จี้เทียนซิงเงยหน้าขึ้นมองอนุสาวรีย์กระบี่โบราณและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผู้อาวุโสจางเทียน ท่านเรียกข้ามาที่นี่หรือ ?”
ภายในอนุสาวรีย์กระบี่โบราณเกิดเสียงแหบพร่าของดวงจิตกระบี่จางเทียนขึ้นมาในทันที มันยังคงฟังดูสูงส่งและเกินอาจเอื้อมเหมือนเช่นเคย
“ถูกแล้ว”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและถามอีกครั้ง
“ข้าขอบังอาจถามท่านผู้อาวุโส ท่านเรียกข้ามาที่นี่เพื่อกิจธุระอันใดหรือ ?”
จิตกระบี่จางเทียนกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“เจ้าหนู ถึงแม้ว่าเจ้าจะสามารถฝึกปรือวิถีใจกระบี่จนถึงระดับต้นได้จริง แต่ทั้งหมดทั้งมวล
เจ้าก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ผู้ต้อยต่ำที่ถูกจำกัดศักยภาพและพรสวรรค์
ชั่วชีวิตลิขิตให้เจ้าฝึกได้ถึงขั้นที่สี่เท่านั้น ไม่มีทางก้าวถึงขั้นที่ห้าได้”
“ต่อให้การหยั่งรู้และความเข้าใจของเจ้าจะพอให้ข้ายอมรับได้
และมีมวลอารมณ์ที่หนักแน่นแข็งแกร่ง
แต่เจ้าก็มิได้ครอบครองกายาและสายเลือดที่แข็งแกร่งพอ เจ้าไม่มีวาสนาที่จะก้าวไปได้ไกลกว่านี้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามว่า "อาวุโสจางเทียน
ท่านเรียกข้ามาที่นี่ก็เพื่อชักชวนให้เลิกฝึกวิถีใจกระบี่หรือไง ?"
จิตกระบี่จางเทียนเงียบไปครู่หนึ่งและเริ่มพูดต่อไปว่า
"แม้นว่าร่างกายเจ้าจะอ่อนปวกเปียกและศักยภาพต้อยต่ำ แต่จากการสังเกตของข้า
เจ้ามีจิตใจที่แน่วแน่และไม่ยอมแพ้ต่อหนทางที่ยากลำบากในการฝึกวิถีใจกระบี่"
จี้เทียนซิงพยักหน้าและพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แน่นอน !
วิถีใจกระบี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้ !”
หลังจากหยุดพูดชั่วคราว
จี้เทียนซิงก็มองไปที่อนุสาวรีย์กระบี่ด้วยสายตาที่ครุ่นคิดและถามว่า “อาวุโสจางเทียน ในเมื่อท่านชักนำข้ากลับเข้ามาในนี้และยังชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของข้าแถมยังบอกความลับพวกนี้ให้ฟัง
แสดงว่าท่านย่อมมีหนทางแก้ไขคุณสมบัติตามธรรมชาติที่ข้าพร่องไป ถูกหรือไม่ ?!”
จิตกระบี่จางเทียนกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“ถูก
เจ้าฉลาดมาก”
“เนื่องจากเจ้าสามารถฝึกวิถีใจกระบี่ด้วยกายมนุษย์สำเร็จแม้จะเป็นเคล็ดความส่วนน้อยก็ตาม
ข้าสามารถช่วยเจ้าแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องศักยภาพโดยกำเนิดได้”
“ในอดีตกาล
เทพกระบี่เคยย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรเทียนเฉินและทิ้งสมบัติบางอย่างไว้ในดินแดนดาราบรรพกาล
มันคือเลือดหนึ่งหยดของเทพกระบี่ที่ถูกปิดผนึกไว้ในประคำดารา”
“หากเจ้าสามารถค้นพบประคำดาราและได้รับเลือดหยดนั้นมา
เจ้าจะสามารถผสานสายเลือดเทพกระบี่ซึ่งช่วยแก้ไขข้อบกพร่องโดยธรรมชาติของเจ้า จากนั้นเจ้าจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างต่อเนื่องจนถึงขีดขั้นสูงสุดแห่งเต๋ากระบี่
!”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางเทียน
ดวงตาของจี้เทียนซิงก็สว่างไสวและหัวใจเต็มไปด้วยความคาดหวังและความปรารถนา
“ดินแดนดาราบรรพกาล... โลหิตเทพ
ประคำดารา....”
“ขอบคุณท่านมากผู้อาวุโสจางเทียน ข้าจำได้หมดแล้ว
!”
ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งที่จิตกระบี่จางเทียนกล่าวมานั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ฝึกวิถีใจกระบี่ขั้นสูงขึ้นได้เท่านั้น
แต่มันยังเป็นรากฐานที่มั่นคงในการฝึกเต๋ากระบี่ในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก
หากเขาได้รับโลหิตเทพกระบี่จากประคำดารา
เขาไม่เพียงแค่สามารถชดเชยข้อบกพร่องและขีดจำกัดของกายมนุษย์ได้เท่านั้น
แต่ยังสามารถฝึกฝนวิถีใจกระบี่ได้อย่างไม่ติดขัด
เรื่องนี้จะไม่ให้เขาตื่นเต้นไหวได้อย่างไร
?
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงสงบใจลงอย่างรวดเร็ว ภายในใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างลึกล้ำ
“ดินแดนดาราบรรพกาลว่ากันว่าเป็นดินแดนโบราณที่ลึกลับที่สุดในอาณาจักรเทียนเฉิน
ตำนานกล่าวไว้ว่ามันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาอำนาจในยุคโบราณใช้ผ่านเข้าออก ในนั้นเป็นเหมือนโลกเล็กๆใบหนึ่ง”
“สุดยอดนิกายทั้งเจ็ดรวมไปถึงนิกายหนุนสวรรค์ล้วนตั้งอยู่ใกล้กับดินแดนดาราบรรพกาล
แต่ละนิกายต่างก็ตั้งอยู่บนชีพจรวิญญาณของดินแดนแห่งนั้น....”
“ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า การเดินทางไปยังดินแดนดาราบรรพกาลเพื่อตามหาประคำดารา
ไม่ต้องสงสัยเลยมันย่อมเป็นการงมเข็มในกองฟาง ชั่วชีวิตไม่รู้ว่าจะหาเจอหรือไม่”
“จิตกระบี่จางเทียนบอกเรื่องนี้แก่ข้า แม้ว่ามันจะน่าตื่นเต้นยินดีแต่ก็เหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน.... ”
ในเวลานี้เอง
จิตกระบี่จางเทียนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าหนู
อีกไม่กี่วันนี้เจ้ากำลังจะเดินทางไปยังนิกายหนุนสวรรค์ใช่หรือไม่ ?”
“นิกายแห่งนั้นก็นับว่าอยู่ในดินแดนดาราบรรพกาลนั่นแหละ
เมื่อเจ้าตั้งหลักในนิกายได้ก็จงพยายามตามประคำดาราอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน”
“หากเจ้าต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่
เจ้าต้องมีรากฐานในการบ่มเพาะกระบี่อันล้ำลึกเฉกเช่นเดียวกับเทพกระบี่
ซึ่งนี่เป็นหนทางเดียวเท่านั้น !”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วกับคำพูดของจางเทียนและถามด้วยความสงสัยว่า
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องเดินทางไปยังนิกายหนุนสวรรค์ในอีกไม่กี่วัน
?”
จิตกระบี่จางเทียนหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ ทีเรื่องอื่นล่ะหัวไวเป็นกรด
ไฉนเรื่องแค่นี้ถึงเดาไม่ออกได้เล่า ? ก็ข้าสถิตย์อยู่ในกายของเจ้า
เจ้าทำอะไรข้าย่อมรู้หมด”
“หากไม่ใช่เพราะข้า ตอนที่เจ้ากำลังจะถูกจิ้งจอกสวรรค์ตัวน้อยนั่นจับกินในถ้ำน้ำแข็งทมิฬ
เจ้าจะรอดมาถึงวันนี้หรือ ? มันจะยอมสยบและตามเจ้าต้อยๆได้อย่างไร”
จี้เทียนซิงตกตะลึง
เขาอ้าปากค้างและสีหน้าแสดงให้เห็นถึงความเคารพที่มีต่อจิตกระบี่จางเทียน
“จริงสิ อาวุโสจางเทียน ท่านพูดว่าเฉียนเยวี่ยเป็นจิ้งจอกสวรรค์
? ท่านช่วยอธิบายเรื่องนี้ได้หรือไม่”
จิตกระบี่จางเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“มันก็แค่สัตว์อสูรเทวะจากสวรรค์ก็เท่านั้น
บนโลกใบนี้นับว่าไม่มีค่าอันใด แต่ถ้าเป็นโลกนั้น.... ”
จางเทียนกล่าวยังไม่จบประโยคก็หยุดไปทันทีและไม่พูดต่อ
เขาหันเหหัวเรื่องว่า
“เอาเป็นว่าช่วงนี้เจ้าดูแลมันไว้ก็แล้วกัน
มันนับเป็นโชควาสนาที่ดี นอกจากนี้มันจะเป็นตัวช่วยอันยิ่งใหญ่ให้เจ้าได้ในอนาคต”
ในเมื่อจิตกระบี่จางเทียนไม่คิดที่จะพูดถึงเฉียนเยวี่ยไปมากกว่านี้
จี้เทียนซิงก็ไม่กล้าถามให้มากความ เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว
ขอบคุณท่านอาวุโสจางเทียนกระตุ้นเตือน”
“อาวุโส
วันนี้ท่านบอกกล่าวเรื่องราวต่อข้ามากมายแถมยังช่วยหาวิธีแก้ไขศักยภาพแต่กำเนิดของข้า ข้าเดาว่าท่านย่อมมีเหตุผลบางประการใช่หรือไม่ ?”
จี้เทียนซิงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ
การที่อีกฝ่ายช่วยมันแสดงว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้จิตกระบี่จางเทียนก็ไม่ได้มีมิตรภาพอันดีต่อมันมากนัก
แต่อีกฝ่ายกลับบอกความลับมากมายแถมยังช่วยคิดหาวิธี
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
จิตกระบี่จางเทียนกล่าวออกมาตามตรงโดยไม่ปิดบังว่า “ถูกต้อง
ข้าช่วยเจ้าย่อมมีเหตุผล ประการแรก
ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามีบางอย่างที่เชื่อมโยงกับเทพกระบี่”
“แต่เหตุผลหลักก็คือ ข้าต้องการให้เจ้าเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อช่วยให้ข้าได้ดูดซับพลังงานที่มากยิ่งขึ้นจนกระทั่งลืมตาตื่นได้อย่างสมบูรณ์”
“พลังงานที่ข้าได้ดูดซับมาจากจิ้งจอกสวรรค์ตัวน้อยนั้นอ่อนแอเกินไป
มันทำให้ข้าได้สติเท่านั้นแต่ยังไม่ถึงกับตื่นได้ตลอดเวลา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นและเผยรอยยิ้มลี้ลับขึ้น
“เป็นแบบนี้นี่เอง อาวุโสจางเทียน งั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเรา”
“ท่านชี้นำให้ข้ามุ่งสู่เส้นทางเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ หลังจากที่ข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจะช่วยท่านฟื้นฟูพลังงาน เช่นนี้เป็นไง ?”
จิตกระบี่จางเทียนหัวเราะลั่นขึ้นมาทันที
จากนั้นอนุสาวรีย์กระบี่ก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยเจตน์กระบี่อันเกรี้ยวกราดที่เป่าพัดสายลมบนท้องนภา
“ฮ่าๆๆๆ
เจ้าหนูมนุษย์ที่ต้อยต่ำกลับกล้าวางเงื่อนไขกับจิตวิญญาณกระบี่ปิดสวรรค์อย่างข้า
!”
“ดี
! นับว่าเป็นเจ้าหนูน้อยที่น่าสนใจไม่เลว.....
มันเป็นอย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ”
เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากจางเทียนอย่างอ้อมๆในที่สุด
จากนั้นอนุสาวรีย์กระบี่ก็แผ่พุ่งพลังงานไร้สภาวะสายหนึ่งออกมาและผลักร่างของจี้เทียนซิงออกจากสุสานเทพกระบี่
“วูบ !”
จิตสำนึกของชายหนุ่มกลับคืนสู่สังขาร
ดวงตาของมันเปิดขึ้น
“ดินแดนดาราบรรพกาล, ประคำดารา, โลหิตแห่งเทพกระบี่ !”
“ข้าไม่มีวันท้อถอยต่อเส้นทางแห่งวิถีใจกระบี่
ข้าจะหาประคำดาราเพื่อโลหิตเทพกระบี่ให้ได้อย่างแน่นอน !”
จี้เทียนซิงกำหมัดแน่นและลอบสาบานในใจ
หลังจากนั้นไม่นานอารมณ์ของเขาก็สงบลงและเริ่มฝึกฝนอย่างหนักต่อเนื่อง ในช่วง 4 วันต่อมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องลับและไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย
จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันที่
5 หลังจากบ่มเพาะจนเพียงพอแล้ว
เขาก็เดินออกจากห้องลับใต้ดิน
ในเวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากและอยู่ไม่ไกลจากเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่
6 !
และแล้ววันนี้ก็มาถึง
มันเป็นวันที่เขาและองค์หญิงน้อยจี้เค่อจะต้องออกเดินทาง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved