจรกระบี่ถูกทำลาย"
"คาดไม่ถึงว่าเส้นชีพจรลมปราณนี้จะมีความยืดหยุ่นมากเพียงนี้
มันสามารถรักษาตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ในระยะเวลาเพียงสิบวัน"
จี้เทียนซิงรู้อย่างชัดเจน
ถึงแม้จะได้โอสถและเม็ดยารักษาล้ำค่าเพียงใด
หากไม่ได้ความสามารถรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษของเส้นชีพจรกระบี่
เขาก็คงไม่ทุเลาอย่างรวดเร็วขนาดนี้
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป
ต่อให้ได้โอสถวิเศษกองเป็นภูเขา ต่ำๆก็ต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือนๆ
จี้เทียนซิงยังคงตรวจสอบเส้นชีพจรกระบี่ทั้งเก้าในร่างอย่างถี่ถ้วน
และทันใดนั้นเขาก็พบผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์มากขึ้น
เส้นชีพจรกระบี่เส้นที่แปดได้ถูกบรรเทาครบถ้วนทั้งหมด ระดับความแข็งแกร่งของเขาทะลวงผ่านปราณจิตขั้นแปดเกือบจะถึงขั้นที่เก้า
!
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีจุดฝังจุมอีกสามจุดของชีพจรกระบี่เส้นที่เก้าที่ได้ถูกบรรเทา
"นี่คงเป็นผลมาจากการระเบิดของศักยภาพในสภาวะสิ้นหวัง
ตอนที่ข้าอดทนต่อฝ่ามือของเกาอวี่”
"ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝ่ามือของมันก็จริง
แต่ข้าก็สามารถช่วงชิงโอกาสนี้ทะลวงขอบเขต และเสริมความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก"
"นี่ ... สมควรเรียกว่าวาสนาในคราวเคราะห์กระมัง
?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็รู้สึกสบายใจ
ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ต่อมาเขาได้สังเกตเห็นว่าภายร่างกายได้สะสมพลังของโอสถและเม็ดยาที่ทรงพลังไว้เป็นจำนวนมาก
เหล่านี้ล้วนเป็นฤทธิ์ตกค้างของโอสถมากมายที่อาวุโสหลิงเหยาป้อนให้เขาในช่วงสิบวันที่ผ่านมา
ซึ่งพวกมันเหล่านั้นยังไม่ได้รับการขัดเกลาโดยสมบูรณ์
หากเขาไม่บ่มเพาะขัดเกลาพวกมัน ฤทธิ์ยาที่ถูกสะสมไว้เหล่านี้จะค่อยๆเสื่อมสลายไปเองตามกาลเวลา
นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป !
คิดได้ดังนั้น จี้เทียนซิงก็นั่งไขว่ห้างบนเตียงหยกน้ำแข็ง
พยายามฝึกฝนโดยอาศัยฤทธิ์โอสถที่เหลือเพื่อเยียวยาบาดแผล
เส้นชีพจรลมปราณกระบี่ของเขาเพิ่งจะฟื้นฟูได้ไม่นาน
อาการบาดเจ็บก็ยังคงหนักหนาอยู่ ตามหลักแล้วเขาไม่ควรออกกำลังบ่มเพาะ
แต่ต้องนอนพักจนกว่าจะหายดี
ทว่า เขาพยายามอดทนต่ออาการบาดเจ็บและความเจ็บปวดที่รุนแรง
กัดฟันแน่นด้วยเจตนาอันแน่วแน่
เมื่อเวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บของเขาก็เริ่มฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ความเจ็บแปล๊บทั่วสรรพางค์กายค่อยๆทุเลาลง
วันหนึ่ง สองวัน สามวัน ... จนกระทั่งห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดห้าวันนี้ หยุนเหยา อาวุโสหลิงเหยา
ฉู่เทียนเซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมดูอาการของเขาไม่ขาดสาย
แต่เมื่อพวกมันได้เห็นชายหนุ่มกำลังอยู่ในภวังค์ฝึกตน
พวกมันก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆและไม่รบกวน
อีกห้าวันต่อมา เมื่อจี้เทียนซิงจบการฝึกฝน ในที่สุดเขาก็สามารถสกัดกลั่นฤทธิ์โอสถส่วนใหญ่ที่สะสมในร่างกายไว้ได้
อาการบาดเจ็บของเขาหายดีกว่าเจ็ดส่วนจนสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระแล้ว
นอกจากนี้เขายังบรรเทาจุดฝังเข็มเพิ่มได้อีกห้าจุด
ทำให้ในที่สุดเขาก็บรรเทาได้ครบเจ็ดสิบส่วนจุด !
เหลืออีกเพียงเล็กน้อยเขาก็จะสำเร็จมรรคผลในขอบเขตปราณจิต
เตรียมเข้าสู่ขอบเขตใหม่ !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved