ตอนที่ 355 บุคลที่เจ้าเห็นเป็นคนแรกย่อมเป็นบุคลที่เจ้าอยากเห็นในความฝัน

สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงสิบวันนี้

ผู้อาวุโสหลิงเหยาใช้โอสถวิญญาณล้ำค่า น้ำอมฤตและเม็ดยาแทบจะทุกชนิดของนิกายพันธมิตรสวรรค์

โดยหวังว่าพวกมันจะรักษาอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงให้ฟื้นฟูได้โดยเร็วที่สุด

มันให้จี้เทียนซิงได้กินของล้ำค่าเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

อีกทั้งยังใช้พลังลมปราณเสริมในการรักษา

หยุนเหยาเป็นอีกผู้หนึ่งที่ยังคอยอยู่เคียงข้างจี้เทียนซิงเป็นเวลาสิบวันติดต่อกัน

แม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน

ผู้เยี่ยมยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถ

แต่การที่มิได้พักผ่อนติดต่อกันสิบวันสิบคืนก็ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณอ่อนล้าลงไม่น้อย

นางนั่งอยู่ข้างเตียงหยกน้ำแข็ง

ใช้มือข้างหนึ่งรองพวงแก้มขาวเนียน ดวงตาจ้องมองไปยังจี้เทียนซิงที่สลบสไลไม่ได้สติ

ดวงหน้าที่เคยผุดผาดงดงามปกคลุมไปด้วยความเหนื่อยล้า

ดวงตาที่เคยกระจ่างใสราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกหนาของความอ่อนล้า

โชคดีที่หลังจากได้พักฟื้นผ่านไปสิบวันสิบคืน

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็ตื่นขึ้นจากอาการหมดสติ

“อึก.......อา”

เขารู้สึกงุนงนมึนหัว

สติยังคงเลือนรางเล็กน้อยแต่ก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

เมื่อดวงตาของเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆโดยรอบได้ชัดเจน

สิ่งแรกที่เขาได้เห็นก็คือสตรีงดงามดุจเทพธิดาจำแลงที่นั่งอยู่ข้างเตียง

คิ้วขนงของนางขมวดมุ่นจนเกิดรอยย่น

หว่างคิ้วหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

พวงแก้มและดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความหม่นหมองทำให้นางดูเย็นชาเยือกเย็นยากจะเข้าใกล้

แต่ในสายตาของจี้เทียนซิง นางยังคงเป็นที่สุดของหญิงงามล่มเมือง

ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้

นางไม่ดูเย็นชาและเย่อหยิ่งเหมือนในอดีตอีกต่อไป เต็มไปด้วยความอ่อนแอแลดูน่าสงสาร

ต่อให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่มาจุติบนโลก

อย่างไรเสีย นางก็ย่อมมีด้านที่อ่อนแอและช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าเช่นกัน

จี้เทียนซิงเหม่อมองดวงหน้างามของนางอยู่นาน  ขยับริมฝีปากแล้วเอ่ยปากด้วยเสียงนุ่มนวลว่า

“ข้าเคยอ่านเจอประโยคหนึ่งในตำรา"

"เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา

บุคลที่เจ้าเห็นเป็นคนแรกย่อมเป็นบุคลที่เจ้าอยากเห็นในความฝัน”

“ดังนั้นคนผู้นั้นก็ย่อมเป็นคนที่เจ้าห่วงใยมากที่สุด.....”

เมื่อได้เห็นหยุนเหยาที่สัปหงกหมดแรงอยู่ข้างเตียง

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ประโยคเหล่านี้กลับก้องอยู่ในหัวจนทำให้เขาต้องเอ่ยปากออกมา

หยุนเหยาที่กำลังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของเขา

นางเปิดตาขึ้นได้สติในทันที

นางอึ้งไปวูบหนึ่ง สบสายตาลึกซึ้ง

มองเห็นความซับซ้อนและความอ่อนโยนที่มิอาจอธิบายได้ของเขา

"เทียนซิง

?  ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว !"

หยุนเหยาออกอาการตื่นเต้นเล็กน้อย

ใบหน้างดงามของนางปรากฏรอยยิ้มที่หาได้ยากขึ้น

นางยื่นมือที่บอบบางออกมาอย่างรวดเร็วและจับที่ข้อมืออีกฝ่ายเพื่อสำรวจชีพจรและสภาพร่างกาย

ครู่ต่อมานางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสัมผัสได้ว่าชีพจรของเขามั่นคงและแข็งแรง  อีกทั้งอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็หายแล้ว

จี้เทียนซิงยังคงจ้องหน้านางอย่างไม่ละสายตา

เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ใหญ่

ขอบคุณท่านมากแล้วที่ดูแลข้ามาตลอด"

"จริงสิ ข้าหมดสติไปกี่วัน ?"

หยุนเหยากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าหมดสติไปสิบวันสิบคืน"

"ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้ารอประเดี๋ยว

ข้าจะไปเรียกอาวุโสหลิงเหยามาตรวจดูอาการเจ้า...."

จี้เทียนซิงส่ายหัวเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกศิษย์พี่"

"ข้ารู้สึกได้  อาการบาดเจ็บในตอนนี้ไม่หนักหนาเท่าไหร่แล้ว

หลังจากพักอีกสักสองสามวันข้าก็จะหายดี"

"อืม เป็นเช่นนั้นก็ดี" หยุนเหยาพยักหน้าเล็กน้อย

พอสิ้นประโยคนี้ห้องลับกลายเป็นเงียบกริบ

ไม่มีฝ่ายใดเอ่ยวาจา ทำให้บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนและน่าอึดอัดเล็กน้อย...

ถึงแม้หยุนเหยาจะวางตัวเป็นปกติ

และดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ยินประโยคที่จี้เทียนซิงพูด

แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่านางต้องได้ยินแน่นอน

นั่นก็เพราะ....ติ่งหูขาวใสของนางกลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนตอนนั้นอีกครั้ง

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ๆจี้เทียนซิงก็เอ่ยปากขึ้นว่า

“ศิษย์พี่

ท่านดูแลข้ามาตลอดหลายวันคงเหนื่อยล้ามากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด"

หยุนเหยามีอาการลังเลเล็กน้อยและกล่าวว่า “หากข้าไม่อยู่แล้วใครจะดูแลเจ้า ?”

จี้เทียนซิงยิ้มบาง

“ไม่ต้องกังวล

อาการบาดเจ็บของข้าคงที่แล้ว ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น"

"ถึงมีอาการแปลกแทรกซ้อนเกิดขึ้นจริง

แต่ศิษย์ของหอวิญญาณโอสถก็คงช่วยเหลือข้าได้"

"ศิษย์พี่ หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเรากับกระบี่ฟ้าย่อมกลายเป็นเลวร้ายลงกว่าเดิม อาจจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในนิกาย

ท่านควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมเพื่อช่วยเหลือท่านอาจารย์”

หลังจากได้ยินคำพูดเกลี้ยกล่อมของจี้เทียนซิง

หยุนเหยาพยักหน้ายอมกลับไปพักผ่อน แต่ทว่านางก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวย้ำให้อีกฝ่ายดูแลตัวเองให้ดี

เมื่อนางออกไปก็เหลือเพียงเขาอยู่ตามลำพัง  เขาข่มอาการเจ็บปวดจากการบอบช้ำภายใน

ใช้มือยันเตียงและค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ

เขาปิดตาลงและตรวจสอบอาการบาดเจ็บตนเองด้วยสัมผัสวิญญาณ

หลังจากได้เห็นภาพของอวัยวะภายในและเส้นชีพจรลมปราณกระบี่ เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ

"ตอนรับฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจง

อาวุโสจางเทียนช่วยข้าต้านพลังไปได้เจ็ดส่วน ข้าต้องทานรับเองอีกสามส่วนทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย

เส้นชีพจรกระบี่ถูกทำลาย"

"คาดไม่ถึงว่าเส้นชีพจรลมปราณนี้จะมีความยืดหยุ่นมากเพียงนี้

มันสามารถรักษาตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ในระยะเวลาเพียงสิบวัน"

จี้เทียนซิงรู้อย่างชัดเจน

ถึงแม้จะได้โอสถและเม็ดยารักษาล้ำค่าเพียงใด

หากไม่ได้ความสามารถรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษของเส้นชีพจรกระบี่

เขาก็คงไม่ทุเลาอย่างรวดเร็วขนาดนี้

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป

ต่อให้ได้โอสถวิเศษกองเป็นภูเขา ต่ำๆก็ต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือนๆ

จี้เทียนซิงยังคงตรวจสอบเส้นชีพจรกระบี่ทั้งเก้าในร่างอย่างถี่ถ้วน

และทันใดนั้นเขาก็พบผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์มากขึ้น

เส้นชีพจรกระบี่เส้นที่แปดได้ถูกบรรเทาครบถ้วนทั้งหมด ระดับความแข็งแกร่งของเขาทะลวงผ่านปราณจิตขั้นแปดเกือบจะถึงขั้นที่เก้า

!

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีจุดฝังจุมอีกสามจุดของชีพจรกระบี่เส้นที่เก้าที่ได้ถูกบรรเทา

"นี่คงเป็นผลมาจากการระเบิดของศักยภาพในสภาวะสิ้นหวัง

ตอนที่ข้าอดทนต่อฝ่ามือของเกาอวี่”

"ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝ่ามือของมันก็จริง

แต่ข้าก็สามารถช่วงชิงโอกาสนี้ทะลวงขอบเขต และเสริมความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก"

"นี่ ... สมควรเรียกว่าวาสนาในคราวเคราะห์กระมัง

?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็รู้สึกสบายใจ

ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ต่อมาเขาได้สังเกตเห็นว่าภายร่างกายได้สะสมพลังของโอสถและเม็ดยาที่ทรงพลังไว้เป็นจำนวนมาก

เหล่านี้ล้วนเป็นฤทธิ์ตกค้างของโอสถมากมายที่อาวุโสหลิงเหยาป้อนให้เขาในช่วงสิบวันที่ผ่านมา

ซึ่งพวกมันเหล่านั้นยังไม่ได้รับการขัดเกลาโดยสมบูรณ์

หากเขาไม่บ่มเพาะขัดเกลาพวกมัน ฤทธิ์ยาที่ถูกสะสมไว้เหล่านี้จะค่อยๆเสื่อมสลายไปเองตามกาลเวลา

นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป !

คิดได้ดังนั้น จี้เทียนซิงก็นั่งไขว่ห้างบนเตียงหยกน้ำแข็ง

พยายามฝึกฝนโดยอาศัยฤทธิ์โอสถที่เหลือเพื่อเยียวยาบาดแผล

เส้นชีพจรลมปราณกระบี่ของเขาเพิ่งจะฟื้นฟูได้ไม่นาน

อาการบาดเจ็บก็ยังคงหนักหนาอยู่  ตามหลักแล้วเขาไม่ควรออกกำลังบ่มเพาะ

แต่ต้องนอนพักจนกว่าจะหายดี

ทว่า เขาพยายามอดทนต่ออาการบาดเจ็บและความเจ็บปวดที่รุนแรง

กัดฟันแน่นด้วยเจตนาอันแน่วแน่

เมื่อเวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บของเขาก็เริ่มฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ความเจ็บแปล๊บทั่วสรรพางค์กายค่อยๆทุเลาลง

วันหนึ่ง สองวัน สามวัน ...  จนกระทั่งห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตลอดห้าวันนี้ หยุนเหยา อาวุโสหลิงเหยา

ฉู่เทียนเซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมดูอาการของเขาไม่ขาดสาย

แต่เมื่อพวกมันได้เห็นชายหนุ่มกำลังอยู่ในภวังค์ฝึกตน

พวกมันก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆและไม่รบกวน

อีกห้าวันต่อมา เมื่อจี้เทียนซิงจบการฝึกฝน ในที่สุดเขาก็สามารถสกัดกลั่นฤทธิ์โอสถส่วนใหญ่ที่สะสมในร่างกายไว้ได้

อาการบาดเจ็บของเขาหายดีกว่าเจ็ดส่วนจนสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระแล้ว

นอกจากนี้เขายังบรรเทาจุดฝังเข็มเพิ่มได้อีกห้าจุด

ทำให้ในที่สุดเขาก็บรรเทาได้ครบเจ็ดสิบส่วนจุด !

เหลืออีกเพียงเล็กน้อยเขาก็จะสำเร็จมรรคผลในขอบเขตปราณจิต

เตรียมเข้าสู่ขอบเขตใหม่ !