ตอนที่ 307

ออกจากรังไหม

เฉียนเยวี่ยมองจ้องมองไปที่พยัคฆ์ขาวเนตรทอง

และพูดคุยกับมันด้วยภาษาของสัตว์วิญญาณ

“โย่ว เสี่ยวไป๋

เจ้านายตัวน้อยของเจ้าต้องการมองเพลิงคะนองในร่างให้แก่เจ้า  เจ้าสนใจเปล่า ?"

เสี่ยวไป๋จ้องมองเฉียนเยวี่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ

ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

มันก็กระโจนออกมาจากกองหินและคำรามใส่เอี๋ยนเอ๋อร์ที่อยู่ภายในรังไหมน้ำแข็งรูปไข่ทันที

จี้เทียนซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายของการคำราม

แต่เฉียนเยวี่ยเข้าใจดี มันยิ้มและบอกกับทั้งสองว่า “สหายจี้ เสี่ยวไป๋คำรามด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า ข้าต้องการ จัดมาเลย.....”

น้ำเสียงของเฉียนเยวี่ยดูแปลกแปร่ง

แววตาของมันยังเผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์ของสุนัขจิ้งจอก

จี้เทียนซิงแสร้งทำเป็นไม่เห็น

เขามองไปที่เอี๋ยนเอ๋อร์ด้วยสีหน้าจริงจังพลางกล่าวว่า “เอี๋ยนเอ๋อร์ ขั้นแรกเจ้าค่อยๆขับพลังเพลิงคะนองออกมา ข้าจะดูให้แน่ใจเองว่ามันสามารถรองรับพลังของเจ้าไหวหรือไม่”

เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าและทำตามคำพูดของจี้เทียนซิงทันที

เขาเกร็งพลังเพื่อขับเพลิงคะนองในร่างออกมา

ในช่วงเวลาสั้นๆปรากฏเปลวไฟสีน้ำตาลอมเหลืองจางๆที่เอ่อล้นออกมาจากรอยแตกของรังไหมน้ำแข็ง

พลังชีวิตของจี้เทียนซิงโคจรไปรวมกันที่แขนซ้าย

ทำให้แขนทั้งข้างกลายเป็นสีแดงเถือกทั้งหมด

เขาเหยียดฝ่ามือซ้ายออกไปและคว้าจับเปลวไฟกลุ่มนั้นมารวบไว้ในมือและบีบอัดมันจนกลายเป็นลำแสงสีน้ำตาลเหลือง ในขณะนั้นเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ขับพลังเพลิงคะนองส่งผ่านออกมาไม่ขาดสายจนทำให้เพลิงคะนองที่มือซ้ายของจี้เทียนซิงใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น...

หลังจากผ่านไปร้อยอึดใจเอี๋ยนเอ๋อร์ก็หยุดกระบวนการส่วนเพลิงคะนองในมือซ้ายของจี้เทียนซิงก็เติบโตจนมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่ง

เอี๋ยนเอ๋อร์กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า

“ศิษย์พี่เทียนซิง โปรดระวังให้มาก

อย่าได้รับบาดเจ็บจากมันเข้า”

“อืม เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” จี้เทียนซิงส่ายหัวเล็กน้อยและบอกอีกฝ่ายไม่ต้องเป็นห่วง

เขากำเพลิงคะนองไว้ในมือซ้าย

มันเป็นเปลวไฟอันร้อนระอุและเต็มไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราดรุนแรงเสียยิ่งกว่าเปลวอัคคีสีชาดของเขาเสียอีก  แต่เขาก็ทำเพียงแค่แตะต้องมันในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น

ซึ่งคงจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ

“เฉียนเยวี่ย เจ้าบอกเสี่ยวไป๋ให้สละแก่นอสูรออกมาซะ

รวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อปรับแต่งเพลิงคะนองขุมนี้ !”

เฉียนเยวี่ยพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็วและกระโดดไปหาเสี่ยวไป๋พร้อมกับพูดภาษาสัตว์อสูรกับมัน

โฮกกกกก

เสี่ยวไป๋คำรามนั้น

สองตาโปนโตของพยัคฆ์พลันจับจ้องไปที่กองไฟในมือของจี้เทียนซิงอย่างไม่ละสายตา  เผยให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างลึกซึ้ง

มันเดินวนไปเวียนมารอบๆตัวจี้เทียนซิงอยู่หลายรอบจนกระทั่งมั่นใจว่ามนุษย์ผู้นี้มิได้คิดร้ายต่อมัน

มันจึงลดความระวังตัวลง

มันเปิดปากอย่างระมัดระวังและพ่นแก่นสีเหลืองอ่อนที่มีขนาดเท่าไข่ออกมา

แก่นพลังนี้ถูกควบแน่นอย่างสมบูรณ์แบบโดยปราณแท้ของสัตว์อสูร

มันคือพลังอสูรทั้งปวงของพยัคฆ์ขาวเนตรทอง

มีเพียงสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถเท่านั้นจึงจะสามารถควบแน่นแกนอสูรในร่างกายออกมาได้

แกนอสูรนี้มีความสำคัญยิ่งต่อเสี่ยวไป๋

มันคือพลังตกผนึกและเป็นแหล่งพลังชีวิตของมัน

ถึงแม้แกนอสูรจะเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

แต่มันต้องได้รับการปกป้องเป็นอย่างสูงและไม่อาจทำให้เกิดร่องรอยเสียหายใดๆได้

จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็ควบคุมแกนอสูรของมันให้ล่องลอยไปหาจี้เทียนซิงอย่างช้าๆ

จี้เทียนซิงกางฝ่ามือซ้ายออกและค่อยๆขยับเข้าหาแกนอสูร ต่อจากนั้น แกนอสูรก็แผ่ซ่านพลังในการดูดซับอันรุนแรงออกมา

ค่อยๆกลืนเพลิงคะนองเข้าไป

แกนอสูรของเสี่ยวไป๋ห่อหุ้มไปรอบเพลิงคะนอง

มันเร่งความเร็วและม้วนตัว

จี้เทียนซิงจ้องมองเสี่ยวไป๋สลับกับแกนอสูรและคอยดูปฏิกิริยาของมันอย่างถี่ถ้วน

โชคดีที่เสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรผิดปกติใดๆ

มันหลับตานอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างเงียบงัน ตั้งสมาธิทั้งหมดในการปรับแต่งเพลิงคะนอง

ส่วนแกนอสูรของมันก็ยังคงดูดกลืนและหมุนวนต่อไปโดยไร้ซึ่งสถานการณ์ผิดปกติให้เห็น

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม

แกนอสูรของเสี่ยวไป๋ก็ได้ดูดซับเพลิงคะนองทั้งหมดและปรับแต่งมัน

จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็เปิดปากกว้างของมันขึ้นและกลืนแกนอสูรกลับคืน

มันผุดลุกขึ้นและขยับตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง

มีเพียงลมหายใจที่กระชั้นเร่งร้อนขึ้นและพลังที่ปะทุอย่างรุนแรง

เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวไป๋สามารถกลืนกินเพลิงคะนองได้อย่างราบรื่น

ไร้ซึ่งอาการผิดปกติใดๆ หนำซ้ำยังสามารถเพิ่มพูนพลังได้อีกมากมาย

จี้เทียนซิงเบือนหน้าไปและกล่าวกับเอี๋ยนเอ๋อร์ว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์ ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ

เสี่ยวไป๋สามารถปรับแต่งเพลิงคะนองจำนวนมหาศาลได้โดยไม่มีอันตราย”

“ตอนนี้ ยิ่งเจ้าขับไล่มันออกมามากเท่าไหร่

เสี่ยวไป๋ก็จะดูดซับและปรับแต่งมันได้อย่างรวดเร็วขึ้น”

เอี๋ยนเอ๋อร์มีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสและเต็มไปด้วยความสุข

“ศิษย์พี่เทียนซิง ขอบคุณท่านมาก ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ !”

จี้เทียนซิงพยักหน้าพลางกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์ อย่าเพิ่งด่วนดีใจเร็วเกินไปนัก

เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นกระบวนการ เจ้าต้องรออย่างอดทน   เอาล่ะ เจ้าเริ่มขับเพลิงคะนองออกมาได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าเคลื่อนย้ายมันไปให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งทีละน้อย”

“ขอบคุณมากศิษย์พี่เทียนซิง” เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่สดใสยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

จากนั้นเอี๋ยนเอ๋อร์ก็จดจ่ออยู่กับการทำงานหนักภายในรังไหมเยือกแข็งเพื่อปล่อยเพลิงคะนองภายในร่างกายออกมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนจี้เทียนซิงก็นั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่นอกรังไหมน้ำแข็งและเป็นสื่อกลางในการรวบรวมเพลิงคะนองไว้ในมือซ้าย

จากนั้นก็สังเคราะห์พวกอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น  สุดท้ายเขาก็ควบรวมพวกมันจนมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่งและมอบให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งอีกทอดหนึ่ง

ในตอนแรกเสี่ยวไป๋ต้องสละแกนอสูรออกมาจากในร่างเพื่อใช้พลังของมันปรับแต่งกลืนกินเพลิงคะนอง

ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เพียงแค่ต้องระมัดระวังอย่างสูง แต่ยังเสียเวลามากมายอีกด้วย

ต่อมาเมื่อเสี่ยวไป๋ผ่านประสบการณ์ในการปรับแต่งเพลิงคะนองมาแล้วหลายสิบลูก

ความสามารถใช้การควบคุมของมันก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเป็นเงาตามตัว

มันไม่จำเป็นต้องใช้แกนอสูรเป็นตัวช่วยอีกแล้ว

เพียงแค่อ้าปากกลืนกินพวกมันเข้าไปปรับแต่งโดยตรงได้เลย

เมื่อเวลาผ่านไป

เพลิงคะนองที่เสี่ยวไป๋กลืนกินก็เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พลังความแข็งแกร่งของมันก็พุ่งพรวดพราดอย่างรวดเร็ว

กลิ่นอายของมันแข็งแกร่งขึ้น

เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

.............

หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

เสี่ยวไป๋ได้กลืนกินเพลิงคะนองจากเอี๋ยนเอ๋อร์ไปแล้วมากกว่าสามร้อยกลุ่ม

! ความแข็งแกร่งและขนาดตัวของมันขยายใหญ่ขึ้นเกือบเป็นสองเท่า

จี้เทียนซิงเห็นการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้จึงถามเอี๋ยนเอ๋อร์ว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์

ในร่างของเจ้ายังเหลือเพลิงคะนองที่ปะทุอีกมากเท่าไหร่ ?”

เอี๋ยนเอ๋อร์ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

“ศิษย์พี่เทียนซิง ขับออกไปได้สามส่วนแล้ว !”

จี้เทียนซิงเลิกคิ้วขึ้น

ดวงตาเปล่งประกายอย่างประหลาดใจ เขาขบคิดด้วยความตกตะลึง “เอี๋ยนเอ๋อร์ขับเพลิงออกไปเพียงแค่สามส่วนเท่านั้นกลับทำให้เสี่ยวไป๋เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

พลังของมันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขอบเขตใหญ่เลยทีเดียว

หากมันปรับแต่งพลังที่เหลือทั้งหมด

มิใช่ว่ามันจะข้ามไปสองขอบเขตใหญ่เลยหรือ ?”

“ช่างเหลือเชื่อนัก ! สมบัติเพลิงคะนองนี้ช่างทรงพลังเหลือเกิน !”

หลังจากอารมณ์สงบลง

จี้เทียนซิงก็ดำเนินการต่ออีกครั้ง

เอี๋ยนเอ๋อร์ยังคงขับเพลิงคะนองออกไปอย่างต่อเนื่องและความเจ็บปวดทรมานที่เคยได้รับก็ค่อยๆลดน้อยลงเรื่อยๆ

เพลิงคะนองจำนวนมากโผล่ออกมาจากรอยแตกของรังไหมน้ำแข็ง

ส่วนจี้เทียนซิงก็กวาดมือซ้ายรวบรวมเพลิงคะนองทั้งหมดส่งต่อไปให้เสี่ยวไป๋

เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

มันราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เหมือนหลุมไร้ก้นที่กลืนกินเพลิงคะนองอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ในไม่ช้า

เวลาได้ผ่านไปสามวันสามคืน

ในที่สุดเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ขับเพลิงคะนองออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์

จากนี้ไปเขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเพลิงคะนองอันเกรี้ยวกราดที่คอยกัดกินร่างกายอีกแล้ว

ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกฝนวิชายุทธ์ได้เหมือนคนทั่วไป !