ตอนที่ 278

ป่าแห่งความตาย

จี้เทียนซิงเดินข้ามกองหินและใช้เวลาครึ่งชั่วยามก่อนที่จะข้ามพื้นที่แรกไป

เมื่อเขาเดินออกมาก็รู้สึกว่าดวงตากระจ่างใส

มองอะไรได้ชัดเจนขึ้นและกว้างขึ้น

เมื่อมาถึงจุดนี้ก็พูดได้เต็มปากว่า

เขาได้เข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขายืนอยู่บนพื้นหญ้าสีเหลือง

กวาดสายตาคมกล้ามองไปรอบอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบสถานการณ์รอบๆตัว

เหนือศีรษะเขาขึ้นไปยังคงเป็นหมอกหนาที่บดบังแสงอาทิตย์จนทำให้รอบๆเต็มไปด้วยความมืดมิด

ไม่ไกลออกไปเขาก็ได้เห็นต้นไม้ในป่าที่เน่าเปื่อยและเสื่อมโทรม

ต้นไม้ในพื้นที่ตรงส่วนนั้นดูบางตา

ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาลเข้มและไร้กิ่งก้าน แม้แต่ใบไม้สีเขียวสักใบก็ไม่อาจหาได้พบ

แวบแรกที่มองเห็น

มันคล้ายกับต้นไม้สีดำเปลือยเปล่าราวกับตอไม้สูง

ตั้งตะหง่านยืนอยู่กลางดินแดนรกร้าง

นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวโค้งงอ

ยอดไม้กระจัดกระจายเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชั่วร้ายและมีกลิ่นอายแห่งความตาย

พื้นถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเหลืองกองทับถมเป็นชั้นหนาเหมือนผ้าห่มใหญ่ผืนหนึ่ง

พื้นชั้นล่างที่มีใบไม้ร่วงหล่นนั้นได้เน่าเปื่อยมานานและเต็มไปด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

พื้นที่เบื้องหน้าราวกับดินแดนแห่งความตาย

ไม่มีแม้กระทั่งสายลมพัดแผ่ว

ท้องฟ้าดูมืดครึ้มและมืดมนทำให้อากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

จี้เทียนซิงจ้องมองไปยังป่าแห้งที่ดูแปลกประหลาดเบื้องหน้า

คนขมวดคิ้วและกระซิบพึมพำในใจว่า

“ป่าที่เห็นตรงหน้าหลังจากผ่านเส้นทางโซนแรกนี้ได้ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ในมือข้า

มันถูกเรียกว่าป่าแห่งความตาย  ไม่มีข้อมูลอื่นใดนอกจากชื่อ...”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ

แต่ป้าเนื้อที่เน่าเปื่อยนี้เรียกว่าป่าแห่งความตาย

ชายหนุ่มคาดเดาว่าที่บริเวณนี้ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ก็เพราะมันเป็นสถานที่ที่อันตรายแน่นอน

อย่างไรก็ตาม

ถึงแม้สภาพและกลิ่นอายของมันจะดูอันตรายจนไม่ควรเข้าใกล้

แต่มันก็เป็นหนทางที่จะผ่านไปยังทะเลสาบจันทร์เต็มดวงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

หากเขาหลีกเลี่ยงดินแดนแห่งความตายนี้

เขาไม่เพียงแค่ต้องเดินทางอ้อมไกลออกไป แต่เขายังต้องบุกเข้าไปในสถานที่อันตรายอื่นๆอยู่ดี

เมื่อคิดได้ดังนี้จี้เทียนซิงก็กุมกระบี่มังกรดำไว้แน่นและเดินเข้าไปในป่าอย่างไม่ลังเล

“แซ่ก แซ่ก

แซ่ก ...”

เสียงฝีเท้าของเขาเหยียบย่างลงบนใบไม้สีเหลืองตามพื้นจนส่งเสียงออกมา

รอบตัวเขาเงียบสงบมากจนได้ยินเสียงฝีเท้าและอัตราการเต้นของหัวใจตนเองอย่างชัดเจน

เมื่อเขาเดินเข้าไปในป่า

เขาสังเกตเห็นว่าอากาศนั้นทวีความมืดมนมากขึ้น

มันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึดอัดและเยือกเย็น

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า

มือขวากระชับด้ามกระบี่ไว้มั่น สัมผัสญาณแผ่ออกไปรอบตัวและเต็มไปด้วยความระมัดระวังและตื่นตัว

ถึงแม้ว่าในป่าทรุดโทรมแห่งนี้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าต้นไม้ที่ตายแล้วและใบไม้ที่ร่วงหล่นกองทับถมบนพื้น

แต่แผ่นหลังของเขากลับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น เขารู้สึกเหมือนมีดวงตาที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งกำลังมองเขาอย่างลับๆ

สัญชาตญาณแปลกๆเกิดขึ้นทำให้เขาไม่สบายใจและต้องระวังตัวให้มาก

เมื่อเขาก้าวออกไปได้หลายร้อยก้าว

ร่างของเขาก็ค่อยๆเข้าไปในส่วนลึกของป่า กองใบไม้ร่วงหล่นที่ทับถมรอบๆก็เริ่มมีการขยับหลายครั้ง

ใบไม้แห้งสีเหลืองถูกแยกออกจากกันอย่างเงียบๆ ปรากฏฝ่ามือโครงกระดูกสีเทาเจาะขึ้นมาจากใต้พื้นดิน

มันเป็นโครงกระดูกสีเทาเข้ม

ไม่ทราบว่ามันถูกกลบฝังใต้ผืนดินนี้มานานกี่ปี

โครงกระดูกสีขาวค่อยๆแทรกตัวเองขึ้นมาจากกองใบ้ไม้ที่ตายแล้ว

ตามมาด้วยโครงกระดูกที่สอง.......

นี่คือโครงกระดูกของมนุษย์

ที่มีรูโหว่ขนาดใหญ่เท่ากำปั้น กะโหลกศีรษะมนุษย์วิญญาณแห่งสวรรค์มีช่องโหว่ขนาดใหญ่ในกำปั้นและหลุมก็มีรอยแตกสองสามรอบ

ดวงตาของมันลึกลงไปและหลุมทั้งสองนั้นฝังด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินอ่อนสองดวงเหมือนดวงตาของมัน

คางของมันหายไปเหลือเพียงครึ่งเดียวของปากและฟันไม่สมบูรณ์มองที่น่าอึดอัดใจและน่ากลัวมาก

กุญแจมือนั้นใช้ฝ่ามือเพื่อรองรับพื้นบิดตัวจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งแล้วหลุดออกจากสิ่งสกปรกอย่างรวดเร็ว

ดินทิ้งหลุมและถูกปกคลุมด้วยใบไม้ที่ร่วงหล่นทันที

สีเทาและมองไปที่ความลึกของป่าฉันสามารถเห็นร่างของ

Ji Tianxing ดวงตาสีฟ้าที่คุกรุ่นกระพริบตา

มันตบคู่หนึ่งก้าวข้ามใบไม้ที่ร่วงหล่นและไล่ล่าลึกเข้าไปในป่า

ในเวลาเดียวกันใบทั้งหมดบนพื้นดินก็เริ่มพุ่งและแยกออกจากกันทั้งสองด้าน

ฝ่ามือสีเทานับไม่ถ้วนเจาะจากดินและดึงใบที่ร่วงหล่น

ในระยะเวลาสั้น

ๆ มีศพที่ยังคงสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์และถูกเจาะจากพื้นดิน

ในเบ้าตาแต่ละข้างมีกลุ่มไฟสีฟ้าอ่อนสองกลุ่มส่องแสงความชั่วร้าย

บางส่วนของพวกเขาสูงและทนทานบางคนไม่สมบูรณ์ขาดแขนและขาบางคนถือดาบเน่าของพวกเขาและมีเพียงไม่กี่แมลงสาบที่เหลืออยู่

แต่แมลงสาบทั้งหมดมองลึกเข้าไปในป่าเปิดปากของพวกเขาอย่างเงียบ

ๆ เผยให้เห็นกระดูกของ Bai Sensen ดูเหมือนเยาะเย้ยเงียบ ๆ

......

Ji Tianxing ยังคงจับดาบมังกรดำก้าวอย่างหนักในป่าและดวงตาของเขาก็สังเกตเห็นได้อย่างดีเยี่ยม

ภาพรอบตัวไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ยังคงปกคลุมด้วยต้นไม้ที่ตายแล้วสีน้ำตาลเข้มและพื้นดินปกคลุมด้วยใบไม้ที่ตายแล้วหนา

อย่างไรก็ตามมันได้เข้าสู่ความลึกของป่าแสงมืดและอากาศก็ยังเต็มไปด้วยหมอกที่นุ่มนวล

ดวงตาของเขามองเห็นได้เพียงร้อยเมตรเท่านั้นและสถานที่ที่ไกลออกไปจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก

ไม่นานหลังจากนั้นเขาเห็นหมอกหน้าหนึ่งร้อยเมตรลอยกลุ่มแสงสีน้ำเงินอ่อน

แสงนั้นเบาพอ

ๆ กับอะไรที่ลอยอยู่ในหมอกอย่างเงียบ ๆ มันลึกลับและแปลกประหลาดเป็นพิเศษ

หัว

Ji Tianxing ขมวดคิ้วช้าลงและเดินหน้าต่อไป

เมื่อเขาเข้าหาแสงสีฟ้าอ่อนเขาค้นพบว่ามันเป็นเปลวไฟที่มีขนาดเท่ากับเล็บมือ

เมื่อเขาเดินไปที่ด้านหน้าของเปลวไฟสีฟ้าอ่อนการไหลของอากาศที่มองไม่เห็นนำเปลวไฟสีฟ้าอ่อนเพื่อเร่งและไหลไปสู่ท้องฟ้า

เขาเงยหน้าขึ้นมองดูไกลออกไปและเขาเห็นหมอกสีเทาของแมลงสาบและมีเปลวไฟสีฟ้าจำนวนมากหิ่งห้อยหนาแน่นเหมือนคืนฤดูร้อน

“ นี่คือ…ไฟฟอสฟอรัสใช่ไหม”

Ji Tianxing กระซิบเสียงกระซิบและดวงตาก็เปล่งประกายสีอันสง่างาม

เขารู้ดีว่าไฟฟอสฟอรัสเป็นไฟป่าที่ผู้คนในโลกพูดและปรากฏเฉพาะที่กระดูกรวมตัวกัน

มีกลุ่มฟอสฟอรัสสีน้ำเงินซีดจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในความลึกของป่า มันไม่ได้หมายความว่ามีกระดูกฝังอยู่นับไม่ถ้วนในป่านี้หรือ !

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาไม่สามารถช่วยได้

แต่เลียริมฝีปากของเขาหัวใจของเขาตะโกนต่ำ:“

ฉันไม่กลัวคนที่ยังมีชีวิตอยู่มันยังกลัวกระดูกอยู่รึเปล่า”

“ ฉันมาที่นี่หลังจากความยากลำบาก ไม่ว่าสถานที่นี้จะแตกต่างกันอย่างไรฉันไม่กลัวไม่หดตัว!”