ยับยั้งเพลิงคะนอง
จี้เทียนซิงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิและเปลวไฟภายในถ้ำได้อย่างชัดเจน
ความรู้สึกนี้รุนแรงมากยิ่งกว่าตอนที่เขามาเยือนครั้งแรก
ความรู้สึกยิ่งเด่นชัดมากขึ้นในขณะที่เขาเดินผ่านทางเดินที่แคบและคดเคี้ยว
จนไปถึงถ้ำว่างเปล่าซึ่งเป็นที่อยู่ของเอี๋ยนเอ๋อร์
ภายในรัศมีร้อยเมตรในถ้ำกว้างใหญ่
อากาศร้อนระอุราวกับมันกำลังเผาไหม้
ปรากฏเปลวไฟสีเหลืองและแดงเข้มในอากาศ
พื้นดินและผนังถ้ำกลายเป็นสีแดงชาด
หญ้าวิญญาณและเห็ดวิญญาณที่เติบโตอยู่ตามมุมของถ้ำ
ถูกกระบวนการนี้เร่งการเจริญเติบโตจนแทบจะถึงจุดที่เข้าวัยโตเต็มไว
ระหว่างทางเดิน
หินเจียระไนหลายสิบก้อนกลายเป็นสีแดงดั่งเปลวไฟ
ไข่ยักษ์สีเทาอันเย็นเยือกที่ห่อหุ้มร่างของเอี๋ยนเอ๋อร์เอาไว้ปรากฏรอยปริแตกบนพื้นผิวของมัน
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเฝ้ามองดูบรรยากาศที่ผิดแผก
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามอันน่าเกรงขามจากมุมถ้ำ
เขาหันไปจ้องมองกองหินที่มุมๆหนึ่งและได้เห็นพยัคฆ์ขาวเนตรขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง
มันก็คือเสี่ยวไป๋ สัตว์อสูรวิญญาณของเอี๋ยนเอ๋อร์นั่นเอง
เสี่ยวไป๋ค่อมตัวลงด้วยท่าทางระแวดระวัง
แววตาที่จ้องมองจี้เทียนซิงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดรุนแรง
มันส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องราวกับว่าคิดกระตุ้นเตือนอะไรบางอย่าง
จี้เทียนซิงจ้องมองมัน
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและส่งเสียงถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ซื่อบื้อเอ๊ย... เสี่ยวไป๋
เจ้าจำข้าไม่ได้หรือไง ? หรือว่าเจ้ายังโกรธข้าอยู่”
เสี่ยวไป๋ชะงักไปวูบหนึ่ง
ดวงตาทอประกายเหมือนจะเข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย มันหยุดคำรามขู่ แต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องจี้เทียนซิงอย่างไม่ละสายตา
จี้เทียนซิงไม่สนใจมันอีกต่อไป
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ไข่ยักษ์พลันส่งเสียงร้องเรียก “เอี๋ยนเอ๋อร์ ! ศิษย์พี่มาเยี่ยมเจ้าแล้ว”
หลังจากที่เขาตะโกนเรียกอยู่สองสามครั้ง
เอี๋ยนเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาและถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ศิษย์พี่เทียนซิง ? ท่านมาเหรอ ?”
“เป็นข้าเอง วันนี้ข้ามาเยี่ยมเจ้า”
จี้เทียนซิงตอบกลับและถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์ ช่วงนี้อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
ดีขึ้นไหม ?”
อารมณ์ของเอี๋ยนเอ๋อร์ดีขึ้น
น้ำเสียงแสดงออกถึงความตื่นเต้นดีใจและรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เทียนซิงที่เป็นห่วง ช่วงนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากเลย
เพลิงคะนองในร่างข้าถูกกีดกันออกไปหลายส่วน ไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและถามด้วยความกังวลว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์เมื่อไหร่เจ้าถึงจะหายดีและออกมาจากไข่ยักษ์น้ำแข็งนี้ได้ ?”
เอี๋ยนเอ๋อร์เงียบไปชั่วครู่หนึ่ง
อารมณ์กลายเป็นหนักอึ้งพลันก้มศีรษะลงอย่างอับจนปัญญา “ศิษย์พี่เทียนซิง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน....”
“ท่านอาจารย์ได้จัดวางข่ายปราณนี้ไว้โดยใช้เส้นชีพจรวิญญาณในภูเขา
สร้างเป็นไข่ยักษ์อันหนาวเย็นนี้เพื่อให้ข้าควบคุมความเกรี้ยวกราดของเพลิงคะนองในร่าง
แต่ปัญหาที่แก้ไม่ตกก็คือ
ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถขจัดความดุร้ายของมันออกไปได้อย่างสมบูรณ์
ข้าจึงไม่สามารถออกไปจากข่ายปราณนี้ได้”
จี้เทียนซิงสัมผัสได้ชัดเจนว่าเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยพอใจที่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในถ้ำราวกับคนป่วยติดเตียง
เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจศิษย์น้องผู้นี้และถามอย่างรวดเร็วว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์
ปัญหามันคืออะไร อธิบายให้ข้าฟังหน่อย”
เอี๋ยนเอ๋อร์อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ตลอดทั้งปีนี้ ข้าพยายามขับไล่เพลิงคะนองในร่างจนพวกมันแพร่กระจายไปทั่วถ้ำ
ข้าขับไล่พวกมันออกไปได้เพียงสองส่วนเท่านั้น
แต่มันกลับทำให้ถ้ำอู๋หยากลายเป็นดั่งทะเลเพลิง
เช่นนั้นหากข้าขับไล่พวกมันทั้งหมดในคราเดียว ท่านคิดว่าที่นี่จะมีสภาพอย่างไร ?”
“เพลิงคะนองนั้นแตกต่างจากเพลิงทั่วไป มันเป็นหนึ่งในพลังสายอัคคีที่รุนแรงเกรี้ยวกราดและทรงพลังที่สุด
อีกทั้งมันยังมีพลังอำนาจพอที่จะสะเทือนฟ้าดิน”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและรู้ว่าคำพูดของเอี๋ยนเอ๋อร์มิได้กล่าวเกินจริง
เพลิงคะนองในร่างของเขาเป็นหนึ่งในเพลิงที่ทรงพลังที่สุดในโลก
จากตำนานที่กล่าวไว้
มันคือหนึ่งในพลังทั้งสี่ซึ่งเป็นทั้งพลังแห่งการทำลายล้างและการสร้างสรรค์ชีวิตใหม่
ซึ่งพลังทั้งสี่นี้ช่างลึกลับและทรงพลังจนใกล้เคียงกับพลังของทวยเทพ
ด้วยเหตุนี้
เอี๋ยนเอ๋อร์ที่ขับพลังของมันออกไปได้เพียงสองส่วนกลับทำให้ถ้ำอู๋หยาที่กว้างใหญ่และทั่วทั้งภูเขาแทบกลายเป็นทะเลเพลิง
ถ้าหากเขาขับพลังเพลิงคะนองทั้งหมดในร่างออกไป
ย่อมไม่มีสิ่งใดทานทนได้อีกทั้งยังมีโอกาสน้อยที่จะสำเร็จ หากเขาขับมันที่นี่ย่อมก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่
ถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่ภูเขาทั้งลูกจะถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน
แต่มันจะกระจายออกไปยังภูเขาลูกอื่นและแม่น้ำเป็นวงกว้างหลายร้อยไมล์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นิกายพันธมิตรสวรรค์ก็อยู่ห่างจากภูเขาแห่งนี้เพียงสามร้อยไมล์
หลังจากเพลิงคะนองปะทุออกมาเต็มพิกัด นิกายย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ด้วยความคิดนี้
จี้เทียนซิงเผยสีหน้าเคร่งขรึมและพยักหน้ากล่าวว่า “เอี๋ยนเอ๋อร์
ข้าเข้าใจความกลัดกลุ้มกังวลของเจ้า เพลิงคะนองมีพลังในการแผดเผาฟ้าดิน
เจ้าไม่อาจขับมันออกได้ตามใจชอบ มิฉะนั้นจะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ไม่ต้องกังวลไป
ศิษย์พี่จะช่วยเจ้าคิดหาทางเรื่องนี้เอง”
เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าและตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณท่านมาก ศิษย์พี่เทียนซิง”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว
ความคิดโลดแล่นในใจอย่างต่อเนื่องเพื่อหาทุกวิถีทางในการขจัดเพลิงคะนองออกจากร่างของเอี๋ยนเอ๋อร์
หลังจากนั้นไม่นาน
จิตใจของเขาก็เปล่งแสงสว่างและเกิดความคิดขึ้น
เขาหันหน้าไปมองเสี่ยวไป๋ที่นอนหมอบอยู่มุมถ้ำและอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
"เอี๋ยนเอ๋อร์
เสี่ยวไป๋ได้เข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเพื่อปกป้องเจ้าเงียบๆใช่ไหม ?"
เอี๋ยนเอ๋อร์ตอบกลับทันทีและย้อนถามว่า
“ถูกต้องแล้วศิษย์พี่เทียนซิง ใช่มีปัญหาอันใดหรือไม่ ?”
จี้เทียนซิงยิ้มกว้างและกล่าวต่อไปว่า
“เอี๋ยนเอ๋อร์
เสี่ยวไป๋อยู่ใกล้เจ้ามาร่วมปีโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเพลิงคะนองของเจ้า
ข้ากำลังคิดอยู่ว่าหากเป็นเช่นนี้ มันย่อมมีความสามารถพอที่จะปรับแต่งเพลิงคะนอง
มันคงดูดซับพลังจากเจ้าโดยไม่รู้ตัวและเริ่มควบคุมเพลิงคะนองในขั้นแรกได้”
“กล่าวให้เจาะจง
ข้าหมายความว่าเจ้าน่าจะระบายเพลิงคะนองในร่างไปที่เสี่ยวไป๋
ให้มันเป็นฝ่ายดูดซับและปรับแต่ง !”
เอี๋ยนเอ๋อร์ตะลึงงันและถามด้วยความลังเลว่า
“ศิษย์พี่เทียนซิง เรื่องนี้สามารถทำได้หรือ ? ไม่มีปัญหาอะไรแน่นะ ?"
จี้เทียนซิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“อาจมีความเสี่ยง แต่วิธีนี้สมควรเป็นวิธีเดียวที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด พวกเราลองดูกันก่อน หากไม่ได้ผลก็หยุดมือ
หากสำเร็จก็นับว่าเป็นเรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย”
“มันไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าบรรเทาความเจ็บปวดจากเพลิงคะนอง
แต่ยังช่วยให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งพลังและเสริมความแข็งแกร่งของมันได้อย่างมาก นี่นับเป็นโอกาสและโชคลาภอันยิ่งใหญ่ของมันแล้ว”
หลังจากฟังการโน้มน้าวจากจี้เทียนซิง
เอี๋ยนเอ๋อร์เงียบไปครู่ใหญ่ในการตัดสินใจ สุดท้ายจึงคิดที่จะลองดู
“ตกลง ศิษย์พี่เทียนซิง ลองดูวิธีอย่างที่ท่านว่ากันเถอะ”
เสี่ยวไป๋ปกป้องคุ้มครองเอี๋ยนเอ๋อร์อย่างซื่อสัตย์มาเป็นเวลานานนับปี
เขาให้ความไว้วางใจและรักมันมาก หากวิธีการของจี้เทียนซิงใช้ได้ผล มันไม่เพียงแค่ทำให้เขาสามารถบรรเทาความเจ็บปวด
แต่ยังทำให้เสี่ยวไป๋ยกระดับพลังกลายเป็นสัตว์วิญญาณขั้นสูง
หากได้ผล เรื่องนี้นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาและมัน
เมื่อเห็นเอี๋ยนเอ๋อร์ตัดสินใจ
จี้เทียนซิงจึงเปิดถุงมิติและนำเฉียนเยวี่ยออกมาพลางกล่าวกับมันว่า “เฉียนเยวี่ย เจ้าสื่อสารกับพยัคฆ์ขาวเนตรทองได้หรือไม่ ? เจ้าลองถามมันดูว่า
มันสามารถรองรับพลังเพลิงคะนองจากเอี๋ยนเอ๋อร์และปรับแต่งให้เป็นพลังของมันเองได้หรือไม่
“อ้อ
ได้สิเดี๋ยวข้าถามให้”
เฉียนเยวี่ยพยักหน้าและกระพือปีกบินไปหาเสี่ยวไป๋ที่มุมถ้ำอย่างรวดเร็ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved