จากความทรงจำของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
บิดาของนาง, ราชามารโลหิตมีสารรูปน่าเกลียดอัปลักษณ์ยิ่ง
และนางก็รู้ดีว่ายามที่นางทะลวงด่านปราณฟ้า นางจะกลายเป็นมารปีศาจที่มีสภาพน่าเกลียดน่ากลัวไม่ต่างจากบิดา
นี่คือชะตากรรมของมารปีศาจ
ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าใด
สารรูปร่างกายก็จะยิ่งน่าเกลียดอัปลักษณ์มากขึ้นเท่านั้น
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้เห็นจนคุ้นชิน
ดังนั้นเมื่อนางได้เห็นร่างน่าเกลียดสูงใหญ่เท่ากับภูเขาของบิดา
นางก็มิได้ตื่นตระหนกหรือขยะแขยง
"ครึ่ก ครึ่ก ... "
ร่างกายอันใหญ่โตและน่าเกลียดน่ากลัวของมารโลหิตเริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดหมอกสีดำล้นหลาม
ภายในพริบตาร่างกายของมันก็หายไปและกลายเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่สูงกว่าสามเมตร
มีผิวสีม่วงเข้ม
ยักษ์ตนนี้มีเท้าคู่หนึ่งราวกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่
มีผมสีแดงปกคลุมไปด้วยขนยาวสีม่วงหนาเตอะราวกับกอริลลาสีม่วงคล้ำ
มันสวมสร้อยคอกระดูกที่พันไว้รอบคอและสวมเกราะอ่อนที่ทำจากหนังงูหลามสีดำ นั่งอยู่บนบัลลังก์กะโหลก
ทั่งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายดุร้ายทรงพลังและกระหายเลือด
นี่คือร่างปีศาจจำแลงของมันที่ผ่านการใช้วิถีลับควบแน่นออกมาเป็นกายกึ่งมนุษย์
แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีร่างกายคล้ายมนุษย์
แต่มันก็ยังดูโหดร้ายและน่าเกลียดน่ากลัว
แต่อย่างน้อยมันก็ดูเหมือนปีศาจทั่วๆไปที่น่ากลัวเหมือนร่างที่เผยในตอนแรก
"เสวี่ยเยวี่ย จงแจ้งข่าวดีที่ทำให้บิดาพอใจ !"
"เจ้าปฏิบัติภารกิจผ่านมาก็หลายปีแล้ว
อีกทั้งยังได้มหาปุโรหิตเป็นผู้ช่วยคิดวางแผนการเคลื่อนไหวต่างๆในดินแดนดาราบรรพกาล
เรื่องราวสมควรไปคืบหน้าไปมาก”
น้ำเสียงของมารโลหิตเต็มไปด้วยอิ่มเอิบและภาคภูมิใจ
มันพึงพอใจมากกับการทำงานของธิดา
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก้มศีรษะลงและพูดว่า “เสด็จพ่อ นอกจากนี้ผู้บุตรยังมีข่าวที่น่ายินดียิ่งกว่านี้ที่จะต้องแจ้งต่อท่าน"
"ข่าวอะไร ?" มารโลหิตเลิกคิ้วขึ้น
ดวงตาสีแดงของมันเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ยิ้มบางพลางกล่าวว่า “ประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์ฉู่เทียนเซิงรับศิษย์สายตรงคนใหม่
นามว่าจี้เทียนซิง"
"ชายหนุ่มผู้นี้อายุเพียงสิบเจ็ดปี
มันใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากเข้านิกาย เติบโตก้าวหน้าในวิถียุทธ์อย่างรวดเร็วผิดสามัญ
มันทำลายแผนการของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สังหารนักรบผู้กล้าหาญของเผ่าพันธุ์เราไปมากมาย"
"ทว่า เมื่อไม่นานนี้ มหาปุโรหิตค้นพบโดยบังเอิญว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นซุกซ่อนจิตวิญญาณกระบี่ไว้ในร่าง
!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ดวงตาของมารโลหิตที่เป็นแดงอยู่แล้วกลับยิ่งลุกไหม้เป็นแสงสีแดงเรืองรอง
"จิตวิญญาณแห่งกระบี่ ?!"
"ใช่เป็นจิตวิญญาณกระบี่ของเทพกระบี่หรือไม่
?"
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พยักหน้าและตอบกลับว่า
“เพคะ
!”
"หึ..... ฮ่าๆๆๆๆ
!!
"
มารโลหิตหัวเราะคำรามลั่นราวกับสิงโตคำราม
มันตะโกนว่า “วิเศษ
! วิเศษมาก ! นี่เป็นข่าวดีที่น่าสุขใจยิ่ง
คาดไม่ถึงเลยทีเดียว น่าประหลาดมาก ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากหัวเราะอยู่นาน มารโลหิตก็สงบลง
มันกำหมัดแน่นและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าทำได้ดีมากธิดาข้า ! หลังจากพยายามอย่างหนักมากว่าหนึ่งร้อยปี
ในที่สุดเราราชันก็พบเบาะแสของเทพกระบี่จนได้ !”
"เราราชันหลับมานานเกินไปแล้ว
ถึงเวลาสมควรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง !”
"คราครั้งนี้เราจะนำนักรบผู้เก่งกล้าสามารถทั้งหมด
สู่ดินแดนดาราบรรพกาล เพื่อดำเนินการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์เรา !”
"ตราบใดที่เราจับตัวเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นั้นและคร่ากุมจิตวิญญาณกระบี่เอาไว้ได้
เมื่อนั้นเราก็จะสามารถรู้ความลับทั้งหมดของเทพกระบี่และตามหาสมบัติของเทพกระบี่, ลูกปัดแห่งดวงดารา !”
"หลังจากองค์จักรพรรดิปีศาจกลับสู่โลก
พวกเราจะล้างอาณาจักรเทียนเฉินด้วยเลือด ! ฮ่าๆๆ !”
มารโลหิตหัวเราะอย่างดุเดือด
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็แสยะยิ้มอย่างเงียบๆเช่นกัน
จากนั้นกล่าวเสริมว่า
“เพคะเสด็จพ่อ
!”
...........
ผ่านไปอีกห้าวัน
จี้เทียนซิงฝึกฝนอย่างหนักติดต่อกันห้าวันห้าคืนอยู่ในห้องลับ
ในที่สุดอาการบาดเจ็บของเขาก็หายเป็นปกติ
พลังลมปราณและความแข็งแกร่งทั้งหมดฟื้นฟูกลับสู่จุดสูงสุด
จนกระทั่งถึงตอนเช้าของวันที่หก ในที่สุดเขาก็หยุดการฝึก
หลังจากที่เปิดตาขึ้น จี้เทียนซิงที่นั่งอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็งก็ครุ่นคิดเงียบๆ
“ตอนนี้อาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว ความแข็งแกร่งกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์พร้อม ข้าคงต้องมุ่งหน้าไปยังสุสานพันปี
ทำลายข่ายปราณนั่น”
"สถานการณ์ในดินแดนดาราบรรพกาลเริ่มตึงเครียด
นิกายกระบี่ฟ้าที่เต็มไปด้วยความชิงชังย่อมคิดหาวิธีแก้แค้นแน่นอน"
"พวกมารปีศาจออกอาละวาดมากขึ้น
พวกมันจะต้องฉวยโอกาสช่วยจักรพรรดิของพวกมันที่ถูกผนึกไว้เป็นแน่ !"
"ข้าต้องรีบไปเอาลูกปัดดวงดารามาให้ได้โดยเร็วที่สุดและหลอมรวมโลหิตเทพกระบี่ เมื่อนั้นข้าจะได้มีความสามารถพอที่จะป้องกันตัวเอง”
หลังจากตัดสินใจได้แล้วจี้เทียนซิงก็ออกจากห้องลับและกล่าวขอบคุณอาวุโสหลิงเหยา
เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงที่ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
อาวุโสหลิงเหยาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและรู้สึกเหลือเชื่อ
อาวุโสหลิงเหยาคาดการณ์ไว้ว่า
ด้วยฤทธิ์โอสถและการรักษาของมันอย่างระมัดระวัง
อาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงสมควรใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนและฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ภายในสามสี่เดือน
แต่สิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็คือจี้เทียนซิงกลับหายจากอาการบาดเจ็บได้ภายใน
20 วัน ! หนำซ้ำลมปราณก็ยังหนักแน่นมั่นคง
พลังกายฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์พร้อม
อาวุโสหลิงเหยาส่ายหัวต่อความพิเศษของชายหนุ่ม
จากนั้นมอบโอสถฟื้นฟูระดับสูงให้ขวดหนึ่ง มันมีสรรพคุณช่วยปรับเสถียรภาพรากฐานพลังยุทธ์และบรรเทาอาการบาดเจ็บ
จี้เทียนซิงกล่าวขอบคุณ หลังออกจากหอวิญญาณโอสถก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักฉิงเทียนเพื่อขอพบกับฉู่เทียนเซิง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ฉู่เทียนเซิงเคยออกคำสั่งอย่างเข้มงวด
สุสานพันปีในภูเขามังกรนั้นลึกลับและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ห้ามมิให้ผู้อาวุโส
ผู้ดูแลหรือศิษย์คนใดทำลายข่ายปราณที่นั่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
ดังนั้นจี้เทียนซิงจำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากฉู่เทียนเซิงเสียก่อน
หากเขาต้องการจะเข้าไปในสุสาน
เขายืนรออยู่ครู่หนึ่งที่ห้องโถง จากนั้นไม่นานฉู่เทียนเซิงก็ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มันกวาดสายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอยู่หลายรอบ
จากนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เทียนซิง นี่ผ่านไปแค่ 20 วัน
เจ้าหายดีแล้วหรือ ?"
จี้เทียนซิงโค้งคำนับและกล่าวตอบว่า “ขอรับท่านอาจารย์"
“วิเศษมาก!”
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยความโล่งใจและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ในเมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าหายขาดแล้ว
อาจารย์ก็วางใจได้เสียที”
เงียบไปครุ่หนึ่งฉู่เทียนเซิงก็ถามต่อไปว่า
“เอาล่ะ
ว่ามาสิ เจ้ามาหาข้ามีเรื่องด่วนอันใด ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ
คนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านอาจารย์
หากนิกายกระบี่ฟ้าถูกพวกมารปีศาจหลอกใช้จริง
ความทะเยอทะยานของพวกมันย่อมเผยออกมาในไม่ช้า”
“ถึงแม้นิกายเราจะเข้มแข็ง
แต่มันก็ยากที่จะป้องกันการสมรู้ร่วมคิดของพวกมัน เราควรเสริมการป้องกันให้หนาแน่นกว่านี้"
"นับตั้งแต่ที่เราพบสุสานในภูเขามังกร
ศิษย์ได้พยายามศึกษาข่ายอาคมระดับปราณฟ้าอย่างจริงจัง
ตลอดจนปรึกษาหารือกับเหล่าผู้อาวุโสมากมายผ่านการทดลองซ้ำๆ........"
"หลังจากได้ฝึกฝนอย่างหนักกว่าสองเดือน ศิษย์เชี่ยวชาญในวิถีแห่งข่ายอาคมจนพบวิธีทำลายข่ายปราณที่นั่น"
"ดังนั้นศิษย์ต้องการความเห็นชอบจากท่าน
อนุญาตให้เข้าไปทดลองทำลายมัน ศิษย์จะทำให้สำเร็จขอรับ !”
ฉู่เทียนเซิงเลิกคิ้วขึ้น
ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าพลางถามด้วยตกใจว่า
“เทียนซิง
นี่เจ้าพูดจริง ?”
"การก่อตัวของข่ายปราณระดับสวรรค์ในสุสานนั่น
แม้แต่อาจารย์ก็ยังจนปัญญา เช่นนั้นแล้ว.....เจ้าหาวิธีทำลายมันได้อย่างไร
?”
จี้เทียนซิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“ท่านอาจารย์ ศิษย์บังเอิญพานพบโชควาสนาระหว่างเดินทาง
ได้สืบทอดวิถีแห่งข่ายอาคมมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง
ดังนั้นศิษย์จึงขออนุญาตท่าน เข้าไปในสุสานพันปี ทำลายข่ายปราณพิทักษ์"
ความจริงข้อนี้สร้างความตระหนกและประหลาดใจอย่างมากต่อฉู่เทียนเซิง
มันเผยสีหน้าลังเลและกล่าวอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “เทียนซิง
หากเจ้าคิดทำลายข่ายปราณระดับสวรรค์ เจ้าต้องมีความแข็งแกร่งในขอบเขตปราณฟ้า"
"อย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในขั้นปราณโอสถ
ถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะทำการใดๆต่อข่ายปราณและข่ายอาคม แต่เจ้าตอนนี้......"
จี้เทียนซิงกล่าวต่อไปอย่างหนักแน่นว่า
“ท่านอาจารย์
ข้าบรรลุถึงขอบเขตปราณจิตขั้นสูงสุดแล้ว
ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้สามารถเทียบได้กับระดับปราณโอสถขอรับ"
ฉู่เทียนเซิงลังเลและขมวดคิ้วเป็นเวลานานก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย
"ก็ได้ อาจารย์อนุญาตให้เจ้าได้ลองดูสักครั้ง
แต่เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เจ้าพาหยุนเหยาไปด้วย"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved