ตอนที่ 349 หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต ?

เหตุผลที่ฉู่เทียนเซิงยกอ้างเรื่องเผ่ามารขึ้นมาพูดคือการทำให้สิ่งต่างๆชัดเจนขึ้น

ในตอนแรกฉู่เทียนเซิงคาดคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย  เทียนเจี้ยนจงสมรู้ร่วมคิดกับพวกมาร, ถูกพวกมารควบคุมบงการหรือว่าถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว

?

ยิ่งถ้าเป็นในกรณีเลวร้ายที่สุดคือนิกายกระบี่ฟ้าตกต่ำลงจนสมคบคิดกับพวกมาร  ผลที่ตามมาก็ยากที่ฉู่เทียนเซิงจะรับมือไหว

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

ฉู่เทียนเซิงก็จะต้องหาทางกำจัดนิกายกระบี่ฟ้าเพื่อปกป้องชีวิตของผู้คนนับพันล้านในอาณาจักรเทียนเฉิน

หากมันพบว่าสองฝ่ายมีการติดต่อกันจริง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านิกายกระบี่ฟ้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆเลย

ไม่เพียงแค่ประมุขนิกายของมัน, เกาอวี่เท่านั้น

แต่ยังรวมถึงเหล่าผู้เฒ่า ผู้ดูแล พ่อบ้านตลอดจนยามเฝ้าประตูนิกาย

ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สังเกตเห็นความผิดปรกติจากคนนอกที่แฝงตัวอยู่

ก่อนหน้านี้ฉู่เทียนเซิงเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วและเจตนาฆ่าฟัน

แต่เมื่อได้คิดสะระตะอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้เองหยุนเหยาได้เอ่ยปากกล่าวย้ำกับมันอีกครั้งผ่านทางสัมผัสญาณว่า

"ท่านอาจารย์คะ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนการของพวกมาร"

"เผ่ามารได้วางแผนนี้ขึ้นเพื่อจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างนิกายกระบี่ฟ้าและนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้รบราฆ่าฟันกันเอง

!"

"ท่านอาจารย์ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉิน  ท่านต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ  หากสองนิกายใหญ่ต่อสู้กันเอง รังแต่จะเสียหายทุกฝ่าย

เมื่อถึงเวลานั้นพวกมารจะฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ !"

"ถึงตอนนั้น ถ้าจักรพรรดิมารทำลายผนึกจนออกมาได้

ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินจะลุกเป็นไฟ”

สัมผัสญาณที่ส่งข้อความเสียงไปนี้

ไม่เพียงแค่บอกกล่าวให้ฉู่เทียนเซิงได้รับรู้เท่านั้น

แต่มันยังรวมไปถึงจี้เทียนซิงอีกด้วย

จี้เทียนซิงส่งเสียงตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

“ท่านอาจารย์ โปรดเห็นแก่สถานการณ์โดยรวมก่อน

นิกายเราไม่สมควรแตกหักกับกระบี่ในตอนนี้นะขอรับ !”

"มิฉะนั้นอาจเสียท่าเข้าทางพวกมาร

เหวี่ยงแหรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด"

ฉู่เทียนเซิงนิ่งไปครู่หนึ่งและพยักหน้าพลางตอบกลับศิษย์ทั้งสองด้วยสัมผัสญาณว่า

“อืม  พวกเจ้าทั้งสองรู้หนักเบาและอ่านสถานการณ์ได้ดีมาก

อาจารย์ก็มีความคิดแบบเดียวกับพวกเจ้า”

ในเวลานี้เองเทียนเจี้ยนจงที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไปพลันตะโกนเสียงดังว่า

“ฉู่เทียนเซิง

! เป็นใบ้ไปแล้วหรือไง

มีอะไรจะพล่ามอีกไหม ?”

ฉู่เทียนเซิงสาดสายตาที่เย็นชาจ้องมองพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"เกาอวี่

ในวันนี้ข้าจะไม่เถียงกับเจ้าเมื่อเผ่ามารอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจคำพูดของข้าเอง"

"เมื่อที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า

แต่ตอนนี้เจ้าต้องปล่อยตัวศิษย์ของข้ากลับมา !”

เมื่อได้ยินประโยคนี้เกาอวี่และเหล่าผู้เฒ่าต่างคิดว่าหูฝาดไป

ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

เกาอวี่พลันกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “ฉู่เทียนเซิงนี่เจ้าแก่ตัวจนเลอะเลือนไปแล้วหรือ

?”

"ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะไม่คิดเอาเรื่องนิกายกระบี่ฟ้า

แต่เจ้าต้องมีรับผิดชอบให้ข้า !”

"หากไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลเพียงพอ

นิกายกระบี่ฟ้าของข้าสาบานว่าจะล้างบางนิกายพันธมิตรสวรรค์ของเจ้าให้มอดม้วยกันไปข้างหนึ่ง  ทวงความยุติธรรมให้เหวินหยูศิษย์ข้า !"

ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้ว

มันต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมและต้องระงับความโกรธ พลางถามด้วยเสียงลุ่มลึกว่า “เกาอวี่

เจ้าต้องการให้ข้ารับผิดชอบอะไร ?"

วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนิกายกระบี่ฟ้าก็คือการใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อประกาศสงครามกับนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างชอบธรรม

หนำซ้ำยังได้แนวร่วมอีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงและนิกายเจิ้นหวู่

มันไม่อาจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้

มันจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาเย็นเยียบพลันเกิดความคิดดีๆขึ้นในหัวทันที

"ฉู่เทียนเซิง ยุทธภพมีกฏเกณฑ์

ฆ่าคนต้องชดใช้

ศิษย์เจ้าจี้เทียนซิงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดีแต่มันก็สังหารเหวินหยูศิษย์ข้า  ข้าต้องการให้มันชดใช้ด้วยชีวิต !”

"เจ้ามอบตัวจี้เทียนซิงมาให้ข้า

ข้าจะใช้เลือดและกะโหลกศีรษะของมันเซ่นดวงวิญญาณเหวินหยูบนสวรรค์ !”

ฉู่เทียนเซิงและผู้อาวุโสหลายคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย

พวกมันต่างแสดงความโกรธแค้นขุ่นเคือง

"พอกันที

เจ้าคิดจะให้ข้าฉู่เทียนเซิงมอบศิษย์ตัวเองให้เจ้าไปแล่เนื้อเถือหนังตามใจงั้นหรือ

?  ไม่มีวัน !”

"เกาอวี่

เจ้าหาที่ตายแล้ว !”

ฉู่เทียนเซิงมีสีหน้าเย็นชาพลางกล่าวสวนทันควันด้วยความโกรธ

สิ่งนี้เทียนเจี้ยนจงคาดเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่เห็นด้วยซึ่งก็เข้าแผนของมันทันที

มันตะโกนตอบด้วยความโกรธในทันทีว่า "ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม

? นิกายกระบี่ฟ้าของข้าเป็นผู้ถูกกระทำ

ข้ามิได้ล่วงเกินมันแต่ฉู่เทียนเซิงกลับไร้เหตุผลและรังแกผู้คน !”

"ฉู่เทียนเซิง ในเมื่อเจ้าไม่ยอมประนีประนอม

เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก”

“พวกเจ้าไสหัวกลับนิกายไปได้เลยและรอคอยให้ดี

!  ยอดฝีมือของนิกายกระบี่ฟ้าทุกคนจะตามล้างโคตรชาวนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้เหี้ยน

ทวงความยุติธรรม !”

เมื่อได้เห็นการเจรจาระหว่างฉู่เทียนเซิงและเทียนเจี้ยนจงที่เละไม่เป็นท่า

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปะทุลมปราณพร้อมรบ และกำลังจะเริ่มทำสงครามอย่างเป็นทางการ

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและยืนบังหน้าทุกคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์

เขาจ้องมองไปที่เทียนเจี้ยนจงด้วยสีหน้าวางเปล่า

พลางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ประมุขเกา

มีเจ้าหนี้ย่อมมีลูกหนี้

ในเมื่อซื่อเหวินหยูตกตายด้วยน้ำมือข้า

เช่นนั้นข้าก็ขอใช้ชีวิตตัวเองจบความแค้นครั้งนี้ !”

"ต่อหน้าประมุขนิกายและผู้อาวุโสมากหลาย

ข้า จี้เทียนซิงจะขอรับการลงมือจากท่าน หลังจากหนึ่งกระบวนท่าผ่านไป

หากข้าตายก็ถือว่าชดใช้ให้ซื่อเหวินหยู"

"แต่ถ้าหากข้ายังมีชีวิตรอด

พวกเราสองฝ่ายถือว่าจบกัน ไม่มีฝ่ายใดคิดแค้นต่อกันและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก  ท่านคิดยังไง ?”

น้ำเสียงของจี้เทียนซิงดังมากจนแพร่กระจายไปทั่วทั้งภูเขากระบี่ศักดิศิ์สิทธิ์

เหล่าผู้คนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงและอุทานออกมา

แม้แต่ฉู่เทียนเซิงและหยุนเหยาก็ยังหน้าซีดเผือดพลางกล่าวห้ามแทบจะทันทีว่า

"เทียนซิง ! อย่าได้หุนหันทำเป็นเล่น !”

"ศิษย์น้องเทียนซิง เรื่องนี้ทำไม่ได้  เจ้าจะตาย !"

"เทียนซิง  เกาอวี่เป็นยอดฝีมือระดับปราณฟ้า

ห่างกับเจ้าถึงสองระนาบใหญ่ มันเพียงวาดฝ่ามือก็ระเบิดขุนเขาทั้งลูกได้  เจ้าจะทานรับไหวได้อย่างไร ? ถอนคำพูดซะ

!"

"ไม่ได้ เป็นไม่ได้แน่นอน

เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ"

"เทียนซิง

เจ้าหวังดีต่อนิกายพวกเราเข้าใจ

แต่อนาคตของเจ้ายังอีกยาวไกล เจ้าเป็นความหวังของนิกายเรา

ชีวิตเจ้าชดเชยชีวิตซื่อเหวินหยูมันไม่คุ้มกัน คิดให้ดีเถอะ !”

เทียนเจี้ยนจงและพรรคพวกเต็มไปด้วยสีหน้าซับซ้อนพลางถกเถียงกันไม่หยุดปาก

"จี้เทียนซิงยังเด็กมาก

เปี่ยมล้นไปด้วยพลังและความมั่นใจเกินตัวจนไม่รู้ว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหน “

"เฮอะ ! เจ้าเด็กนี่หยิ่งผยองอวดดีนัก

มันรนหาที่ตายเอง !”

"อย่าว่าแต่มันเป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตเลย

ต่อให้เป็นภูเขาทั้งลูกก็ยังต้องราบพนาสูญด้วยฝ่ามือของท่านประมุข !”

"ประมุขเกา

ในเมื่อเจ้าเด็กน้อยจี้เทียนซิงอยากตาย เช่นนั้นท่านก็สงเคราะห์มันเถิด  ฆ่ามันเซ่นดวงวิญญาณของเหวินหยูในสวรรค์ !”

เทียนเจี้ยนจงคิ้วดิ่งลงและมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

เจตนาเดิมของมันไม่เพียงแค่ฆ่าจี้เทียนซิงเท่านั้น

แต่จะลามไปถึงการล้างบางนิกายพันธมิตรสวรรค์ทั้งหมด !”

เพียงเพราะการออกหน้ารับผิดชอบเรื่องทั้งหมดของมัน  การเสนอวิธีลดความขัดแย้งนี้ต่อหน้าผู้คนก็ทำลายแผนการทั้งหมดของมันในทันที

หากมันไม่ยอมรับ แน่นอนมันจะยังสามารถใช้ความตายของซื่อเหวินหยูเป็นข้ออ้างในการโจมตีนิกายพันธมิตรสวรรค์โดยชอบธรรม

แต่ด้วยทางเลือกนี้นิกายกระบี่ฟ้าจะไม่มีเหตุผลเพียงพอในการเรียกระดมพลจากนิกายอื่น

เข้าเป็นแนวร่วมในการปิดล้อมนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้

ถ้าหากมันยอมรับข้อเสนออีกฝ่าย

อย่างมากมันก็ซัดฝ่ามือเดียวดับลมหายใจของจี้เทียนซิง ล้างแค้นให้กับซื่อเหวินหยู

ทว่า หลังจากจี้เทียนซิงตกตายไป

ปัญหานี้ก็จะจบ เทียนเจี้ยนจงจะไม่มีผลเหตุใดในการประกาศสงครามกับอีกฝ่ายได้อีก

มันตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

มันเป็นทางเลือกที่ยากลำบากยิ่งนัก

ในเวลานี้เองฉู่เทียนเซิงก็ก้าวออกไปมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลันกล่าวอย่างจริงจังว่า

“เทียนซิง

! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตัดสินใจเรื่องนี้โดยพลการ

!”

"เอี๋ยนเอ๋อร์เป็นศิษย์ข้า

เจ้าก็เป็นศิษย์ข้า คนอย่างข้าฉู่เทียนเซิงมีชีวิตมานับร้อยปี

ไม่มีทางที่จะยอมเสียลูกศิษย์ไปเพราะเรื่องงี่เง่าพรรค์นี้เป็นอันขาด !”

จี้เทียนซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเช่นเดียวกัน  "ท่านอาจารย์ขอรับ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาความบาดหมางในตอนนี้

และยังสามารถประคองสถานการณ์โดยรวมได้อีก"

"โปรดเชื่อใจศิษย์  ตั้งแต่ที่เสนอวิธีนี้ไป

ศิษย์ก็มีหนทางแก้ไขอยู่แล้ว

ศิษย์จะไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งอย่างไร้สาระเช่นนี้แน่นอน”

“ศิษย์มั่นใจว่าสามารถรับมือมันได้

!”