ตอนที่ 15

ตอนที่

15 เข็มทิศสื่อวิญญาณดาราและดอกไม้ดาราแดง

จี้ชางคงย่อมเข้าใจถึงความใฝ่ฝันและแรงบันดาลใจของจี้เทียนซิงอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ยินบุตรชายเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังเช่นนี้  เขาเพียงแสดงรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาเท่านั้น

“เทียนซิง

เจ้าไม่ผ่านการทดสอบทั่วไปของนิกายหนุนสวรรค์

เจ้าจะมีสิทธิ์ได้รับเลือกในเดือนหน้าได้อย่างไรกันเล่า ?”

“เจ้ามีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นั้นเป็นเรื่องดี

พวกเราเหล่าบุรุษเกิดมาชาติหนึ่งจักต้องสร้างชื่อให้ระบือลั่น  แต่....ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้

เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะติดหนึ่งในสิบอันดับแรกจนเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์”

จี้เทียนซิงเงียบไม่ตอบคำและมองไปที่โต๊ะ

แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันแนวแน่นที่ไม่ยอมแพ้

แน่นอนว่าความเชื่อมั่นที่เขาพึ่งพาได้ก็คือสุสานเทพกระบี่อันลี้ลับที่อยู่ในร่างกาย

ตลอดจนวิถีใจกระบี่ของเขา

แต่นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจะพูดกับบิดาได้อย่างไร

?

ทั้งผู้เป็นพ่อและบุตรชายต่างก็เงียบลง บรรยากาศในห้องหับกล่าวอึมครึมและดูหดหู่

จี้ชางคงตบไหล่ของบุตรชายเบาๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เทียนซิง ในเมื่อลูกได้ตั้งมั่นแล้วที่จะเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์

เช่นนั้นพ่อก็จะไม่ห้ามเจ้า”

ท้ายที่สุด จี้ชางคงก็หยิบกล่องเหล็กสีม่วงดำออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้ววางไว้ตรงหน้าจี้เทียนซิง

“เทียนซิง

สิ่งนี้คือหนึ่งในมรดกตกทอดของตระกูลจี้ของเรา

[เข็มทิศสื่อวิญญาณดารา]  บัดนี้พ่อขอมอบให้เจ้า”

จี้เทียนซิงรู้สึกสงสัยในขณะที่เปิดกล่องเหล็ก

และหยิบเอาเข็มทิศสีทองดำออกมาดูอย่างระมัดระวัง

“ท่านพ่อ

ข้าขอทราบเหตุผลที่จู่ๆท่านก็มอบเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราให้ข้า”

จี้ชางคงอธิบายว่า “เข็มทิศสื่อวิญญาณดาราเป็นสมบัติลี้ลับที่มีคุณภาพดีที่สุดที่สกุลจี้หลอมสร้างมา

มันสามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณแห่งสวรรค์และโลก

มันสามารถแยกแยะชีพจรวิญญาณและสินแร่ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนเทือกเขาหรือสถานที่ซ่อนเร้นใดๆ

มันจะบอกจุดที่ตั้งของสมบัติล้ำค่านั้นๆ”

“เนื่องจากตันเถียนของเจ้าได้รับความเสียหายและทักษะยุทธ์ของเจ้าสูญสลายไป

พ่อได้ค้นตำราและคัมภีร์นับไม่ถ้วนจนในที่สุดก็พบหนทางที่อาจจะช่วยเจ้าได้”

“เมื่อหกปีก่อนมีดอกไม้ดาราแดงอยู่บนเทือกเขาเย่

ดอกไม้ชนิดนี้เป็นสมบัติของสวรรค์และโลกที่หาได้ยากยิ่ง ในครั้งหนึ่งมันจะออกดอกและเบ่งบานเพียงแค่สามวันเท่านั้น เคยมีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งได้ดอกไม้ดาราแดงนี้มาและมอบให้บุตรชายของเขาที่ตันเถียนพิการแต่กำเนิด

หลังจากลูกชายของเขาได้กินดอกไม้ชนิดนี้เข้าไป

มันไม่เพียงแค่ซ่อมตันเถียนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับแต่งกายาอีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมาลูกชายของผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นก็บ่มเพาะพลังยุทธ์ได้อย่างราบรื่นจนกลายเป็นยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมปราณ”

เมื่อจี้เทียนซิงได้ยินสิ่งนี้ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยแสงสว่างและสะดุ้งตกใจ

“ท่านพ่อ

แสดงว่าดอกไม้ดาราแดงนั้นย่อมทรงพลังมากใช่หรือไม่ ?”

“ย่อมแน่นอน!”

จี้ชางคงพยักหน้าและยิ้มพลางกล่าวว่า “เทียนซิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นคือใคร ?”

“เป็นผู้ใด?”

“ท่านคือจี้เซินเซียว

บรรพบุรุษของตระกูลจี้ ปู่ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ! ส่วนชายหนุ่มที่ตันเถียนพิการแต่กำเนิดก็คือพระบิดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน”

จี้เทียนซิงตกตะลึงมากขึ้นและมีความสนใจอย่างมากในดอกไม้ดาราแดง

ชายหนุ่มคุ้นเคยกับตำนานของราชวงศ์จี้ และเขาก็รู้ว่าตระกูลจี้มีบรรพบุรุษลึกลับที่มีนามว่า

จี้เซินเซียว

ว่ากันว่าจี้เซินเซียวเข้าสู่เขตแดนแก่นต้นกำเนิดตั้งแต่

30 ปีที่แล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด

เพราะมิได้มีการเปิดเผย

ตระกูลราชวงศ์ของรัฐนภากระจ่างที่มีจี้เซินเซียว, ผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ทั้ง 12 รัฐ และการที่มีผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ดำรงอยู่ก็ทำให้ไม่มีรัฐใดกล้าก่อความขัดแย้ง

จี้เทียนซิงคาดเดาเจตนาของบิดาออกในทันทีและถามว่า

“ท่านพ่อ

แสดงว่าการที่ท่านมอบเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราให้ข้าก็เพราะท่านต้องการให้ข้าใช้มันนำทางไปยังเทือกเขาเย่

เพื่อค้นหาดอกไม้ดาราแดง ?”

จี้ชางคงยิ้มและพยักหน้า "บุตรของข้ายังหัวไวเหมือนเดิม ถูกต้อง ! หากเจ้าสามารถหาดอกไม้นั้นมาได้

ปมปัญหาใหญ่ในชีวิตของเจ้าจะได้รับการแก้ไขและความแข็งแกร่งจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

จากการคำนวณของข้า อีกราวๆ 10 วันหรือเกินกว่านั้นไม่มาก ดอกไม้ดาราแดงจะเบ่งบานเต็มที่ ย่อมต้องมีกองกำลังจากทุกสารทิศและผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกตามล่าและแย่งชิงมันกันจ้าละหวั่นเป็นแน่"

“เจ้ามีเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราอยู่ในมือและมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้พบดอกไม้ดาราแดงก่อนผู้อื่น”

จี้เทียนซิงกุมเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราไว้ในมือแนบแน่น

สองตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านพ่อมาก !”

จี้ชางคงกล่าวย้ำเตือนซ้ำๆว่า “เทียนซิง นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจ้า แต่เจ้าต้องระวังทุกฝีก้าว

ทุกอย่างเกี่ยวพันถึงชีวิต  หากไม่ไหวก็จงถอนตัว

อย่าฝืน”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและเข้าใจว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ย่อมไม่มีทางได้มาครอบครองง่ายๆ  จากนั้นเขาก็เก็บเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราเอาไว้

หลังจากจี้ชางคงอธิบายเรื่องอื่นๆอีกเล็กน้อยก็ออกจากห้องไป

เมื่อบิดากลับไปแล้ว จี้เทียนซิงก็เปิดเส้นทางลับที่ซ่อนอยู่มุมห้องและเข้าไปในห้องฝึกลับส่วนตัว

หลังจากที่เขาวางเข็มทิศสื่อวิญญาณดารากลับเข้าที่แล้ว

จี้เทียนซิงก็เริ่มฝึกวิถีดวงใจกระบี่และควบแน่นปราณกระบี่

“อีก

10 วัน...  อีก 10 วันเท่านั้น ! ข้าต้องควบแน่นเส้นทางปราณกระบี่ให้ครบและสร้างตัวอ่อนกระบี่ !”

......

ภายใต้ความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน บ้านเก่าหลังหนึ่งในเมืองจักรวรรดิกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟ

ภายในห้องมิดชิดที่อยู่ในบ้าน

มีชายร่างสูงสวมผ้าคลุมสีม่วงกำลังนั่งอยู่

ถัดจากชายคนดังกล่าวยืนอยู่ด้วยชายหนุ่มรุ่นเยาว์อายุราวๆ 15-16 ปี ร่างกายของเขาสูงยาว

ใบหน้าขาวดูหล่อเหลา

แต่ทว่า ณ ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูมืดมนมาก และดวงตาของเขากลับดูไม่เหมาะกับอายุ

ชายชุดดำรัดรูปสวมหน้ากากคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวรายงานว่า

“เรียนคุณชายน้อยห่าว  ข้าน้อยขออภัย

ไม่เพียงไม่สามารถสังหารจี้เทียนซิงได้ แต่ยังเสียพี่น้องไปถึง 4 คน...... ”

ใบหน้าของจี้ห่าวบิดเบี้ยวอัปลักษณ์

เขากำหมัดแน่น ยกขาเตะชายสวมหน้ากากจนลงไปกองกับพื้นและตะโกนเสียงต่ำ  “บัดซบ

! เลี้ยงเสียข้าวสุก จอมยุทธ์ปรับแต่งกายาขั้นที่

8 ถึง 4 คนกลับสังหารขยะอย่างจี้เทียนซิงที่มีระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 4

ยังไม่ได้ ! เจ้าบอกข้าซิ ข้าควรเลี้ยงเจ้าไว้อีกมั้ย !?”

ชายสวมหน้ากากรู้สึกหวาดกลัวและร่ำร้องอยู่บนพื้น

เขารีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “คุณชายน้อย... ท่านอย่าเพิ่งมีโทสะ

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจขอรับ...!”

“พี่น้องของข้าได้ย้อนกลับไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

และพบว่าพี่น้อง 4 คนที่ตายไปนั้นล้วนถูกแทงทะลุด้วยของมีคม เช่นคลื่นปราณกระบี่”

จี้ห่าวขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความงงงวย “

เป็นไปไม่ได้ ! ด้วยพลังฝีมือของเจ้าขยะจี้เทียนซิงจะใช้คลื่นปราณกระบี่สังหารผู้คนได้อย่างไร

?”

ในเวลานี้เอง ชายในชุดคลุมสีม่วงก็เปิดปากพูดกับชายชุดดำสวมหน้ากากว่า

“เจ้าถอยไปก่อน”

ทันใดนั้นชายชุดดำสวมหน้ากากก็รู้สึกโล่งอก หลังจากคำนับชายชุดคลุมม่วงแล้วก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ปากของชายเสื้อคลุมม่วงแสยะยิ้มออกมาและกล่าวว่า

“ห่าวเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าจี้เทียนซิงได้รับการช่วยเหลือจากยอดฝีมือ

แต่ว่า ตอนที่พวกเจ้าไปโรงหลอมกระบี่ที่ชานเมืองทางใต้

พวกเจ้าไม่ได้พาผู้คุ้มกันไป เช่นนั้น แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดที่ช่วยเหลือมันเอาไว้ ?  หรือว่าจี้ชางคงแอบจัดเตรียมยอดฝีมือไว้คอยปกป้องบุตรชายของมันอยู่ห่างๆ

?”

จี้ห่าวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจและกล่าวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าว่า

“ฮึ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก

สุดท้ายก็ล้มเหลวอยู่ดี คราวหน้าข้าจะหายอดฝีมือมาสังหารมันให้ได้ !”

จี้เปาส่ายหัวพลางกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ประมาทจี้เทียนซิงเกินไปนัก

มันเป็นชายหนุ่มที่ฉลาดและตื่นตัวมาก ในเมื่อครั้งนี้แผนของเจ้าล้มเหลว

มันต้องสงสัยเจ้าเป็นแน่ โอกาสที่เจ้าจะลอบสังหารมันอีกครั้งแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”

“ยังดีที่ตอนนี้จี้เทียนซิงตันเถียนถูกทำลายระดับพลังถดถอย

และมันก็ไม่นับเป็นภัยคุกคามต่อเรา

แต่คนหนุนหลังที่สำคัญที่สุดของมันก็คือบิดามัน, จี้ชางคง สิ่งที่เราควรจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหาวิธีกำจัดจี้ชางคง

!  เพียงแค่จี้ชางคงตกตายไปสักคน

จากนั้นพวกเราก็ควบคุมตระกูลจี้ทั้งหมด จี้เทียนซิงก็เป็นแค่ปลาบนเขียงให้เราสับเล่นตามใจชอบมิใช่หรือ

?”

หลังจากได้ฟัง

ดวงตาของจี้ห่าวก็ทอประกายและพยักหน้า “ท่านพ่อพูดถูก

!  แต่ว่า...  จี้ชางคงเป็นดั่งจิ้งจอกเฒ่า

การจะจัดการกับเขาคงมิใช่เรื่องง่ายมิใช่หรือท่านพ่อ ?”

ชายเสื้อคลุมม่วงแสยะยิ้มและแสดงออกด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาพร้อมกับหัวเราะ

“มีวิธีการมากหลายที่จะจัดการกับจิ้งจอกเฒ่า พ่อมีแผนของพ่ออยู่แล้ว”