ตำหนักเทียนซิง
จี้เทียนซิงติดตามเซี่ยงหวู่จี้ไปยังตำหนักไท่อัน ในใจครุ่นคิดไปว่าเซี่ยงหวู่จี้น่าจะมอบเม็ดยา
ผลไม้วิญญาณหรือไม่ก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชาอื่นใดให้
โดยไม่คาดคิด
เซี่ยงหวู่จี้มิได้ส่งมอบสิ่งของใดๆให้
เพียงแค่บอกให้นำเฉียนเยวี่ยกับเสี่ยวเฮยหลงออกมา
จี้เทียนซิงคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายไม่ออก
แต่มันก็พยักหน้าและนำเฉียนเยวี่ยกับเสี่ยวเฮยหลงออกมาจากถุงมิติ
จากนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็บอกให้มันรออยู่ในห้องโถงและเดินเข้าไปในห้องลับพร้อมเฉียนเยวี่ยกับเสี่ยวเฮยหลง
ชายหนุ่มรอคอยอย่างอดทนโดยการใช้เวลาว่างตรวจสอบสมบัติในแหวนมิติที่ได้รับมาในวันนี้
เขาหยิบแหวนหยกสีดำที่ได้จากฉู่เทียนเซิงออกมาและสำรวจดูจนพบว่าภายในแหวนนี้มีหินวิญญาณที่ส่องแสงเจิดจ้ายี่สิบชิ้น
ยาหยกขาวสิบกว่าเม็ด นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยสมบัติวิเศษที่ช่วยในการบ่มเพาะและยาฟื้นฟูหลากหลายประเภท
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะอีกมากมายซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นเคล็ดวิชาระดับล้ำลึก
ซึ่งเคล็ดวิชาเหล่านี้มีสี่ชนิด
วิธีการทำสมาธิ, เคล็ดวิชากระบี่, เคล็ดวิชาตัวเบาและเคล็ดวิชาปรับแต่งร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดก็ล้วนมีราคา
อีกทั้งหินวิญญาณและเม็ดยาทั้งหลายก็ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าเช่นกัน
จี้เทียนซิงประเมินคร่าวๆว่าของขวัญที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้มันนี้
หากคิดเป็นค่าเงินของโลกภายนอกก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อ
ท้ายที่สุดแล้ว
โลกของผู้ฝึกยุทธ์ก็แตกต่างจากโลกฆราวาส การสื่อสารแลกเปลี่ยนระหว่างจอมยุทธ์ด้วยกันมักจะใช้เม็ดยาและหินวิญญาณแทนเงินตรา
ส่วนทองคำและเงินนั้นสามารถใช้ได้เพียงในโลกฆราวาสเท่านั้น
จี้เทียนซิงเก็บสมบัติทั้งหมดลงไปในแหวนมิติ
เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปากและขบคิดในใจลับๆว่า “ของขวัญรับศิษย์ของท่านอาจารย์นี่ยอดเยี่ยมนัก
ท่านคิดคำนวณอย่างรอบคอบถึงสิ่งของจำเป็นที่ข้าต้องใช้ในภายภาคหน้า”
“น่าเสียดาย
ข้าบ่มเพาะวิถีใจกระบี่ได้เพียงอย่างเดียว เคล็ดวิชาข้าก็ฝึกเพลงกระบี่ดาราเหิน
ส่วนวิชาตัวเบาข้าก็มีย่างก้าวไร้เงาแล้ว"
“แม้แต่เคล็ดวิชาปรับแต่งกายาที่ท่านอาจารย์ให้มาข้าก็คงไม่ได้มีโอกาสได้ฝึก
เพราะวิถีใจกระบี่เป็นเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการปรับแต่งร่างกายของข้าแล้ว”
นับตั้งแต่ที่จี้เทียนซิงฝึกฝนวิถีใจกระบี่
เขาเริ่มด้วยการควบแน่นตัวอ่อนกระบี่ จากนั้นก็บรรเทาชีพจรกระบี่และตามด้วยจุดฝังเข็ม
กระบวนการเหล่านี้ทำให้ความแกร่งของร่างกายของเขาเกินกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตเดียวกัน
และด้วยเหตุผลนี้
เคล็ดวิชาทั้งสี่ชนิดที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้มาเป็นของขวัญ เขาจึงไม่มีโอกาสได้ใช้พวกมันอย่างน่าเสียดาย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
จี้เทียนซิงก็มองทรัพย์สมบัติทั้งหมดในแหวนมิติ ตอนนี้เขามีหินวิญญาณร้อยก้อน วัสดุอุปกรณ์ระดับล้ำลึกมากกว่าสามร้อยชิ้น
ซึ่งเป็นสมุนไพรและวัสดุต่างๆกว่าสิบประเภท
ทรัพยากรบ่มเพาะเหล่านี้เพียงพอให้ใช้ไปถึงปีหน้า
หลังจากจี้เทียนซิงรอคอยกว่าหนึ่งชั่วยาม
ในที่สุดเซี่ยงหวู่จี้ก็เดินออกมาจากห้องลับและมาที่ห้องโถง
เซี่ยงหวู่จี้มีสีหน้าสงบราบเรียบราวกับว่าไม่มีผิดปกติ
แต่ทว่าจี้เทียนซิงสามารถสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าในแววตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็เอ่ยขึ้นว่า
“ไอ้หนู ข้าง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ
รออีกครึ่งชั่วยามเจ้าค่อยไปที่ห้องลับแล้วพาเด็กน้อยทั้งสองกลับไป”
จี้เทียนซิงรีบกล่าวขอบคุณเซี่ยงหวู่จี้อย่างรวดเร็วและใช้สายตาส่งอีกฝ่ายกลับไป
หลังจากรอถึงครึ่งชั่วยามแล้วเขาก็ไปที่ห้องลับด้วยความสงสัย
และเห็นว่าเฉียนเยวี่ยกับเสี่ยวเฮยหลงกำลังนอนหลับอยู่บนพื้น
ขนาดของพวกมันทั้งสองเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด
มันเต็มไปด้วยน้ำแข็งสีฟ้าที่เปล่งประกายสดใส
รัศมีพลังรอบๆตัวของมันเต็มไปด้วยพลังปราณที่ยังคงผันผวน
ก่อนหน้านี้เฉียนเยวี่ยมีขนาดเท่าลูกแมวตัวหนึ่ง
แต่บัดนี้มันเติบใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่กว่าสามเมตร !
ส่วนเสี่ยวเฮยหลงก่อนหน้านี้ยาวเพียงสามเมตร
และตอนนี้มันยาวถึงหกเมตร อีกทั้งขนาดตัวก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เมื่อเห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็เข้าใจได้ในทันที
ในใจของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกซาบซึ้ง
“ข้าเดาไม่ผิดไปเลยจริงๆ
ของขวัญที่ผู้อาวุโสมอบให้ข้าก็คือการช่วยให้พลังของเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงฟื้นฟูกลับมา
!”
“ถึงแม้อาวุโสเซี่ยงมักจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวชอบลงไม้ลงมือและหัวร้อนเป็นที่สุด
แต่การดูแลเอาใจใส่ที่เขามีให้ข้านั้นก็นับว่าละเอียดรอบคอบและพิถีพิถันมาก....”
หลังจากนั้นไม่นานเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงก็ตื่นขึ้น
เมื่อได้เห็นจี้เทียนซิง พวกมันก็ล้อมรอบเขาด้วยความตื่นเต้นพลางกล่าวว่า
“สหายจี้ เจ้าดูซี่ ! ในที่สุดพลังความสามารถของข้าก็ฟื้นฟูกลับคืนมาได้สามส่วนแล้ว
ตาเฒ่าเซี่ยงนั่นสุดยอดมาก !”
เสี่ยวเฮยหลงก็พยักหน้าเช่นกันและกล่าวว่า
“สหายจี้ความดีความชอบนี้ต้องยกให้อาวุโสเซี่ยง
เขาใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นฟูพลังของข้ากลับมาถึงสามส่วน”
จี้เทียนซิงมองไปที่สีหน้าตื่นเต้นยินดีของเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลง
เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวเตือนว่า
“การที่พวกเจ้าฟื้นพลังได้รวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเซี่ยง
จงจำไว้ให้ดี ต่อไปพวกเจ้าต้องเคารพเชื่อฟังเขา เข้าใจไหม ?”
เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงพยักหน้ารับคำและเต้นแร้งเต้นกาภายในห้องลับด้วยความดีใจ
ตอนนี้ด้วยสถานะศิษย์สายตรงของประมุขนิกาย
จี้เทียนซิงจึงสามารถนำพวกมันทั้งสองไปไหนมาไหนได้โดยไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป
เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกมันมีขนาดใหญ่เกินไป
ดังนั้นเขาจึงบอกให้พวกมันลดขนาดตัวลง
เสี่ยวเฮยหลงแปลงกายกลับเป็นกระบี่มังกรดำ
ส่วนเฉียนเยวี่ยเปล่งแสงสีน้ำเงินและย่อขนาดร่างกายกลับมาหดเหลือเท่าลูกแมวทันที
มันหันไปมองจี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่กระจ่างใสและแสดงสีหน้าน่าสงสาร
จากนั้นก็กล่าวกึ่งอ้อนว้อนว่า “สหายจี้
ข้ายังไม่กลับเข้าถุงมิติได้เปล่า ?”
“ตอนนี้เจ้าก็เป็นถึงลูกศิษย์สายตรงของประมุขนิกายที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่ง
ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหากเดินไปเดินมาในนิกายสมควรไม่มีปัญหา
ข้ารับรองว่าจะไม่ละเมิดกฏให้เจ้าต้องเดือดร้อน”
“ข้าอยู่ในอาณาเขตของนิกายนี้มานานแล้วแต่ยังไม่เคยเห็นทิวทัศน์รอบๆนิกายเลย
ขอข้าออกไปบินเล่นยืดเส้นยืดสายบ้างนะ”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและตกลง
เขาเก็บกระบี่มังกรดำไว้ในแหวนมิติ
จากนั้นก็พาเฉียนเยวี่ยออกจากห้องลับและตำหนักไท่อัน
เมื่อได้รับอิสระ
เฉียนเยวี่ยก็กระพือปีกบินไปบินมารอบๆแต่ก็ยังหันมามองจี้เทียนซิงเป็นครั้งคราว
มันได้เข้ามาอยู่ในนิกายพันธมิตรสวรรค์พร้อมกับจี้เทียนซิงเป็นเวลานานแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่มันปรากฏตัวอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ
แน่นอนว่ามันย่อมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
มันบินขึ้นบินลงพลางถามจี้เทียนซิงตลอดทาง
หลังจากออกจากตำหนักไท่อัน
ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังยอดเขาเมฆาสีชาดและผ่านเข้าไปในวิหารที่ฉู่เทียนเซิงพักอาศัยอยู่
ในตอนท้ายของพิธีกราบอาจารย์
ฉู่เทียนเซิงได้บอกแก่มันว่าเสร็จเรื่องแล้วให้มาพบที่นี่เพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องอธิบาย
จี้เทียนซิงยืนรออยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นฉู่เทียนเซิงก็พุ่งออกมา
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์” จี้เทียนซิงคุกเข่าคารวะอย่างนอบน้อม
ฉู่เทียนเซิงนั่งลงบนเก้าอี้และผงกศีรษะเล็กน้อย
“ลุกขึ้นเถอะ”
“เทียนซิง ในเมื่อพิธีกราบอาจารย์จบลงแล้ว
พรุ่งนี้ให้เจ้าเก็บข้าวของไปที่ฝ่ายใน
จากนั้นตามหาอาวุโสผู้ดูแลกิจการฝ่ายในเพื่อรายงานตัว"
“เจ้าย้ายออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นของฝ่ายนอก
แน่นอนว่าต้องมีตำหนักส่วนตัว อาจารย์ได้จัดเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว
ตำหนักเล็กของฝ่ายในที่ไร้เจ้าของหลังหนึ่งได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นตำหนักเทียนซิง”
“นับแต่นี้ไปตำหนักเทียนซิงเป็นบ้านและอาณาเขตส่วนตัวของเจ้า
นอกจากนี้อาจารย์ยังได้จัดเตรียมสาวใช้หนึ่งคน,ศิษย์รับใช้สองคนเพื่อคอยดูแลรับผิดชอบภายในตำหนักเทียนซิงและการกินอยู่ในชีวิตประจำวันของเจ้า”
ฉู่เทียนเซิงมีสีหน้าสงบราบเรียบและกล่าวอธิบายต่อชายหนุ่ม
จี้เทียนซิงรับฟังอย่างเงียบงันจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบก็เผยรอยยิ้มและกล่าวขอบคุณว่า
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่จัดเตรียมความเป็นอยู่อย่างรอบคอบให้ศิษย์ขอรับ”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved