แข็งขืนต่อโชคชะตา
ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะจี้หลิงก็สะดุ้งตกใจ
เขาหันศีรษะไปมองทันทีและได้เห็นชายหนุ่มเสื้อคลุมสีฟ้ายืนอยู่ห่างจากเขาไปสิบก้าว
ชายหนุ่มผู้นี้คือคนที่เขาเกลียดชังที่สุดในชีวิต มันเป็นผู้ขัดขวางความใฝ่ฝันและเส้นทางแห่งราชัน
!
เมื่อเห็นจี้เทียนซิงปรากฏตัวขึ้นตามหลังมาติดๆด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
จี้หลิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ
เขาทำเป็นใจดีสู้เสือและตะโกนใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จี้เทียนซิง เจ้าต้องการอะไร ?"
“เหอๆ ข้าต้องการอะไร? ยังมีหน้ามาถามอีก เจ้าไม่รู้จริงหรือ ?”
จี้เทียนซิงแสยะยิ้มและเดินเข้าหาด้วยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง
ทันใดนั้นจี้หลิงก็ตื่นตระหนกและก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “จี้เทียนซิง เจ้าอย่าได้หลงลืมกำพืดตัวเอง
เจ้ายังคงเป็นข้าราชบริพารของรัฐนภากระจ่างอยู่นะ !”
“ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นคนพิการ
แต่ข้าก็ยังมีฐานันดรเป็นองค์ชายและราชาอยู่ !”
จี้เทียนซิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม
"เหอะ แต่ที่นี่คือดินแดนดาราบรรพกาลไม่ใช่รัฐนภากระจ่าง
ตัวตนที่เป็นองค์ชายของเจ้าไม่มีค่าห่าเหวอะไรที่นี่ทั้งนั้น !“
“ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงคนพิการที่ถูกขับไล่จากนิกายและเป็นดั่งสุนัขจรจัด
หากตอนนี้ไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะให้ข้ารอตอนไหนเล่า ?”
จี้หลิงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความหวาดกลัว
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้ายเหมือนจะพยายามค้นหาทางรอดทุกวิถีทาง
ในขณะที่ก้าวถอยหลังเขาก็ตะโกนอย่างเย็นชา
“จี้เทียนซิง อย่าได้ลืม ตระกูลจี้ของเจ้ายังอยู่ในเมืองจักรวรรดิ ครอบครัวและคนที่เจ้ารักยังคงเป็นข้าราชบริพารในปกครองของข้า
!”
“หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ราชวงศ์จี้จะต้องล้างตระกูลของเจ้า
แม้แต่หมูหมาก็ไม่มีรอด !”
“เจ้าอย่าได้หุนหันเสียดีกว่า ลองคิดถึงตัวเองและคนที่เจ้ารัก…”
จี้หลิงเอ่ยถึงตระกูลจี้และจี้ชางคงเพื่อพยายามข่มขู่จี้เทียนซิงซึ่งทำให้จิตสังหารและความโกรธแค้นของชายหนุ่มปะทุซ่านยิ่งกว่าเดิม
เขาคำรามว่า
“จี้หลิง เจ้านี่มันเดรัจฉานที่โหดเหี้ยมไร้ยางอายสิ้นดี ! เจ้ายังมีหน้าเอาตระกูลจี้มาข่มขู่ข้าอีกงั้นหรือ
!?”
“ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เจ้าก็ต้องตาย !”
ฟุ่บ
!
ท้ายที่สุดแล้วจี้เทียนซิงก็ไม่คิดต่อปากต่อคำกับจี้หลิงอีกต่อไป
ร่างของเขาก็พุ่งทะยานเข้าหาอีกฝ่ายและเหวี่ยงกำปั้นใส่ศีรษะทันที
จี้หลิงที่ตันเถียนถูกทำลายและกลายเป็นคนธรรมดา
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีรอดจากหมัดของจี้เทียนซิง
"ผลั่ก !"
เสียงหมัดกระแทกศีรษะดังขึ้น
จี้หลิงถูกชกกระเด็นกลิ้งไปตามต้นไม้ริมถนนหลายเมตร
หลังจากถูกชกอย่างแรงเขาก็ยังไม่ได้สลบหรือตกตาย
แต่ปากและจมูกของเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม
เขาพยายามคลานออกมาจากพุ่มไม้และคำรามอย่างคลั่ง
“จี้เทียนซิง ! ที่นี่คือดินแดนดาราบรรพกาล เจ้ากล้าฆ่าข้า ? ไม่กลัวละเมิดกฎและถูกขับออกจากนิกายหรือไง !?”
จี้เทียนซิงแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“เหอะ ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์เสียหน่อยและเจ้าก็ไม่ใช่ศิษย์ของนิกายอีกแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงสุนัขจนตรอก
ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าก็ไม่มีใครสนใจ !”
“หมัดนี้เพื่อเค่อเค่อ ข้าจะล้างแค้นให้นาง ไปตายซะจี้หลิง !!"
จี้เทียนซิงคำรามกึกก้องและพุ่งเข้าหาจี้หลิงอีกครั้งพลางเหวี่ยงหมัดไปที่หน้าอกและลำคอของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปราณี
“ผลั่ก !
ผลั่ก !!” เสียงหมัดกระแทกร่างดังขึ้นอีกครั้งและร่างกายของจี้หลิงก็ลอยกระเด็นออกไปดั่งว่าวหลุดสายป่าน
เขากลิ้งโคโร่ไปหลายตลบก่อนจะกองลงกับพื้นชนกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นคอของเขาก็พับลงไร้ซึ่งเสียงใดๆอีกต่อไป
โลหิตแดงสดไหลท่วมปากจมูกและโรยลงบนพื้นหญ้า หมัดที่แฝงไว้ด้วยพลังปราณของจี้เทียนซิงทำให้หัวใจและลำคอของจี้หลิงแตกสลาย
จากนั้นจี้เทียนซิงก็เดินตรงไปที่ร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่ายเพื่อยื่นมือออกไปแตะชีพจรและลมหายใจ
เมื่อยืนยันแน่ชัดว่าจี้หลิงตายแล้ว
จี้เทียนซิงหันหลังเดินออกจากป่า เขายืนอยู่บนถนนหินสีฟ้า กำหมัดไว้แน่นแล้วพ่นลมหายใจระบายความคับข้องออกมา
ความอดทนข่มกลั้นและคับแค้นใจเป็นเวลานานทั้งหมดจบสิ้นไปพร้อมกับการตายของจี้หลิง
ในที่สุดเขาก็แก้แค้นให้กับจี้เค่อและระบายความแค้นให้กับตัวเองได้สำเร็จ
!
“เป็นลิขิตฟ้าที่เจ้าสมควรได้รับแล้ว !”
จี้เทียนซิงร่ำร้องสู่ท้องฟ้าเพื่อระบายความเกลียดชังในหัวใจ หลังจากปรับอารมณ์อยู่ชั่วครู่เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้น
เขาก้าวยาวๆมุ่งหน้ากลับนิกายพันธมิตรสวรรค์ทันที
ส่วนศพของจี้หลิงนั้นเขาขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ
เทือกเขาแห่งนี้ไม่มีมนุษย์อยู่อาศัยและเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายมากมาย คาดว่าอีกไม่นานศพของจี้หลิงก็คงถูกสัตว์ป่าแทะกินจนไม่เหลือซาก
............
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
จี้เทียนซิงก็กลับมาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์
เขาไม่ได้กลับหอยุทธ์ฟงอวิ๋นทันทีแต่มุ่งหน้าไปยังหอวิญญาณโอสถเพื่อเยี่ยมจี้เค่อที่กำลังพักรักษาตัว
แต่ในช่วงที่จี้เทียนซิงสังหารจี้หลิง
เขาไม่ได้รู้เลยว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังจับจ้องเหตุการณ์นั้นอยู่ เมื่อจี้เทียนซิงจากไปไกลแล้วเขาก็ปรากฏตัวออกมา
คนผู้นี้ก็คืออาวุโสชุดดำแห่งหอบัญญัติที่ลากตัวจี้หลิงออกมาทิ้งนอกนิกายนั่นเอง !
เขารีบมุ่งไปยังยอดเขาเมฆาสีชาดและตรงไปที่ตำหนักฉิงเทียน
ภายในห้องโถงหลักว่างเปล่า
มีเพียงฉู่เทียนเซิงเท่านั้นที่กำลังนั่งหลับตาอยู่
ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง....
จากนั้นไม่นานอาวุโสชุดดำก็เดินเข้ามาในห้องโถง
หลังจากโค้งคำนับฉู่เทียนเซิงแล้วก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อกล่าวรายงาน
“รายงานท่านประมุข
จี้เทียนซิงติดตามจี้หลิงไปตลอดทางจนถึงตีนเขาห่างจากนิกายหลายไมล์และขวางทางเขาไว้ขอรับ”
ฉู่เทียนเซิงเหมือนจะคาดหวังต่อผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว
สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพียงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจี้หลิงตายแล้ว”
อาวุโสชุดดำพยักหน้าพลางตอบว่า
“ตายแน่นอนขอรับ !”
“ก็ดี” ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เสร็จธุระแล้ว เจ้ากลับไปได้”
“ขอรับท่านประมุข”
อาวุโสชุดดำกำหมัดคารวะและหันหลังเดินออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานฉู่เทียนเซิงก็พึมพำกับตัวเอง
“เรื่องจบลงเช่นนี้นับว่าถูกต้องและดีที่สุดแล้ว จี้หลิงรู้ความลับของนิกาย
ข้าไม่อาจปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปได้....”
เห็นได้ชัดถึงเจตนาที่แท้จริงของฉู่เทียนเซิง
ทันทีที่เขาขับไล่จี้หลิงออกจากนิกายก็เหมือนฆ่าเขาทางอ้อมไปแล้ว เขาดูออกว่าจี้เทียนซิงจะต้องตามไปฆ่าจี้หลิงอย่างแน่นอน
......
พลบค่ำ ท้องเริ่มมืดมิด
ร่างกายไร้วิญญาณของจี้หลิงยังคงนอนอยู่บนพื้นไกลจากนิกายพันธมิตรสวรรค์ออกไปหลายไมล์
เลือดสีแดงสดของเขาที่ติดอยู่ตามหญ้าเริ่มแห้งจนแข็งตัวแล้ว ร่างของเขาก็เริ่มเย็นลงและค่อยๆแข็งตัว
สัตว์อสูรตัวเล็กเริ่มเข้ามาใกล้อยู่หลายครั้ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศพของจี้หลิงกำลังจะกลายเป็นมื้อค่ำของสัตว์ร้ายเหล่านี้
แต่ในขณะนั้นเองภายในป่าทึบก็มีลมแรงและเกิดหมอกสีดำสองกลุ่มปรากฏขึ้นจากอากาศที่เบาบาง
“วูบ ! วูบ
!”
ร่างสูงโปร่งสองร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นในป่า
พวกเขาเดินออกมาจากหมอกสีดำ
ทั้งสองคนนี้ก็คือมหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยแห่งเผ่ามาร
!
พวกเขาเดินผ่านพุ่มไม้อย่างเงียบงันจนมาถึงศพของจี้หลิง องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยกระซิบแผ่วเบาว่า “จากที่สังเกตการมา เจ้าเด็กคนนี้ได้เข้าไปในมหาข่ายอาคมพร้อมกับฉู่เทียนเซิง
บางทีมันอาจเป็นประโยชน์ต่อแผนการของพวกเรา มหาปุโรหิต, มันเพิ่งตายไม่นาน เจ้าลองสำรวจดูซิว่าสามารถแยกวิญญาณของมันด้วยวิถีลับมารโลหิตได้หรือเปล่า หวังว่ามันจะฝืนชะตาสวรรค์ได้”
มหาปุโรหิตพยักหน้าและกางฝ่ามือหยาบกร้านออกมา
หมอกสีดำทมิฬแผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่างของจี้หลิงทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หันหน้าไปมององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยพลางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
ดวงตาขององค์เสวี่ยเยวี่ยเปล่งประกายแห่งความสุขและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“วิเศษ ! พาตัวมันกลับไป ให้มันทำประโยชน์ให้พวกเรา”
วูบ
!
หลังจากนั้นมหาปุโรหิตก็เอื้อมมือออกไปคว้าศพของจี้หลิงและเดินตามหลังองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยหายเข้าไปในหมอกสีดำ.....
***แมงสาบชิบหาย.....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved