ตอนที่ 365 การยอมรับของเทพ

รูปปั้นแกะสลักขนาดใหญ่ตั้งตะหง่านในห้องโถงอันมืดมิดมานับพันปี

แม้ว่าพื้นผิวของรูปปั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะและดูมืดมนมาก แต่มันก็ยากที่จะปกปิดรัศมีกระบี่อันเจิดจรัสของบุรุษชุดขาวที่เต็มไปด้วยอำนาจข่มฟ้า

จี้เทียนซิงเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นและสังเกตอยู่ชั่วครู่

จากนั้นกล่าวกับหยุนเหยาว่า “ศิษย์พี่ หากข้าเดาไม่ผิด นี่สมควรเป็นรูปปั้นเทพกระบี่"

หยุนเหยาพยักหน้าและกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก

"เพียงแค่รูปปั้นกลับเต็มไปด้วยอำนาจกดขี่ผู้คนเยี่ยงนี้

เป็นเทพกระบี่ไม่ผิดแน่"

"ไม่รู้ว่าเทพกระบี่ผู้นี้บรรลุถึงขอบเขตพลังระดับใดในยุคที่เขารุ่งเรืองที่สุด"

"วิถียุทธ์นั้นทอดยาวและไร้สิ้นสุด

หลังจากขอบเขตปราณฟ้าคือโลกแบบไหนกัน ?”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโหยหาและความหลงใหล

นางใฝ่ฝันและจินตนาการถึงจุดสูงสุดของวิทยายุทธ์มาโดยตลอด

ท้ายที่สุดแล้วนางเป็นทั้งเทพธิดาน้ำแข็งและนางสวรรค์ผู้เย่อหยิ่ง

นางเป็นผู้ที่แสวงหาและไขว่คว้าถึงจุดสุดยอดในเชิงยุทธ์

จี้เทียนซิงก็มีความคิดแบบเดียวกัน

เขาคิดฝันถึงขอบเขตที่เหนือล้ำกว่าขอบเขตปราณฟ้ามาหลายครั้งหลายหน

ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง

จากนั้นหยุนเหยาก็กล่าวเสียงราบเรียบว่า “เทียนซิง พวกเรารีบร้อนบุกเข้ามาในสุสาน

เป็นเรื่องไม่สุภาพและล่วงเกินต่อผู้อาวุโสเทพกระบี่"

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เทพกระบี่เป็นทั้งผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มนุษย์และยังเป็นเจ้าของสุสาน

พวกเราสมควรคารวะท่าน"

กล่าวจบทั้งสองจึงกำหมัดโค้งตัวคารวพรูปปั้นเทพกระบี่เพื่อแสดงความเคารพและขมาที่ล่วงเกิน

ในขณะที่ทั้งสองโค้งคำนับอยู่นั้น

รูปปั้นเทพกระบี่พลันสั่นสะเทือนขึ้นราวกับกลับมามีชีวิต

เมื่อรูปปั้นของเทพกระบี่สั่นอย่างรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น

ฝุ่นหนาเตอะที่เกาะบนรูปปั้นก็หลุดลอกออกไป เกิดเป็นฝุ่นละอองทั่วห้องโถง

หินที่อยู่บนพื้นผิวของรูปปั้นได้เกิดรอยแตกเป็นจำนวนมาก

ทิ้งเป็นเศษหินก้อนเล็กหล่นลงพื้นนับไม่ถ้วน

"แกร่ก

แกร่ก !"

ด้วยเสียงที่คมชัดของการแตกสลาย ส่งผลให้รูปปั้นเทพกระบี่ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วและสลายเป็นกองหินมากมาย

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาตื่นตกใจ

ทั้งสองถอยปราดไปไกลกว่ายี่สิบเมตรในทันที เฝ้าดูรูปปั้นที่เคยยิ่งใหญ่ถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงและสับสน

การสั่นและการล่มสลายของรูปปั้นเทพกระบี่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วห้องโถง

ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง เสียงดัง ตูม ตูม

ก็ดังก้องอยู่ในห้องโถงที่ว่างเปล่า ราวกับว่าทั้งห้องนี้กำลังจะถล่มลงมา

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?"

"พวกเราไม่ได้สัมผัสรูปปั้นเทพกระบี่หรือแตะต้องสิ่งใด

ทำไมจู่ๆรูปปั้นถึงได้พังทลายอย่างกระทันหัน ?"

"เทียนซิง  ดูที่ไหล่ของรูปปั้น !”

หยุนเหยาสังเกตเห็นบางสิ่งในทันทีจึงร้องเรียกอีกฝ่าย

นางเห็นว่าที่ไหล่ของรูปปั้นเทพกระบี่ปรากฏแสงสีทองเรืองรองเจิดจ้า

จี้เทียนซิงเงยหน้าขึ้นและเห็นหินแกะสลักที่บริเวณไหล่ของรูปปั้นกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ

จากนั้นเผยลำแสงสีทองอร่ามออกมา

ห้องโถงที่เคยมืดมิดแต่เดิมนั้นกลายเป็นสว่างไสวไปด้วยแสงสีทองอันตระการตา  สะท้อนควันละอองและฝุ่นผงที่ล่องลอยกลางอากาศดุจหิมะและขนห่าน

จี้เทียนซิงรู้สึกประหลาดใจ ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่แสงสีทองที่เปล่งประกายแพรวพราวมากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นเขาก็ค่อยๆเห็นรูปร่างแท้จริงภายใต้แสงสีทองบาดตานั้น

"ศิษย์พี่

แสงสีทองนั้นดูเหมือนจะเป็นเสื้อคลุมตัวหนึ่ง !”

หยุนเหยาก็จ้องมองไปที่แสงทองอย่างไม่วางตาเช่นกัน

ทันใดนั้นแสงสว่างก็แวบผ่านดวงตาของนางพลันกล่าวว่า “เทียนซิง

นั่นมิใช่เสื้อคลุมของเทพกระบี่หรอกหรือ ?”

ในขณะที่หินบนรูปปั้นร่วงหล่นไปเรื่อยๆ แสงสีทองก็เปล่งประกายมากขึ้นเป็นทบทวี

หลังจากผ่านไปราวๆหนึ่งร้อยลมหายใจ รูปปั้นทั้งหมดก็พังทลายและกลายเป็นซากปรักหักพังและฝุ่นละอองทั่วพื้นดิน

ในเวลานี้เองแสงสีทองอันพร่างพราวในที่สุดก็ค่อยๆแปรสภาพและค่อยๆมืดลง

"วูบ !"

เสื้อคลุมสีทองเข้มยาวสองเมตรปรากฏขึ้นเหนือกองหินและล่องลอยอยู่กลางอากาศ

รูปลักษณ์ของมันงดงามละเอียดอ่อนมาก ไม่เพียงแค่มีลวดลายมังกรสองตัวทะยานเหนือเมฆเท่านั้น

แต่ยังมีวงแหวนของหมู่ดาวสีเงินอีกด้วย

ที่ไหล่ของเสื้อคลุมมีเขาสีทองคู่หนึ่งยื่นออกมาและและปมเสื้อเป็นโซ่ดวงดาวสีเงิน

ถึงแม้ว่าเสื้อคลุมตัวนี้จะถูกผนึกไว้ในรูปปั้นเป็นพันปี

แต่มันก็ยังคงดูใหม่เอี่ยมอ่องไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย

มันลอยอยู่กลางอากาศส่องแสงสีทองสลัวๆ

ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามและหยิ่งทนงออกมา ราวกับผู้บงการของโลกหล้า

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาจ้องมองเสื้อคลุมสีทองตัวนั้นและกระซิบกันลับๆ

“คิดไม่ถึงว่าจะมีเสื้อคลุมซ่อนอยู่ในรูปปั้นเทพกระบี่

!"

"เสื้อคลุมตัวนี้เป็นสมบัติตกทอดของเทพกระบี่

? มันเป็นอุปกรณ์ประเภทใดกัน

?"

"แปลกมาก พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย

เสื้อคลุมตัวนี้กลับเผยตัวตนของมันออกมาเองได้อย่างไร ?"

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันด้วยความมึนงง

เสื้อคลุมสีทองก็กลายเป็นลำแสงและบินออกไป

มันพุ่งเป็นริ้วลำแสงสีทองดังแสงจากคลื่นกระบี่

พุ่งเข้าใส่จี้เทียนซิงด้วยความเร็วดั่งอัสนีบาต

ก่อนที่ลำแสงจะมาถึงตัว

เขาสัมผัสได้ถึงไอกระบี่อันคมกล้าและพลังปราณมหาศาลจนต้องผงะถอยร่นออกไปอย่างไม่รู้ตัว

หยุนเหยาหน้าถอดสีและร่ำร้องตะโกนเตือนเขาอย่างรวดเร็ว

"เทียนซิง

หนีไป !!"

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของลำแสงสีทองนั้นเร็วเกินไป

ด้วยระดับพลังของจี้เทียนซิงและหยุนเหยาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะหนีพ้น

ในขณะที่จี้เทียนซิงวิ่งหนีสุดแรงเกิด

ลำแสงสีทองก็ห่อหุ้มร่างกายของเขาด้วยพลังที่มิอาจหยุดยั้ง

"วู้ม !"

จี้เทียนซิงถูกห่อหุ้มไว้ด้วยลำธารแสงสีทอง

ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกสกัดจุดและไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

หยุนเหยาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

แต่นางก็จนปัญญาและทำอะไรไม่ถูก

ทันทีที่นางเอื้อมมือออกไปหมายจะดึงร่างจี้เทียนซิงออกมาจากข่ายแสงสีทอง

นางก็ถูกลำแสงสีทองซัดกระเด็นออกไป ร่างกายของนางกลายเป็นอัมพาตและแข็งทื่อจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก

โชคดีที่ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างจี้เทียนซิงได้เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

"วู้ม !"

เส้นสายลำแสงสีทองมาบรรจบกันในทันทีและหายไปในร่างกายของเขา

หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ

ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆบนร่าง

เขารีบตรวจสอบสภาพร่างกายอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่ได้รับอันตรายเลยแม้แต่

กระทั่งพลังลมปราณก็ยังโคจรได้อย่างสะดวกราบรื่นดังเดิม

ทุกอย่างในตอนนี้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน...

"มารดามันเถอะ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ! แปลกมาก !”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและหันกลับไปมองหยุนเหยา

“ศิษย์พี่

ท่านเป็นอะไรมั้ย ? บาดเจ็บหรือเปล่า

?”

หยุนเหยาเพ่งสายตาจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิดและพบว่าดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า

บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยแรงกดดันแปลกประหลาด

"ศิษย์น้องเทียนซิง !  นี่เจ้า.....

เสื้อคลุมเทพกระบี่จดจำเจ้าได้ มันคิดว่าเจ้าเป็นเจ้านายของมัน !”

ดวงตาคู่งามของหยุนเหยาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

ใบหน้าแสดงออกอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของนาง

สีหน้าของจี้เทียนซิงก็แปรเปลี่ยนไปและหันไปมองที่หัวไหล่ของตนเองอย่างรวดเร็ว

แน่นอน

เสื้อคลุมเทพกระบี่ที่คลุมร่างเขานั้นเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

!

เขาสวมอาภรณ์เทพกระบี่

สองไหล่มีเขาสีทองคู่หนึ่งปรากฏออกมาและมีโซ่แห่งดวงดาวสีเงินผูกปมที่คอของเขา

ในขณะที่เขาหันและบิดร่างกาย อาภรณ์สีทองเข้มก็สะบัดตามเล็กน้อยเปล่งคลื่นแสงสีทองจางๆและปลดปล่อยบรรยากาศอันแกร่งกล้าออกมา

ทันทีที่เขาอยู่ในชุดนี้ ท่วงท่าลักษณะของเขาดูคล้ายคลึงกับบุรุษในรูปปั้นเทพกระบี่อย่างไม่ผิดเพี้ยน

!