ตอนที่ 306

ยับยั้งเพลิงคะนอง

จี้เทียนซิงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิและเปลวไฟภายในถ้ำได้อย่างชัดเจน

ความรู้สึกนี้รุนแรงมากยิ่งกว่าตอนที่เขามาเยือนครั้งแรก

ความรู้สึกยิ่งเด่นชัดมากขึ้นในขณะที่เขาเดินผ่านทางเดินที่แคบและคดเคี้ยว

จนไปถึงถ้ำว่างเปล่าซึ่งเป็นที่อยู่ของเอี๋ยนเอ๋อร์

ภายในรัศมีร้อยเมตรในถ้ำกว้างใหญ่

อากาศร้อนระอุราวกับมันกำลังเผาไหม้

ปรากฏเปลวไฟสีเหลืองและแดงเข้มในอากาศ

พื้นดินและผนังถ้ำกลายเป็นสีแดงชาด

หญ้าวิญญาณและเห็ดวิญญาณที่เติบโตอยู่ตามมุมของถ้ำ

ถูกกระบวนการนี้เร่งการเจริญเติบโตจนแทบจะถึงจุดที่เข้าวัยโตเต็มไว

ระหว่างทางเดิน

หินเจียระไนหลายสิบก้อนกลายเป็นสีแดงดั่งเปลวไฟ

ไข่ยักษ์สีเทาอันเย็นเยือกที่ห่อหุ้มร่างของเอี๋ยนเอ๋อร์เอาไว้ปรากฏรอยปริแตกบนพื้นผิวของมัน

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเฝ้ามองดูบรรยากาศที่ผิดแผก

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามอันน่าเกรงขามจากมุมถ้ำ

เขาหันไปจ้องมองกองหินที่มุมๆหนึ่งและได้เห็นพยัคฆ์ขาวเนตรขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง

มันก็คือเสี่ยวไป๋ สัตว์อสูรวิญญาณของเอี๋ยนเอ๋อร์นั่นเอง

เสี่ยวไป๋ค่อมตัวลงด้วยท่าทางระแวดระวัง

แววตาที่จ้องมองจี้เทียนซิงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดรุนแรง

มันส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องราวกับว่าคิดกระตุ้นเตือนอะไรบางอย่าง

จี้เทียนซิงจ้องมองมัน

เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและส่งเสียงถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ซื่อบื้อเอ๊ย...  เสี่ยวไป๋

เจ้าจำข้าไม่ได้หรือไง ?  หรือว่าเจ้ายังโกรธข้าอยู่”

เสี่ยวไป๋ชะงักไปวูบหนึ่ง

ดวงตาทอประกายเหมือนจะเข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย มันหยุดคำรามขู่ แต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องจี้เทียนซิงอย่างไม่ละสายตา

จี้เทียนซิงไม่สนใจมันอีกต่อไป

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ไข่ยักษ์พลันส่งเสียงร้องเรียก “เอี๋ยนเอ๋อร์ ! ศิษย์พี่มาเยี่ยมเจ้าแล้ว”

หลังจากที่เขาตะโกนเรียกอยู่สองสามครั้ง

เอี๋ยนเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาและถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ศิษย์พี่เทียนซิง ? ท่านมาเหรอ ?”

“เป็นข้าเอง วันนี้ข้ามาเยี่ยมเจ้า”

จี้เทียนซิงตอบกลับและถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์ ช่วงนี้อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง

ดีขึ้นไหม ?”

อารมณ์ของเอี๋ยนเอ๋อร์ดีขึ้น

น้ำเสียงแสดงออกถึงความตื่นเต้นดีใจและรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เทียนซิงที่เป็นห่วง ช่วงนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากเลย

เพลิงคะนองในร่างข้าถูกกีดกันออกไปหลายส่วน ไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและถามด้วยความกังวลว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์เมื่อไหร่เจ้าถึงจะหายดีและออกมาจากไข่ยักษ์น้ำแข็งนี้ได้ ?”

เอี๋ยนเอ๋อร์เงียบไปชั่วครู่หนึ่ง

อารมณ์กลายเป็นหนักอึ้งพลันก้มศีรษะลงอย่างอับจนปัญญา “ศิษย์พี่เทียนซิง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน....”

“ท่านอาจารย์ได้จัดวางข่ายปราณนี้ไว้โดยใช้เส้นชีพจรวิญญาณในภูเขา

สร้างเป็นไข่ยักษ์อันหนาวเย็นนี้เพื่อให้ข้าควบคุมความเกรี้ยวกราดของเพลิงคะนองในร่าง

แต่ปัญหาที่แก้ไม่ตกก็คือ

ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถขจัดความดุร้ายของมันออกไปได้อย่างสมบูรณ์

ข้าจึงไม่สามารถออกไปจากข่ายปราณนี้ได้”

จี้เทียนซิงสัมผัสได้ชัดเจนว่าเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยพอใจที่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในถ้ำราวกับคนป่วยติดเตียง

เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจศิษย์น้องผู้นี้และถามอย่างรวดเร็วว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์

ปัญหามันคืออะไร อธิบายให้ข้าฟังหน่อย”

เอี๋ยนเอ๋อร์อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ตลอดทั้งปีนี้ ข้าพยายามขับไล่เพลิงคะนองในร่างจนพวกมันแพร่กระจายไปทั่วถ้ำ

ข้าขับไล่พวกมันออกไปได้เพียงสองส่วนเท่านั้น

แต่มันกลับทำให้ถ้ำอู๋หยากลายเป็นดั่งทะเลเพลิง

เช่นนั้นหากข้าขับไล่พวกมันทั้งหมดในคราเดียว ท่านคิดว่าที่นี่จะมีสภาพอย่างไร ?”

“เพลิงคะนองนั้นแตกต่างจากเพลิงทั่วไป มันเป็นหนึ่งในพลังสายอัคคีที่รุนแรงเกรี้ยวกราดและทรงพลังที่สุด

อีกทั้งมันยังมีพลังอำนาจพอที่จะสะเทือนฟ้าดิน”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและรู้ว่าคำพูดของเอี๋ยนเอ๋อร์มิได้กล่าวเกินจริง

เพลิงคะนองในร่างของเขาเป็นหนึ่งในเพลิงที่ทรงพลังที่สุดในโลก

จากตำนานที่กล่าวไว้

มันคือหนึ่งในพลังทั้งสี่ซึ่งเป็นทั้งพลังแห่งการทำลายล้างและการสร้างสรรค์ชีวิตใหม่

ซึ่งพลังทั้งสี่นี้ช่างลึกลับและทรงพลังจนใกล้เคียงกับพลังของทวยเทพ

ด้วยเหตุนี้

เอี๋ยนเอ๋อร์ที่ขับพลังของมันออกไปได้เพียงสองส่วนกลับทำให้ถ้ำอู๋หยาที่กว้างใหญ่และทั่วทั้งภูเขาแทบกลายเป็นทะเลเพลิง

ถ้าหากเขาขับพลังเพลิงคะนองทั้งหมดในร่างออกไป

ย่อมไม่มีสิ่งใดทานทนได้อีกทั้งยังมีโอกาสน้อยที่จะสำเร็จ หากเขาขับมันที่นี่ย่อมก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

ถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่ภูเขาทั้งลูกจะถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน

แต่มันจะกระจายออกไปยังภูเขาลูกอื่นและแม่น้ำเป็นวงกว้างหลายร้อยไมล์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นิกายพันธมิตรสวรรค์ก็อยู่ห่างจากภูเขาแห่งนี้เพียงสามร้อยไมล์

หลังจากเพลิงคะนองปะทุออกมาเต็มพิกัด นิกายย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ด้วยความคิดนี้

จี้เทียนซิงเผยสีหน้าเคร่งขรึมและพยักหน้ากล่าวว่า “เอี๋ยนเอ๋อร์

ข้าเข้าใจความกลัดกลุ้มกังวลของเจ้า เพลิงคะนองมีพลังในการแผดเผาฟ้าดิน

เจ้าไม่อาจขับมันออกได้ตามใจชอบ มิฉะนั้นจะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ไม่ต้องกังวลไป

ศิษย์พี่จะช่วยเจ้าคิดหาทางเรื่องนี้เอง”

เอี๋ยนเอ๋อร์พยักหน้าและตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ขอบคุณท่านมาก ศิษย์พี่เทียนซิง”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว

ความคิดโลดแล่นในใจอย่างต่อเนื่องเพื่อหาทุกวิถีทางในการขจัดเพลิงคะนองออกจากร่างของเอี๋ยนเอ๋อร์

หลังจากนั้นไม่นาน

จิตใจของเขาก็เปล่งแสงสว่างและเกิดความคิดขึ้น

เขาหันหน้าไปมองเสี่ยวไป๋ที่นอนหมอบอยู่มุมถ้ำและอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา

"เอี๋ยนเอ๋อร์

เสี่ยวไป๋ได้เข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเพื่อปกป้องเจ้าเงียบๆใช่ไหม ?"

เอี๋ยนเอ๋อร์ตอบกลับทันทีและย้อนถามว่า

“ถูกต้องแล้วศิษย์พี่เทียนซิง  ใช่มีปัญหาอันใดหรือไม่ ?”

จี้เทียนซิงยิ้มกว้างและกล่าวต่อไปว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์

เสี่ยวไป๋อยู่ใกล้เจ้ามาร่วมปีโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเพลิงคะนองของเจ้า

ข้ากำลังคิดอยู่ว่าหากเป็นเช่นนี้ มันย่อมมีความสามารถพอที่จะปรับแต่งเพลิงคะนอง

มันคงดูดซับพลังจากเจ้าโดยไม่รู้ตัวและเริ่มควบคุมเพลิงคะนองในขั้นแรกได้”

“กล่าวให้เจาะจง

ข้าหมายความว่าเจ้าน่าจะระบายเพลิงคะนองในร่างไปที่เสี่ยวไป๋

ให้มันเป็นฝ่ายดูดซับและปรับแต่ง !”

เอี๋ยนเอ๋อร์ตะลึงงันและถามด้วยความลังเลว่า

“ศิษย์พี่เทียนซิง เรื่องนี้สามารถทำได้หรือ ? ไม่มีปัญหาอะไรแน่นะ ?"

จี้เทียนซิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

“อาจมีความเสี่ยง แต่วิธีนี้สมควรเป็นวิธีเดียวที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด  พวกเราลองดูกันก่อน หากไม่ได้ผลก็หยุดมือ

หากสำเร็จก็นับว่าเป็นเรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย”

“มันไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าบรรเทาความเจ็บปวดจากเพลิงคะนอง

แต่ยังช่วยให้เสี่ยวไป๋ได้ปรับแต่งพลังและเสริมความแข็งแกร่งของมันได้อย่างมาก นี่นับเป็นโอกาสและโชคลาภอันยิ่งใหญ่ของมันแล้ว”

หลังจากฟังการโน้มน้าวจากจี้เทียนซิง

เอี๋ยนเอ๋อร์เงียบไปครู่ใหญ่ในการตัดสินใจ สุดท้ายจึงคิดที่จะลองดู

“ตกลง ศิษย์พี่เทียนซิง ลองดูวิธีอย่างที่ท่านว่ากันเถอะ”

เสี่ยวไป๋ปกป้องคุ้มครองเอี๋ยนเอ๋อร์อย่างซื่อสัตย์มาเป็นเวลานานนับปี

เขาให้ความไว้วางใจและรักมันมาก หากวิธีการของจี้เทียนซิงใช้ได้ผล มันไม่เพียงแค่ทำให้เขาสามารถบรรเทาความเจ็บปวด

แต่ยังทำให้เสี่ยวไป๋ยกระดับพลังกลายเป็นสัตว์วิญญาณขั้นสูง

หากได้ผล  เรื่องนี้นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาและมัน

เมื่อเห็นเอี๋ยนเอ๋อร์ตัดสินใจ

จี้เทียนซิงจึงเปิดถุงมิติและนำเฉียนเยวี่ยออกมาพลางกล่าวกับมันว่า “เฉียนเยวี่ย เจ้าสื่อสารกับพยัคฆ์ขาวเนตรทองได้หรือไม่ ? เจ้าลองถามมันดูว่า

มันสามารถรองรับพลังเพลิงคะนองจากเอี๋ยนเอ๋อร์และปรับแต่งให้เป็นพลังของมันเองได้หรือไม่

“อ้อ

ได้สิเดี๋ยวข้าถามให้”

เฉียนเยวี่ยพยักหน้าและกระพือปีกบินไปหาเสี่ยวไป๋ที่มุมถ้ำอย่างรวดเร็ว