ความลับแห่งสหัสวรรษ, มารไร้พ่าย !
ภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์มียอดเขาสูงลูกหนึ่งนามว่ายอดเขาเมฆาสีชาด
ยอดเขานี้ตั้งอยู่ในกลุ่มยอดเขาสูงทั้งเก้าของนิกายและยังเป็นใจกลางของมหาข่ายอาคมอีกด้วย
บนยอดเขามีตำหนักอันโอ่อ่าตั้งอยู่
มันเรียกว่าตำหนักฉิงเทียน
ในเวลานี้ตำหนักฉิงเทียนว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คนและมีเพียงชายในชุดคลุมสีทองผู้เดียวที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ประมุข
บุคคลผู้นี้มีร่างกายที่กระชับสมส่วน,กำยำและหล่อเหลา ทั่วร่างปลดปล่อยกลิ่นอายและบรรยากาศอันแข็งกร้าวสูงส่งออกมา
ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะดูมีอายุเพียงแค่
40 ปี แต่ผมเผ้าของเขากลับขาวโพลนทั้งศีรษะ
ดวงตาเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ที่ผันผวนดูไม่สอดคล้องกับใบหน้า
อารมณ์ของเขาดูราวกับว่าถูกครอบงำด้วยปัญหาหนักอึ้งมานานนับปี
คนผู้นี้คือประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเทียนเฉิน, ฉู่เทียนเซิง
!
ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วและนั่งหลับตาทำสมาธิ
หว่างคิ้วเต็มไปด้วยรอยย่นของความกลัดกลุ้มกังวลใจ
ในขณะนี้เองหยุนเหยาในชุดขาวก็ก้าวเท้าผ่านเข้ามาในประตูและเดินไปที่ห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว
นางเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนในที่นั่งประมุขและยอบกายคารวะด้วยความเคารพ
“ศิษย์หยุนเหยา คารวะท่านประมุข !”
ฉู่เทียนเซิงรั้งสติกลับมาและมองหน้าหยุนเหยาพลางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า
“หยุนเหยา เจ้าเข้ามานี่
อาจารย์มีเรื่องราวที่ต้องบอกกล่าวต่อเจ้า”
หยุนเหยารีบก้าวเท้าไปยังที่นั่งประมุข
นางหยุดยืนใต้บันไดห่างจากฉู่เทียนเซิงสามเมตรพลางกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์คะ ท่านเพิ่งกลับมาถึงนิกายแต่กลับเรียกหาศิษย์อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เป็นเรื่องนั้นใช่หรือไม่คะ ?”
ฉู่เทียนเซิงผงกศีรษะเล็กน้อยและทอดถอนใจ
“ถูกต้อง”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่
เขาก็เริ่มการสนทนาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หยุนเหยา
เจ้าเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และความสามารถมากที่สุด
อีกทั้งยังเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของนิกาย หลังจากข้าถอนตัวแล้ว
เจ้าต้องรับตำแหน่งประมุข
ดังนั้นมีเรื่องราวบางอย่างที่ข้าต้องบอกเจ้าแต่เนิ่นๆเพื่อเตรียมความพร้อม”
เมื่อได้คำพูดจากปากของฉู่เทียนเซิง
ทันใดนั้นหยุนเหยาก็ขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“ท่านอาจารย์ ท่านมีพลังในจุดสูงสุดของแดนดินอีกทั้งยังดูแลนิกายมานับร้อยปี
เหตุใดวันนี้ท่านถึงได้กล่าววาจาหนักหน่วงนัก ?”
“หรือว่า... มันเป็นเรื่องที่ส่งผลใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของนิกาย
?”
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยใบหน้าที่สง่างาม
“ถูกต้อง หยุนเหยา เจ้าฉลาดหัวไวจริงๆ”
“มิใช่ว่าเจ้ามักจะถามเรื่องนั้นกับข้าอยู่เสมอหรอกหรือ
? วันนี้ข้าจะบอกความจริงทั้งหมดต่อเจ้า จงตั้งใจฟังให้ดี”
หยุนเหยาเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้แล้ว
นางหยุดแทรกทันที
ฉู่เทียนเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เมื่อหนึ่งพันปีก่อนมีมารไร้พ่ายปรากฏขึ้นในอาณาจักรเทียนเฉิน
มันคือความปั่นป่วนและหายนะ”
“มารเหล่านั้นสังหารผู้บริสุทธิ์ ทำลายแว่นแคว้นและเมืองน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนทำให้ผู้คนเรือนหมื่นตกตายกองเป็นภูเขาซากศพและสร้างวันเวลาแห่งหายนะขึ้นมา”
“พวกมันได้ทำลายค่ายกลผ่านล่วงเข้ามาในดินแดนดาราบรรพกาล
ทำลายนิกายใหญ่มากมาย สังหารผู้ฝึกยุทธ์ไปหลายพันคนและปล้นชิงสมบัตินับไม่ถ้วน”
“แต่ทว่า ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของเผ่าพันธุ์มนุษย์
มีผู้สูงส่งผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นและเอาชนะมารไร้พ่ายได้ด้วยหนึ่งกระบี่ราวกับเทพเซียน
ท่านผู้นั้นได้สะกดมันไว้ภายใต้ขุนเขาเมฆาสีชาดแห่งนี้"
“ในเวลานั้นผู้บุกเบิกนิกายของเราต่างก็เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้รับการชี้แนะจากผู้สูงส่งท่านนั้น ดังนั้นบรรพบุรุษจึงได้เคลื่อนขุนเขาทั้งแปดด้วยพลังฟ้าดินมาวางรอบๆยอดเขาเมฆาสีชาดและร่ายมหาข่ายอาคมขนาดใหญ่ขึ้น”
“ต่อมาบรรพบุรุษได้สร้างนิกายพันธมิตรสวรรค์ขึ้น
นิกายได้เติบโตผ่านไปรุ่นสู่รุ่นนานนับพันปี
ตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับคนรุ่นนั้นและมารไร้พ่ายก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนตามกาลเวลา”
เมื่อได้ยินตำนานเหล่านี้ดวงตาอันกระจ่างใสของหยุนเหยาก็สั่นระริกและเต็มไปด้วยแสงสีแห่งความตื่นตระหนก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินตำนานของนิกายและได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วเก้าขุนเขาของนิกายพันธมิตรสวรรค์นั้นไม่เพียงสร้างขึ้นเพื่อวางข่ายอาคมป้องกันขนาดใหญ่เท่านั้น แต่มันยังมีไว้เพื่อผนึกมารไร้พ่ายอีกด้วย
ในเวลานี้ฉู่เทียนเซิงก็ยังเล่าต่อไป
“เมื่อสองปีก่อน ข้าสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่ผิดปกติของข่ายอาคมและพบว่าผนึกของมันเริ่มแตกหัก
มารไร้พ่ายที่ถูกผนึกไว้นับพันปีกำลังจะตื่นขึ้นมา”
“เมื่อเดือนที่แล้วข้าได้นำอาวุโสฝ่ายทั้งแปดไปที่ยอดเขาเมฆาสีชาดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึก ทว่า
มารไร้พ่ายเริ่มฟื้นคืนสติกลับมาบางส่วนแล้ว ไม่ช้าก็เร็วมันจะทลายผนึกออกมา”
“มารปีศาจไร้ผู้เทียบเคียงที่เคยดำรงอยู่ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเทียนเฉินที่ล้างสังหารมนุษย์นับล้านกำลังจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ทั่วทั้งอาณาจักรจะลุกเป็นไฟ นิกายน้อยใหญ่จะถูกทำลายสิ้น
นอกจากนี้สิ่งที่มันต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือชำระแค้นด้วยเลือด
นิกายของเราที่เป็นสิ่งที่ผนึกมันเอาไว้จะถูกทำลาย เมื่อถึงตอนนั้นข้าเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถรับมือกับมารไร้พ่ายได้
ดินแดนดาราบรรพกาลจะถูกปล้นชิงเป็นของมันอีกครั้ง อาณาจักรเทียนเฉินจะล่มสลาย !”
หยุนเหยาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
สายตาของนางเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวล
นางขมวดคิ้วและถามว่า
“ท่านอาจารย์ก็ยังอยู่
อีกทั้งยังในยุคนี้ยังมีแปดนิกายใหญ่ดำรงอยู่ในดินแดนดาราบรรพกาล
จอมยุทธ์ยอดฝีมือมีมากมายดั่งหมู่เมฆบนท้องนภา ทำไมท่านไม่ผนึกกำลังสู้กับมัน ?”
ฉู่เทียนเซิงส่ายหัวไปมา
มุมปากของเขายิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวว่า
“หยุนเหยา เจ้ายังไม่ได้ขึ้นเป็นประมุขนิกาย
ดังนั้นเจ้าจึงยังไม่ทราบถึงความลับแห่งสหัสวรรษและพลังมหาศาลอันน่าสะพรึงกลัวของมารไร้พ่าย”
“นิกายใหญ่มากมายที่ถูกมารไร้พ่ายทำลายล้างเมื่อพันปีก่อน
มีนิกายใดบ้างที่ไม่แข็งแกร่งเทียบเท่านิกายพันธมิตรสวรรค์ของเรา ? แต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดหยุดมารไร้พ่ายได้และต้องประสบกับการล่มสลายอยู่ดี
!"
หยุนเหยาขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์คะ มารไร้พ่ายถูกผนึกไว้ร่วมพันปี เป็นไปได้สูงว่าความแข็งแกร่งของมันย่อมถดถอยลง”
ฉู่เทียนเซิงเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ครู่หนึ่งและอธิบายต่อนางว่า
“หยุนเหยา
เจ้าจำสิ่งที่อาจารย์เคยสอนตอนเจ้ายังเด็กได้หรือไม่ ? เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มารปีศาจ”
“เผ่ามารเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและน่าหวาดกลัว
มันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายและกระหายเลือดที่สุดในโลก !”
“เผ่าพันธุ์นี้แตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา พวกมันเกิดมาพร้อมกับร่างกายทรงพลังที่สูงล้ำยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์ อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะอันยอดเยี่ยมโดยกำเนิดอีกด้วย”
“นอกจากนี้
เคล็ดวิชาที่พวกมันบ่มเพาะและฝึกฝนนั้นยิ่งชั่วร้ายโหดเหี้ยมมาก
ที่สำคัญคือความเร็วในการบ่มเพาะของพวกมันก็รวดเร็วกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายเท่าตัวจนเทียบกันไม่ติด
!”
“มารไร้พ่ายที่ถูกผนึกไว้ภายใต้ยอดเขาเมฆาสีชาดจะสามารถเพิ่มระดับพลังยุทธ์ของมันได้อย่างรวดเร็วจากการสังหาร
ยิ่งพวกมันได้ฆ่าก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”
หยุนเหยาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า
“ศิษย์ทราบแล้วท่านอาจารย์ แล้วท่านอาจารย์มีหนทางรับมือหรือไม่ ?”
ฉู่เทียนเซิงส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“นอกจากการเสริมความแข็งแกร่งของผนึกมารแล้ว
อาจารย์ทำได้เพียงตามหาบุคลผู้แข็งขืนต่อโชคชะตาที่เข็มทิศดาราระบุไว้เท่านั้น”
“ข้าหวังว่าบุคคลในคำทำนายผู้นั้นจะสามารถช่วยเหลือนิกายเพื่อผนึกมารไร้พ่ายต่อไปได้อีกพันปี
!”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ฉู่เทียนเซิงก็ถามหยุนเหยาว่า
“จริงสิ แล้วเจ้าพบคนที่ข้าสั่งให้ตามหาหรือยัง ?”
หยุนเหยาพยักหน้าและตอบอย่างเยือกเย็นว่า
“ค่ะ
ศิษย์พบคนผู้นั้นแล้วท่านอาจารย์ ตอนนี้เขาอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นของฝ่ายนอก”
จิตวิญญาณของฉู่เทียนเซิงสะท้านเฮือก
ใบหน้าของเขาแสดงสีสันอันยินดีปรีดาออกมาล้นปรี่
"ดี ! หลังจากเจ้าจัดการเรื่องในนิกายให้ข้าแล้ว
จงพาคนผู้นั้นมาพบข้าโดยเร็ว”
***** เหยดดดด ล้ำลึก
ตามหาคนที่แข็งขืนต่อโชคชะตาซึ่งความจริงควรเป็นพระเอกแต่ดันได้จี้หลิง …….. มารตื่น
? *****
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved