ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ไกลออกไปราวๆสามร้อยไมล์ มียอดเขาไร้นามลูกหนึ่งตั้งอยู่
ยอดเขาสูงถึงหนึ่งพันฟุตและป่าก็เขียวชอุ่ม
มันตั้งอยู่ที่ทางแยกซึ่งเป็นกึ่งกลางของนิกายพันธมิตรสวรรค์และนิกายกระบี่ฟ้าพอดิบพอดี
อีกทั้งยังอยู่ห่างจากภูเขามังกรเพียงสามร้อยไมล์
"ฟุ่บ !"
มีเงาแสงสีทองพุ่งขึ้นมาเหนือภูเขาอย่างเงียบงัน
และเงาร่างนั้นดิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่อยู่ในลำแสงสีทองกลุ่มนั้นก็คือชายชราผมขาวที่สวมเสื้อคลุมเหลืองและมีท้องใหญ่
มันรีบผ่านป่าเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง
ปากทางเข้าถ้ำได้รับการคุ้มครองโดยข่ายปราณและมีผู้ดูแลชุดดำหลายคนคอยเดินตรวจตราอยู่ที่ทางเข้า
เมื่อเห็นชายชราในเสื้อคลุมสีเหลืองผ่านเข้ามาในถ้ำ
ผู้ดูแลชุดดำหลายคนก็โค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะท่านอาคันตุกะหวงฟู่ !"
หวงฟู่ไม่สนใจพวกมัน
คนพุ่งทะยานผ่านทางเข้าและมุ่งหน้าไปยังถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใน
ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ถูกขุดขึ้นมา มันมีขนาดประมาณ
100 ตารางเมตรและว่างเปล่า
กำแพงหินโดยรอบนั้นฝังไว้ด้วยอัญมณีมากมายและมีโคมไฟนับร้อยดวงที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งถ้ำ
บนกำแพงหินทางด้านทิศเหนือของถ้ำมีห้องหลายห้องที่ถูกขุดขึ้นมา
อีกทั้งยังมีประตูหินที่ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ประตูหินทั้งสองด้านของแต่ละประตูมีผู้ดูแลและผู้พิทักษ์สองคนยืนเฝ้าราวกับรูปปั้น
หวงฟู่เดินเข้าไปเปิดประตูหินกลางและเข้าสู่ภายในห้องหินนั้นอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องหินที่กว้างขวางและสว่างไสว
ปรากฏเงาร่างของชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่ง มันมีร่างผอมสูงเหมือนเสาไม้ไผ่แต่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและคมกริบราวกับกระบี่ มันกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินอย่างเยือกเย็น
บนโต๊ะหินนั้นมีม้วนกระดาษวางอยู่ซึ่งมันกำลังศึกษาอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากประตู ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มทันที
"สหายหวงฟู่ ในที่สุดท่านก็กลับมา"
หวงฟู่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกฝ่ายและประสานมือทักทายด้วยความเคารพ
"คารวะท่านประมุข"
ไม่ต้องสงสัยเลย ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้นี้ก็คือประมุขนิกายกระบี่ฟ้า
มันโบกมือให้หวงฟู่เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องมากมารยาท
พลางเอ่ยปากถามด้วยความคาดหมาย "หวงฟู่ การเดินทางครั้งนี้เป็นไปด้วยดีหรือไม่
? ท่านได้เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรหรือยัง?"
หวงฟู่เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจและกล่าวอย่างมั่นใจว่า
“เป็นโชคดีของข้าน้อยที่เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรได้สำเร็จจนได้เห็นเสามังกรทั้งเก้าและโครงสร้างทั้งหมด"
"จริงรึ ? วิเศษ วิเศษมาก !"
ดวงตาของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเปล่งประกาย
สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คนถามต่อไปว่า
"สหายหวงฟู่ เจ้าบอกข้ามาเร็ว ยามใดที่พวกเราควรจะลงมือทำลายเส้นชีพจรวิญญาณของนิกายพันธมิตรสวรรค์
?”
หวงฟู่ขมวดคิ้วและคร่ำครวญสักครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวกล่าวว่า
"ท่านประมุข เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรและมหาข่ายปราณของที่นั่นลึกลับและทรงพลังยิ่ง"
“ข้าน้อยเพียงแค่เห็นเส้นชีพจรเก้ามังกรและสภาพโดยรอบเท่านั้น
แต่ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษารายละเอียด
จึงยังมิอาจมองทะลุความลับของเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรขอรับ"
“และ ด้วยความแข็งแกร่งของนิกายเราในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร
เรื่องนี้สมควรพิจาณาในระยะยาว"
"นี่
... "
รอยยิ้มบนใบหน้าของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเปลี่ยนไปและทำได้เพียงพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“เอาเถอะ
เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องศึกษากันให้รอบคอบไปก่อน”
"นิกายพันธมิตรสวรรค์สามารถสืบทอดต่อกันมาได้นานหลายพันปี
รากฐานและความมั่นคงของพวกมันย่อมอยู่เหนือจินตนาการของพวกเรา
การจะทำลายพวกมันภายในสองสามปีคงยากที่จะเป็นไปได้"
เมื่อเห็นอารมณ์ของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเริ่มไม่ค่อยดี
หวงฟู่จึงหันเหหัวเรื่องอย่างรวดเร็วว่า
“เรียนท่านประมุข
ตอนที่ข้าลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรเพื่อสังเกตการณ์การก่อตัวของมัน ข้าได้พบกับเหตุการณ์บางอย่างที่น่าสนใจ”
"ยามนั้นมีเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์มาพร้อมกับเด็กน้อยอายุสิบขวบอีกคนหนึ่ง
พวกมันสองคนสามารถถอดรหัสข่ายปราณระดับสวรรค์ของข้าและเข้ามาในถ้ำเก้ามังกรได้”
"ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ
เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนั่นกลับมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถ
!"
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าขมวดคิ้วอย่างฉับพลันและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า
“อายุน้อยเพียงนั้นกลับมีความแข็งแกร่งในระดับนี้
พวกมันสมควรเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วกระมัง ?"
"สมควรเป็นอย่างนั้นขอรับ”
หวงฟู่พยักหน้า
สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจพลางกล่าวว่า "น่าเสียดายที่เด็กน้อยสองคนนั่นพาสัตว์เลี้ยงวิญญาณของพวกมันมาด้วย
ข้าน้อยไม่กล้ารั้งอยู่นานเพราะเกรงว่าอาจจะถูกยอดฝีมือของนิกายพบเข้า
ดังนั้นจึงรีบล่าถอยออกมาจากถ้ำเก้ามังกร"
"ถ้าไม่เช่นนั้น
ข้าน้อยคงหาทางสังหารพวกมันให้จงได้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมให้ !"
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเงียบไป
ท่าทางเหมือนมิได้ใส่ใจต่อเรื่องนี้มากนัก
มันกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร
และคิดแต่เพียงทำลายมหาข่ายปราณที่คุ้มครองนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ครืด.......... !
ทันใดนั้น ประตูหินก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
ชายชราในเสื้อคลุมสีขาว ร่างสูงใหญ่
ผมเผ้าดกขาวผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือถือแปรงปัดด้ามทองคำและลวดเงิน
ชายชราในเสื้อคลุมสีขาวมีการวางตัวที่ดี
มีรอยยิ้มลี้ลับยากจะคาดเดา
เมื่อเข้ามาถึงมันก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ประมุข ในเมื่อสหายหวงฟู่ได้ลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรสำเร็จ
เช่นนั้นท่านคงสามารถวางใจในของขวัญที่เราผู้เฒ่ามอบให้แล้วกระมัง ?"
เมื่อได้เห็นชายชราในเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามา
สีหน้าของหวงฟู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คนก้มศีรษะคำนับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"คารวะท่านนักพรตเทียนจี๋"
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าหัวเราะออกมาพลางอธิบายว่า
“ฮ่าๆ
ท่านนักพรตล้อเล่นแล้ว นับตั้งแต่ที่ท่านมอบแผนที่เส้นชีพจรวิญญาณให้ข้า
ข้าก็เชื่อใจอยู่แล้ว เหตุใดท่านถึงคิดว่าข้าสงสัยท่านเล่า ?"
นักพรตเทียนจี๋ยกยิ้มมุมปากและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“ประมุข
เรื่องการทำลายรากฐานของนิกายพันธมิตรสวรรค์ ตอนนี้เวลายังไม่สุกงอม พวกเราต้องคิดในระยะยาวและพิจารณาให้รอบคอบ"
"เวลายังไม่สุกงอมเช่นนั้นหรือ ?" ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นและถามอย่างเคร่งขรึม "เรียนถามท่านนักพรตเทียนจี๋
เมื่อใดกันถึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด ?"
นักพรตเทียนจี๋สะบัดปลายแขนเสื้อพลางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าด้วยท่วงท่าราวกับกำลังมองเจตนารมณ์ของสวรรค์
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ทั้งประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและหวงฟู่ต่างก็กลอกตาลอบแสยะยิ้มเย้ยหยัน
แต่ฉากหน้าดูเหมือนตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นักพรตเทียนจี๋ก็เผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างช้าๆว่า
“ประมุข
เรานักพรตได้คำนวณชะตาฟ้าจนพบคำตอบแล้ว"
"เวลาที่เหมาะสมคือยามที่นิกายพันธมิตรสวรรค์ถอดรหัสมหาข่ายปราณพิทักษ์สุสานพันปีภายในภูเขามังกร
ตอนนั้นคือเวลาที่ดีที่สุดในการบุกทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร
และกวาดล้างนิกายพันธมิตรสวรรค์ในคราวเดียว !"
เมื่อได้ยินคำตอบนี้
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและหวงฟู่ต่างก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงอย่างไม่อยากเชื่อ
เพียงไม่นานหลังจากที่นักพรตเทียนจี๋ได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่ฟ้า
ประมุขนิกายยังมิเคยได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสุสานพันปีภายในภูเขามังกรให้อีกฝ่ายรู้
ดังนั้น
เมื่อตอนนี้ได้ยินนักพรตเทียนจี๋เอ่ยถึงสุสานพันปี
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าจึงรู้สึกคาดไม่ถึง
มันเผยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวด้วยความกังวลว่า
"ข่ายปราณพิทักษ์สุสานในภูเขามังกร คือข่ายปราณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด"
"นิกายพันธมิตรสวรรค์ค้นพบสุสานเป็นเวลากว่าสองเดือน แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ข้าประเมินว่าด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของพวกมันในเวลานี้
ภายในเวลาสั้นๆคงมิอาจทำลายมหาข่ายปราณได้"
"เช่นนั้น
มิใช่ว่าพวกเราต้องรอไปอีกนานนับปีหรอกหรือท่านนักพรต ?"
นักพรตเทียนจี๋เผยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
คนลูบแส้หางม้าในมือและรอยยิ้มเบาบางอย่างลี้ลับสายหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน
"ประมุข
ท่านเพียงจับตามองนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้ดีก็พอ ท่านจงเชื่อข้า
พวกมันใช้เวลาไม่นานแน่ !"
"อย่างเร็วครึ่งปี อย่างช้าสามเดือน
นิกายพันธมิตรสวรรค์จะต้องทำลายมหาข่ายปราณพิทักษ์สุสานพันปีได้อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น สงครามครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้น !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved