ออกจากรังไหม
เฉียนเยวี่ยมองจ้องมองไปที่พยัคฆ์ขาวเนตรทอง
และพูดคุยกับมันด้วยภาษาของสัตว์วิญญาณ
“โย่ว เสี่ยวไป๋
เจ้านายตัวน้อยของเจ้าต้องการมองเพลิงคะนองในร่างให้แก่เจ้า เจ้าสนใจเปล่า ?"
เสี่ยวไป๋จ้องมองเฉียนเยวี่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ
ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
มันก็กระโจนออกมาจากกองหินและคำรามใส่เอี๋ยนเอ๋อร์ที่อยู่ภายในรังไหมน้ำแข็งรูปไข่ทันที
จี้เทียนซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายของการคำราม
แต่เฉียนเยวี่ยเข้าใจดี มันยิ้มและบอกกับทั้งสองว่า “สหายจี้ เสี่ยวไป๋คำรามด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า ข้าต้องการ จัดมาเลย.....”
น้ำเสียงของเฉียนเยวี่ยดูแปลกแปร่ง
แววตาของมันยังเผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์ของสุนัขจิ้งจอก
จี้เทียนซิงแสร้งทำเป็นไม่เห็น
เขามองไปที่เอี๋ยนเอ๋อร์ด้วยสีหน้าจริงจังพลางกล่าวว่า “เอี๋ยนเอ๋อร์ ขั้นแรกเจ้าค่อยๆขับพลังเพลิงคะนองออกมา ข้าจะดูให้แน่ใจเองว่ามันสามารถรองรับพลังของเจ้าไหวหรือไม่”
เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าและทำตามคำพูดของจี้เทียนซิงทันที
เขาเกร็งพลังเพื่อขับเพลิงคะนองในร่างออกมา
ในช่วงเวลาสั้นๆปรากฏเปลวไฟสีน้ำตาลอมเหลืองจางๆที่เอ่อล้นออกมาจากรอยแตกของรังไหมน้ำแข็ง
พลังชีวิตของจี้เทียนซิงโคจรไปรวมกันที่แขนซ้าย
ทำให้แขนทั้งข้างกลายเป็นสีแดงเถือกทั้งหมด
เขาเหยียดฝ่ามือซ้ายออกไปและคว้าจับเปลวไฟกลุ่มนั้นมารวบไว้ในมือและบีบอัดมันจนกลายเป็นลำแสงสีน้ำตาลเหลือง ในขณะนั้นเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ขับพลังเพลิงคะนองส่งผ่านออกมาไม่ขาดสายจนทำให้เพลิงคะนองที่มือซ้ายของจี้เทียนซิงใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น...
หลังจากผ่านไปร้อยอึดใจเอี๋ยนเอ๋อร์ก็หยุดกระบวนการส่วนเพลิงคะนองในมือซ้ายของจี้เทียนซิงก็เติบโตจนมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่ง
เอี๋ยนเอ๋อร์กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า
“ศิษย์พี่เทียนซิง โปรดระวังให้มาก
อย่าได้รับบาดเจ็บจากมันเข้า”
“อืม เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” จี้เทียนซิงส่ายหัวเล็กน้อยและบอกอีกฝ่ายไม่ต้องเป็นห่วง
เขากำเพลิงคะนองไว้ในมือซ้าย
มันเป็นเปลวไฟอันร้อนระอุและเต็มไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราดรุนแรงเสียยิ่งกว่าเปลวอัคคีสีชาดของเขาเสียอีก แต่เขาก็ทำเพียงแค่แตะต้องมันในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
ซึ่งคงจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
“เฉียนเยวี่ย เจ้าบอกเสี่ยวไป๋ให้สละแก่นอสูรออกมาซะ
รวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อปรับแต่งเพลิงคะนองขุมนี้ !”
เฉียนเยวี่ยพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็วและกระโดดไปหาเสี่ยวไป๋พร้อมกับพูดภาษาสัตว์อสูรกับมัน
โฮกกกกก
เสี่ยวไป๋คำรามนั้น
สองตาโปนโตของพยัคฆ์พลันจับจ้องไปที่กองไฟในมือของจี้เทียนซิงอย่างไม่ละสายตา เผยให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างลึกซึ้ง
มันเดินวนไปเวียนมารอบๆตัวจี้เทียนซิงอยู่หลายรอบจนกระทั่งมั่นใจว่ามนุษย์ผู้นี้มิได้คิดร้ายต่อมัน
มันจึงลดความระวังตัวลง
มันเปิดปากอย่างระมัดระวังและพ่นแก่นสีเหลืองอ่อนที่มีขนาดเท่าไข่ออกมา
แก่นพลังนี้ถูกควบแน่นอย่างสมบูรณ์แบบโดยปราณแท้ของสัตว์อสูร
มันคือพลังอสูรทั้งปวงของพยัคฆ์ขาวเนตรทอง
มีเพียงสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถเท่านั้นจึงจะสามารถควบแน่นแกนอสูรในร่างกายออกมาได้
แกนอสูรนี้มีความสำคัญยิ่งต่อเสี่ยวไป๋
มันคือพลังตกผนึกและเป็นแหล่งพลังชีวิตของมัน
ถึงแม้แกนอสูรจะเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
แต่มันต้องได้รับการปกป้องเป็นอย่างสูงและไม่อาจทำให้เกิดร่องรอยเสียหายใดๆได้
จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็ควบคุมแกนอสูรของมันให้ล่องลอยไปหาจี้เทียนซิงอย่างช้าๆ
จี้เทียนซิงกางฝ่ามือซ้ายออกและค่อยๆขยับเข้าหาแกนอสูร ต่อจากนั้น แกนอสูรก็แผ่ซ่านพลังในการดูดซับอันรุนแรงออกมา
ค่อยๆกลืนเพลิงคะนองเข้าไป
แกนอสูรของเสี่ยวไป๋ห่อหุ้มไปรอบเพลิงคะนอง
มันเร่งความเร็วและม้วนตัว
จี้เทียนซิงจ้องมองเสี่ยวไป๋สลับกับแกนอสูรและคอยดูปฏิกิริยาของมันอย่างถี่ถ้วน
โชคดีที่เสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรผิดปกติใดๆ
มันหลับตานอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างเงียบงัน ตั้งสมาธิทั้งหมดในการปรับแต่งเพลิงคะนอง
ส่วนแกนอสูรของมันก็ยังคงดูดกลืนและหมุนวนต่อไปโดยไร้ซึ่งสถานการณ์ผิดปกติให้เห็น
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
แกนอสูรของเสี่ยวไป๋ก็ได้ดูดซับเพลิงคะนองทั้งหมดและปรับแต่งมัน
จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็เปิดปากกว้างของมันขึ้นและกลืนแกนอสูรกลับคืน
มันผุดลุกขึ้นและขยับตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
มีเพียงลมหายใจที่กระชั้นเร่งร้อนขึ้นและพลังที่ปะทุอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวไป๋สามารถกลืนกินเพลิงคะนองได้อย่างราบรื่น
ไร้ซึ่งอาการผิดปกติใดๆ หนำซ้ำยังสามารถเพิ่มพูนพลังได้อีกมากมาย
จี้เทียนซิงเบือนหน้าไปและกล่าวกับเอี๋ยนเอ๋อร์ว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์ ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ
เสี่ยวไป๋สามารถปรับแต่งเพลิงคะนองจำนวนมหาศาลได้โดยไม่มีอันตราย”
“ตอนนี้ ยิ่งเจ้าขับไล่มันออกมามากเท่าไหร่
เสี่ยวไป๋ก็จะดูดซับและปรับแต่งมันได้อย่างรวดเร็วขึ้น”
เอี๋ยนเอ๋อร์มีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสและเต็มไปด้วยความสุข
“ศิษย์พี่เทียนซิง ขอบคุณท่านมาก ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ !”
จี้เทียนซิงพยักหน้าพลางกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์ อย่าเพิ่งด่วนดีใจเร็วเกินไปนัก
เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นกระบวนการ เจ้าต้องรออย่างอดทน เอาล่ะ เจ้าเริ่มขับเพลิงคะนองออกมาได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าเคลื่อนย้ายมันไปให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งทีละน้อย”
“ขอบคุณมากศิษย์พี่เทียนซิง” เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่สดใสยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
จากนั้นเอี๋ยนเอ๋อร์ก็จดจ่ออยู่กับการทำงานหนักภายในรังไหมเยือกแข็งเพื่อปล่อยเพลิงคะนองภายในร่างกายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจี้เทียนซิงก็นั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่นอกรังไหมน้ำแข็งและเป็นสื่อกลางในการรวบรวมเพลิงคะนองไว้ในมือซ้าย
จากนั้นก็สังเคราะห์พวกอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น สุดท้ายเขาก็ควบรวมพวกมันจนมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่งและมอบให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งอีกทอดหนึ่ง
ในตอนแรกเสี่ยวไป๋ต้องสละแกนอสูรออกมาจากในร่างเพื่อใช้พลังของมันปรับแต่งกลืนกินเพลิงคะนอง
ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เพียงแค่ต้องระมัดระวังอย่างสูง แต่ยังเสียเวลามากมายอีกด้วย
ต่อมาเมื่อเสี่ยวไป๋ผ่านประสบการณ์ในการปรับแต่งเพลิงคะนองมาแล้วหลายสิบลูก
ความสามารถใช้การควบคุมของมันก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเป็นเงาตามตัว
มันไม่จำเป็นต้องใช้แกนอสูรเป็นตัวช่วยอีกแล้ว
เพียงแค่อ้าปากกลืนกินพวกมันเข้าไปปรับแต่งโดยตรงได้เลย
เมื่อเวลาผ่านไป
เพลิงคะนองที่เสี่ยวไป๋กลืนกินก็เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พลังความแข็งแกร่งของมันก็พุ่งพรวดพราดอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายของมันแข็งแกร่งขึ้น
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
.............
หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
เสี่ยวไป๋ได้กลืนกินเพลิงคะนองจากเอี๋ยนเอ๋อร์ไปแล้วมากกว่าสามร้อยกลุ่ม
! ความแข็งแกร่งและขนาดตัวของมันขยายใหญ่ขึ้นเกือบเป็นสองเท่า
จี้เทียนซิงเห็นการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้จึงถามเอี๋ยนเอ๋อร์ว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์
ในร่างของเจ้ายังเหลือเพลิงคะนองที่ปะทุอีกมากเท่าไหร่ ?”
เอี๋ยนเอ๋อร์ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
“ศิษย์พี่เทียนซิง ขับออกไปได้สามส่วนแล้ว !”
จี้เทียนซิงเลิกคิ้วขึ้น
ดวงตาเปล่งประกายอย่างประหลาดใจ เขาขบคิดด้วยความตกตะลึง “เอี๋ยนเอ๋อร์ขับเพลิงออกไปเพียงแค่สามส่วนเท่านั้นกลับทำให้เสี่ยวไป๋เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พลังของมันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขอบเขตใหญ่เลยทีเดียว
หากมันปรับแต่งพลังที่เหลือทั้งหมด
มิใช่ว่ามันจะข้ามไปสองขอบเขตใหญ่เลยหรือ ?”
“ช่างเหลือเชื่อนัก ! สมบัติเพลิงคะนองนี้ช่างทรงพลังเหลือเกิน !”
หลังจากอารมณ์สงบลง
จี้เทียนซิงก็ดำเนินการต่ออีกครั้ง
เอี๋ยนเอ๋อร์ยังคงขับเพลิงคะนองออกไปอย่างต่อเนื่องและความเจ็บปวดทรมานที่เคยได้รับก็ค่อยๆลดน้อยลงเรื่อยๆ
เพลิงคะนองจำนวนมากโผล่ออกมาจากรอยแตกของรังไหมน้ำแข็ง
ส่วนจี้เทียนซิงก็กวาดมือซ้ายรวบรวมเพลิงคะนองทั้งหมดส่งต่อไปให้เสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
มันราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เหมือนหลุมไร้ก้นที่กลืนกินเพลิงคะนองอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในไม่ช้า
เวลาได้ผ่านไปสามวันสามคืน
ในที่สุดเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ขับเพลิงคะนองออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
จากนี้ไปเขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเพลิงคะนองอันเกรี้ยวกราดที่คอยกัดกินร่างกายอีกแล้ว
ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกฝนวิชายุทธ์ได้เหมือนคนทั่วไป !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved