ตอนที่ 311 เวลาที่ใกล้สุกงอม

ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนิกายพันธมิตรสวรรค์

ไกลออกไปราวๆสามร้อยไมล์  มียอดเขาไร้นามลูกหนึ่งตั้งอยู่

ยอดเขาสูงถึงหนึ่งพันฟุตและป่าก็เขียวชอุ่ม

มันตั้งอยู่ที่ทางแยกซึ่งเป็นกึ่งกลางของนิกายพันธมิตรสวรรค์และนิกายกระบี่ฟ้าพอดิบพอดี

อีกทั้งยังอยู่ห่างจากภูเขามังกรเพียงสามร้อยไมล์

"ฟุ่บ !"

มีเงาแสงสีทองพุ่งขึ้นมาเหนือภูเขาอย่างเงียบงัน

และเงาร่างนั้นดิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่อยู่ในลำแสงสีทองกลุ่มนั้นก็คือชายชราผมขาวที่สวมเสื้อคลุมเหลืองและมีท้องใหญ่

มันรีบผ่านป่าเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง

ปากทางเข้าถ้ำได้รับการคุ้มครองโดยข่ายปราณและมีผู้ดูแลชุดดำหลายคนคอยเดินตรวจตราอยู่ที่ทางเข้า

เมื่อเห็นชายชราในเสื้อคลุมสีเหลืองผ่านเข้ามาในถ้ำ

ผู้ดูแลชุดดำหลายคนก็โค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะท่านอาคันตุกะหวงฟู่ !"

หวงฟู่ไม่สนใจพวกมัน

คนพุ่งทะยานผ่านทางเข้าและมุ่งหน้าไปยังถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใน

ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ถูกขุดขึ้นมา มันมีขนาดประมาณ

100 ตารางเมตรและว่างเปล่า

กำแพงหินโดยรอบนั้นฝังไว้ด้วยอัญมณีมากมายและมีโคมไฟนับร้อยดวงที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งถ้ำ

บนกำแพงหินทางด้านทิศเหนือของถ้ำมีห้องหลายห้องที่ถูกขุดขึ้นมา

อีกทั้งยังมีประตูหินที่ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา

ประตูหินทั้งสองด้านของแต่ละประตูมีผู้ดูแลและผู้พิทักษ์สองคนยืนเฝ้าราวกับรูปปั้น

หวงฟู่เดินเข้าไปเปิดประตูหินกลางและเข้าสู่ภายในห้องหินนั้นอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องหินที่กว้างขวางและสว่างไสว

ปรากฏเงาร่างของชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่ง มันมีร่างผอมสูงเหมือนเสาไม้ไผ่แต่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและคมกริบราวกับกระบี่  มันกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินอย่างเยือกเย็น

บนโต๊ะหินนั้นมีม้วนกระดาษวางอยู่ซึ่งมันกำลังศึกษาอย่างตั้งอกตั้งใจ

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากประตู ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มทันที

"สหายหวงฟู่ ในที่สุดท่านก็กลับมา"

หวงฟู่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกฝ่ายและประสานมือทักทายด้วยความเคารพ

"คารวะท่านประมุข"

ไม่ต้องสงสัยเลย ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้นี้ก็คือประมุขนิกายกระบี่ฟ้า

มันโบกมือให้หวงฟู่เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องมากมารยาท

พลางเอ่ยปากถามด้วยความคาดหมาย "หวงฟู่ การเดินทางครั้งนี้เป็นไปด้วยดีหรือไม่

? ท่านได้เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรหรือยัง?"

หวงฟู่เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจและกล่าวอย่างมั่นใจว่า

“เป็นโชคดีของข้าน้อยที่เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรได้สำเร็จจนได้เห็นเสามังกรทั้งเก้าและโครงสร้างทั้งหมด"

"จริงรึ ? วิเศษ  วิเศษมาก !"

ดวงตาของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเปล่งประกาย

สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คนถามต่อไปว่า

"สหายหวงฟู่ เจ้าบอกข้ามาเร็ว ยามใดที่พวกเราควรจะลงมือทำลายเส้นชีพจรวิญญาณของนิกายพันธมิตรสวรรค์

?”

หวงฟู่ขมวดคิ้วและคร่ำครวญสักครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวกล่าวว่า

"ท่านประมุข เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรและมหาข่ายปราณของที่นั่นลึกลับและทรงพลังยิ่ง"

“ข้าน้อยเพียงแค่เห็นเส้นชีพจรเก้ามังกรและสภาพโดยรอบเท่านั้น

แต่ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษารายละเอียด

จึงยังมิอาจมองทะลุความลับของเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรขอรับ"

“และ  ด้วยความแข็งแกร่งของนิกายเราในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

เรื่องนี้สมควรพิจาณาในระยะยาว"

"นี่

... "

รอยยิ้มบนใบหน้าของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเปลี่ยนไปและทำได้เพียงพยักหน้าพลางกล่าวว่า

“เอาเถอะ

เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องศึกษากันให้รอบคอบไปก่อน”

"นิกายพันธมิตรสวรรค์สามารถสืบทอดต่อกันมาได้นานหลายพันปี

รากฐานและความมั่นคงของพวกมันย่อมอยู่เหนือจินตนาการของพวกเรา

การจะทำลายพวกมันภายในสองสามปีคงยากที่จะเป็นไปได้"

เมื่อเห็นอารมณ์ของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเริ่มไม่ค่อยดี

หวงฟู่จึงหันเหหัวเรื่องอย่างรวดเร็วว่า

“เรียนท่านประมุข

ตอนที่ข้าลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรเพื่อสังเกตการณ์การก่อตัวของมัน ข้าได้พบกับเหตุการณ์บางอย่างที่น่าสนใจ”

"ยามนั้นมีเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์มาพร้อมกับเด็กน้อยอายุสิบขวบอีกคนหนึ่ง

พวกมันสองคนสามารถถอดรหัสข่ายปราณระดับสวรรค์ของข้าและเข้ามาในถ้ำเก้ามังกรได้”

"ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ

เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนั่นกลับมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถ

!"

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าขมวดคิ้วอย่างฉับพลันและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า

“อายุน้อยเพียงนั้นกลับมีความแข็งแกร่งในระดับนี้

พวกมันสมควรเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วกระมัง ?"

"สมควรเป็นอย่างนั้นขอรับ”

หวงฟู่พยักหน้า

สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจพลางกล่าวว่า "น่าเสียดายที่เด็กน้อยสองคนนั่นพาสัตว์เลี้ยงวิญญาณของพวกมันมาด้วย

ข้าน้อยไม่กล้ารั้งอยู่นานเพราะเกรงว่าอาจจะถูกยอดฝีมือของนิกายพบเข้า

ดังนั้นจึงรีบล่าถอยออกมาจากถ้ำเก้ามังกร"

"ถ้าไม่เช่นนั้น

ข้าน้อยคงหาทางสังหารพวกมันให้จงได้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมให้ !"

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเงียบไป

ท่าทางเหมือนมิได้ใส่ใจต่อเรื่องนี้มากนัก

มันกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

และคิดแต่เพียงทำลายมหาข่ายปราณที่คุ้มครองนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ครืด.......... !

ทันใดนั้น ประตูหินก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

ชายชราในเสื้อคลุมสีขาว ร่างสูงใหญ่

ผมเผ้าดกขาวผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือถือแปรงปัดด้ามทองคำและลวดเงิน

ชายชราในเสื้อคลุมสีขาวมีการวางตัวที่ดี

มีรอยยิ้มลี้ลับยากจะคาดเดา

เมื่อเข้ามาถึงมันก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ประมุข ในเมื่อสหายหวงฟู่ได้ลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรสำเร็จ

เช่นนั้นท่านคงสามารถวางใจในของขวัญที่เราผู้เฒ่ามอบให้แล้วกระมัง ?"

เมื่อได้เห็นชายชราในเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามา

สีหน้าของหวงฟู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คนก้มศีรษะคำนับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

"คารวะท่านนักพรตเทียนจี๋"

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าหัวเราะออกมาพลางอธิบายว่า

“ฮ่าๆ

ท่านนักพรตล้อเล่นแล้ว นับตั้งแต่ที่ท่านมอบแผนที่เส้นชีพจรวิญญาณให้ข้า

ข้าก็เชื่อใจอยู่แล้ว เหตุใดท่านถึงคิดว่าข้าสงสัยท่านเล่า ?"

นักพรตเทียนจี๋ยกยิ้มมุมปากและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ประมุข

เรื่องการทำลายรากฐานของนิกายพันธมิตรสวรรค์ ตอนนี้เวลายังไม่สุกงอม พวกเราต้องคิดในระยะยาวและพิจารณาให้รอบคอบ"

"เวลายังไม่สุกงอมเช่นนั้นหรือ ?" ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นและถามอย่างเคร่งขรึม "เรียนถามท่านนักพรตเทียนจี๋

เมื่อใดกันถึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด ?"

นักพรตเทียนจี๋สะบัดปลายแขนเสื้อพลางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าด้วยท่วงท่าราวกับกำลังมองเจตนารมณ์ของสวรรค์

เมื่อได้เห็นภาพนี้ ทั้งประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและหวงฟู่ต่างก็กลอกตาลอบแสยะยิ้มเย้ยหยัน

แต่ฉากหน้าดูเหมือนตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นักพรตเทียนจี๋ก็เผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างช้าๆว่า

“ประมุข

เรานักพรตได้คำนวณชะตาฟ้าจนพบคำตอบแล้ว"

"เวลาที่เหมาะสมคือยามที่นิกายพันธมิตรสวรรค์ถอดรหัสมหาข่ายปราณพิทักษ์สุสานพันปีภายในภูเขามังกร

ตอนนั้นคือเวลาที่ดีที่สุดในการบุกทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

และกวาดล้างนิกายพันธมิตรสวรรค์ในคราวเดียว !"

เมื่อได้ยินคำตอบนี้

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและหวงฟู่ต่างก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงอย่างไม่อยากเชื่อ

เพียงไม่นานหลังจากที่นักพรตเทียนจี๋ได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่ฟ้า

ประมุขนิกายยังมิเคยได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสุสานพันปีภายในภูเขามังกรให้อีกฝ่ายรู้

ดังนั้น

เมื่อตอนนี้ได้ยินนักพรตเทียนจี๋เอ่ยถึงสุสานพันปี

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าจึงรู้สึกคาดไม่ถึง

มันเผยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวด้วยความกังวลว่า

"ข่ายปราณพิทักษ์สุสานในภูเขามังกร คือข่ายปราณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด"

"นิกายพันธมิตรสวรรค์ค้นพบสุสานเป็นเวลากว่าสองเดือน แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ข้าประเมินว่าด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของพวกมันในเวลานี้

ภายในเวลาสั้นๆคงมิอาจทำลายมหาข่ายปราณได้"

"เช่นนั้น

มิใช่ว่าพวกเราต้องรอไปอีกนานนับปีหรอกหรือท่านนักพรต ?"

นักพรตเทียนจี๋เผยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

คนลูบแส้หางม้าในมือและรอยยิ้มเบาบางอย่างลี้ลับสายหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน

"ประมุข

ท่านเพียงจับตามองนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้ดีก็พอ ท่านจงเชื่อข้า

พวกมันใช้เวลาไม่นานแน่ !"

"อย่างเร็วครึ่งปี อย่างช้าสามเดือน

นิกายพันธมิตรสวรรค์จะต้องทำลายมหาข่ายปราณพิทักษ์สุสานพันปีได้อย่างแน่นอน  ถึงเวลานั้น สงครามครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้น !”