ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายสร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วนิกายกระบี่ฟ้า
สองชั่วยามเต็มผ่านไป สถานการณ์ก็ยังไม่สงบดี
ศิษย์รับใช้นับหมื่นคนและศิษย์สาวกอีกหลายพันคนต่างก็สาละวนอยู่รอบๆซากปรักหักพังของยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนง่วนอยู่กับการทำความสะอาดเศษซาก
รวมไปถึงเหล่าผู้เฒ่าและผู้ดูแลทั้งหลายที่อยู่รอบๆที่เกิดเหตุ
ยอดเขาอื่นๆกลายเป็นร้างผู้คนเนื่องจากมากระจุกรวมกันอยู่
ณ ที่นี้
.......
ณ จุดสูงสุดของยอดเขาลูกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์อสูรวิญญาณ ภายในตำหนักอันเงียบสงัดแห่งหนึ่ง
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ยืนอยู่ริมหน้าต่างภายในห้อง
จ้องมองออกไปไกลด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงบนยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์
นางจึงรีบหนีออกไปไกลและซ่อนตัวอยู่ที่นี่แทน
ถึงแม้นางจะไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่ก็พอจะสัมผัสได้ถึงเรื่องไม่ดีบางอย่าง
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เทียนจี้เจิ้นเหรินเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ตื่นจากภวังค์ทันทีและหันศีรษะกลับไปมองอีกฝ่าย
ดูจากแววตาที่พลุกพล่านของเทียนจี้เจิ้นเหริน
นางเลิกคิ้วถามว่า “มหาปุโรหิต
เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกยินดีจนเนื้อเต้นเช่นนี้ ??”
มหาปุโรหิตจ้องมองกลับ
ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี คนลดเสียงลงและกล่าวอย่างอิ่มเอิบว่า “จวินจู้ วันนี้พวกเราโชคดีมากแล้ว ฮ่าๆๆๆ..... !”
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ขมวดคิ้วและมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
ถามว่า “ยอดเขากระบี่พินาศย่อยยับเยี่ยงนี้
ทำไมท่านถึงมีความสุขและบอกว่าโชคดี ?”
" มหาปุโรหิต เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? "
มหาปุโรหิตกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับน้ำเสียงตื่นเต้น
“ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกฉู่เทียนเซิงทำลาย
นี่เป็นคราวซวยของเทียนเจี้ยนจงเองไม่เกี่ยวกับข้า”
“แต่สิ่งที่ข้ายินดีเกี่ยวข้องกับแผนการฟื้นฟูเผ่าพันธุ์เราต่างหาก
!"
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้เบิกตากว้างและรู้สึกสนอกสนใจในทันที
นางถามอย่างรวดเร็วว่า “เรื่องอะไร, มหาปุโรหิต ?"
มหาปุโรหิตลูบหนวดเคราสีขาวของมันด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจและพูดช้าๆ
"เจ้าเด็กจี้เทียนซิงประกาศต่อหน้าผู้คน
ยอมรับหนึ่งฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจงแลกกับเงื่อนไขสงบศึก"
"ในยามนั้น
ฝ่ามือสุดกำลังของเทียนเจี้ยนจงกระทบร่างมัน แต่กลับปรากฏอนุสาวรีย์กระบี่ยักษ์สูงเสียดฟ้าหลายพันฟุตขึ้นจากภายในร่างกายของมัน
ทั้งลี้ลับ ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวนัก !"
"ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอคร่ำครึโบราณเหนือกาลที่พิเศษยิ่งจากอนุสาวรีย์กระบี่เล่มนั้น
! มันคือจิตวิญญาณกระบี่
! เทวาจิตกระบี่
!”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้โดยฉับพลัน เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็งงงันไปวูบหนึ่ง หลังจากผ่านไปไม่นานนางก็ตอบสนอง
ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจพลางถามว่า
"จิตวิญญาณกระบี่ ? มหาปุโรหิต
ท่านหมายถึง.... จิตกระบี่ที่เกี่ยวข้องกับเทพกระบี่ในตำนาน ?"
"มิผิด !"
มหาปุโรหิตพยักหน้าพลางกล่าวอย่างรื่นเริงว่า
“จวินจู้
ท่านจำได้หรือไม่ หลายเดือนก่อนที่พวกเราลอบเข้าไปในนิกายพันธมิตรสวรรค์
พวกเราได้พบจี้เทียนซิงเป็นครั้งแรกตอนที่มันถูกขังอยู่ในห้องหิน"
"ท่านเข้าไปในนั้นหมายจะฆ่ามันปิดปาก
แต่ยามนั้นกลับปรากฏหลุมดำลึกลับขึ้นจากภายในร่างกายมัน กลืนกินพลังปราณของท่านไปมหาศาล"
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แค่นเสียงเย็น “เฮอะ
ครั้งนั้นข้าถูกดูดพลังไปถึงหกส่วน
จะลืมก็ลืมไม่ลงหรอก"
"เดี๋ยวนะ ท่านหมายความว่าหลุมดำลึกลับที่กลืนกินพลังของข้าไปก็คือเทวาจิตกระบี่
?”
"ถูกต้อง !"
มหาปุโรหิตตอบด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวต่อไปว่า
“ในยามที่สิ่งนั้นออกมาช่วยจี้เทียนซิง
ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ข้องเกี่ยวกับลูกปัดแห่งดวงดารา
ย่อมเป็นของจิตวิญญาณกระบี่นี้ไม่ผิดแน่ !"
"จี้เทียนเซิงเดิมทีเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ควรค่าให้เหลือบแล
แต่มันกลับสามารถเติบโตได้ถึงขั้นนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน มันรวดเร็วเกินไปอย่างผิดธรรมชาติ สาเหตุคงเป็นเพราะการคงอยู่ของจิตวิญญาณกระบี่เล่มนี้
!"
"ในระยะเวลาสั้นๆ เทวาจิตกระบี่ที่ซุกซ่อนในร่างมันทำให้มันพิเศษกว่าผู้ใด"
หลังจากได้ยินคำอธิบายของมหาปุโรหิต
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันตะหนักและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาทันที
ความตื่นเต้นดีใจฉายในแววตาของนาง กำหมัดแน่นและกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง ช่างเหลือเชื่อนัก"
"ในเมื่อจิตวิญญาณกระบี่อยู่ในร่างของจี้เทียนซิง
ข้าจะไปหาโอกาสจับกุมตัวมันมาให้ได้ !”
"จิตวิญญาณกระบี่จะต้องรู้ว่าที่ซ่อนของลูกปัดดวงดาราและความลับทั้งมวลของเทพกระบี่"
ในขณะที่พูดเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็อดไม่ได้ที่จะถูมือไปมา
กระสันที่จะลงมือ
มหาปุโรหิตจ้องมองนางและโบกมือพลางกล่าวว่า “จวินจู้ ความคิดนี้เลิกล้มไปเถิด
จี้เทียนซิงอาศัยพลังของเทวาจิตกระบี่เพื่อปิดกั้นพลังฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจง
ถึงมันจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังไม่ตาย"
"แม้กระทั่งเทียนเจี้ยนจงยังมิอาจทำอะไรได้
ท่านจะจับมันได้อย่างไรเล่า ?”
" นอกจากนี้ มันได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์พาตัวกลับไปรักษาแล้ว
แน่นอนว่าพวกมันย่อมทุ่มสุดกำลังเพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้าเด็กนั่น
ท่านไม่มีโอกาสได้ลงมือแน่ เสียเวลาเปล่า”
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ชะงักไป
นางทราบดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นถูกต้องทุกประการ
นางขบฟันแน่นด้วยความขุ่นเคืองและบ่นออกมาว่า
"แล้วควรทำอย่างไรต่อเล่า ? รู้ทั้งรู้ว่าจิตวิญญาณแห่งกระบี่อยู่ในร่างของจี้เทียนซิงแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้
"
มหาปุโรหิตส่ายหัวเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มลี้ลับยากจะคาดเดา
"จวินจู้
ตอนนี้ข้าเปรียบเสมือนเดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง
ข้าต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพวกมนุษย์ในนิกายกระบี่ฟ้า ข้ามิอาจเผยร่องรอยใดๆให้ผู้อื่นสงสัยได้”
"ส่วนท่านยิ่งไม่สามารถแสดงตัว และไม่อาจจัดการกับจี้เทียนซิงได้ด้วยตนเอง ข้ากับท่านไร้ซึ่งลูกสมุนและผู้ใต้บังคับบัญชา
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการใดๆให้สำเร็จได้ในตอนนี้"
"ดังนั้น.... เพื่อผลประโยชน์ในวันหน้า
ตอนนี้คงทำได้เพียงส่งข่าวรายงานไปยังใต้เท้า, ราชามารโลหิต
ขอให้ท่านตัดสินใจเรื่องนี้ !”
กล่าวถึงราชามารโลหิต
ดวงตาของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันเปล่งประกายและแสดงความตกใจ
"ย่อมได้ ! เช่นนั้นข้าจะรีบออกจากดินแดนดาราบรรพกาล
กลับไปยังฐานใหญ่ของเผ่าพันธุ์เพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดต่อเสด็จพ่อ"
"ด้วยความแข็งแกร่งของเสด็จพ่อ ตราบใดที่ท่านสามารถลอบเข้าสู่ดินแดนดาราบรพพกาลได้
ท่านย่อมสามารถคร่ากุมตัวจี้เทียนซิงและเอาชนะเทวาจิตกระบี่”
มหาปุโรหิตพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ถูกต้อง
ถึงเวลาเชิญใต้เท้ามารโลหิตออกสู่โลกภายนอกแล้ว"
"เราท่านได้วางแผนกันในดินแดนแห่งนี้มานานแล้ว
เบี้ยหมากและทุกอย่างล้วนพร้อมสรรพ เหลือเพียงรอคอยให้ใต้เท้ามาออกคำสั่ง”
" อีกไม่นาน
พวกเราไม่เพียงแค่จับตัวจี้เทียนซิงให้มันคายความลับ
แต่เรายังจะได้ครอบครองจิตวิญญาณกระบี่
ตลอดจนรอชมดูนิกายกระบี่ฟ้ากับนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่อสู้กันเอง !”
“เมื่อเส้นทางทั้งหมดมาบรรจบกัน
ในเวลานั้นเราจะมีโอกาสช่วยองค์จักรพรรดิมารออกมาจากผนึก ทำลายล้างดินแดนแห่งนี้ให้มอดม้อย !”
..........
ฉู่เทียนเซิงและพรรคพวกกลับมาถึงนิกายพันธมิตรสวรรค์
ผู้อาวุโสทั้งหลายห้อมล้อมจี้เทียนซิง
พาทั้งสองไปที่หอวิญญาณโอสถเพื่อวิ่งวุ่นทำการรักษา
หยุนเหยามิได้แยกตัวกลับไปพักผ่อน แต่นางมักจะอยู่เคียงข้างจี้เทียนซิงตลอดเวลา
คอยช่วยเหลืออาวุโสรักษามัน
ฉู่เทียนเซิงก็ละทิ้งภารกิจทั้งหมดในนิกายชั่วคราวและอยู่ไม่ห่างจากมันเช่นกัน
น้ำอมฤต โอสถวิเศษ
เม็ดยาล้ำค่ามากมายสุมกองเต็มห้องลับข้างเตียงหยกเย็นที่แบกร่างของจี้เทียนซิงเอาไว้
จากนั้นอาวุโสหลิงเหยาก็ได้ตรวจอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงโดยละเอียด
ฉู่เทียนเซิงถามอย่างใจจดใจจ่อว่า "อาวุโสเหยา
อาการของเทียนซิงเป็นอย่างไรบ้าง ?”
อาวุโสเหยาขมวดคิ้วและเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า
"อาการของมันสาหัสเกินคาดคิด
ที่มันไม่ตกตายตั้งแต่ตอนนั้นก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว ”
"อวัยวะภายในทั้งหมดบอบช้ำรุนแรง
หัวใจแทบแหลกละเอียด เส้นชีพจรลมปราณเสียหาย"
"หนักหนาปานนี้เชียว ……?!"
ฉู่เทียนเซิงผู้ยิ่งใหญ่ทั่วแดนดินถึงกลับหน้าถอดสี
รูม่านตาหดวูบด้วยความตระหนก
แม้แต่หยุนเหยาก็ยังเผยอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด ในใจนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
อารมณ์ยิ่งหดหู่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าอาวุโสหลิงเหยาเอ่ยปากเสียงเรียบเพื่อปลอบประโลมฉู่เทียนเซิง
“ท่านประมุขมิต้องกังวลเกินไปนัก
แม้ว่าอาการของเทียนซิงจะสาหัส
แต่ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุดในการรักษามันให้หายดีภายในหกเดือน"
"วิถีบ่มเพาะของมันแปลกประหลาดพิสดารยิ่ง อวัยวะภายใน
เส้นชีพจรลมปราณล้วนแต่หนาแน่นและเข้มแข็งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน
จะกล่าวว่าคนละชั้นก็ไม่ผิดนัก”
"ด้วยเหตุนี้เองมันจึงสามารถรอดชีวิตมาได้
หากเปลี่ยนเป็นข้าหรือท่านในระดับบ่มเพาะเดียวกับมัน
แน่นอนว่าตายคาที่ด้วยฝ่ามือนั้นไปนานแล้ว"
ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วและสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“อาวุโสเหยา
ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม ท่านจะต้องช่วยเทียนซิงด้วยพลังทั้งหมดของท่าน ทำให้มันฟื้นขึ้นมาและหายดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
!”
"ข้าน้อยรับบัญชา !”
อาวุโสเหยาพยักหน้ารับคำสั่งอย่างแข็งขัน
จากนั้นเริ่มใช้โอสถฟื้นฟูและเตรียมทำการรักษาจี้เทียนซิง
ฉู่เทียนเซิงชำเลืองมองไปที่หยุนเหยา
เมื่อได้เห็นนางมีสีหน้าอ่อนล้าเล็กน้อยจึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “หยุนเหยา
เจ้าไม่ได้พักผ่อนมาสองวันสองคืนแล้ว ช่วงนี้มีแต่เรื่องราวมากมาย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
หยุนเหยาส่ายหัว
ดวงตาคู่งามเพียงจ้องมองไปยังจี้เทียนซิงที่ยังไม่ได้สติ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ไป ข้าต้องการดูแลศิษย์น้องเทียนซิง...”
เมื่อเห็นนางยืนกรานหนักแน่น
ฉู่เทียนเซิงจึงหยุดเกลี้ยกล่อมและถอนหายใจเงียบๆ
จากนั้นมันก็กำชับอาวุโสเหยาอีกสองสามประโยคและหันหลังเดินออกไปจากห้องลับ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved