ตอนที่ 354 มารโลหิตลงจากเขา

ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายสร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วนิกายกระบี่ฟ้า

สองชั่วยามเต็มผ่านไป สถานการณ์ก็ยังไม่สงบดี

ศิษย์รับใช้นับหมื่นคนและศิษย์สาวกอีกหลายพันคนต่างก็สาละวนอยู่รอบๆซากปรักหักพังของยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์  ทุกคนง่วนอยู่กับการทำความสะอาดเศษซาก

รวมไปถึงเหล่าผู้เฒ่าและผู้ดูแลทั้งหลายที่อยู่รอบๆที่เกิดเหตุ

ยอดเขาอื่นๆกลายเป็นร้างผู้คนเนื่องจากมากระจุกรวมกันอยู่

ณ ที่นี้

.......

ณ จุดสูงสุดของยอดเขาลูกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์อสูรวิญญาณ   ภายในตำหนักอันเงียบสงัดแห่งหนึ่ง

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ยืนอยู่ริมหน้าต่างภายในห้อง

จ้องมองออกไปไกลด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงบนยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

นางจึงรีบหนีออกไปไกลและซ่อนตัวอยู่ที่นี่แทน

ถึงแม้นางจะไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่ก็พอจะสัมผัสได้ถึงเรื่องไม่ดีบางอย่าง

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เทียนจี้เจิ้นเหรินเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ตื่นจากภวังค์ทันทีและหันศีรษะกลับไปมองอีกฝ่าย

ดูจากแววตาที่พลุกพล่านของเทียนจี้เจิ้นเหริน

นางเลิกคิ้วถามว่า “มหาปุโรหิต

เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกยินดีจนเนื้อเต้นเช่นนี้ ??”

มหาปุโรหิตจ้องมองกลับ

ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี คนลดเสียงลงและกล่าวอย่างอิ่มเอิบว่า “จวินจู้ วันนี้พวกเราโชคดีมากแล้ว  ฮ่าๆๆๆ..... !”

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ขมวดคิ้วและมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง

ถามว่า “ยอดเขากระบี่พินาศย่อยยับเยี่ยงนี้

ทำไมท่านถึงมีความสุขและบอกว่าโชคดี ?”

" มหาปุโรหิต เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? "

มหาปุโรหิตกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับน้ำเสียงตื่นเต้น

“ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกฉู่เทียนเซิงทำลาย

นี่เป็นคราวซวยของเทียนเจี้ยนจงเองไม่เกี่ยวกับข้า”

“แต่สิ่งที่ข้ายินดีเกี่ยวข้องกับแผนการฟื้นฟูเผ่าพันธุ์เราต่างหาก

!"

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้เบิกตากว้างและรู้สึกสนอกสนใจในทันที

นางถามอย่างรวดเร็วว่า “เรื่องอะไร, มหาปุโรหิต ?"

มหาปุโรหิตลูบหนวดเคราสีขาวของมันด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจและพูดช้าๆ

"เจ้าเด็กจี้เทียนซิงประกาศต่อหน้าผู้คน

ยอมรับหนึ่งฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจงแลกกับเงื่อนไขสงบศึก"

"ในยามนั้น

ฝ่ามือสุดกำลังของเทียนเจี้ยนจงกระทบร่างมัน แต่กลับปรากฏอนุสาวรีย์กระบี่ยักษ์สูงเสียดฟ้าหลายพันฟุตขึ้นจากภายในร่างกายของมัน

ทั้งลี้ลับ ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวนัก !"

"ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอคร่ำครึโบราณเหนือกาลที่พิเศษยิ่งจากอนุสาวรีย์กระบี่เล่มนั้น

! มันคือจิตวิญญาณกระบี่

! เทวาจิตกระบี่

!”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้โดยฉับพลัน เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็งงงันไปวูบหนึ่ง  หลังจากผ่านไปไม่นานนางก็ตอบสนอง

ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจพลางถามว่า

"จิตวิญญาณกระบี่ ? มหาปุโรหิต

ท่านหมายถึง.... จิตกระบี่ที่เกี่ยวข้องกับเทพกระบี่ในตำนาน ?"

"มิผิด !"

มหาปุโรหิตพยักหน้าพลางกล่าวอย่างรื่นเริงว่า

“จวินจู้

ท่านจำได้หรือไม่ หลายเดือนก่อนที่พวกเราลอบเข้าไปในนิกายพันธมิตรสวรรค์

พวกเราได้พบจี้เทียนซิงเป็นครั้งแรกตอนที่มันถูกขังอยู่ในห้องหิน"

"ท่านเข้าไปในนั้นหมายจะฆ่ามันปิดปาก

แต่ยามนั้นกลับปรากฏหลุมดำลึกลับขึ้นจากภายในร่างกายมัน  กลืนกินพลังปราณของท่านไปมหาศาล"

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แค่นเสียงเย็น “เฮอะ

ครั้งนั้นข้าถูกดูดพลังไปถึงหกส่วน

จะลืมก็ลืมไม่ลงหรอก"

"เดี๋ยวนะ  ท่านหมายความว่าหลุมดำลึกลับที่กลืนกินพลังของข้าไปก็คือเทวาจิตกระบี่

?”

"ถูกต้อง !"

มหาปุโรหิตตอบด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวต่อไปว่า

“ในยามที่สิ่งนั้นออกมาช่วยจี้เทียนซิง

ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ข้องเกี่ยวกับลูกปัดแห่งดวงดารา

ย่อมเป็นของจิตวิญญาณกระบี่นี้ไม่ผิดแน่ !"

"จี้เทียนเซิงเดิมทีเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ควรค่าให้เหลือบแล

แต่มันกลับสามารถเติบโตได้ถึงขั้นนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน มันรวดเร็วเกินไปอย่างผิดธรรมชาติ  สาเหตุคงเป็นเพราะการคงอยู่ของจิตวิญญาณกระบี่เล่มนี้

!"

"ในระยะเวลาสั้นๆ  เทวาจิตกระบี่ที่ซุกซ่อนในร่างมันทำให้มันพิเศษกว่าผู้ใด"

หลังจากได้ยินคำอธิบายของมหาปุโรหิต

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันตะหนักและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาทันที

ความตื่นเต้นดีใจฉายในแววตาของนาง  กำหมัดแน่นและกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง  ช่างเหลือเชื่อนัก"

"ในเมื่อจิตวิญญาณกระบี่อยู่ในร่างของจี้เทียนซิง

ข้าจะไปหาโอกาสจับกุมตัวมันมาให้ได้ !”

"จิตวิญญาณกระบี่จะต้องรู้ว่าที่ซ่อนของลูกปัดดวงดาราและความลับทั้งมวลของเทพกระบี่"

ในขณะที่พูดเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็อดไม่ได้ที่จะถูมือไปมา

กระสันที่จะลงมือ

มหาปุโรหิตจ้องมองนางและโบกมือพลางกล่าวว่า “จวินจู้ ความคิดนี้เลิกล้มไปเถิด

จี้เทียนซิงอาศัยพลังของเทวาจิตกระบี่เพื่อปิดกั้นพลังฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจง

ถึงมันจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังไม่ตาย"

"แม้กระทั่งเทียนเจี้ยนจงยังมิอาจทำอะไรได้

ท่านจะจับมันได้อย่างไรเล่า ?”

" นอกจากนี้ มันได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์พาตัวกลับไปรักษาแล้ว

แน่นอนว่าพวกมันย่อมทุ่มสุดกำลังเพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้าเด็กนั่น

ท่านไม่มีโอกาสได้ลงมือแน่ เสียเวลาเปล่า”

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ชะงักไป

นางทราบดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นถูกต้องทุกประการ

นางขบฟันแน่นด้วยความขุ่นเคืองและบ่นออกมาว่า

"แล้วควรทำอย่างไรต่อเล่า ? รู้ทั้งรู้ว่าจิตวิญญาณแห่งกระบี่อยู่ในร่างของจี้เทียนซิงแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้

"

มหาปุโรหิตส่ายหัวเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มลี้ลับยากจะคาดเดา

"จวินจู้

ตอนนี้ข้าเปรียบเสมือนเดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง

ข้าต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพวกมนุษย์ในนิกายกระบี่ฟ้า ข้ามิอาจเผยร่องรอยใดๆให้ผู้อื่นสงสัยได้”

"ส่วนท่านยิ่งไม่สามารถแสดงตัว และไม่อาจจัดการกับจี้เทียนซิงได้ด้วยตนเอง  ข้ากับท่านไร้ซึ่งลูกสมุนและผู้ใต้บังคับบัญชา

เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการใดๆให้สำเร็จได้ในตอนนี้"

"ดังนั้น.... เพื่อผลประโยชน์ในวันหน้า

ตอนนี้คงทำได้เพียงส่งข่าวรายงานไปยังใต้เท้า, ราชามารโลหิต

ขอให้ท่านตัดสินใจเรื่องนี้ !”

กล่าวถึงราชามารโลหิต

ดวงตาของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันเปล่งประกายและแสดงความตกใจ

"ย่อมได้ ! เช่นนั้นข้าจะรีบออกจากดินแดนดาราบรรพกาล

กลับไปยังฐานใหญ่ของเผ่าพันธุ์เพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดต่อเสด็จพ่อ"

"ด้วยความแข็งแกร่งของเสด็จพ่อ ตราบใดที่ท่านสามารถลอบเข้าสู่ดินแดนดาราบรพพกาลได้

ท่านย่อมสามารถคร่ากุมตัวจี้เทียนซิงและเอาชนะเทวาจิตกระบี่”

มหาปุโรหิตพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ถูกต้อง

ถึงเวลาเชิญใต้เท้ามารโลหิตออกสู่โลกภายนอกแล้ว"

"เราท่านได้วางแผนกันในดินแดนแห่งนี้มานานแล้ว

เบี้ยหมากและทุกอย่างล้วนพร้อมสรรพ เหลือเพียงรอคอยให้ใต้เท้ามาออกคำสั่ง”

" อีกไม่นาน

พวกเราไม่เพียงแค่จับตัวจี้เทียนซิงให้มันคายความลับ

แต่เรายังจะได้ครอบครองจิตวิญญาณกระบี่

ตลอดจนรอชมดูนิกายกระบี่ฟ้ากับนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่อสู้กันเอง !”

“เมื่อเส้นทางทั้งหมดมาบรรจบกัน

ในเวลานั้นเราจะมีโอกาสช่วยองค์จักรพรรดิมารออกมาจากผนึก  ทำลายล้างดินแดนแห่งนี้ให้มอดม้อย !”

..........

ฉู่เทียนเซิงและพรรคพวกกลับมาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์

ผู้อาวุโสทั้งหลายห้อมล้อมจี้เทียนซิง

พาทั้งสองไปที่หอวิญญาณโอสถเพื่อวิ่งวุ่นทำการรักษา

หยุนเหยามิได้แยกตัวกลับไปพักผ่อน แต่นางมักจะอยู่เคียงข้างจี้เทียนซิงตลอดเวลา

คอยช่วยเหลืออาวุโสรักษามัน

ฉู่เทียนเซิงก็ละทิ้งภารกิจทั้งหมดในนิกายชั่วคราวและอยู่ไม่ห่างจากมันเช่นกัน

น้ำอมฤต โอสถวิเศษ

เม็ดยาล้ำค่ามากมายสุมกองเต็มห้องลับข้างเตียงหยกเย็นที่แบกร่างของจี้เทียนซิงเอาไว้

จากนั้นอาวุโสหลิงเหยาก็ได้ตรวจอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงโดยละเอียด

ฉู่เทียนเซิงถามอย่างใจจดใจจ่อว่า "อาวุโสเหยา

อาการของเทียนซิงเป็นอย่างไรบ้าง ?”

อาวุโสเหยาขมวดคิ้วและเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า

"อาการของมันสาหัสเกินคาดคิด

ที่มันไม่ตกตายตั้งแต่ตอนนั้นก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว ”

"อวัยวะภายในทั้งหมดบอบช้ำรุนแรง

หัวใจแทบแหลกละเอียด เส้นชีพจรลมปราณเสียหาย"

"หนักหนาปานนี้เชียว ……?!"

ฉู่เทียนเซิงผู้ยิ่งใหญ่ทั่วแดนดินถึงกลับหน้าถอดสี

รูม่านตาหดวูบด้วยความตระหนก

แม้แต่หยุนเหยาก็ยังเผยอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด  ในใจนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

อารมณ์ยิ่งหดหู่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

ทว่าอาวุโสหลิงเหยาเอ่ยปากเสียงเรียบเพื่อปลอบประโลมฉู่เทียนเซิง

“ท่านประมุขมิต้องกังวลเกินไปนัก

แม้ว่าอาการของเทียนซิงจะสาหัส

แต่ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุดในการรักษามันให้หายดีภายในหกเดือน"

"วิถีบ่มเพาะของมันแปลกประหลาดพิสดารยิ่ง  อวัยวะภายใน

เส้นชีพจรลมปราณล้วนแต่หนาแน่นและเข้มแข็งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน

จะกล่าวว่าคนละชั้นก็ไม่ผิดนัก”

"ด้วยเหตุนี้เองมันจึงสามารถรอดชีวิตมาได้

หากเปลี่ยนเป็นข้าหรือท่านในระดับบ่มเพาะเดียวกับมัน

แน่นอนว่าตายคาที่ด้วยฝ่ามือนั้นไปนานแล้ว"

ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วและสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“อาวุโสเหยา

ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม ท่านจะต้องช่วยเทียนซิงด้วยพลังทั้งหมดของท่าน  ทำให้มันฟื้นขึ้นมาและหายดีให้ได้โดยเร็วที่สุด

!”

"ข้าน้อยรับบัญชา !”

อาวุโสเหยาพยักหน้ารับคำสั่งอย่างแข็งขัน

จากนั้นเริ่มใช้โอสถฟื้นฟูและเตรียมทำการรักษาจี้เทียนซิง

ฉู่เทียนเซิงชำเลืองมองไปที่หยุนเหยา

เมื่อได้เห็นนางมีสีหน้าอ่อนล้าเล็กน้อยจึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “หยุนเหยา

เจ้าไม่ได้พักผ่อนมาสองวันสองคืนแล้ว ช่วงนี้มีแต่เรื่องราวมากมาย   เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

หยุนเหยาส่ายหัว

ดวงตาคู่งามเพียงจ้องมองไปยังจี้เทียนซิงที่ยังไม่ได้สติ  กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ไป  ข้าต้องการดูแลศิษย์น้องเทียนซิง...”

เมื่อเห็นนางยืนกรานหนักแน่น

ฉู่เทียนเซิงจึงหยุดเกลี้ยกล่อมและถอนหายใจเงียบๆ

จากนั้นมันก็กำชับอาวุโสเหยาอีกสองสามประโยคและหันหลังเดินออกไปจากห้องลับ