สมควรดูเป็นตัวอย่าง
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่กำลังกระซิบกระซาบกันบางอย่างอยู่ในสวนด้านหลังของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ทันใดนั้นเองข่ายปราณแม่ลูกก็เปล่งแสงสีขาวออกมา
“วูบ !”
ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ในชุดสีฟ้าเดินออกมาจากข่ายปราณมายังครูฝึกทั้งสอง
“ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่า
ในที่สุดก็มีศิษย์คนแรกผ่านแล้วสินะ”
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่หยุดพูดคุยกันและหันไปมองชายหนุ่มในชุดฟ้า
เมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้แต่ตกตะลึงและกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“จี้เทียนซิง ? เป็นเขาได้อย่างไร
?”
“เขาออกมาเป็นคนแรกงั้นหรือ ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?"
ทั้งฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงก็ก้าวมาถึงเบื้องหน้าครูฝึกทั้งสองและส่งมอบโทเค็นของตนเองให้พวกเขา
“ครูฝึกทั้งสอง ข้าออกมาได้แล้ว
ส่วนนี่คือโทเค็นของข้า”
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่หันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจและรับโทเค็นของจี้เทียนซิงมา
ดวงตาของฮั่นเฉียวเซิงเต็มไปด้วยความซับซ้อน
จากนั้นก็พยักหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง
เจ้ายอดเยี่ยมมาก !”
“จงจำไว้ให้ดี
แม้จะมีพรสวรรค์และความสามารถมากมายเพียงใดก็จงอย่าได้หลงลืมตัว เจ้าต้องขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเพื่อเป็นเกียรติสำหรับเหล่าศิษย์ของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเราสืบไป
!”
จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ขอบคุณครูฝึกฮั่นที่กระตุ้นเตือน ข้าจะจดจำคำสอนของท่านเป็นอย่างดี”
ฮั่นเฉียวเซิงยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้าและบอกให้ชายหนุ่มยืนรอศิษย์คนอื่นๆ
จากนั้นผ่านไปอีกไม่นานก็มีศิษย์คนที่สองเดินออกมาจากข่ายปราณกลับมาที่ลานกว้างด้านหลัง
บุคคลผู้นี้กลับกลายเป็นเนี่ยห่าวและทำให้ฮั่นเฉียวเซิงกับตู้หวู่ค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย
เนี่ยห่าวส่งโทเค็นของตนไปให้ฮั่นเฉียวเซิง
จากนั้นก็เดินไปหาจี้เทียนซิงและทักทายด้วยรอยยิ้ม
“พี่จี้
คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนแรกที่ออกจากข่ายปราณมาได้ !”
“ตอนทดสอบการปรุงยาท่านเป็นอันดับหนึ่ง ครั้งนี้ทดสอบข่ายปราณท่านก็ที่หนึ่งอีก....
ไอ้หยา ท่านทำแบบนี้แล้วศิษย์คนอื่นๆจะใช้ชีวิตกันต่อไปได้อย่างไร”
เนี่ยห่าวกลั้วหัวเราะและกล่าวหยอกเย้าด้วยความอิจฉา
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงสัมผัสได้ชัดเจนว่าเนี่ยห่าวพูดชื่นชมอย่างจริงใจและแสดงความยินดีจากใจจริงๆมิได้เสแสร้ง เขาจึงพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม
ต่อมาศิษย์ที่เหลืออีกเจ็ดคนก็ทยอยกันเดินออกมาจากข่ายปราณแม่ลูกและมารวมกันที่ลานกว้างด้านหลัง
เมื่อทุกคนได้รับรู้ว่าบุคลแรกที่ออกจากข่ายปราณมาได้ก็คือจี้เทียนซิง
พวกเขาทำหน้าเหวออย่างตกใจด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ด้วยการประกาศของฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่
ศิษย์ทั้งหลายเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและเหลือบมองจี้เทียนซิงอย่างเงียบงัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอี้โม่และซื่อจิงเฉิง
เมื่อพวกมันรู้ว่าจี้เทียนซิงเป็นอันดับหนึ่ง
พวกมันทำได้เพียงอ้าปากค้างด้วยความตกใจและตกตะลึง
เดิมทีพวกมันคิดอยู่เสมอว่าจี้เทียนซิงจะต้องล้มเหลวในการทดสอบครั้งนี้และไม่สามารถออกมาจากข่ายปราณแม่ลูกได้แน่นอน
เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเข้าฟังบรรยายแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม
สุดท้ายแล้วจี้เทียนซิงกลับออกมาเป็นคนแรกด้วยอันดับหนึ่ง !
นี่คือสิ่งที่พวกมันคาดไม่ถึงและไม่อยากเชื่อ
อารมณ์ของอี้โม่และซื่อจิงเฉิงเต็มไปด้วยความซับซ้อน
พวกมันไม่กล้าสบตาจี้เทียนซิงโดยตรง
ในไม่ช้าก็ครบกำหนดเวลา
นอกจากฮั่นเฉียวเฉิงและตู้หวู่แล้วก็ยังมีศิษย์ทั้งหมดเก้าคนที่อยู่ในลานกว้าง
แต่ลู่หมิงหยางกลับยังไม่ปรากฏ
ผลลัพธ์นี้ทำให้ตู้หวู่ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เขาเอ่ยขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมลู่หมิงหยางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญข่ายปราณถึงยังไม่ออกมาอีก
?”
ศิษย์คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าลู่หมิงหยางยังไม่ออกมาจริงๆ
พวกมันผุดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น
ในขณะนั้นเองก็มีศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วว่า
“เรียนครูฝึกทั้งสอง ตอนที่ข้าอยู่ในข่ายปราณแม่ลูก
ข้าเห็นลู่หมิงหยางติดอยู่ในทะเลทรายขอรับ”
ศิษย์อีกสองคนเอ่ยขึ้นเสริมเช่นกัน
“ถูกต้อง ข้าก็เห็น”
“ดูเหมือนว่าลู่หมิงหยางจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย”
ฮั่นเฉียวเซิงขมวดคิ้วพลางหันศีรษะไปมองจี้เทียนซิงอย่างไม่ตั้งใจ
เห็นได้ชัดว่าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จี้เทียนซิงแสร้งทำเป็นไม่มองตาของฮั่นเฉียวเซิง
เขายืนอย่างสงบเยือกเย็นท่ามกลางเหล่าศิษย์
ฮั่นเฉียวเซิงถอนหายใจพลางวาดมือออกด้วยพลังปราณเพื่อเชื่อมต่อควบคุมข่ายปราณแม่ลูกอีกครั้ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งข่ายปราณแม่ลูกก็ปิดตัวลง
ม่านแสงสีขาวกว้างสิบเมตรหายไปสิ้น เหลือแต่เพียงพื้นหินชนวนสีดำเงิน
“ตุบ !”
ร่างกายของลู่หมิงหยางที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดเจ็บสาหัสได้ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยสภาพนอนแอ้งแม้งเหมือนสุนัขตายตัวหนึ่ง
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ได้เห็นสภาพน่าสังเวชของมันก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเย้ยหยัน
สีหน้าของพวกมันเผยให้เห็นถึงความพึงพอใจในความโชคร้ายของผู้อื่น
หากไม่ติดที่ว่ามีครูฝึกทั้งสองคนยืนอยู่ใกล้ๆ
พวกมันคงหัวเราะลั่นไปแล้วแน่นอน
“วานน้องตู้พาเขาไปรักษาที” ฮั่นเฉียวเซิงเผยสีหน้าพูดไม่ออกร้องมิได้ออกมาในขณะที่หันไปกล่าวกับตู้หวู่
ตู้หวู่พยักหน้ารับอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หอบร่างของลู่หมิงหยางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเดินออกไป
ต่อมาฮั่นเฉียวเซิงก็เริ่มประกาศผลการประเมินในที่สาธารณะ
“การทดสอบด้านข่ายปราณในวันนี้
ลู่หมิงหยางล้มเหลว ศิษย์ที่เหลืออีกเก้าคนผ่านหมด และจี้เทียนซิงก็คืออันดับหนึ่ง
!”
“ผู้แพ้จะถูกลงโทษ ต้องทำความสะอาดหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเป็นเวลาสองเดือน
!”
“ส่วนจี้เทียนซิงที่เป็นอันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลเป็นผลไม้วิญญาณห้าขวด”
เมื่อได้ยินผลลัพธ์นี้ศิษย์หลายคนเริ่มแสดงสีหน้าที่ซับซ้อนออกมา
บ้างก็เผยสีหน้าสะใจกับความซวยของลู่หมิงหยางและเพลิดเพลินในความโชคร้ายของผู้อื่น
บ้างก็มองไปที่จี้เทียนซิงด้วยความอิจฉาริษยา
จากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็กวาดสายตามองทุกคนพลางกล่าวให้โอวาทว่า
“ก่อนที่พวกเจ้าจะเข้าไปทดสอบในข่ายปราณแม่ลูก
ข้าได้เตือนพวกเจ้าทุกคนแล้วใช่ไหมว่าข่ายปราณนี้มีความลับที่ซ่อนอยู่ ด้านในเป็นข่ายปราณซ้อน ไม่เพียงแค่ต้องใช้ความรู้ทางด้านข่ายปราณที่ร่ำเรียนมาตลอดเดือน
แต่พวกเจ้าจะต้องคิดและวิเคราะห์สถานการณ์ให้รอบคอบจึงจะมีโอกาสได้อันดับหนึ่ง”
“ถึงแม้พวกเจ้าจะขยันขันแข็งมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แต่พวกเจ้าก็ยังมิได้จริงจังเท่าใดนัก พวกเจ้ายังเข้าไม่ถึงความแตกต่างและสาระสำคัญของข่ายปราณได้อย่างแท้จริง”
ถึงแม้ว่าการประเมินจะสิ้นสุดลงแล้ว
แต่ฮั่นเฉียวเซิงก็ยังปฏิบัติตามปกติและให้คำแนะนำสอนสั่งแก่เหล่าศิษย์ทุกคน
ฮั่นเฉียวเซิงไม่ได้พูดถึงอันดับที่พิสูจน์ว่าใครดีกว่าหรือแย่กว่า
เจตนาแท้จริงของเขาก็คือต้องการสอนให้เหล่าศิษย์ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองในระหว่างการทดสอบ
เขาคิดว่าการสอนให้คนตกปลาเป็นดีกว่าสอนวิธีตกปลา
นี่คือวิธีการของฮั่นเฉียวเซิงในการอบรมเหล่าศิษย์มาโดยตลอด
เขาไม่เพียงแค่สอนการปรุงยาและข่ายปราณเท่านั้น
แต่ยังสอนให้ทุกคนเรียนรู้และศึกษาศาสตร์เหล่านั้นเพื่อให้ใช้งานจริงได้อีกด้วย
ตราบใดที่เหล่าศิษย์ไม่โง่เง่าจนเกินไป
ในภายภาคหน้าพวกเขาจะสามารถนำศาสตร์และวิธีการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับวรยุทธ์เพื่อเอาตัวรอดในยุทธภพได้และจะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต
!
เมื่อฮั่นเฉียวเซิงเห็นเหล่าศิษย์กำลังตั้งอกตั้งใจฟังด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
เขาก็กล่าวต่อไปว่า
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมจี้เทียนซิงถึงได้อันดับหนึ่ง
?”
“นั่นก็เพราะเขาไม่ได้ใช้วิธีการทั่วไปอย่างที่พวกเจ้าใช้กัน
เขาพยายามมองหาใจความสำคัญของข่ายปราณตั้งแต่ที่เข้าไป เขาศึกษาและสังเกต รวมไปถึงใช้ความคิดวิเคราะห์มากกว่าพวกเจ้า”
“เขาทำลายข่ายปราณในด่านแรกจนพบช่องลับที่ซ่อนอยู่และตรงดิ่งไปยังด่านที่สองก่อนพวกเจ้า
ทำให้เขาพบโทเค็นก่อนใครๆ !”
“มีเพียงสามัญชนเท่านั้นที่จะเดินตามเส้นทางที่ผู้อื่นวางไว้
ส่วนอัจฉริยะที่แท้จริงจะพยายามเปิดหมอกเพื่อค้นหาความจริงและใช้เส้นทางลัดจนไปถึงเป้าหมายได้ก่อนผู้อื่น
!”
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะจดจำสิ่งนี้ไว้ในใจและนำไปประยุกต์ใช้กับการฝึกวิทยายุทธ์ในอนาคต
ด้วยวิธีนี้พวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงได้ !”
หลังจากฟังการให้โอวาทของฮั่นเฉียวเซิงแล้วเหล่าศิษย์ก็ได้รับประโยชน์มากมายและเข้าใจถึงเจตนาดีของเขา
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงต่างก็อึ้งจนพูดไม่ออก
พวกมันมีสีหน้าปั้นยาก
ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยรู้จักจี้เทียนซิงมาก่อน
ด้วยทิฐิของอัจฉริยะในแต่ละแว่นแคว้นก็ทำให้เกิดการต่อต้านในใจอยู่เสมอ
หลังจากผ่านไปสองเดือน
จี้เทียนซิงที่พวกมันต่อต้านและดูหมิ่นกลับได้อันดับหนึ่งทั้งสองครั้ง
แม้ว่าพวกมันทั้งคู่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา
แต่จี้เทียนซิงก็ยังแซงหน้าพวกมันไปได้ด้วยผลลัพธ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
พอถึงการทดสอบในเดือนที่สอง
ทั้งคู่ก็ตั้งอกตั้งใจร่ำเรียนในข่ายปราณจนเกิดความมั่นใจว่าจะชนะได้
แต่ทว่าจี้เทียนซิงที่ไม่เคยเข้าฟังบรรยายแม้แต่ครั้งเดียวก็ยังได้อันดับหนึ่งแซงหน้าพวกมันไปอีก
แถมยังได้รับคำชมจากฮั่นเฉียวเซิง
หากนี่คือพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดของจี้เทียนซิง
แล้วพวกมันจะเอาอะไรไปเทียบชั้น ?
พวกมันยังจดจำคำพูดเยาะเย้ยถากถางที่มีต่ออีกฝ่ายได้ดี
พอถึงวันนี้พวกมันจะไม่ละอายได้อย่างไร ?
นับจากวันนี้ไปอี้โม่และซื่อจิงเฉิงคงไม่กล้ายั่วยุสบประมาทจี้เทียนซิงให้พวกมันต้องขายหน้าอีกต่อไป
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved