สวนหลิงโซ่ว
จี้เทียนซิงหยอกล้อกับเฉียนเยวี่ยอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นก็พามันไปที่ห้อง
สองวันต่อมาก็ยังไม่มีผู้ใดมารบกวนจี้เทียนซิงที่ตำหนักเทียนซิงอีกเลย
เขาปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในห้องลับโดยใช้หินวิญญาณที่ได้รับมาก่อนหน้า
มันช่วยให้เขาบรรเทาจุดฝังเข็มได้รวดเร็วขึ้นจนทำให้พลังฝีมือรุดหน้าไปไม่น้อย
เดือนหน้าจะเป็นการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์
ดังนั้นเขาจึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อได้รับตำแหน่งดีๆบนรายชื่อขั้นสวรรค์ครั้งแรก
ในช่วงที่จี้เทียนซิงปิดด่านบ่มเพาะ
เสี่ยวเฮยหลงก็กลายร่างเป็นกระบี่มังกรดำและนอนหลับอยู่ในแหวนมิติอย่างสงบเรียบร้อย
มีเพียงเฉียนเยวี่ยผู้เดียวเท่านั้นที่วุ่นวายไปมาอยู่ในตำหนักเทียนซิง
นี่นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากแล้วสำหรับมัน...
ผ่านไปสองวันเฉียนเยวี่ยได้สำรวจทุกซอกทุกมุมของตำหนักเทียนซิงจนหมดสิ้น
มันเริ่มเบื่อแล้ว
ในเช้าของวันที่สาม
มันบินไปมารอบๆตำหนักเทียนซิง จากนั้นก็ออกนอกประตูไปข้างนอก “เฮ้อ สหายจี้ปิดด่านบ่มเพาะจนลืมวันลืมคืน
ไม่รู้ฟิตอะไรนักหนา ส่วนเจ้ามังกรน้อยก็ไม่เล่นกับข้า
เช่นนั้นข้าออกไปเดินเล่นดีกว่า”
“นิกายพันธมิตรสวรรค์เต็มไปด้วยเส้นชีพจรวิญญาณ
มันเต็มไปด้วยรัศมีพลังฟ้าดินและมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ข้าต้องไปแรดให้ทั่ว !”
เฉียนเยวี่ยฮัมเพลงในลำคอและกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้า มันลัดเลาะไปตามตึกรามบ้านช่องและตำหนักหลายแห่งภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์
จากนั้นก็บินไปชมทิวทัศน์บนยอดเขา
“ว้าว ! เป็นแนวตำหนักที่งดงามนัก
!”
“โอ้ จุดนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศฟ้าดินอันแข็งกร้าว
!”
“ธรณีประตูหุบเขาก็งดงามไม่แพ้เลยกัน !”
“อู้วว
ตรงนั้นมียอดเขาที่เชื่อมต่อกันเป็นมหาข่ายปราณ !”
เฉียนเยวี่ยบินไปมารอบๆนิกายพันธมิตรสวรรค์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ มันบินออกพื้นที่นิกายและเข้าสู่ยอดเขาลูกอื่นๆ
ราวๆหนึ่งชั่วยามต่อมามันก็บินขึ้นไปบนจุดสูงสุดของยอดเขาเพื่อชื่นชมต้นไม้สูงตระหง่านและน้ำตกที่ไหลลงมาตามไหล่เขา
หลังจากเดินเล่นไปรอบๆมันก็หยุดอยู่ที่แนวป่าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากน้ำตกและมองไปรอบๆ
“เอ...... แล้วที่นี่มันที่ไหนกันหว่า ?”
“ดูเหมือนว่าแถวๆนี้แทบจะไม่มีศิษย์ของนิกายเลย
หรือว่าจะเป็นถิ่นของสัตว์อสูรวิญญาณ ?”
เฉียนเยวี่ยกระพริบตาและแผ่สัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อสำรวจกลิ่นอายรอบๆยอดเขา
ในเวลานี้เอง
ทันใดนั้นตรงทางเดินที่เต็มไปด้วยแมกไม้
มีศิษย์สตรีในชุดขาวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่ยอดเขา
เฉียนเยวี่ยรีบบินไปหยุดตรงหน้าศิษย์หญิงอย่างรวดเร็วและเอ่ยปากถามว่า “พี่สาวท่านนี้โปรดหยุดก่อน ข้ามีเรื่องอยากถาม ที่นี่มันคือที่ไหนกันหว่า ?”
ศิษย์หญิงผู้นั้นชะงักทันทีและเงยหน้ามองเฉียนเยวี่ย
ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างและใบหน้าที่งดงามก็เผยความสุขอย่างลึกล้ำ
“ว้าว...... ! เจ้าตัวน้อย น่ารักจังเลย !”
“เจ้าขนยาว
เจ้าไม่เพียงน่ารักน่าเอ็นดูแต่ยังพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย น่ารักอ่า !”
ศิษย์หญิงมองเฉียนเยวี่ยด้วยแววตาเปล่งปลั่งเป็นประกายและอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหางของมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางตกตะลึงต่อรูปลักษณ์ที่น่ารักน่าชังของเฉียนเยวี่ย
นางแทบอยากจะคว้ามันมากอดไว้แน่นๆแล้ว
เฉียนเยวี่ยกระพริบตาปริบๆและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตากลมโตพลางถามว่า
“พี่สาวคนงาม ที่นี่คือที่ไหนหรือ ? คือข้าหลงทาง...."
ศิษย์หญิงเผยรอยยิ้มอ่อนหวานและตอบทันทีว่า
“ที่นี่คือสวนสัตว์อสูรวิญญาณน่ะ”
“เจ้าตัวน้อย เจ้าวิ่งออกมาจากสวนสัตว์วิญญาณงั้นหรือ
? เจ้าหลงทางได้อย่างไรกันเล่า ?”
เฉียนเยวี่ยกระพริบตาและถามด้วยความสนใจว่า
“หืม ? สวนสัตว์อสูรวิญญาณเหรอ เช่นนั้นที่นี่ก็มีสัตว์อสูรวิญญาณมากมายเลยสิ ?”
ศิษย์หญิงพยักหน้า "ถูกต้อง
สวนสัตว์อสูรวิญญาณเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรวิญญาณ แน่นอนว่าต้องมีพวกมันเต็มไปหมด
!”
“อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรในสวนนี้ไม่ได้ฉลาดน่ารักและพูดได้เหมือนเจ้า”
“โอ้ จริงหรือ ?” เฉียนเยวี่ยมีความสุขและอารมณ์ดีมาก
มันรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “พี่สาวคนสวย เจ้าพาข้าเข้าไปในสวนสัตว์วิญญาณได้ไหม
? ข้าหากเห็นสัตว์อสูรวิญญาณพวกนั้น ”
ศิษย์หญิงชื่นชอบเฉียนเยวี่ยมาก
แน่นอนว่านางย่อมไม่ปฏิเสธคำขอของมัน นางพยักหน้าตอบรับทันที
“ได้สิ ตามข้ามา”
“ขอบคุณมาก พี่สาวคนงาม” เฉียนเยวี่ยปากหวานและทำตัวน่ารักพลางกล่าวขอบคุณ
จากนั้นมันก็บินตามศิษย์หญิงผู้นั้นไปที่เชิงเขา
ทันทีที่ทั้งสองลับตาไป
บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยแมกไม้ มีเงาร่างของบุคลผู้หนึ่งโผล่ออกมา
บุคคลผู้นี้คือก็ไป๋หวู่เชินนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ที่เฉียนเยวี่ยบินเล่นบนชมวิวท้องฟ้า
มันก็เห็นอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงติดตามมันไปตลอดทาง
จนกระทั่งได้เห็นเฉียนเยวี่ยติดตามศิษย์สตรีนางนี้ไปที่เชิงเขา
เขาจึงขมวดคิ้วแล้วกระซิบแผ่วเบาว่า “จิ้งจอกบัดซบตัวนั้นมันเข้าไปทำอะไรที่สวนสัตว์อสูรวิญญาณ
?”
ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วและครุ่นคิดเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อติดตามทั้งสองเข้าไปในภูเขา
......
หลังจากผ่านไปสองชั่วยามก็เป็นเวลาเที่ยง
จี้เทียนซิงยุติการฝึกซ้อมชั่วคราวและเดินออกจากห้องลับ หลังจากความพยายามอย่างหนักผ่านไปหลายวัน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการบรรเทาจุดฝังเข็มจุดที่แปดและนับว่าเสร็จสิ้นการบรรเทาเส้นชีพจรกระบี่เส้นแรกสำเร็จแล้ว
บัดนี้ความแข็งแกร่งของเขาได้มาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่สอง
!
หลังเดินออกจากห้อง
ชายหนุ่มก็บิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายอยู่ในสวนกลางตำหนัก
เมื่อเหลือบมองไปเห็นศิษย์รับใช้กำลังตักน้ำที่บ่อน้ำตรงมุมสวน เขาก็ถามว่า
“อามู่ เจ้าเห็นเฉียนเยวี่ยมั้ย ? มันไปเล่นถึงไหนแล้ว”
ตั้งแต่ที่จี้เทียนซิงรั้งอยู่ในตำหนักเทียนซิง
เฉียนเยวี่ยก็เทียวไปเทียวอยู่ในในลานเล็กตลอดทั้งวัน
บางทีก็เล่นกับศิษย์รับใช้หรือไม่ก็สาวใช้
ศิษย์รับใช้ที่ชื่ออามู่วางถังน้ำลงอย่างรวดเร็วและรายงานต่อจี้เทียนซิง
“เรียนศิษย์พี่จี้
เฉียนเยวี่ยมิได้อยู่ในบริเวณตำหนักเลยขอรับ มันบินออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า บัดนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“อ้อ...”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและไม่ถามต่อ
ในใจลอบเป็นห่วงเล็กน้อย
“ด้วยนิสัยของเฉียนเยวี่ย หากปล่อยมันวิ่งเล่นไปทั่วนิกายนานขนาดนี้ข้าเกรงว่ามันจะป่วนชาวบ้านเขาไปทั่ว แต่ว่ามันก็นับว่าเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ
คงไม่ก่อเรื่องอันใดกระมัง”
หลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้วจี้เทียนซิงก็หันกลับไปหยิบตำราศาสตร์แห่งอาคมออกมาศึกษาเพื่อรอเฉียนเยวี่ยกลับมา
ทว่า
หนึ่งชั่วยามผ่านไปเฉียนเยวี่ยก็ยังไม่กลับมาอีก แต่สาวใช้นามเสี่ยวซวงรีบแจ้นเข้ามาหน้าประตูห้องตำราและกล่าวว่า
“ศิษย์พี่จี้เจ้าคะ
มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสวนสัตว์อสูรวิญญาณรออยู่หน้าประตูตำหนัก
ท่านแจ้งว่ามีธุระต้องพบท่าน”
จี้เทียนซิงวางตำราข่ายอาคมในทันทีและขมวดคิ้วด้วยสีหน้างุนงงว่า
“ผู้ดูแลสวนสัตว์อสูรวิญญาณ ? เขามีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ ?"
เสี่ยวซวงตอบอย่างรวดเร็วว่า
“บ่าวก็ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ
แต่ว่า.....ดูจากสีหน้าของผู้อาวุโสแล้ว บ่าวเกรงว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงไม่น้อย”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและลุกขึ้นเดินออกจากห้องตำราทันที เมื่อมาถึงประตูเขาก็เห็นผู้ดูแลในชุดคลุมสีดำยืนรออยู่
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกมา
ผู้ดูแลก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าคือจี้เทียนซิงใช่หรือไม่
? ข้าคือเซี่ยงหวู่ เป็นผู้ดูแลสวนหลิงโซ่ว” [灵兽 หลิงโซ่ว
แปลว่าสัตว์อสูรวิญญาณ]
จี้เทียนซิงกำหมัดคารวะและถามว่า
“ผู้เยาว์ขอเรียนถาม ไม่ทราบว่าท่านผู้ดูแลเซี่ยงมาหาข้ามีกิจธุระอันใดหรือขอรับ
?”
คิ้วของเซี่ยงหวู่ขมวดจนติดกันและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“จี้เทียนซิง ตอบข้ามา
เจ้าเลี้ยงสัตว์อสูรวิญญาณที่เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กชื่อว่าเฉียนเยวี่ยใช่ไหม ?”
จี้เทียนซิงเริ่มคาดเดาบางอย่างได้เลือนราง
เขาพยักหน้ารับและกล่าวว่า “ถูกต้อง แสดงว่าที่ท่านผู้ดูแลเซี่ยงมาหาข้าก็เพราะเฉียนเยวี่ย
? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ
?”
เซี่ยงหวู่พยักหน้า
“หนึ่งชั่วยามก่อนสัตว์เลี้ยงของเจ้าบุกเข้าไปในสวนหลิงโซ่วและสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับสาม
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved