ตอนที่ 95

ไป๋ลู่, เจี้ยงหลิวและฟงอวิ๋น

สามวันผ่านพ้นไป

วันนี้เป็นวันพิธีสำคัญสำหรับศิษย์ใหม่ทุกคน

ศิษย์ใหม่ทั้งหนึ่งร้อยคนต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่อสะสางกิจวัตรประจำวันและเตรียมพร้อมเข้าพิธี

“ศิษย์ใหม่ทั้งหลายขอให้มารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสเพื่อรอพบอาวุโสฝ่ายนอกและสามผู้ดูแลนิกาย !”

สิ้นเสียงที่แผ่กระจายไปทั่วซินหลานหยวนของอาวุโสฝ่ายนอก

ศิษย์ใหม่ทั้งร้อยคนก็เปิดประตูออกมาและทยอยเดินไปรวมตัวกันที่ลานกว้าง

ถึงแม้ว่ารุ่นเยาว์ทั้งร้อยคนนี้จะเป็นอัจฉริยะจากทั่วทั้งอาณาจักรที่ล้วนแต่โดดเด่นและมีเกียรติ

แต่หากนำมาเทียบกับนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วพวกมันไม่นับเป็นอันใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ทุกคนกำลังจะได้เข้าพิธีรายงานตัว

พวกมันย่อมต้องการทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายนอกและผู้ดูแลนิกายรู้สึกประทับใจ

ในช่วงเวลาสั้นๆ

ศิษย์ใหม่ทั้งหนึ่งร้อยคนก็มายืนอยู่กลางลานกว้างและรอคอยด้วยความเคารพ

ไม่นานหลังจากนั้น

ชายชราที่มีผมขาวในชุดคลุมสีม่วงก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ดูแลทั้งสามที่สวมเสื้อคลุมสีดำ

ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าชายชราเสื้อคลุมม่วงดูเปี่ยมไปด้วยบารมีและสง่าผ่าเผย  คนผู้นี้สมควรเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอก

ส่วนผู้ดูแลทั้งสามก็มีบุคลหนึ่งที่จี้เทียนซิงรู้จักมักคุ้น

ฮั่นเฉียวเซิง

!

ซึ่งในตอนคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติในเมืองจักรวรรดิชิงหยุน

คนผู้นี้ก็เป็นเจ้าภาพนั่นเอง

ผู้อาวุโสฝ่ายนอกเดินไปที่ลานกว้างและยืนบนแท่นสูงทางทิศเหนือเพื่อกวาดสายตามองบรรดาศิษย์ใหม่

หลังจากมองดูแล้วเขาก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจและกล่าวว่า “ข้าคือ ชูไฮว่ซาน

เป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอก ทำหน้าที่ดูแลศิษย์สายนอกทั้ง 2400 คนและเรื่องราวต่างๆ”

“พวกเจ้าทุกคนเป็นหนุ่มสาวที่มากพรสวรรค์จากทั่วทุกแว่นแคว้น

บ้างก็เป็นผู้มีความสามารถและพรสวรรค์โดยธรรมชาติ

บ้างก็เป็นลูกหลานตระกูลผู้มั่งคั่งร่ำรวยหรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์…”

“แต่ !  ทันทีที่เจ้าย่างกรายเข้ามาที่นี่และเป็นสาวกนิกายพันธมิตรสวรรค์  จงลืมทุกสิ่งไปซะ ชื่อเสียงและฐานะของพวกเจ้านั้นถือเป็นเรื่องไร้สาระและไร้ประโยชน์สำหรับที่นี่

!”

“สิ่งที่พวกเจ้าสามารถพึ่งพาได้มีเพียงพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและการพยายามฝึกฝนอย่างหนัก

!  พวกเจ้าทำได้เพียงแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

!”

“ด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิดและพลังที่แข็งแกร่งโดดเด่นเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติได้รับการเหลียวแลจากนิกาย

!”

“หากพวกเจ้าคนใดไร้ซึ่งความก้าวหน้าและทำตัวเกียจคร้าน

พวกเจ้าจะถูกใช้งานจิปาถะดั่งม้าลา หรือไม่ก็ถูกขับออกจากสำนัก !”

เสียงของชูไฮว่ซานดังกังวานทุบกระแทกเข้าสู่กลางหัวใจของทุกคน

เสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจและพลังแห่งแรงบันดาลใจที่ทำให้ศิษย์ใหม่ทุกคนรู้สึกฮึกเหิมจนโลหิตเดือดพล่าน

ในขณะเดียวกันคำพูดสั้นๆไม่กี่ประโยคของเขายังเปิดเผยกฎแห่งป่าของนิกายรวมไปถึงยุทธภพอีกด้วย

เอาชีวิตรอดให้ได้ถึงจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด

!

มีเพียงพลังอันแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น

!

ต่อจากนั้นชูไฮว่ซานก็เป็นเจ้าภาพกล่าวพิธีการเบื้องต้น

หลังจากผ่านพิธีการเรียบง่ายแล้ว

ศิษย์ทั้ง 100 คนก็ถือเป็นสาวกของนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างเป็นทางการ

ชูไฮว่ซานประกาศเสียงดัง

“เรือนด้านนอกแบ่งออกเป็นหอฝึกยุทธ์ 3 แห่งคือ

หอยุทธ์ไป๋ลู่ 白露 (น้ำค้างขาว) หอยุทธ์เจี้ยงหลิว 江流 (กระแสนที) และหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

风云 (เมฆาวายุ)”

“นับจากการจัดอันดับของพวกเจ้าในแว่นแคว้นต่างๆ อันดับที่ห้าถึงสิบจะต้องเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์ไป๋ลู่”

“อันดับที่สองถึงสี่ฝึกฝน ณ หอยุทธ์เจี้ยงหลิว  มีเพียงอันดับหนึ่งในแต่ละสถานที่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

!”

“หลังจากนี้ผู้ดูแลทั้งสามจะมาจัดแจงเรื่องราวต่างๆให้พวกเจ้าเอง”

หลังจากกล่าวจบชูไฮว่ซานก็เดินออกจากซินหลานหยวน

ศิษย์ใหม่ทั้ง

100 เข้าใจความหมายของชูไฮว่ซานเป็นอย่างดี พวกมันแสดงสีหน้าอันซับซ้อนออกมา

เห็นได้ชัดว่าศิษย์สามัญทั่วไปจะต้องเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์ไป๋ลู่และเป็นหอยุทธ์ที่รวมผู้คนไว้มากที่สุด

เฉพาะจอมยุทธ์ที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์เจี้ยงหลิวและได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่สูงขึ้น

สำหรับหอยุทธ์ฟงอวิ๋นนั้นมีเพียงอันดับหนึ่งในแต่ละดินแดนเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้

อีกทั้งยังจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะและสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่ดีที่สุด

เพียงแค่นิกายฝ่ายนอกยังมี

3 หอฝึกยุทธ์ซึ่งแบ่งไปตามคุณสมบัติความสามารถของศิษย์แต่ละคน จากจุดนี้เพียงจุดเดียวก็เห็นได้ชัดเจนว่านิกายพันธมิตรสวรรค์ย่อมมีการแข่งขันสูงมากและมีการถือลำดับขั้น

จากนั้นผู้ดูแลคนแรกก็ขึ้นไปยืนบนแท่น

เขาก็คือผู้ดูแลของหอยุทธ์ไป๋ลู่

เขาหยิบบัญชีรายชื่อศิษย์ใหม่ออกมาและขานชื่อทั้งหมด 60 คน ซึ่งในนั้นก็รวมไปถึงจี้เค่อด้วยเช่นกัน

รุ่นเยาว์ทั้ง

60 คน ก้าวเดินออกมาจากฝูงชนและไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าของแท่นสูง

หลังจากขานรายชื่อครบแล้ว

ผู้ดูแลก็พาพวกเขาทั้ง 60 คนออกไปจากซินหลานหยวนเพื่อเดินทางไปยังหอยุทธ์ไป๋ลู่  ทำให้ผู้คนในลานกว้างสูญหายไปเกินครึ่งทันที

จากนั้นผู้ดูแลของหอยุทธ์เจี้ยงหลิวก็ขึ้นไปบนแท่นเพื่ออ่านรายชื่อศิษย์ใหม่อีก

29 คน

คนทั้ง

29 นี้รวมไปถึงเจี้ยนหวู่เซิงและเว่ยหลิงเฟิงอีกด้วย  แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้จี้เทียนซิงขบคิดไม่เข้าใจก็คือ

เหตุใดถึงไม่มีชื่อองค์ชายจี้หลิง ?

อีกครู่ต่อมาผู้ดูแลหอยุทธ์เจี้ยงหลิวก็จากไปพร้อมกับรุ่นเยาว์อีก

29 คน

ตอนนี้เหลือเพียงจี้เทียนซิงและอีก

9 คนเท่านั้นที่ยังอยู่ในลานกว้าง ชัดเจนว่าคนที่เหลือทั้งหมดนี้คือผู้ที่จะได้เข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

นอกจากนี้

จี้เทียนซิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่องค์ชายจี้หลิงก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

อีกทั้งเมื่อเขาได้กวาดสายตามองคนที่เหลือทั้งหมดก็พบคนคุ้นหน้าทันที

นั่นก็คือชายหนุ่มที่เขาเคยพบในเมืองเฟิงหยาง

หลานชายของจอมพลเฉียนคุน  เนี่ยห่าว!

จี้เทียนซิงเอะใจขึ้นมาทันที

ที่แท้เมื่อตอนที่เขาได้พบกับเนี่ยห่าวในเมืองเฟิงหยาง  อีกฝ่ายก็คิดจะเดินทางมายังนิกายพันธมิตรสวรรค์เช่นกัน

เพียงแค่เดินทางหลังจากเขาไม่กี่วัน

พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนิกายพันธมิตรสวรรค์

จึงไม่รู้ว่าทั้งสองต่างก็เป็นศิษย์ใหม่ของนิกายเดียวกัน

เนี่ยห่าวย่อมเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นเหมาหรงเป็นแน่

ดังนั้นเขาถึงได้อยู่ในกลุ่มสุดท้ายเพื่อรอเข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น !

หลังแยกทางกันที่เมืองเฟิงหยาง

จี้เทียนซิงก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก เขาไม่คิดเลยว่าภายไปไม่กี่วันก็ได้เจอสหายผู้นี้ในนิกายพันธมิตรสวรรค์อีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นอันดับหนึ่งในถิ่นฐานของตนเองและได้เข้าร่วมหอยุทธ์ฟงอวิ๋นพร้อมกัน

หัวใจของจี้เทียนซิงรู้สึกอิ่มเอม

มันเป็นโชคชะตาที่วิเศษนัก !

เห็นได้ชัดว่าเนี่ยห่าวก็เห็นอีกฝ่ายเช่นกัน

มันหลิ่วตาให้อีกฝ่ายและพยักหน้าทักทาย

ในเวลานี้เองผู้ดูแลหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เดินไปที่แท่นสูงและมองฝูงชนอย่างสงบพลางกล่าวว่า “ข้าคือฮั่นเฉียวเซิงผู้ดูแลหอยุทธ์ฟงอวิ๋น นับจากนี้ไปพวกเจ้าทั้ง 10 จะต้องเข้าสู่หอฟงอวิ๋นและได้รับการสอนสั่งที่นั่น…”

ศิษย์ใหม่ทุกคนต่างคำนับให้ฮั่นเฉียวเซิงและกล่าวด้วยความเคารพ

“ศิษย์คารวะผู้ดูแลฮั่น !”

ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าเล็กน้อยและบอกให้ทุกคนลุกขึ้น

จากนั้นก็อธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ในบรรดาพวกเจ้าทั้ง

10   9 คนเป็นอันดับหนึ่งในแต่ละดินแดน

ยกเว้นจี้หลิงที่ได้รับสิทธิพิเศษเนื่องจากลู่หมิงหยางผู้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนเชื่อมปราณ

ดังนั้นมันจึงได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายในและย้ายออกไปแล้ว”

“ในเมื่อมีตำแหน่งว่าง

จี้หลิงจึงได้เข้ามาเป็นกรณีพิเศษ  …”

ฮั่นเฉียวเซิงอธิบายเล็กน้อยและทำให้จี้เทียนซิงเข้าใจเรื่องราวในทันที

อย่างไรก็ตามในใจของเขาก็เริ่มคาดเดาว่าเหตุผลที่จี้หลิงเข้าเสียบแทนในตำแหน่งว่างทั้งๆที่มันเป็นอันดับสองย่อมมีเหตุผลซ้อนเร้นมากกว่าที่ฮั่นเฉียวเซิงกล่าวเป็นแน่

เป็นไปได้มากที่สุดก็คือจี้หลิงเป็นบุคลที่นิกายพันธมิตรสวรรค์กำลังตามหา

ดังนั้นมันจึงได้สิทธิพิเศษ !

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็กำหมัดแน่นและกระซิบแผ่วเบา

“ศัตรูทางแคบเสียจริง

ข้าไม่คิดเลยว่าจี้หลิงจะได้เข้าร่วมในหอยุทธ์เดียวกันกับข้า”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะฝึกฝนอย่างหนักและเหยียบย่ำมันให้จมธรณีอีกสักครา! ”