ตอนที่ 275

สู้หลังชนฝา

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะไม่สลบไปแต่ก็นับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขาจำต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

หากทำได้เขาแค่อยากจะนอนหลับบนพื้นไปเสียเดี๋ยวนี้

แต่เขาต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและไม่กล้าหน่วงเวลาแม้เพียงวินาทีเดียว

หลังจากจัดการกับบาดแผลและอาการบาดเจ็บอย่างลวกๆ

เขาจำเป็นต้องหลบหนีเข้าไปในเทือกเขาลึก

หลังออกมาจากถ้ำได้ไม่ถึงร้อยอึดใจ

หลิงซื่อไห่และมือสังหารที่เหลือก็ตามรอยเท้าเขาจนเจอในที่สุด

มือสังหารชุดดำสี่คนมองไปที่ถ้ำและพบรอยเลือดที่ยังไม่แห้งดี หลิงซื่อไห่แสยะยิ้ม พลันตะโกนออกคำสั่งให้ไล่ต่อไป

มือสังหารชุดนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการไล่ล่าและการสังหารอย่างชำนิชำนาญ

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะทิ้งร่องรอยไว้เพียงเล็กน้อย พวกมันก็ยังสามารถตามแกะรอยได้

คนทั้งห้าวิ่งอยู่บนภูเขาอย่างต่อเนื่องและเข้าใกล้จี้เทียนซิงไปทุกขณะ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ความมืดมิดในยามราตรีก็ค่อยๆหายไป

เมื่อถึงรุ่งเช้าของวันใหม่

ดวงอาทิตย์ทอแสงสีแดง หลิงซื่อไห่และพรรคพวกก็ยังคงไล่ล่าจี้เทียนซิงอย่างไม่ลดละ

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงได้วิ่งมาถึงหุบเขาใหญ่แห่งหนึ่ง

อาภรณ์ของเขาชุ่มโชกไปด้วยคราบเลือดและเหงื่อไคล อย่างไรก็ตามบาดแผลของเขาถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลและทาผงห้ามเลือดไว้แล้ว

ดังนั้นเลือดจะไม่ไหลมากนักและเม็ดยาที่ฟื้นฟูที่เขาได้กินเข้าไปนั้นก็ช่วยให้เขาฟื้นฟูพลังปราณกลับคืนมาได้ถึงหกส่วนแล้ว

หุบเขาใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสูงสองลูก

ภูมิประเทศของมันชื้นแฉะและค่อนข้างมืด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณรกครึ้ม

รวมไปถึงเถาวัลย์และกิ่งหนามรุงรัง

ในตอนเช้าหุบเขาลึกแห่งนี้จะเต็มไปด้วยหมอกยามเช้าและมีหยดน้ำค้างเกาะอยู่ระหว่างดอกไม้กับพืชที่อยู่โดยรอบ มันดูงดงามตาอย่างน่าสุนทรีย์

แต่ทว่าจี้เทียนซิงไม่มีเวลามาชื่นชมทัศนียภาพ ร่างของเขาทะยานอย่างรวดเร็วผ่านพุ่มไม้จนเกิดเสียง “แซ่ก แซ่ก แซ่ก !”

ห่างไปไม่ไกลจากเขา

ประมาณหนึ่งร้อยเมตร หลิงซื่อไห่และมือสังหารชุดดำอีกสี่คนกำลังไล่ล่ากระชั้นชิด

พวกมันตามติดมาด้วยความเร็วสูง

คนทั้งห้ารีบตามติดเข้าไปในหุบเขาพร้อมกับลมกระโชกแรงจนดอกไม้และต้นไม้ปลิวไหวไปตามแรงลม

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

จี้เทียนซิงก็เข้ามาถึงส่วนลึกของหุบเขา

มันเป็นบริเวณใต้หุบเขาที่มีกำแพงภูเขาสูงชันตั้งตะหง่านขวางทางเขาไว้อยู่ เขาต้องหยุดวิ่งและกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

มีหน้าผาทางด้านซ้ายขวา

ผนังถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำลื่นและมีเถาวัลย์เกาะหลายชั้น

พื้นดินที่ดูนุ่มรอบๆเต็มไปด้วยวัชพืชสูงครึ่งลำตัวและดอกไม้ป่าต้นเล็กๆ

ส่วนด้านหลังของเขาก็คือเสียงฝีเท้าของหลิงซื่อไห่และมือสังหารสี่คนที่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ

นอกจากจะหันกลับไปทางเดิม

เขาไม่มีทางหนีอีกแล้ว

"ระยำเอ้ย ! นี่มันทางตันแล้ว !”

จี้เทียนซิงลอบสบถในใจและแค่นเสียงเย็น

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงอันเย็นชา

ในเวลาเดียวกัน

หลิงซื่อไห่และพรรคพวกก็มาถึงเบื้องหน้าและแยกย้ายกันไปล้อมรอบเขาตามมุม

ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดดูเหนื่อยล้าและหอบหายใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เร่งรีบลงมือเพียงกุมกระบี่ไว้และจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างไม่ละลายตา

“เดรัจฉานน้อย คราวนี้เจ้าจะหนีไปไหนพ้น !”

หลิงซื่อไห่กุมกระบี่สีฟ้าจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง

เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและตะโกนออกมาว่า “วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า

เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว !“

จี้เทียนซิงหรี่ตาลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เขากำกระบี่มังกรดำไว้แน่นและปะทุไอสังหารออกมา

ระหว่างนี้เขาลอบสื่อสารกับเสี่ยวเฮยหลงที่แปลงเป็นกระบี่มังกรดำในมือด้วยสัมผัสญาณว่า

“เสี่ยวเฮยหลง ยังไหวไหม ?”

กระบี่มังกรดำตอบกลับไปว่า

“สหายจี้ การปะทะก่อนหน้านี้ข้าสูญพลังช่วยเจ้าไปมากโข  ตอนนี้เหลือเพียงสี่ส่วน

ข้าไม่อาจแปลงกายกลับร่างเดิมเพื่อพาเจ้าบินหนีไปจากหุบเขานี้ได้แล้ว   แต่…

ข้ายังสามารถสนับสนุนและร่วมต่อสู้เป็นตายกับเจ้าได้อีกยกหนึ่ง !”

ทุกครั้งที่กระบี่มังกรดำพ้นจากฝักและฟาดฟันออกมา

มันจะก่อเกิดเป็นลำแสงมายากระบี่มังกรดำที่ทรงพลังและงดงามยิ่ง

ซึ่งแน่นอนว่าความสามารถในการใช้กระบี่อันน่าทึ่งนี้ต้องอาศัยความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิง

ทว่า พลังปราณหลักๆที่ใช้ออกไปนั้นคือพลังปราณของเสี่ยวเฮยหลงเอง

ก่อนหน้านี้จี้เทียนซิงใช้กระบี่มังกรดำในการต่อสู้พัวพันอยู่เป็นเวลานาน

ผลทำให้พลังของเสี่ยวเฮยหลงลดลงเรื่อยๆจนตอนนี้เหลือเพียงสี่ส่วนเท่านั้น

เมื่อได้ยินคำตอบแล้วจี้เทียนซิงก็กระซิบแผ่วเบาว่า

“หากเป็นเช่นนั้น... ข้าก็ทำได้เพียงสู้ตาย !”

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

ดวงตาของเขาก็สาดแสงเย็นเยียบในขณะที่จ้องมองหลิงซื่อไห่ "หลิงซื่อไห่ ! บุญคุณความแค้นระหว่างเรา ข้าจะสะสางมันให้จบลงในวันนี้ ไม่เจ้าก็ข้า

มันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง !”

หลิงซื่อไห่แสยะยิ้มและตะโกนออกมาด้วยโทสะที่สั่งสมมานาน

“มีเพียงศีรษะและเลือดของเจ้าเท่านั้นที่สามารถล้างความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าได้

วันนี้เจ้าต้องลงนรกไปถือรองเท้าให้บุตรสาวข้า !”

"ฆ่ามัน !"

เมื่อสิ้นเสียง

มือสังหารทั้งสี่คนก็เหวี่ยงกระบี่เข้าหาจี้เทียนซิงรอบทิศทาง

“ฉัวะ

ฉัวะ  ฉัวะ !”

เงากระบี่อันพร่างพราวกว่าสิบสายกระจายแผ่คลุมท้องฟ้าอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ในครั้งนี้หลิงซื่อไห่ก็เข้าร่วมวงด้วยเช่นกัน

เขาใช้เพลงกระบี่สกุลหลิงแทงออกไปเป็นคลื่นกระบี่หกสาย

หมายจะเอาชีวิตจี้เทียนซิงให้จงได้

จี้เทียนซิงถูกล้อมไว้หมดทุกทิศทาง

เขาตกอยู่ในอันตรายและตกตายได้ทุกเมื่อ

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้

หัวใจของเขากรีดร้องออกมาด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่รอดต่อไป

เขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ

ร่ายรำเพลงกระบี่ออกมาเพื่อสวนกลับ

เคร้ง  เคร้ง

เคร้ง  !!

กระบี่ปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศส่งเสียงโลหะกระทบกันแสบแก้วหูออกมาไม่ขาดสาย

ตึง  !

จี้เทียนซิงถอยรูดไปก้าวใหญ่

ร่างกายสั่นสะเทิ้ม มุมปากปริแตกมีคราบโลหิตไหลซึมออกมา

กระบี่มังกรดำในมือแทบจะปลิวหลุด

กลิ่นไอของเสี่ยวเฮยหลงก็อ่อนแอลงเช่นเดียวกัน

พลังของกระบี่ก็กำลังจะจางหายไปกลายเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่ง

จี้เทียนซิงไม่ยอมถอย

เขากระชับกระบี่ไว้มั่นแล้วทะยานเข้าฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกหลายเพลงเข้าหาหลิงซื่อไห่และคนอื่นๆ

จนกระทั่งถูกคลื่นกระบี่สายหนึ่งกระแทกเข้ากลางหลังและกระอักโลหิตออกมา

ตอนนี้เสี่ยวเฮยหลงอ่อนแอมากแล้ว

มันไม่อาจใช้พลังต่อสู้ได้อีกและในที่สุดไอกระบี่ก็จางหายไป

เมื่อการลงมือใกล้ประสบผล

หลิงซื่อไห่และพรรคพวกก็ลงมืออย่างดุดันเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น

ตามมาด้วยกระบวนท่าปลิดชีวิตอันรุนแรง !

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เอง

จี้เทียนซิงเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปและใช้ออกด้วยเพลงกระบี่ดาราเหิน

เขากระตุ้นพลังของตัวอ่อนกระบี่อย่างเต็มพิกัด

ก่อเกิดไอกระบี่สีทองสามสายขึ้นมาและจู่โจมเข้าหามือสังหารทั้งสี่คน

“คมมีดขนนกพันเล่ม !!”

สามไอกระบี่แตกออกเป็นเก้าในคราเดียวและพุ่งเข้าโจมตีสี่นักฆ่าจากทุกทิศทาง

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว  !”

ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงห้าอึดใจ

เก้าไอกระบี่ก็ได้จู่โจมออกไปเกือบหนึ่งพันครั้งด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแสง

ในระยะ

10 เมตรเต็มไปด้วยแสงจากไอกระบี่สีทองที่เปล่งประกาย

ก่อเกิดเป็นริ้วลำแสงปราณกระบี่ทั้งแนวนอนแนวตั้ง

เพลงกระบี่ที่ละเอียดอ่อนในทุกแง่มุมเช่นนี้ทำให้นักฆ่าทั้งสี่ดูคลั่งในทันที

พวกมันโบกกระบี่ไปมาเพื่อปัดป่ายเป็นพัลวัน

ฉึก

! ฉึก ! ฉึก

! ……

อย่างไรก็ตาม

พวกมันไม่สามารถต้านทานได้หมดสิ้นจนถูกปราณกระบี่เสียบแทงเข้าไปแผลแล้วแผลเล่า

โลหิตไหลทะลักออกมาราวกับถุงเลือดที่ถูกเข็มเจาะ

หลังจากผ่านไปห้าลมหายใจ

ปราณกระบี่ที่ปกคลุมทั่วฟ้าและไอกระบี่ทั้งเก้าก็อันตธารหายไป

เสื้อผ้าของนักฆ่าทั้งสี่คนขาดกระจุยรุ่งริ่ง

ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแทงของกระบี่จนโลหิตนองเจิ่ง

สามในสี่ยืนโซเซและล้มลงกับพื้นทันที

ร่างกายบิดกระตุกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลมหายใจขาดช่วงและตกตายไป

เหลือเพียงคนเดียวที่ไม่ล้มลงแต่ก็สาหัสอย่างมาก

ชีวิตของมันแขวนอยู่บนเส้นด้ายและอาจจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ

“อะ.....อา....!”

หลิงซื่อไห่ปากอ้าตาค้างเมื่อมองภาพนี้

สีหน้าของมันดูตื่นตะลึงกลายเป็นโง่งม