ตอนที่ 277

ก้าวเท้าผิด

แสงในหุบเขานั้นช่างน้อยนิด

มันเงียบเชียบและสงบไร้ซึ่งร่องรอยของกระแสลมยามค่ำคืน

บางครั้งมีเพียงแสงจากดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องผ่านช่องว่างรูหมอกลงสู่หุบเขา

จี้เทียนซิงนั่งอยู่บนหินสีดำก้อนหนึ่ง

ในมือถือตำราเก่าแก่เล่มหนึ่งและเปิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบ

ก่อนหน้านั้นเขาเคยได้อ่านเนื้อหาของตำราโบราณเล่มนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนับครั้งไม่ถ้วน

ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าสุดท้ายของตำราเล่มนี้

มันมีมุมกระดาษเล็กๆที่เหลืออยู่น้อยนิดบนหน้ากระดาษที่ถูกฉีกออกไป

“ทะเลสาบพระจันทร์เต็มดวง.... พานพบลมหายใจแห่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์...”

มันมีคำเพียงไม่กี่คำแต่มีข้อมูลที่สำคัญ

เมื่อเห็นคำเหล่านี้เขาจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบเบาะแสและดั้นด้นมายังเทือกเขาหมอกเร้นลับตามลำพัง

จากตำราโบราณที่พบในถ้ำเผ่าปีศาจเล่มนี้

เขาสามารถสรุปได้ว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงสมควรเป็นลูกปัดแห่งดวงดารา

กลิ่นอายพลังของลูกปัดดวงดารา

ครั้งหนึ่งเคยปรากฏในทะเลสาบพระจันทร์เต็มดวง !

หลังจากได้รับแผนที่ของเทือกเขาหมอกเร้นลับ

เขาได้ตรวจสอบเส้นทางและที่ตั้งจุดสำคัญต่างๆบนแผนที่อย่างละเอียด

ในส่วนลึกของเทือกเขานี้มีสถานที่ที่เรียกว่าทะเลสาบจันทร์เต็มดวงอยู่จริง

จากตำแหน่งปัจจุบันที่เขาอยู่นั้นการจะไปถึงทะเลสาบจันทร์เต็มดวงต้องผ่านเทือกเขาส่วนใหญ่และพื้นที่อันตรายอย่างน้อยก็เจ็ดถึงแปดแห่ง

หลังจากนั้นไม่นาน

จี้เทียนซิงก็ปิดตำราลง ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างลึกล้ำ กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“หวังว่าข้าจะพบตำแหน่งของมันอย่างราบรื่นและไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมากนัก....”

เขาเก็บตำรากลับไปและปิดตาลงเพื่อเริ่มบ่มเพาะอย่างหนัก

คืนที่เงียบสงบและยาวนานผ่านไปในที่สุด

หลังจากรุ่งสางของวันใหม่มาถึง

จี้เทียนซิงก็ออกจากภวังค์บ่มเพาะ เขาทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้วก็เดินไปที่ทางเข้าหุบเขา

หุบเขาลึกในตอนเช้าปกคลุมไปด้วยหมอกหนาและทั่วหุบเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และน้ำค้าง

จี้เทียนซิงก้าวเท้าผ่านหญ้าที่สูงเหนือหัวเขา

สาดน้ำค้างบนใบหญ้านับไม่ถ้วนจนกระเซ็นและเดินลึกเข้าไปในหุบเขา

พื้นดินในหุบเขานั้นนุ่มและชื้น

เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสดใส อีกทั้งยังมีผลไม้ทั้งเล็กและใหญ่อยู่มากมาย

เขาได้ศึกษาตำราพันโอสถอีกทั้งยังเคยจัดเทียบยามามากมายจากการฝึกฝนกับเซี่ยงหวู่จี้

มันทำให้เขาสามารถรับรู้คุณสมบัติของสมุนไพร ผลไม้และโอสถหลายพันรายการ

เขารับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพุ่มไม้ของดอกไม้และผลไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่นำมาสกัดเป็นสมุนไพรไว้ใช้งานได้ แม้ว่าสมุนไพรส่วนใหญ่จะมีระดับสูงกว่าทั่วๆไป

แต่มันก็ไม่ได้หายากมากนัก

หากเขาเก็บรวบรวมสมุนไพรเหล่านี้

อย่างน้อยๆก็ยังแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณได้สองสามก้อนทีเดียว

อย่างไรก็ตาม

เขากำลังจะค้าหาเบาะแสของลูกปัดแห่งดวงดารา

เขาจะมีเวลาว่างมานั่งเก็บสมุนไพรได้อย่างไร ?

..............

ครึ่งชั่วยามต่อมาจี้เทียนซิงก็มาถึงสุดทางของหุบเขาแห่งนี้

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาก็คือเส้นทางที่ทั้งแคบและลึก

มันคือเส้นทางที่เป็นช่องว่างระหว่างยอดเขาทั้งสองลูก

กว้างเพียงสามเมตรและมีกำแพงสูงชันทั้งสองด้าน

หากเรายืนอยู่บนเส้นทางนี้และแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า

เราจะได้เพียงแค่ท้องฟ้าเท่านั้น ดังนั้นกล่าวได้ว่าเส้นทางนี้ยาวตรงเป็นไม้บรรทัด

กำแพงหินทั้งสองด้านเต็มไปด้วยกองก้อนหินทับถมกันจนเกิดเป็นกำแพงสูง

จี้เทียนซิงยืนอยู่หน้าปากทาง

เขากวาดสายตามองไปรอบๆครู่หนึ่งเพื่อสังเกตการณ์

จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปตามทางและได้เห็นดอกไม้ต้นไม้มากมายในหุบเขาซึ่งมีหลายชนิดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เขาเห็นดอกไม้ที่มีสีสดใสและมีขนาดใหญ่เหมือนอ่างล้างหน้า เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ดอกไม้ธรรมดาจึงไม่คิดจะใส่ใจ  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเดินผ่านดอกไม้ขนาดใหญ่ต้นนั้น

มันก็ดูราวกับมีชีวิต มันกางใบของมันออกมาอยู่เหนือศีรษะของเขาและกลายเป็นปากขนาดใหญ่พอๆกับอ่างล้างหน้า

!

ปากขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยหนามแหลมราวกับฟันที่เรียงรายเป็นแถวๆ

มันงับลงมาทันทีและเจาะผ่านเสื้อคลุมของเขา อีกทั้งยังทะลุผ่านเกราะอ่อนจินหยางจนถูกทำลายอีกด้วย

จี้เทียนซิงตกตะลึงไปทั่วสรรพางค์กายและรู้สึกเพียงปวดแสบปวดร้อนและเป็นอัมพาต

ใบหน้าของเขากลายเป็นเหยเก "ระยำเอ้ย !  นี่มันดอกไม้กินคน

!”

นี่เป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสัตว์และพืช โดยปกติแล้วมันจะอยู่นิ่งๆปลอมตัวเป็นดอกไม้ธรรมดาที่เปล่งกลิ่นอายและกลิ่นหอมออกมาเพื่อดึงดูดเหยื่อให้เข้ามาหา

เมื่อเหยื่อเข้าใกล้แล้วดอกไม้กินคนก็จะเปิดปากกว้างเหมือนชามและงับร่างเหยื่อด้วยฟันอันแหลมคม

จากนั้นก็ทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตด้วยพิษเหนียวและค่อยๆกัดกร่อนเหยื่อไปเรื่อยๆ

ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์

แม้แต่สัตว์อสูรที่มีร่างกายแข็งแกร่งทรงพลัง

หากถูกดอกไม้กินคนเข้าพัวพันก็เป็นการยากที่จะหลุดออกมา

แม้แต่กระดูกก็จะถูกกลืนจนไม่มีเหลือสักชิ้นเดียว ในที่สุดก็จะตกเป็นอาหารบำรุงของดอกไม้กินคน

จี้เทียนซิงตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่าแล้ว

เขาจำต้องดิ้นรนขัดขืน

ช่วงหน้าท้อง

ขาและเอวของเขาถูกดอกไม้กินคนงับไว้อยู่ ถึงแม้เขาอยากจะวิ่งหนีเพียงใดก็ยากที่จะทำได้  โชคดียังดีที่มือของเขายังพอขยับได้จึงหยิบกระบี่มังกรดำออกมาจากแหวนมิติเพื่อฟันเข้าใส่ดอกไม้กินคนในทันที

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !”

ลำต้นสีเขียวเข้มของดอกไม้กินคนที่มีความหนาเท่ากับแขนของมนุษย์ถูกตัดขาดในทันทีด้วยกระบี่มังกรดำอันคมกริบ

พิษสีเขียวเข้มกระเซ็นลงบนพื้นหญ้าเป็นหย่อมๆ

“ชี่.... ชี่....”

ควันสีขาวปรากฏขึ้นบนพื้นดินทันที

ผืนป่าถูกพิษสึกกร่อนจนกลายเป็นขี้เถ้าดำ

หากพิษเหล่านี้กระทบถูกร่างกาย

แน่นอนว่าไม่มีทางเหลืออวัยวะครบสามสิบสอง

จี้เทียนซิงใจเต้นโครมครามพลันกระโจนหนีออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีกพิษร้าย

ถึงแม้ว่าลำต้นของดอกไม้กินคนจะถูกตัดขาด

แต่พลังชีวิตของมันนั้นเหนียวแน่นทนทานมาก ปากขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้ายังคงโอบช่วงขาและเอวของจี้เทียนซิง

ส่วนหนามแหลมคมก็ยังคงเจาะเข้าไปในเนื้อของเขาและฉีดพิษออกมาอย่างต่อเนื่อง

เขารีบสลัดพวกมันออกไปและทุบด้วยกระบี่มังกรดำ

หลังจากพ้นอันตราย

เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกอย่างโล่งอก

เมื่อมองลงไปที่ขาและเอวตรงจุดที่ถูกดอกไม้กินคนกัด

เสื้อผ้าของเขาถูกกัดจนละลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

แผลถูกปกคลุมไปด้วยรูเท่าเข็ม

ผิวหนังส่วนใหญ่กลายเป็นสีม่วงดำ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกพิษเข้าแล้ว

โชคดีที่เขาซื้อผงแก้พิษในเมืองวิญญาณเพลิงมาติดตัวไว้  ดังนั้นเขาจึงรีบนำมันออกมาใช้ทันที ประสิทธิภาพของมันแสดงออกมาให้เห็นอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกชาและเสียวซ่าบริเวณบาดแผลเริ่มหายไป

“บ้าเอ้ย ข้านี่มันช่างเลินเล่อเสียจริง ! ยังไม่ทันได้เข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับแต่กลับถูกดอกไม้กินคนโจมตี โชคดีที่ข้าไหวตัวทัน

หากถูกพิษนานกว่านี้คงอัมพาตทั้งตัวและกลายเป็นอาหารบำรุงดอกไม้กินคนไปแล้ว !

หลังจากจัดการกับบาดแผล

จี้เทียนซิงก็ส่งเสียงพึมพำ

เขาเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปและก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาได้ตระหนักถึงความอันตรายของเทือกเขาหมอกเร้นลับเป็นอย่างมาก

ในเทือกเขาที่ยากจะเข้าถึงได้นี้

เราสามารถตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้ทุกที่ทุกเวลา

ไม่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตหรือแมลงเท่านั้นที่มุ่งทำร้าย

แต่ยังรวมไปถึงดอกไม้ใบหญ้าที่เหมือนจะไม่สะดุดตาอีกด้วย

ทั้งหมดรอบๆตัวสามารถทำให้นักเดินทางถึงแก่ชีวิต

หากต้องการอยู่รอดในเทือกเขาที่มีอันตรายรอบด้านเพื่อตามหาร่องรอยของลูกปัดแห่งดวงดารา

เขาจำเป็นต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและระมัดระวังให้มากขึ้น