ไป๋ลู่, เจี้ยงหลิวและฟงอวิ๋น
สามวันผ่านพ้นไป
วันนี้เป็นวันพิธีสำคัญสำหรับศิษย์ใหม่ทุกคน
ศิษย์ใหม่ทั้งหนึ่งร้อยคนต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่อสะสางกิจวัตรประจำวันและเตรียมพร้อมเข้าพิธี
“ศิษย์ใหม่ทั้งหลายขอให้มารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสเพื่อรอพบอาวุโสฝ่ายนอกและสามผู้ดูแลนิกาย !”
สิ้นเสียงที่แผ่กระจายไปทั่วซินหลานหยวนของอาวุโสฝ่ายนอก
ศิษย์ใหม่ทั้งร้อยคนก็เปิดประตูออกมาและทยอยเดินไปรวมตัวกันที่ลานกว้าง
ถึงแม้ว่ารุ่นเยาว์ทั้งร้อยคนนี้จะเป็นอัจฉริยะจากทั่วทั้งอาณาจักรที่ล้วนแต่โดดเด่นและมีเกียรติ
แต่หากนำมาเทียบกับนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วพวกมันไม่นับเป็นอันใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ทุกคนกำลังจะได้เข้าพิธีรายงานตัว
พวกมันย่อมต้องการทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายนอกและผู้ดูแลนิกายรู้สึกประทับใจ
ในช่วงเวลาสั้นๆ
ศิษย์ใหม่ทั้งหนึ่งร้อยคนก็มายืนอยู่กลางลานกว้างและรอคอยด้วยความเคารพ
ไม่นานหลังจากนั้น
ชายชราที่มีผมขาวในชุดคลุมสีม่วงก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ดูแลทั้งสามที่สวมเสื้อคลุมสีดำ
ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าชายชราเสื้อคลุมม่วงดูเปี่ยมไปด้วยบารมีและสง่าผ่าเผย คนผู้นี้สมควรเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอก
ส่วนผู้ดูแลทั้งสามก็มีบุคลหนึ่งที่จี้เทียนซิงรู้จักมักคุ้น
ฮั่นเฉียวเซิง
!
ซึ่งในตอนคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติในเมืองจักรวรรดิชิงหยุน
คนผู้นี้ก็เป็นเจ้าภาพนั่นเอง
ผู้อาวุโสฝ่ายนอกเดินไปที่ลานกว้างและยืนบนแท่นสูงทางทิศเหนือเพื่อกวาดสายตามองบรรดาศิษย์ใหม่
หลังจากมองดูแล้วเขาก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจและกล่าวว่า “ข้าคือ ชูไฮว่ซาน
เป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอก ทำหน้าที่ดูแลศิษย์สายนอกทั้ง 2400 คนและเรื่องราวต่างๆ”
“พวกเจ้าทุกคนเป็นหนุ่มสาวที่มากพรสวรรค์จากทั่วทุกแว่นแคว้น
บ้างก็เป็นผู้มีความสามารถและพรสวรรค์โดยธรรมชาติ
บ้างก็เป็นลูกหลานตระกูลผู้มั่งคั่งร่ำรวยหรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์…”
“แต่ ! ทันทีที่เจ้าย่างกรายเข้ามาที่นี่และเป็นสาวกนิกายพันธมิตรสวรรค์ จงลืมทุกสิ่งไปซะ ชื่อเสียงและฐานะของพวกเจ้านั้นถือเป็นเรื่องไร้สาระและไร้ประโยชน์สำหรับที่นี่
!”
“สิ่งที่พวกเจ้าสามารถพึ่งพาได้มีเพียงพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและการพยายามฝึกฝนอย่างหนัก
! พวกเจ้าทำได้เพียงแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
!”
“ด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิดและพลังที่แข็งแกร่งโดดเด่นเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติได้รับการเหลียวแลจากนิกาย
!”
“หากพวกเจ้าคนใดไร้ซึ่งความก้าวหน้าและทำตัวเกียจคร้าน
พวกเจ้าจะถูกใช้งานจิปาถะดั่งม้าลา หรือไม่ก็ถูกขับออกจากสำนัก !”
เสียงของชูไฮว่ซานดังกังวานทุบกระแทกเข้าสู่กลางหัวใจของทุกคน
เสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจและพลังแห่งแรงบันดาลใจที่ทำให้ศิษย์ใหม่ทุกคนรู้สึกฮึกเหิมจนโลหิตเดือดพล่าน
ในขณะเดียวกันคำพูดสั้นๆไม่กี่ประโยคของเขายังเปิดเผยกฎแห่งป่าของนิกายรวมไปถึงยุทธภพอีกด้วย
เอาชีวิตรอดให้ได้ถึงจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด
!
มีเพียงพลังอันแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น
!
ต่อจากนั้นชูไฮว่ซานก็เป็นเจ้าภาพกล่าวพิธีการเบื้องต้น
หลังจากผ่านพิธีการเรียบง่ายแล้ว
ศิษย์ทั้ง 100 คนก็ถือเป็นสาวกของนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างเป็นทางการ
ชูไฮว่ซานประกาศเสียงดัง
“เรือนด้านนอกแบ่งออกเป็นหอฝึกยุทธ์ 3 แห่งคือ
หอยุทธ์ไป๋ลู่ 白露 (น้ำค้างขาว) หอยุทธ์เจี้ยงหลิว 江流 (กระแสนที) และหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
风云 (เมฆาวายุ)”
“นับจากการจัดอันดับของพวกเจ้าในแว่นแคว้นต่างๆ อันดับที่ห้าถึงสิบจะต้องเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์ไป๋ลู่”
“อันดับที่สองถึงสี่ฝึกฝน ณ หอยุทธ์เจี้ยงหลิว มีเพียงอันดับหนึ่งในแต่ละสถานที่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
!”
“หลังจากนี้ผู้ดูแลทั้งสามจะมาจัดแจงเรื่องราวต่างๆให้พวกเจ้าเอง”
หลังจากกล่าวจบชูไฮว่ซานก็เดินออกจากซินหลานหยวน
ศิษย์ใหม่ทั้ง
100 เข้าใจความหมายของชูไฮว่ซานเป็นอย่างดี พวกมันแสดงสีหน้าอันซับซ้อนออกมา
เห็นได้ชัดว่าศิษย์สามัญทั่วไปจะต้องเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์ไป๋ลู่และเป็นหอยุทธ์ที่รวมผู้คนไว้มากที่สุด
เฉพาะจอมยุทธ์ที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปฝึกฝนในหอยุทธ์เจี้ยงหลิวและได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่สูงขึ้น
สำหรับหอยุทธ์ฟงอวิ๋นนั้นมีเพียงอันดับหนึ่งในแต่ละดินแดนเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้
อีกทั้งยังจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะและสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่ดีที่สุด
เพียงแค่นิกายฝ่ายนอกยังมี
3 หอฝึกยุทธ์ซึ่งแบ่งไปตามคุณสมบัติความสามารถของศิษย์แต่ละคน จากจุดนี้เพียงจุดเดียวก็เห็นได้ชัดเจนว่านิกายพันธมิตรสวรรค์ย่อมมีการแข่งขันสูงมากและมีการถือลำดับขั้น
จากนั้นผู้ดูแลคนแรกก็ขึ้นไปยืนบนแท่น
เขาก็คือผู้ดูแลของหอยุทธ์ไป๋ลู่
เขาหยิบบัญชีรายชื่อศิษย์ใหม่ออกมาและขานชื่อทั้งหมด 60 คน ซึ่งในนั้นก็รวมไปถึงจี้เค่อด้วยเช่นกัน
รุ่นเยาว์ทั้ง
60 คน ก้าวเดินออกมาจากฝูงชนและไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าของแท่นสูง
หลังจากขานรายชื่อครบแล้ว
ผู้ดูแลก็พาพวกเขาทั้ง 60 คนออกไปจากซินหลานหยวนเพื่อเดินทางไปยังหอยุทธ์ไป๋ลู่ ทำให้ผู้คนในลานกว้างสูญหายไปเกินครึ่งทันที
จากนั้นผู้ดูแลของหอยุทธ์เจี้ยงหลิวก็ขึ้นไปบนแท่นเพื่ออ่านรายชื่อศิษย์ใหม่อีก
29 คน
คนทั้ง
29 นี้รวมไปถึงเจี้ยนหวู่เซิงและเว่ยหลิงเฟิงอีกด้วย แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้จี้เทียนซิงขบคิดไม่เข้าใจก็คือ
เหตุใดถึงไม่มีชื่อองค์ชายจี้หลิง ?
อีกครู่ต่อมาผู้ดูแลหอยุทธ์เจี้ยงหลิวก็จากไปพร้อมกับรุ่นเยาว์อีก
29 คน
ตอนนี้เหลือเพียงจี้เทียนซิงและอีก
9 คนเท่านั้นที่ยังอยู่ในลานกว้าง ชัดเจนว่าคนที่เหลือทั้งหมดนี้คือผู้ที่จะได้เข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
นอกจากนี้
จี้เทียนซิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่องค์ชายจี้หลิงก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
อีกทั้งเมื่อเขาได้กวาดสายตามองคนที่เหลือทั้งหมดก็พบคนคุ้นหน้าทันที
นั่นก็คือชายหนุ่มที่เขาเคยพบในเมืองเฟิงหยาง
หลานชายของจอมพลเฉียนคุน เนี่ยห่าว!
จี้เทียนซิงเอะใจขึ้นมาทันที
ที่แท้เมื่อตอนที่เขาได้พบกับเนี่ยห่าวในเมืองเฟิงหยาง อีกฝ่ายก็คิดจะเดินทางมายังนิกายพันธมิตรสวรรค์เช่นกัน
เพียงแค่เดินทางหลังจากเขาไม่กี่วัน
พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนิกายพันธมิตรสวรรค์
จึงไม่รู้ว่าทั้งสองต่างก็เป็นศิษย์ใหม่ของนิกายเดียวกัน
เนี่ยห่าวย่อมเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นเหมาหรงเป็นแน่
ดังนั้นเขาถึงได้อยู่ในกลุ่มสุดท้ายเพื่อรอเข้าสู่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น !
หลังแยกทางกันที่เมืองเฟิงหยาง
จี้เทียนซิงก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก เขาไม่คิดเลยว่าภายไปไม่กี่วันก็ได้เจอสหายผู้นี้ในนิกายพันธมิตรสวรรค์อีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นอันดับหนึ่งในถิ่นฐานของตนเองและได้เข้าร่วมหอยุทธ์ฟงอวิ๋นพร้อมกัน
หัวใจของจี้เทียนซิงรู้สึกอิ่มเอม
มันเป็นโชคชะตาที่วิเศษนัก !
เห็นได้ชัดว่าเนี่ยห่าวก็เห็นอีกฝ่ายเช่นกัน
มันหลิ่วตาให้อีกฝ่ายและพยักหน้าทักทาย
ในเวลานี้เองผู้ดูแลหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เดินไปที่แท่นสูงและมองฝูงชนอย่างสงบพลางกล่าวว่า “ข้าคือฮั่นเฉียวเซิงผู้ดูแลหอยุทธ์ฟงอวิ๋น นับจากนี้ไปพวกเจ้าทั้ง 10 จะต้องเข้าสู่หอฟงอวิ๋นและได้รับการสอนสั่งที่นั่น…”
ศิษย์ใหม่ทุกคนต่างคำนับให้ฮั่นเฉียวเซิงและกล่าวด้วยความเคารพ
“ศิษย์คารวะผู้ดูแลฮั่น !”
ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าเล็กน้อยและบอกให้ทุกคนลุกขึ้น
จากนั้นก็อธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ในบรรดาพวกเจ้าทั้ง
10 9 คนเป็นอันดับหนึ่งในแต่ละดินแดน
ยกเว้นจี้หลิงที่ได้รับสิทธิพิเศษเนื่องจากลู่หมิงหยางผู้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนเชื่อมปราณ
ดังนั้นมันจึงได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายในและย้ายออกไปแล้ว”
“ในเมื่อมีตำแหน่งว่าง
จี้หลิงจึงได้เข้ามาเป็นกรณีพิเศษ …”
ฮั่นเฉียวเซิงอธิบายเล็กน้อยและทำให้จี้เทียนซิงเข้าใจเรื่องราวในทันที
อย่างไรก็ตามในใจของเขาก็เริ่มคาดเดาว่าเหตุผลที่จี้หลิงเข้าเสียบแทนในตำแหน่งว่างทั้งๆที่มันเป็นอันดับสองย่อมมีเหตุผลซ้อนเร้นมากกว่าที่ฮั่นเฉียวเซิงกล่าวเป็นแน่
เป็นไปได้มากที่สุดก็คือจี้หลิงเป็นบุคลที่นิกายพันธมิตรสวรรค์กำลังตามหา
ดังนั้นมันจึงได้สิทธิพิเศษ !
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็กำหมัดแน่นและกระซิบแผ่วเบา
“ศัตรูทางแคบเสียจริง
ข้าไม่คิดเลยว่าจี้หลิงจะได้เข้าร่วมในหอยุทธ์เดียวกันกับข้า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะฝึกฝนอย่างหนักและเหยียบย่ำมันให้จมธรณีอีกสักครา! ”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved