มังกรทะยานเก้านภา
!
“เฮอะ
ศิษย์น้องจี้ เช่นนั้นก็เข้ามาเลย !”
หยินเฟยหยางแสยะยิ้มด้วยท่าทางรังเกียจ
มันยืนสองมือไพล่หลังโดยไม่มีทีท่าจะชักกระบี่
ก่อนหน้านี้มันกล่าวไว้ว่าจะต่อให้จี้เทียนซิงลงมือก่อนสองกระบวนท่าและมันจะเพียงแค่ปัดป้องหรือไม่ก็หลบหลีกโดยไม่ใช้กระบี่
“ย่อมได้
งั้นลองรับนี่ดูซะ!”
จี้เทียนซิงแค่นเสียง
ดวงตาของเขาเปล่งประกายเย็นเยือก
ในเวลาเดียวกันเขาก็โคจรย่างก้าวไร้เงาก่อเป็นท่าร่างอันลี้ลับและพุ่งทะยานดุจเส้นรุ้งเข้าหาหยินเฟยหยาง
ฟ้าว.........
!
เขารวดเร็วมากจนทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง
เพียงชั่วลัดนิ้วเดียวท่าร่างของเขาก็ทะยานไปไกลกว่าสิบเมตรและหยุดอยู่เบื้องหน้าหยินเฟยหยาง
เช้ง
!
เขาชักกระบี่มังกรดำออกมาด้วยความเร็วดั่งอัสนีบาตและตวัดมันออกไปด้วยพลังปราณทั้งมวล
“มังกรทะยาน.. เก้านภา !”
เมื่อกระบี่มังกรดำพ้นจากฝักมันก็เปล่งแสงเย็นเยือกบาดลูกนัยน์ตาออกมา มันราวกับสายฟ้าที่ฉีกกระชากรัตติกาล
ขุมพลังปราณอันมหาศาลของจี้เทียนซิงถูกถ่ายเทลงไปในตัวกระบี่มังกรดำและทำให้ตัวกระบี่เปลี่ยนเป็นคลื่นกระบี่ยาวสามเมตรในทันที
คลื่นกระบี่ที่หอบหุ้มด้วยพลังอันไร้เทียมทานตวัดลงมาจากท้องนภาเข้าหาหยินเฟยหยาง
ลำแสงจากคลื่นกระบี่ก่อรูปเป็นมายากระบี่มังกรดำยาวเก้าเมตรที่แผ่กลิ่นไออันเย็นเยือกออกมา
อากาศในรัศมี
20 เมตรรอบแท่นมังกรจันทร์แข็งตัวลงและระเบิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา ดาบเรืองแสงมีพลังแห่งการเปิดกว้างและไหลลงมาจากท้องฟ้าสู่หยินเฟ่ยหยาง
พลังจากกระบี่นี้รุนแรงอย่างน่าสยดสยองจนทำให้ศิษย์ทั้งสองฝ่ายส่งเสียงอุทานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
กระบี่มังกรดำยังไม่ทันกระทบเป้า
แต่หยินเฟยหยางผู้อวดดีก็ถูกสยบไว้ด้วยเจตน์กระบี่อันน่าสะพรึงเข้าเสียแล้ว มันอ้าปากค้างอย่างโง่งม
แววตาสั่นระริกไปด้วยความสยองและความสิ้นหวัง
มันรีบเอื้อมมือไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณและชักกระบี่ออกมาโดยไม่รู้ตัวเพื่อเข้าต่อต้านกระบี่ที่ทรงพลานุภาพเบื้องหน้านี้
อย่างไรก็ตาม มันสายไปเสียแล้ว
"เปรี้ยง !!!!!"
เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง
คลื่นกระบี่ยักษ์สามเมตรและมายากระบี่มังกรดำกระแทกใส่หยินเฟยหยางเข้าจังเบอร์
คลื่นกระบี่ส่องแสงสะท้อนบาดลูกตาบนเวทีมังกรจันทร์และกระจายไปตามจุดต่างๆจนทำให้ทั่งทั้งเวทีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
!
พลังทำลายล้างที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ชาวนิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยความกังวลพลางจ้องเขม็งไปยังภาพการทำลายล้างอันวุ่นวายบนเวที
พวกมันพยายามคาดเดาผลลัพธ์ของการปะทะในครั้งนี้
หลังจากไม่กี่ลมหายใจผ่านไปมายากระบี่มังกรดำก็ค่อยๆสลาย
ตามมาด้วยฝุ่นลอยฟุ้งบนท้องฟ้าที่ลดน้อยลง
ตอนนี้ทุกคนสามารถเห็นสถานการณ์บนเวทีได้ชัดเจน
ซึ่งภาพที่ปรากฏก็คือจี้เทียนซิงยืนกุมกระบี่มังกรดำอย่างโอ่อ่าผ่าเผย
สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจที่ผสานเข้ากับความเฉยชา
บนพื้นหินชนวนที่เวทีเกิดรอยแตกขนาดใหญ่กว้างประมาณครึ่งเมตรและยาวห้าเมตร !
หยินเฟยหยางนั่งคุกเข่าบนรอยร้าวขนาดใหญ่นั้นด้วยร่างกายที่สั่นระริกเป็นเจ้าเข้า
ใบหน้าของมันแดงก่ำเป็นสีเลือดและมีสารรูปที่ดูไม่จืดอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสและพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้
“จี้…เทียนซิง
เจ้า..... สารเลว นี่....ไม่มีทาง !”
หยินเฟยหยางเงยหน้าขึ้นและพูดแบบฟังไม่ได้ศัพท์
มันพยายามเชิดศีรษะขึ้นอย่างยากลำบากด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด
ดวงตาแดงก่ำราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย
เสียงของมันแหบพร่าและพูดไม่ปะติดปะต่อ
พูดคำหนึ่งกระอักเลือดคำหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของมันไม่ได้มีแค่ภายนอก
แต่มีทั้งภายในและจิตใจอีกด้วย !
จี้เทียนซิงก้มหน้ามองอีกฝ่ายราวกับราชามองขี้ข้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
“ศิษย์พี่หยิน
ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าจะต่อให้ข้าลงมือก่อนสองกระบวนท่างั้นสินะ ?”
“นี่เป็นกระบวนท่าแรก โปรดรักษาคำพูดด้วย
ข้าจะลงมือต่อแล้ว !”
ในขณะที่กล่าวเขาก็ชูกระบี่มังกรดำขึ้นอีกครั้งและเตรียมใช้กระบวนท่าที่สอง
“เจ้า !”
หยินเฟยหยางหนังศีรษะชาด้านและสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดผวา
มันรู้สึกอัปยศขายหน้าอย่างสุดแสน
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มันยังคงเย่อหยิ่งทะนงตนและเหยียดหยามจี้เทียนซิงอยู่หมาดๆ
แต่ตอนนี้
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบี่เดียวของจี้เทียนซิงโดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำ ! มันแทบจะตกตายด้วยกระบวนท่าแรก
มันช่างน่าขันและน่าหัวเราะอะไรเช่นนี้
!
แล้วด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้
มันจะมีปัญญารับกระบวนท่าที่สองของจี้เทียนซิงได้อย่างไร ?
การที่จี้เทียนซิงเอ่ยปากดักคอเช่นนี้
มิใช่ว่าจงใจบีบให้มันต้องทนรับกระบี่ที่สองหรอกหรือ ? มันเป็นการมุ่งเอาชีวิตกันชัดๆ !
“จะ...เจ้า …! ไม่.....
พรู่ดดดดดดดด !”
หยินเฟยหยางพยายามเปิดปากพูดด้วยความหวาดกลัว
แม้กระทั่งเปิดปากเป็นศรโลหิตที่ฉีดพุ่งออกมา
จี้เทียนซิงแสร้งเป็นตาบอดและโคจรพลังปราณพร้อมกับชูกระบี่มังกรดำขึ้นฟ้า
“หยุดมือ !”
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้
พ่อบ้านแห่งนิกายกระบี่ฟ้าก็กระโจนลงไปกลางเวทีและหยุดอยู่ข้างหยินเฟยหยาง
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยในขณะที่จ้องมองจี้เทียนซิง จากนั้นมันก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “จี้เทียนซิง เจ้าจะทำอะไร ? คิดจะฆ่าคนกลางวันแสกๆงั้นหรือ
?”
จี้เทียนซิงหรี่ตามองพ่อบ้านด้วยสีหน้าเย็นชาและเอ่ยปากถากถางอย่างจงใจว่า
“ข้าผิด ? ก็ไหนศิษย์พี่หยินผู้ยิ่งใหญ่พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต่อให้ข้าลงมือก่อนสองท่าไง
ผู้อาวุโส
ท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาสอดมือให้มากความทำไม ?
อีกอย่าง ศิษย์พี่หยินก็ยังมิได้เอ่ยปากยอมแพ้ แต่ท่านกลับลงมาแทรกระหว่างการประลองเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร
?”
“หรือท่านคิดจะสอดมือช่วยหยินเฟยหยาง ? ก็เอาเลยซี่ ทุกคนจะได้รู้กันไปว่านิกายกระบี่ฟ้าชั่วช้าเล่นตุกติก”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้เทียนซิง
ใบหน้าของพ่อบ้านก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ แววตาทอประกายเย็นเยือกด้วยโทสะ
หากมิใช่อยู่ในการประลองเขาคงซัดฝ่ามือฆ่าเจ้าเด็กฝีปากกล้าผู้นี้ไปแล้ว หลังจากสูดหายใจลึก
มันก็กัดฟันและตะโกนออกมาว่า “รอบนี้นิกายกระบี่ฟ้าขอยอมแพ้ !”
“ฮึ !”
จี้เทียนซิงแค่นเสียงเย็นและจ้องมองพ่อบ้านด้วยแววตาหยามหยันพลางกล่าวว่า
“ยังดีนะที่ท่านรีบประกาศยอมแพ้แต่เนิ่นๆ
ขืนช้ากว่านี้อีกสักนิดท่านคงได้เก็บซากสุนัขตายกลับไปฝังที่นิกายแทน”
“เจ้า !!!!”
พ่อบ้านกัดฟันแน่น
หว่างคิ้วและหน้าผากเกิดเป็นริ้วๆหงิกงอด้วยโทสะ
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแทบปริแตก
หากอยู่ในสถานการณ์และสถานที่อื่นมันคงทุบจี้เทียนซิงเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
แต่ทว่าตอนนี้อยู่ในงานประลองอันศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองนิกาย
ต่อให้จี้เทียนซิงหยามหน้าเพียงใดมันก็ทำได้เพียงต้องอดทน
หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านก็พาหยินเฟยหยางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสล่าถอยออกไปรักษาตัว
สีหน้าผู้คนของทางฝั่งนิกายกระบี่ฟ้ามืดมนและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
พวกมันขบฟันแน่นในขณะที่จ้องมองจี้เทียนซิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ส่วนทางฝั่งนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความช็อค
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ
“วิเศษ ! พวกเราชนะแล้วเว้ย !"
“จี้เทียนซิง เยี่ยมมาก !”
“แน่นอน ! แน่นอนยิ่งนัก
! นี่สิบุรุษไร้เทียมทานของนิกายฝ่ายนอกเรา พวกเจ้าเห็นไหม
เพลงกระบี่เมื่อครู่นั่นยิ่งใหญ่ตระการตาแถมยังทรงพลังอย่างน่ากลัวนัก !”
“ฮ่าๆๆ ! เจ้าตัวตลกที่วางท่าโอหังเมื่อครู่โดนซะหมอบกระแตเลย
ดูสิพวกมันยังกล้าปากดีอีกไหม ?!”
ผู้อาวุโสใหญ่ชูไฮว่ซานและฮั่นเฉียวเซิงต่างก็คาดไม่ถึงต่อหวังผลลัพธ์นี้
พวกเขาแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาและกล่าวชมเชยว่า
"ไม่เลว "
“หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับเจ้าหนูนี่ เพียงการต่อสู้ในวันนี้อย่างเดียวก็พอจะสร้างชื่อให้มันไปทั่วทั้งดินแดนดาราบรรพกาลแล้ว
!”
“เจ้าเด็กเหลือขอนี่มีพลังเพียงแค่ขอบเขตปราณจิตขั้นแรก น่าเหลือเชื่อนักที่มันสามารถปะทุพลังต่อสู้อันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้
!”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่านิกายกระบี่ฟ้าต้องชนะรวดอย่างแน่นอน ยิ่งมีฮั่งเชินที่มีพลังในระดับปราณจิตขั้นห้า
พวกเราไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย
แต่ด้วยพลังที่จี้เทียนซิงระเบิดออกมาเมื่อครู่นี้
ข้าเริ่มรู้สึกว่าอาจจะยังพอมีหวัง !”
ถึงแม้จี้เทียนซิงจะได้ยินการสนทนาและการสรรเสริญของทุกคน
แต่เขาก็ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่เคยเย่อหยิ่งหลงตัวเอง
เขารู้พลังและสถานะของตัวเองดี
ต่อให้ไม่ใช้พลังและกระบวนท่าของกระบี่มังกรดำเขาก็สามารถล้มหยินเฟยหยางได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่น่าตกใจเท่านี้
เนื่องจากเสี่ยวเฮยหลงกินอยู่อย่างสุขสบายในตำหนักไท่อันมาร่วมเดือน
ตลอดระยะเวลานี้มันได้กินผลไม้วิญญาณล้ำค่าเป็นจำนวนมากและทำให้พลังของมันฟื้นคืนกลับมาได้อีกสองส่วน
ด้วยเหตุนี้อานุภาพทำลายล้างของกระบวนมังกรทะยานเก้านภาจึงทรงพลังอย่างมาก
ด้วยเหตุผลนี้
จี้เทียนซิงจึงไม่ได้เลือกอาวุธใดๆจากคลังแสงของฝ่ายนอกเลย เขาเลือกแค่เพียงเกราะอ่อนมาชิ้นเดียวเท่านั้น
อาวุธของฝ่ายนอกทั้งหมดล้วนเป็นระดับล้ำลึก
มันจะเปรียบเทียบกับกระบี่มังกรดำในมือของเขาได้อย่างไร ?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved