ตอนที่ 53

1 ต่อ

9

ภายในเวลาไม่นาน

จี้ชางคงและจี้เทียนซิงต่างก็รีบมุ่งหน้าไปที่ประตูบ้านตระกูลจี้พร้อมกับกระบี่ในมือ

เมื่อพวกเขามาถึงก็พบหลิงซือไห่และพรรคพวกกำลังยืนอยู่ในลานกว้าง

ที่ประตูของตระกูลจี้มีศพของยามหลายคนนอนอยู่  พวกเขาทั้งหมดจมอยู่ในแอ่งเลือดและสิ้นลมหายใจไปแล้ว

หลิงซือไห่สวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ในลานกว้างด้วยสีหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและจิตสังหาร

ที่อยู่ด้านหลังของเขาคือยอดฝีมือแปดคนที่ถือกระบี่ไว้ในมือ

ทุกคนมีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7 ขึ้นไปทั้งสิ้น

รอบๆลานกว้างมียามของตระกูลจี้นับสิบคนกำลังล้อมรอบและจ้องมองไปที่หลิงซือไห่พร้อมกับถืออาวุธพร้อมรบไว้ในมือ

เมื่อไม่มีใครออกคำสั่ง

เหล่ายามทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าลงมือ

ผู้อาวุโสสอง,จี้หรูเฟิ่งและอาวุโสคนอื่นๆหลายคน

รวมไปถึงรุ่นเยาว์ตระกูลจี้ล้วนมายืนสังเกตการณ์กันหมด

จี้หรูเฟิ่งแสร้งตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธใส่หลิงซือไห่อย่างต่อเนื่อง

เขาบอกให้อีกฝ่ายวางอาวุธลงและเจรจากันอย่างสันติ

แต่ก็เพียงแค่พูด

ไม่ได้หยิบอาวุธหรือสั่งให้ยามจู่โจมอีกฝ่าย

ทำให้ตอนนี้สองฝ่ายเพียงแค่จ้องหน้ากันและเท่านั้น

จนกระทั่งทุกคนเห็นจี้ชางคงและจี้เทียนซิงมาถึง

ดวงตาทุกคู่ก็ไปตกอยู่ที่สองพ่อลูก

จี้ชางคงมองไปที่ศพยามที่หน้าประตู

ดวงตากวาดมองไปที่จี้หรูเฟิ่งและสมาชิกตระกูลจี้คนอื่นๆ

จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปที่หลิงซือไห่และคำรามออกมาว่า

“หลิงซือไห่ !

เจ้ากล้านำคนบุกมาตระกูลจี้อย่างอุกอาจ เจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วหรือไง ?!”

หลังจากนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาก็จ้องมองไปที่ยอดฝีมือข้างหลังหลิงซือไห่ทั้ง

8 คนพลางกล่าวต่อไปว่า “ใครเป็นคนฆ่าคนของตระกูลจี้ ? ข้า

จี้ชางคงจะให้มันต้องชดใช้ !”

เมื่อสิ้นเสียง

จี้ชางคงก็พวยพุ่งจิตสังหารไร้สภาพอันทรงพลังออกมาและกวาดตามองคนของตระกูลหลิงทั้งหมด

ร่างกายของหลิงซือไห่เหยียดตรงดั่งกระบี่อันแหลมคมและมิได้ตกตะลึงต่อจิตสังหารและแรงกดทับของจี้ชางคงแม้แต่น้อย

เขามองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาที่คมกริบดุดัน

ดวงตาแฝงไปด้วยความกระหายเลือดและโกรธแค้น เขาคำรามออกมาว่า “เจ้าเด็กระยำจี้เทียนซิง

! เจ้าสังหารหยุนเฟยบุตรสาวข้า ข้าจะฆ่าเจ้า

ทำลายศพเจ้าเป็นชิ้นๆเพื่อเซ่นดวงวิญญาณของนางบนสวรรค์ !”

ในขณะที่พูดจบเขาแผ่จิตสังหารอันรุนแรงออกมาและชักกระบี่ออกทันที

“เช้ง เช้ง เช้ง !”

หลิงซือไห่ที่มีพลังในเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่

4 ซัดกระบี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังออกมา ปรากฏคลื่นกระบี่สีน้ำเงินเข้มสามสายที่พุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง

คลื่นกระบี่แต่ละสายยาวสองฟุตและกว้างสามนิ้ว

ซึ่งบรรจุไว้ด้วยพลังอันรุนแรงและดุร้ายเกรี้ยวกราด

จี้เทียนซิงที่มองหน้าหลิงซือไห่และยอดฝีมือทั้ง

8 ของเขา ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย

เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันทีที่เห็นหน้า !

เมื่อเห็นคลื่นกระบี่ที่ซัดมาด้วยความเร็วยิ่งยวด

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงทันที เขารู้เพียงว่าต้องรีบถอยห่างโดยเร็วที่สุด

ในขณะเดียวกัน

จี้ชางคงที่ไหวตัวอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งออกไปขวางอยู่เบื้องหน้าบุตรชายทันที

“เหอะ !”

จี้ชางคงชักกระบี่และฟาดฟันออกไปทันที

คลื่นกระบี่อันเย็นเฉียบสามสายกรีดกรายไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

“ปัง

ปัง  ปัง  !”

หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น

คลื่นกระบี่สามสายของหลิงซือไห่ก็ถูกบดขยี้จนสลายไปสิ้น

พลังของคลื่นกระบี่อันแหลมคมเกรี้ยวกราดยังบีบให้หลิงซือไห่ต้องถอยหลังไปถึงสองก้าว

ใบหน้าของมันกลายเป็นม่วงคล้ำ

จี้ชางคงกุมกระบี่ชี้ไปที่พื้น

เขายืนตะหง่านด้วยท่วงท่าสง่างามและเย่อหยิ่งพลางตะโกนออกมาว่า “หลิงซือไห่ !  หากเจ้าคิดสังหารเทียนซิง ถามกระบี่ในมือข้าหรือยัง

?!”

“จี้ชางคง !!”

หลิงซือไห่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและโทสะ

เขาคำรามออกมาว่า “เมื่อวานบุตรชายเจ้าส่งจดมายลับถึงบุตรสาวข้าให้ไปพบที่สวนดอกพลัมในชานเมือง

พอตกกลางคืนนางก็เป็นศพกลับมา

เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร ?!”

“ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต  จี้ชางคง หากวันนี้เจ้าไม่มอบตัวจี้เทียนซิงมา

ก็จงอย่าโทษข้าที่ต้องฆ่าคนก็แล้วกัน !”

“ฮ่าๆๆๆ”

จี้ชางคงตอบกลับทันทีด้วยเสียงหัวเราะลั่น

เขากล่าวต่อไปว่า “หลิงซือไห่ เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือไง ?  เจ้ากล่าวหาว่าบุตรชายข้าสังหารบุตรสาวเจ้า  พวกเขาเพียงประลองพลังฝีมือกัน

บุตรสาวเจ้าพ่ายแพ้ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

เจ้ามีพยานหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่าบุตรชายข้าเป็นผู้กระทำเล่า ?”

“ไม่มีหลักฐาน แต่กลับลงมือฆ่าคนตระกูลจี้

เจ้าต่างหากที่ไร้เหตุผล !”

“จี้ชางคง เจ้าต้องการหลักฐานใช่หรือไม่ ? ได้ ” หลิงซือไห่ขบกรามและหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อของเขา

โยนไปให้จี้ชางคง

“นี่คือจดหมายที่บุตรชายเจ้าส่งถึงหยุนเฟย

นี่แหละคือหลักฐาน !”

จี้ชางคงกวาดสายตาอ่านจดหมายด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย  จากนั้นเขาก็โยนลงพื้นและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า

“เหอๆ

ก็แค่นัดหมายนัดพบ มันเป็นหลักฐานบ้าบออันใดของเจ้า ?  แค่จดหมายพรรณ์นี้เจ้าก็เหมาเอาว่าเทียนซิงสังหารบุตรสาวเจ้าแล้วหรือไง

?  ปัญญาอ่อน

!”

“หลิงซือไห่ !  เราท่านเป็นสหายที่ดีต่อกันมาโดยตลอด

จนแทบจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน

วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้ถึงเบื้องหลังบุตรสาวตัวดีของเจ้า

นางวางแผนทำร้ายเทียนซิงจนทำให้เขาต้องสูญเสียวรยุทธ์และถูกผู้คนหัวเราะเยาะ

ดังนั้นต่อให้เทียนซิงคิดจะสังหารนางจริงๆก็ถือเป็นบาปที่นางสมควรได้รับแล้ว

!”

“โชคดีที่บุตรชายข้าจิตใจดีงามและไม่คิดล้างแค้นเกินเหตุ

เขาไม่ได้ฆ่านาง เจ้าฟังให้ดี

เทียนซิงไม่ได้ฆ่านาง !”

หลิงซือไห่หน้าดำทะมึนและเต็มไปด้วยโทสะคุกรุ่น

“จี้ชางคง ! ในเมื่อเจ้าไม่ยอมมอบตัวจี้เทียนซิงมา

อย่าโทษที่ข้าไร้ความปรานี !”

"พวกเจ้าทุกคน ฆ่าจี้ชางคงเสียก่อน

จากนั้นก็ฆ่าจี้เทียนซิงล้างแค้นให้หยุนเฟย !”

หลิงซือไห่โกรธจนคลั่งและโบกมือให้กับยอดฝีมือทั้ง

8 ที่พามาด้วย

ทันทีที่พวกเขาได้รับสัญญาณลงมือจากหลิงซือไห่

พวกเขาก็พุ่งตัวออกมาทันทีและปิดล้อมจี้ชางคงเอาไว้

หลิงซือไห่ก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราดและเหวี่ยงกระบี่โจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

ยอดฝีมือถึง

9 คนต่างรุมล้อมจี้ชางคง

และแต่ละคนต่างก็ลงมืออย่างรุนแรง

จี้ชางคงแสดงสีหน้าไม่หวาดหวั่น

ตัวเขาเองนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือชั้นสูงในเมืองนี้เช่นเดียวกัน

เขาใช้เคล็ดวิชาสิบกระบี่เซวียนปิงของตระกูลจี้ที่สำแดงออกมาเป็นเงากระบี่อันลึกล้ำ

ไม่ว่าแสงกระบี่ของเขาจะฟาดฟันไปที่จุดใดก็ทำให้พวกมันต้องล่าถอย

ด้วยความแข็งแกร่งในเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่

6 ของจี้ชางคง

มันเพียงพอที่จะดูแคลนทุกคนในที่นี้

นับประสาอะไรกับหลิงซือไห่และยอดฝีมือทั้ง 8 ของมัน

!

ท้ายที่สุดแล้วหลิงซือไห่ก็มีพลังเพียงเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่

4 เท่านั้น

อีกทั้งยอดฝีมือทั้ง 8 ของมันก็มีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่

8 3 คน ขั้นที่ 9 หนึ่งคน

นอกนั้นก็เป็นเพียงเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 3 เท่านั้น

ไม่มีใครเกินนี้

ดังนั้น

ต่อให้หลิงซือไห่และอีก 8 คนใช้ประโยชน์จากจำนวนคนที่มากกว่าเข้ารุมล้อมก็ไม่ทำให้จี้ชางคงต้องลำบากแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกันกลับถูกบีบให้ต้องถอยร่นด้วยซ้ำ

มันทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมาก

ในเวลานั้น

เงากระบี่ของจี้ชางคงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่องแสงเย็นเยียบไปทั่ว

คลื่นกระบี่ที่รุนแรงและดุดันกวาดพื้นที่กว่ายี่สิบตารางฟุตจนทำให้พื้นในลานและถนนเกิดริ้วรอย

เสียงกระบี่กระทบกันส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ

การต่อสู้ที่ดุเดือดและทำให้ทุกคนในตระกูลจี้ต่างก็แทบจะลืมหายใจ

ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่นานพวกเขาก็ปะทะกันมากกว่าหลายสิบกระบวนท่าไปแล้วและยังเป็นการต่อสู้แบบ

1 ต่อ 9  !

ขณะนั้นเอง

จี้ชางคงก็หลุดออกจากวงล้อมของเหล่ายอดฝีมือมาได้และล่าถอยมายืนข้างๆจี้เทียนซิง

การต่อสู้หยุดลงชั่วคราว

จี้ชางคงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

เขายังคงสงบนิ่ง มีเพียงใบหน้าที่เริ่มซีดลงเล็กน้อย

แต่ทางฝั่งของหลิงซือไห่กลับน่าอดสูมากนัก

พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยบาดแผล

ยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงสองคนนั้นดูย่ำแย่ที่สุด

พวกเขามีรอยกระบี่ที่หลังและหน้าอก อาภรณ์ชุ่มไปด้วยเลือดจนย้อมเป็นสีแดง

ส่วนยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมลมปราณหลายคนต่างก็รับไปคนละหนึ่งหรือสองแผล   แต่ก็ยังไม่ถึงกับชีวิต

แม้แต่หลิงซือไห่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มก็ได้รับบาดแผลกระบี่ที่หน้าอกยาวลึกจนสามารถมองเห็นกระดูกขาวเลยทีเดียว

เมื่อเห็นฉากนี้

ทุกคนในตระกูลจี้ต่างก็แสดงออกอย่างเลื่อมใสและแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา   มีเพียงใบหน้าของจี้หรูเฟิ่งและจี้ห่าวเท่านั้นที่ดูมืดมนและดวงตาของพวกมันทอประกายด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้กำลังคิดจะทำอะไรต่อไป