ตอนที่ 326

ตอนที่

326 โลกแห่งข่ายอาคม

ซื่อเหวินหยูเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาของมันที่จ้องมองจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยจิตสังหารพลุกพล่าน

ทว่า มันพยายามข่มความโกรธแค้นไว้ในใจ

คนขบฟันแน่นไม่พูดตอบโต้ใดๆออกมา

มันก้นด่าสาปแช่งอีกฝ่ายในใจอย่างลับๆ "จี้เทียนซิง  ไอ้ตัวสารเลวอัปรีย์ !”

"หากตอนปะทะกับแมงมุมยักษ์ที่ชั้นสี่ข้าไม่เพลี่ยงพล้ำจนได้รับบาดเจ็บพลังถดถอย

คิดหรือว่าข้าจะสนใจตัวบัดซบอย่างเจ้า ?!"

"คอยดูเถอะ

หลังออกไปจากหอคอยเจ็ดดาวได้เมื่อไหร่

ข้าเล่นเจ้าแน่ ! ข้าจะให้เจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตา !"

ซื่อเหวินหยูข่มความแค้นนี้ไว้ในใจ

จ้องมองจี้เทียนซิงด้วยแววตาดุร้าย จากนั้นสะบัดปลายแขนเสื้อหันหลังเดินลงจากเขา

จี้เทียนซิงไม่สนใจอีกฝ่าย

พลันขี่หลังเฉียนเยวี่ยขึ้นไปบนฟ้าและบินต่อไป

ก่อนที่จะเข้ามาในหอคอยเจ็ดดาว หยุนเหยาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ที่นางเคยพานพบ

หากเราต้องการผ่านโลกชั้นที่ห้า

เราจะต้องค้นหาจุดสิ้นสุดของโลกเพื่อตามหาประตูวาร์ปไปยังชั้นต่อไป

ในเวลานั้น จี้เทียนซิงฟังและเคยคิดตาม

มันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่น่าจะยากเย็นนัก

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันอันตรายและยากลำบากมากเพียงใด

หลังจากเข้าสู่โลกชั้นที่ห้า เราจะมีขนาดตัวที่เล็กมากแต่ต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรประหลาดขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน

หากตัวเราหดเล็กลงขนาดนี้ การจะค้นหา ‘ขอบ’ ของโลกใบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องผ่านภูเขาไปอีกกี่ลูก

ต้องเดินทางไปไกลเพียงใด !

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดินบนภูเขาพวกเขาจะต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งในขอบเขตปราณโอสถ

นี่มันยากเกินไป !

โชคดีที่จี้เทียนซิงมิได้เดินทางสุ่มสี่สุ่มห้าและพยายามเลี่ยงสัตว์อสูรขนาดใหญ่

เขาและสัตว์เลี้ยงทั้งสองต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่

ร่วมเข่นฆ่าสัตว์อสูรหลายต่อหลายตัวเพื่อพัฒนาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

จนในที่สุดรูปร่างของเขาก็กลับคืนสู่ปรกติ

...........

ในไม่ช้า สองวันก็ผ่านไป

ตลอดช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมาเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงผลัดกันบิน

ออกเดินทางหาเบาะแสอย่างต่อเนื่อง

พวกมันทั้งสองบินรวมกันเป็นระยะทางมากกว่า 3,000 ไมล์และหยุดพักกลางทางหลายครั้ง

แม้ว่าจี้เทียนซิงจะยังหาขอบของโลกใบนี้ไม่พบ

แต่ความแข็งแกร่งของเขาและสัตว์เลี้ยงทั้งสองก็เพิ่มพูมขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พวกเขาพยายามค้นหาต่อไปด้วยความอดทน และทุกๆสามถึงสี่ชั่วยาม

เขาจะให้พวกมันสลับกันไปพัก

ในช่วงกลางดึกของวันที่ห้า   ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มาถึงสุดขอบโลก

มันคือภูเขาสูงตระหง่านที่มีความสูงกว่า 10,000 เมตร !  ด้านหลังภูเขานั้นมีแต่เพียงความมืดอันไร้ขอบเขตราวกับไม่มีอะไรอยู่

ภูเขายักษ์ลูกนี้เป็นยอดเขาสูงลิบลิ่วราวกับกำแพงเสียดฟ้าที่แทบจะตั้งฉาก

มันปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกเหนือภูเขา

จี้เทียนซิงบอกให้เฉียนเยวี่ยบินอย่างต่อเนื่องผ่านแผ่นฟ้า

, ข้ามทะเลเมฆอันกว้างใหญ่เพื่อขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของยอดเขายักษ์

ด้านบนของภูเขาเป็นพื้นที่แบนราบและมีประตูแสงสีขาวที่ทอดยาวกว่าร้อยเมตรตั้งอยู่

นั่นคือประตูสู่โลกชั้นหกของหอคอยเจ็ดดาว

เฉียนเยวี่ยลงจอดบนยอดเขา

จี้เทียนซิงนำมันเก็บไว้ในถุงมิติ จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปในประตู

"วูบ !"

แสงสว่างวาบผ่านและร่างของจี้เทียนซิงก็หายลับตาไป

ในวินาทีต่อมา เขาออกจากโลกชั้นที่ห้าของหอคอยเจ็ดดาว

เข้ามาถึงชั้นที่หกและได้ปรากฏตัวในโลกที่แปลกประหลาดใบหนึ่ง

ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าเขายืนอยู่บนสนามหญ้าสีเขียวขจี

พื้นดินนุ่มและชื้น ปกคลุมไปด้วยหญ้าสูงครึ่งตัวคน

มีดอกไม้ป่าให้เห็นรำไรบนพื้นหญ้า

กลิ่นหอมของพืชพรรณและต้นไม้ในอากาศโชยมาแตะจมูก

ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าครามและมีก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์

เขาเงยหน้าขึ้นหันไปมองในระยะไกลและได้เห็นภูเขาลูกน้อยอยู่ห่างออกไปไกลหลายร้อยไมล์

มันกระจายไปรอบๆสี่ทิศ

ไกลออกไปมีภูเขาหลายแห่งที่มีความสูงแตกต่างกัน กระจัดกระจายอยู่ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล

ภูเขาแต่ละลูกถูกปกคลุมด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม

รื้นไปด้วยชั้นหมอกบางๆจนได้กลิ่นอายของแมกไม้สีเขียว

อากาศช่างบริสุทธิ์ มันราวกับเป็นสรวงสวรรค์อันอุดมสมบูรณ์

รัศมีพลังของโลกใบนี้เป็นดั่งขุมทรัพย์สำหรับจิตวิญญาณของผู้ฝึกตน เพียงสูดหายใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวย

หากปิดด่านบ่มเพาะที่โลกนี้ย่อมเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

มันจะใช้เวลาน้อยลงและช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วยิ่ง

จี้เทียนซิงก้าวเท้าเดินไปตามทุ่งหญ้าชั่วขณะหนึ่ง เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์รอบตัวและอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกระซิบแผ่วเบาว่า

“สถานที่แห่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก

มันอุดมไปด้วยรัศมีพลังฟ้าดิน หากได้บ่มเพาะที่นี่นานๆจะดีเพียงใดนะ..."

อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตนเองคงไม่มีวาสนาพอได้บ่มเพาะอยู่ที่นี่

ในใจของเขามีจุดประสงค์สำหรับการเดินทางครั้งนี้อยู่เสมอ

เขาคิดที่จะผ่านไปยังชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาวและนำโลงหยกวิญญาณไปวางให้ได้โดยเร็วที่สุด

จากนั้นเขาปล่อยเฉียนเยวี่ยออกจากถุงมิติและขึ้นขี่หลังมัน

บินขึ้นไปเหนือท้องฟ้า

เมื่อได้มาถึงบนท้องฟ้าสูงจากพื้นดินหลายพันเมตร

ทัศนวิสัยและมุมมองของเขาก็กว้างขึ้น

"ศิษย์พี่บอกข้าว่าโลกชั้นที่หกนั้นพิเศษยิ่ง

มันไม่มีอันตราย แต่ลึกลับมาก..."

"นางบอกว่าโลกใบนี้เป็นโลกแห่งข่ายอาคม

คนผู้นั้นจะต้องทำลายข่ายอาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถึงจะออกไปจากที่นี่ได้"

"เช่นนั้น...

ข่ายอาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของที่นี่คืออะไรและอยู่ที่ไหนกันนะ ?"

จี้เทียนซิงขบคิดในใจอย่างเงียบงันในขณะที่เฝ้าสังเกตภูเขาและแม่น้ำเบื้องล่าง

ในไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปสองชั่วยาม

เฉียนเยวี่ยบินไปหลายร้อยไมล์และทำให้จี้เทียนซิงได้เห็นสถานการณ์หลายร้อยไมล์รอบๆ

ในพื้นที่โดยรอบมีแต่ทุ่งหญ้าไร้ที่สิ้นสุดและมียอดเขานับสิบลูกที่กระจัดกระจายไปทั่ว ซึ่งยอดเขาหลายสิบลูกนี้เป็นเขาลูกเล็กๆเหมือนหลังแกะหรือวัวที่มองเห็นได้ทั่วไปจากบนท้องฟ้า

นอกจากยอดเขาหลายสิบลูกแล้ว ยังมีทะเลสาบในทุ่งหญ้าที่ใสเหมือนกระจก

ส่องประกายระยิบระยับสะท้อนแสงทิตย์

ถึงแม้ว่าทิวทัศน์ที่ดูราวกับอยู่บนสวรรค์นี้จะวิเศษยิ่ง

แต่จี้เทียนซิงก็ไร้ซึ่งเจตนาจะชื่นชมพวกมัน ในสมองของเขามีแต่เพียงความคิดในการค้นหาและทำลายข่ายอาคม

เวลาผ่านไปทั้งวันโดยไม่รู้ตัว

เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงผลัดกันพาเขาบินเป็นระยะทางหลายพันไมล์

แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเยี่ยงนี้ แต่พวกเขาก็ยังหาข่ายอาคมไม่พบ

ในความคิดของเขา เส้นทางที่ผ่านมาหลายพันไมล์มีแต่ทิวทัศน์อันงดงามของทุ่งหญ้าและยอดเขา

มันดูเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์ เช่นนั้นแล้วจะมีร่องรอยของข่ายอาคมให้เห็นได้อย่างไร

?

แต่หยุนเหยาไม่มีทางโกหกเขา

โลกใบนี้ต้องมีข่ายอาคมที่ควบคุมทุกอย่างอยู่แน่นอน

เขาจำเป็นจะต้องค้นหาและทำลายมันเพื่อจะผ่านไปยังชั้นต่อไปให้ได้

จี้เทียนซิงเพ่งทั้งสายตาและแผ่จิตสัมผัสออกไปอย่างต่อเนื่อง

ไม่ปล่อยให้เบาะแสใดๆเล็ดรอดไปได้

อีกสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงค้นหาสองวันติดต่อกัน สังเกตยอดเขาหลายสิบแห่งและแม้กระทั่งเข้าสู่ทะเลสาบ

แต่เขาก็ยังหาวิธีการก่อตัวของข่ายอาคมไม่ได้

ในตอนเที่ยงของวันนั้นเอง เขาขี่หลังเฉียนเยวี่ยบินเหนือท้องฟ้าสูงจ้องไปด้านหน้า

ภายในใจครุ่นคิดอย่างเงียบงัน

"การก่อตัวของข่ายอาคมอันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้คืออะไรกันนะ

?"

เขาคิดเรื่องนี้มาสองวันแล้ว

ทันใดนั้นเอง แสงแห่งความคิดส่องผ่านในใจของเขา

ความคิดบางประการพลันผุดขึ้นอย่างฉับพลัน

ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างตื่นตัว

แววตาสั่นระริกและเปล่งประกายด้วยแสงสว่างเจิดจ้า

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่แผดเผาอยู่บนท้องฟ้า

มองเห็นทุ่งหญ้าและภูเขาด้านล่างจนพบเบาะแสในทันที

ดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันที่ส่องแสงลงมาตกกระทบพื้นหญ้าเป็นระยะทางหลายพันไมล์ก็เป็นดั่งข่ายอาคมสีฟ้า

ยอดเขาหลายสิบแห่งและทะเลสาบสองแห่งที่กระจัดกระจายอยู่บนทุ่งหญ้าเป็นเหมือนรูปแบบการก่อตัวของข่ายอาคมและค่ายกล

จี้เทียนซิงประติดประต่อร่องรอยทั้งหมดจนตระหนักได้ในทันทีและพึมพำด้วยความประหลาดใจ

"มิน่าเล่า... ข้าค้นหาเบาะแสมาหลายพันไมล์ก็ยังไม่พบการก่อตัว"

"ที่แท้ทุ่งหญ้า ภูเขาและทะเลสาบ รวมไปถึงท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ที่แผดเผา

ทั้งหมดนี้คือการก่อตัวของข่ายอาคมบนโลกนี้"

"ใช้ฟ้าดินเป็นรากฐาน

ใช้ภูเขาและทะเลสาบเป็นเส้นชีพจร

ช่างเป็นการก่อตัวของข่ายอาคมตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด !”

"ต้องใช่แน่

! วิเศษและน่าทึ่งนัก

!"

จี้เทียนซิงตั้งสมาธิและเปิดตากว้าง

เพ่งมองฟ้าดินจนในที่สุดก็สังเกตเห็นการก่อตัวของข่ายอาคมอันยิ่งใหญ่

การค้นพบนี้ไม่เพียงทำให้เขารู้สึกสบายใจและโล่งอก

แต่มันยังเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอย่างมาก เขาได้รับประโยชน์ในการฝึกฝนวิถีแห่งข่ายอาคม

จากนั้นเขาบอกให้เฉียนเยวี่ยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงและสังเกตข่ายอาคมฟ้าดินนี้อย่างถี่ถ้วน  ในใจครุ่นคิดถึงวิธีการทำลายการก่อตัวของมัน