รอดจากนรกกลับต้องผจญทะเลเพลิง
?
ป่าสงบลงและกลับสู่ความเงียบงันเช่นกาลก่อน
ตุบ
!
จี้เทียนซิงร่างทรุดลงกับพื้นโดยใช้กระบี่มังกรดำแทนเสาค้ำยัน
จากนั้นก็เอนกายพิงต้นไม้เหี่ยวเฉาด้วยใบหน้าสีเทาหม่นหมอง
คนอ้าปากค้างหอบหายใจอย่างรุนแรง
เมื่อได้เห็นยักษ์กระดูกขาวที่สูงใหญ่ล้มลงและกลายเป็นกองกระดูกผุพัง
ในที่สุดเขาก็รู้สึกผ่อนคลายได้เสียที
เพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ชั่วยาม
เขาถูกไล่ล่าโดยยักษ์กระดูก มันเป็นช่วงเวลาวิกฤติอันตรายที่สุดราวกับยืนอยู่ขอบมรณะ
โชคดีที่เขากัดฟันสู้อย่างแข็งขืนและรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้
จนกระทั่งพบจุดอ่อนของยักษ์กระดูกและล้มมันได้ในท้ายที่สุด
จี้เทียนซิงเอนกายแหงนศีรษะขึ้นอ้าปากค้างหอบหายใจถี่รัวและคว้าโอสถฟื้นฟูจากแหวนมิติอย่างรวดเร็ว
เพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บที่ผิดปรกติ
สำหรับแก่นชีวิตของเขาที่ถูกเพลิงวิญญาณฟ้ากลืนหายไปนั้น
ยังมิอาจรักษาให้หายหรือฟื้นฟูได้ในทันที
ในเวลานี้เองกองกระดูกแตกหักที่สุมทับเท่าภูเขาได้เริ่มมีการเคลื่อนไหว
ตามมาด้วยเสียงแกร่ก แกร่ก ของกระดูกที่เสียดสีกัน
กระดูกหักผุพังจำนวนมากเริ่มมารวมตัวกันและดูเหมือนว่าพวกมันพยายามจะก่อตัวเป็นยักษ์กระดูกขึ้นอีกครั้ง
“มารดามันเถอะ !”
จี้เทียนซิงหนังศีรษะชาด้านและสบถออกมา
เขารับรู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ควรรั้งอยู่นาน เขาจะต้องรีบจากไปโดยเร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าเขาจะล้มยักษ์กระดูกได้แล้ว
แต่มันก็ยังไม่จบเสียทีเดียว
มันยังเต็มไปด้วยอันตรายมากมายและมีแนวโน้มว่าจะหนักหนายิ่งกว่านี้
เขาค้ำยันร่างกายที่บาดเจ็บและเหนื่อยล้า
ออกจากดินแดนแห่งความตายอย่างรวดเร็วและเดินลึกเข้าไปในป่า
..............
หนึ่งชั่วยามต่อมา
ทุกอย่างราบรื่นมาก
จี้เทียนซิงเดินผ่านป่าโปร่งแห้ง
เหยียบย่ำใบไม้เหลืองที่เหี่ยวเฉานับไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็พ้นเขตป่าแห่งความตาย
เมื่อเขาออกจากป่าแห่งความตายและเหยียบลงบนพื้นหญ้าสีเขียวจวี
เขาก็หยุดพัก
ในป่าแห่งความตาย
ทัศนวิสัยโดยรอบของเขามีแต่ต้นไม้เหี่ยวเฉาสีน้ำตาลเข้ม ใบไม้เหลืองแห้งกรังกองเต็มพื้นและมีหมอกสีเทากับทะเลกระดูกที่เดินได้
ในพื้นที่แห่งนั้นโลกทั้งบนราวกับสูญเสียสีสันของมันไป
เหลือเพียงบรรยากาศเทาๆซีดจางและหดหู่
ทำให้ผู้ที่ติดอยู่ในบริเวณนั้นเหมือนเป็นเนื้อหนังที่ตายลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็หนีออกจากพื้นที่แห่งความตายได้สำเร็จ
เมื่อเขาเห็นได้หญ้าและป่าข้างๆก็ทำให้รู้สึกว่าราวกับพ้นจากขุมนรก
เขาสูดอากาศที่มีกลิ่นหญ้าอย่างตะกละตะกลามราวกับขึ้นสวรรค์
จากนั้นก็นั่งลงเพื่อกลั่นฤทธิ์โอสถฟื้นฟูที่เพิ่งกินเข้าไป
หมายจะกู้คืนพลังปราณที่สูญเสียไปอย่างเงียบๆและเสริมความแข็งแรงทางร่างกาย
ความเงียบของบรรยากาศรอบข้างทำให้เขาสงบลงและเข้าสู่กระบวนการมุ่งเน้นไปที่การรักษาตัวเองเพียงอย่างเดียว
ผ่านไปสองชั่วยามโดยไม่รู้ตัว
อาการบาดเจ็บของเขาหายดีได้แปดเก้าส่วนแล้ว
อีกทั้งพลังปราณที่สูญเสียไปก็ถูกเติมเต็มเข้ามา
ผิวสีเทาขาวของเขาค่อยๆกลับมาเป็นปกติและสภาพจิตใจของเขาก็ฟื้นฟูดีขึ้น
เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพเขาก็ลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป เขาผ่านพงหญ้าที่สูงเท่าหัวเข่า มุ่งหน้าเข้าไปในป่ามืด
ในขณะที่เดินผ่านป่า
เขาก็ส่งเสียงกระซิบกับตนเองว่า “จากแผนที่ที่ได้มา
หลังจากผ่านป่าแห่งความตายก็จะพบกับทะเลเพลิง......”
“แผนที่ผิดหรือเปล่า ? เห็นชัดๆว่ารอบๆตัวข้าเป็นป่าทึบ แล้วจะมีทะเลเพลิงพระแสงอันใดเล่า ?”
ชายหนุ่มงุนงงและเต็มไปด้วยความสงสัย
สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เวลาผ่านไป
เขาก็ยังคงเดินเข้าไปในป่าจนสอดส่องพบเบาะแสอย่างรวดเร็ว
แต่เดิมทีป่าทึบบนพื้นดินปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้ขนาดใหญ่
กิ่งก้านใบของมันล้วนหนาแน่นไปทั่วบริเวณ
ทว่าป่าที่ปรากฏเบื้องหน้านั้นเริ่มบางตามากขึ้นเรื่อยๆและพื้นดินก็เริ่มแห้ง
ต้นไม้และพุ่มไม้ขนาดใหญ่หลายแห่งในป่านั้นเปลือยเปล่า
ลำต้นก็กลายเป็นดำสนิท
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและมองไปข้างหน้า
ดวงตาของเขาลอดผ่านชั้นกิ่งไม้จนเห็นไฟสีแดงเข้มอย่างเลือนลาง
เขาตระหนักได้ในทันทีว่าทะเลเพลิงที่ว่านั้นมีแนวโน้มสูงที่จะอยู่ข้างหน้านี้แล้ว
หลังจากเดินต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม
ในที่สุดเขาก็พ้นจากป่าและไปหยุดที่เนินหินกองหนึ่ง
ในเวลานี้เขาค้นพบว่ากองหินที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาของยอดเขาสูง
อีกไม่กี่ก้าวเบื้องหน้าก็คือหน้าผา
มันเป็นหน้าผาตรงดิ่งจากพื้นดินและสูงชัน ใต้หน้าผาคือมหาสมุทรสีแดงเข้มไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเขาได้ค้นพบว่ามหาสมุทรที่กว้างใหญ่นั้นประกอบขึ้นจากแมกมาสีแดง
นี่คือมหาสมุทรแมกมา
!
พื้นผิวทะเลแมกมาปะทุขึ้นด้วยเปลวเพลิงสีแดงก่ำ
มันพัดม้วนและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องสูงนับสิบๆเมตร
ถึงแม้ว่าเขาจะยืนอยู่บนขอบหน้าผาที่อยู่ห่างจากแมกมาเป็นระยะทางกว่าหนึ่งพันฟุตก็ตามที
แต่เขายังคงรู้สึกได้ถึงคลื่นลมอันร้อนระอุที่พัดเข้ามากระทบผิวหน้า อีกทั้งยังมีเปลวไฟสีแดงเข้มที่ลุกโชนขึ้นจากใต้หน้าผาและลอยอยู่กลางอากาศตลอดเวลา
“ที่นี่นี่เอง...... ทะเลเพลิง !”
จี้เทียนซิงกระซิบแผ่วเบาด้วยสีหน้าซับซ้อน
ดวงตาของเขาดูเคร่งเครียดจริงจัง
เขาพยายามมองไปข้างหน้าและได้เห็นมหาสมุทรแมกมากระจัดกระจายไปด้วยยอดเขาหลายแห่ง
ยอดเขาแต่ละแห่งสูงถึงหนึ่งพันฟุตและพื้นผิวแทบจะไม่มีแม้แต่ใบหญ้างอกเงยขึ้นมา มันมีเพียงก้อนหินสีน้ำตาลเข้มและถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าของภูเขาไฟหนา
ที่ด้านบนสุดของยอดเขานั้นมีควันไฟคงที่และบางครั้งก็มีเปลวไฟลุกโชนออกมาเล็กน้อย
จี้เทียนซิงสังเกตอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักได้ว่านั่นก็คือยอดเขาภูเขาไฟ
!
จากสิ่งบ่งชี้ทั้งหมด
ภูเขาไฟเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟที่ยังคงปะทุอยู่ซึ่งอาจปะทุได้ตลอดเวลา
เมื่อเห็นฉากนี้เขาอดไม่ได้ที่จะหนังศีรษะชาด้านจนต้องขมวดคิ้ว
มุมปากกระตุกด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“ไม่คาดคิดเลยว่าสภาพแวดล้อมของเทือกเขาหมอกเร้นลับจะน่ากลัวและรุนแรงเหนือจินตนาการเช่นนี้......”
“เพิ่งจะหนีรอดจากป่ามรณะมาหมาดๆ ครั้งนี้ต้องข้ามมหาสมุทรแมกมา
... เช่นนี้ข้าจะผ่านมหาสมุทรแมกมาที่กว้างใหญ่เยี่ยงนี้ได้อย่างไรเล่า
? บัดซบเอ้ย....”
ยอดเขาที่อยู่ใต้เท้าเขานั้นเป็นยอดเขาที่มีหน้าผาสูง
มันไม่มีทางไปต่อ
แต่เขาก็เพิ่งผ่านป่าแห่งความตายมาจนถึงที่นี่
เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ยอมแพ้กันดื้อๆและย้อนกลับไป
ในเมื่อไม่คิดย้อนกลับไป
เขาทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้าเท่านั้น !
รอบมหาสมุทรแมกมาไม่มีทางเดินไปต่อ
เขาทำได้เพียงบินข้ามท้องฟ้าเพื่อข้ามมันไป
ด้วยความคิดนี้
เขาส่งเสียงในใจเพื่อเรียกเฉียนเยวี่ยในถุงมิติ แต่น่าเสียดายที่แม้จะเรียกอยู่ครั้งติดต่อกัน
อีกฝ่ายก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจและเข้าใจดีว่าก่อนหน้านี้เฉียนเยวี่ยโดนมาหนักเอาการ
มันได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจึงต้องนอนจำศีลเพื่อรักษาตัวจึงยังไม่ตื่นขึ้น
ในเมื่อเฉียนเยวี่ยไม่สามารถพาเขาข้ามไปได้
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงต้องฝากความหวังไว้ที่เสี่ยวเฮยหลงเท่านั้น
“เสี่ยวเฮยหลง อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้าสามารถบินข้ามทะเลแมกมานี้ไปได้หรือไม่ ?”
เขาชูกระบี่มังกรดำขึ้นและถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
กระบี่มังกรดำสั่นสะเทือนสองครั้งและตามมาด้วยเสียง
“ฟุ่บ” บินขึ้นไปในอากาศพลันส่องแสงเป็นประกายสดใสออกมา
“วู้ม !”
ในพริบตาเดียว
กระบี่มังกรดำก็กลายเป็นเสี่ยวเฮยหลง จากนั้นมันก็ขยายร่างใหญ่ขึ้นอีก
มันบินวนเวียนไปรอบๆตัวจี้เทียนซิงจากนั้นก็เอนตัวมาช้าๆ
ชายหนุ่มเผยยิ้มบางและยกเท้าขึ้นข้ามหลังเสี่ยวเฮยหลงเพื่อนั่งที่กลางหลังของมันพลางกล่าวว่า
“มุ่งหน้าไปเลย บินไปข้างหน้าข้ามทะเลแมกมาเหล่านี้ไป”
เสี่ยวเฮยหลงพยักหน้า
พลันออกตัวบิน พุ่งไปตามขอบหน้าผาราวกับลำแสง
จี้เทียนซิงนั่งอยู่บนหลังของมัน
เขามองเห็นมหาสมุทรแมกมาที่อยู่ใต้เท้า ในใจลอบตื่นตัวอย่างลับๆ
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะบินอยู่เหนือมันกว่าพันฟุตจากมหาสมุทรแมกมาด้านล่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขากลับรู้สึกสังหรณ์ลางๆว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ราบรื่น.....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved