ตอนที่ 130

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยและมหาปุโรหิต

วายุอัสนีกระหน่ำคือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของจี้เทียนซิงในตอนนี้

ด้วยการใช้เคล็ดวิชากระบี่นี้

เขาสามารถสร้างอาการบาดเจ็บร้ายแรงให้ปรากฏแก่เจียนอวี้ที่มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตได้

อย่างไรก็ตาม

อสุนีบาตสีทองเข้มกลับถูกบดขยี้โดยมือโลหิตและหายไปทันที  ส่วนมือโลหิตขนาดใหญ่ที่ก่อรูปจากพลังยุทธ์ของนางนั้นไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

!

สตรีเสื้อคลุมดำผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป

!

นางทรงพลังจนทำให้จี้เทียนซิงหน้าซีดและรู้สึกสิ้นหวังจนไม่อาจเค้นสมองหาทางรับมือได้เลย

เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าวายุอัสนีกระหน่ำถูกทำลายสิ้น

เขารีบถอยหนีไปอีกห้าเมตรเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงมือโลหิต

"ปัง !"

มือโลหิตของสตรีชุดดำตกกระทบเข้าหากำแพงสีน้ำตาลเข้มและมีรอยมือขนาดใหญ่ถูกประทับไว้ที่กำแพง  เศษก้อนหินน้อยใหญ่แตกกระเด็นออกมานับไม่ถ้วน

“หึ !   เหลือบไรตัวจ้อย  ยังคิดดิ้นรนอีกรึ !?”

สตรีชุดดำสบถอย่างไม่พอใจ  นางโบกมืออีกหนึ่งคำรบก่อรูปเป็นมือโลหิตขนาดใหญ่สองมือและพุ่งไปที่จี้เทียนซิง

วูบ !  วูบ !

จี้เทียนซิงพยายามสุดชีวิตในการหลบเลี่ยงภายในห้องหินอย่างทุลักทุเล

มือโลหิตหนึ่งคู่ประทับใส่กำแพงหินอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเสียงแหลมในอากาศและปรากฏรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับไว้หลายจุด

ทั่วทั้งห้องหินสั่นสะเทือนเลือนลั่นและสั่นไปมา

กำแพงหินระเบิดเป็นทางและเกิดรอยปริแตกมากมาย

น่าเสียดายที่ห้องหินมีขนาดเล็กเกินไปและไม่มีพื้นที่พอให้จี้เทียนซิงหลบหนี

จนกระทั่งการโจมตีครั้งที่ห้าของนางก็เข้าเป้าอย่างเต็มเหนี่ยว

"ปัง !"

เสียงพลังยุทธ์กระทบร่างดังขึ้น

จี้เทียนซิงถูกการโจมตีของมือโลหิตจนกระอักเลือดคำโตและลอยออกไปชนเข้ากับกำแพงหินทันที

เขาอาเจียนเลือดออกมาและล้มลงที่มุมกำแพง   เขาตกอยู่ในสภาพหมดทางสู้ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส

ดวงตาครึ่งปิดครึ่งเปิด คล้ายจะสิ้นสติสัมปชัญญะได้ทุกวินาที

สตรีชุดดำก้าวหนักๆไปหาเหยื่อที่หมดทางหนี

ดวงตาของนางส่องประกายวูบวาบอย่างเย็นชา

วูบ  !

นางยกมือและก่อรูปมือโลหิตขนาดมหึมาขึ้นอีกครั้งด้วยพลังยุทธ์ที่ปั่นป่วนรุนแรง   มันกระแทกเข้าหาหน้าอกของจี้เทียนซิงอีกหนึ่งรอบอย่างโหดเหี้ยม

หากฝ่ามือนี้เข้าเป้า

จี้เทียนซิงย่อมเป็นเนื้อบดในพริบตาและจบชีวิตลงทันที !

"เปรี้ยง !!"

เสียงดังสนั่นตามมาติดๆและฝ่ามือเลือดขนาดใหญ่ประทับกลางหน้าอกของจี้เทียนซิง  อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปากของชายหนุ่มจะปะทุศรโลหิตออกมาเป็นเส้นสายยาวราวกับรุ้งสีแดง  เขาหมดสติไปในทันทีแต่ร่างกายก็ยังอยู่ดีครบ 32

สืบเนื่องจากเกราะมังกรน้ำแข็งที่เขาสวมใส่อยู่ตลอดเวลานั้นปิดกั้นพลังของมือโลหิตไปได้ถึง

80%  ในช่วงเวลาวิกฤติและทำให้เขาโชคดีพอที่จะเก็บชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้

สตรีชุดดำมุ่นหัวคิ้วและหรี่ตามองไปที่แผ่นน้ำแข็งจางๆใต้เสื้อคลุมของเขา   ดวงตาของนางเปล่งประกายเหยียดหยาม

นางยกมือขึ้นอีกครั้งและก่อรูปมือโลหิตขนาดใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งคำรบฟาดซัดเข้าที่ศีรษะของจี้เทียนซิงแทน

ศีรษะของเขาย่อมไม่ได้รับการปกป้องจากเกราะมังกรน้ำแข็ง

ดังนั้นครั้งนี้ไม่มีทางต้านรับได้อย่างแน่นอน

บรึ้ม  !

แต่ในขณะนั้นเอง

จุดตันเถียนใต้ท้องน้องของจี้เทียนซิงก็ระเบิดออกมาเป็นลำแสงสีดำสนิท

ลำแสงสีดำนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเย็นเยือกและมวลของมันโคจรเป็นวงกลมเกิดเป็นหลุมดำสนิทขนาดใหญ่ปกคลุมร่างของสตรีชุดดำ

นางตกใจจนขนลุกขนพองและถูกกักไว้ในทันที

ในชั่วพริบตาเดียวมือโลหิตขนาดใหญ่ที่มีอำนาจสะเทือนฟ้าดินของนางก็ถูกกลืนหายไปในหลุมดำ

แม้กระทั่งพลังยุทธ์ในร่างของนางก็ถูกชักนำออกไปอย่างรวดเร็วและไหลลงไปในหลุมดำราวกับน้ำหลาก

พลังในการกลืนกินอันลี้ลับขุมนี้ทรงพลังจนแม้กระทั่งนางเองก็ยังไร้ทางขยับตัว

ดวงตาของนางฉายแววหวาดกลัวอย่างลึกซึ้งขึ้นเป็นครั้งแรก

"บัดซบ !  สิ่งนี้มันคือผีสางอันใด

!?”

สตรีชุดดำกรีดร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่นางถูกสูบกลืนพลังไปมากมายแล้วจนไม่สามารถหลุดพ้นไปจากรัศมีแห่งการกลืนกินของหลุมดำได้  ยิ่งนางกระตุ้นพลังปราณออกมามากเท่าใด

หลุมดำก็ยิ่งดูดกลืนเร็วขึ้นเท่านั้น !

ในขณะเดียวกันความสยองพองเกล้าจนทำให้นางต้องขนหัวลุกก็บังเกิดขึ้นเมื่อนางเพ่งสัมผัสญาณเข้าไปในความมืดมิดอันเป็นอนันต์ในใจกลางหลุมดำ

นางได้เห็นชั้นหมอกบางๆมีกายาขนาดมหึมายืนตระหง่านอยู่กลางเวหา

!

นางไม่มีเวลาสนใจและทำความเข้าใจอีกแล้วว่าตัวตนสีดำขนาดใหญ่นี้คืออะไร

นางกรีดร้องอย่างสิ้นหวังออกมาทันที

“มหาปุโรหิต ช่วยข้าด้วย ! ”

สตรีชุดดำสูญเสียท่าทีเย่อหยิ่งจนหมดสิ้นและขอความช่วยเหลือจากคนผู้หนึ่ง

วู้ม...!

เมื่อนางล้มลงก็มีหมอกสีดำปรากฏขึ้นนอกห้องหิน  มันควบแน่นกันเป็นชายชราร่างสูงใหญ่ที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง

!

บุคคลผู้นี้มีความสูงเกินกว่าสองเมตร เขาเป็นดั่งหอคอยที่ตั้งตระหง่านไม่มีวันล้ม ผิวหนังที่มือและเท้าเป็นสีม่วงเช่นเดียวกับสตรีชุดดำ

เขาสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทและมีผมยาวสีม่วงที่ถักทอเป็นเปียยาวนับสิบๆเส้นดูแปลกตา  อีกทั้งยังมีเท้าใหญ่ราวกับพัด  ตัวตนของคนผู้นี้ยากที่จะทำให้ผู้พบเห็นลืมเลือนไปได้

ชายชราผู้นี้ก็ปรากฏตัวในรูปแบบเดียวกันกับสตรีชุดดำ

เขาโผล่ออกมาจากหน้าผา !

ก่อนที่สตรีชุดดำจะลงมือกับจี้เทียนซิง

เขาก็แฝงตัวอยู่ในความมืดไม่ไกลนักเพื่อคอยแจ้งเตือนและดูต้นทางให้นาง  เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงรีบรุดมาอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีเลือดอันคมกริบของเขามองผ่านประตูเหล็กเข้าไปที่หลุมดำลึกลับและแผ่สัมผัสญาณออกไปเพื่อต้องการดูว่ามันคือสิ่งใด

ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็สั่นระริก

ร่างกายสั่นสะท้านและคำรามอย่างหวาดกลัวว่า

“องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย  อย่าได้ยั่วยุบุคลผู้นี้ !!!”

ฟึ่บ

!

เขาดึงแส้สีดำยาวกว่าสามเมตรออกจากเอวทันที  แส้ยาวเส้นนี้ไม่ทราบว่าทำจากวัสดุอะไร

มันเป็นสีดำม่วงและปกคลุมด้วยเกล็ดละเอียดเหมือนงูดำตัวหนึ่ง

มหาปุโรหิตสะบัดข้อมือเหวี่ยงแส้สีดำผ่านประตูห้องหินและรัดพันรอบร่างขององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยในพริบตา

“ฮ่าห์ !!!”

เขาคำรามเสียงต่ำและปะทุพลังปราณไปที่แส้อย่างสุดชีวิต

แส้ยาวส่องแสงสีม่วงและระเบิดพลังปราณที่แข็งกร้าวขุมหนึ่งออกมา

มันดึงรั้งร่างขององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยให้หลุดจากพลังอำนาจดูดกลืนของหลุมดำ

"ปัง !"

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยกระแทกเข้ากับประตูเหล็กและล้มลงกับพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้น

นางมองไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าบูดบึ้งพลางหอบหายใจอย่างรุนแรง

แววตาเผยให้เห็นถึงความดุร้ายและขุ่นแค้น

“น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว !  พลังของข้าถูกกลืนหายไปมากกว่า 60

%!”

“หลุมดำนั่นคืออะไร ?  มีพลังอันน่ากลัวเช่นนี้บนอาณาจักรแห่งนี้ด้วยหรือ

?”

นางมองไปที่หลุมดำลึกลับด้วยความหวาดกลัวและกลืนน้ำลายอึกใหญ่เข้าไปพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

มหาปุโรหิตก็จ้องไปที่หลุมดำลึกลับเช่นกันและกล่าวอย่างเคร่งขรึม

"องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย

พวกเราทำให้เรื่องมันบานปลาย

ต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ หากนิกายพันธมิตรสวรรค์มาพบเข้าจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก"

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยเหลียวมองจี้เทียนซิงที่สลบไปนานแล้วด้วยสายตาไม่ยินยอม

จากนั้นภายในพริบตาทั้งนางและมหาปุโรหิตก็กลายเป็นหมอกสีดำกลืนหายไปกับความมืดมิดและบินออกไปนอกถ้ำวายุทมิฬอย่างรวดเร็ว

......

ยอดเมฆาสีชาดของนิกายพันธมิตรสวรรค์  ภายในที่พักของประมุขนิกาย

ในห้องลับห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยสีสันอันสดใสของขุมพลังแห่งฟ้าดินที่กระจายราวกับก้อนเมฆ   ฉู่เทียนเซิงกำลังนั่งอยู่ในข่ายอาคม

ด้านหน้าของเขาที่สูงจากพื้นดินครึ่งเมตรมีกระดองเต่าสีดำพร้อมกับอ่างขนาดใหญ่ใบหนึ่ง

กระดองเต่านั้นดูเรียบง่ายแต่ลึกลับ

บนหลังกระดองมีเส้นสายที่ซับซ้อนและจุดสีเงินนับพันจุด

ทันใดนั้นเองจุดสีเงินของกระดองเต่าสีดำก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเส้นสายสีเงินแปลกๆหลายเส้นถูกจัดเรียงใหม่ภายในพริบตา

ฉู่เทียนเซิงที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะพลัง

สัมผัสได้ถึงความผิดปกติและลืมตาอย่างรวดเร็วพลางจับจ้องไปที่เส้นสายสีเงินบนกระดองเต่า

หลังจากนั้นครู่หนึ่งใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป  เขาขมวดคิ้วและกระซิบแผ่วเบาว่า “แผนที่ดวงดาวปรากฏ ... กลิ่นไอของเผ่ามาร ! มีคนของเผ่ามารลอบเข้ามาในนิกาย !”

“หรือว่า........  เผ่ามารจะบุกมาเพื่อมารไร้พ่าย ?”

***

血月郡主 เสวี่ยเยวี่ยจวิ๋นจู้  องค์หญิงจันทราโลหิต, องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย