ตอนที่ 153

ช่วยดวงวิญญาณที่ถูกผนึก

วลี

'ไปสู่สุคติ’ คือบทสวดของเหล่าพระภิกษุซึ่งเป็นคำพูดในสถานการณ์ทั่วไป

จากสภาพอันอนาถาของจี้หลิงในตอนนี้

จี้เทียนซิงก็คิดจะทำอย่างที่พูดไว้จริง

เขาต้องการปลดปล่อยดวงวิญญาณจี้หลิงให้ไปสู่สุขคติและกลับฝังความลับของนิกายที่จี้หลิงได้รับรู้

ทว่า

จี้หลิงไม่เข้าใจและไม่ยอมรับ เขากลายเป็นยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น

เขาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาเย็นชา

ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์และคำรามออกมาว่า “จี้เทียนซิง

! เจ้ามันเดรัจฉานชั่วช้า

เจ้ามันมารร้ายโหดเหี้ยมอำมหิต !”

“ข้ามีสายเลือดกระบี่ลี้ลับแท้ๆ

เหตุใดถึงไม่สามารถเปิดใช้งานมหาข่ายอาคมได้ ?

ทำไม  เพราะอะไร !”

“ทั้งๆที่หากข้าทำมันได้สำเร็จ

ข้าจะได้เป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข ข้าจะตกต่ำจนถูกเจ้าสังหารได้อย่างไร

!?”

จี้เทียนซิงมองอีกฝ่ายอย่างสงบ

มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “เหอะ

! สายเลือดกระบี่ลี้ลับเดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว

เจ้ามันเป็นแค่โจรร้ายที่น่ารังเกียจ เจ้าลอบวางอุบายช่วงชิงพลังสายเลือดของข้าไป ซึ่งมันไม่ใช่สายเลือดที่บริสุทธิ์

แน่นอนว่าย่อมไม่มีผล !"

จี้หลิงไหนเลยจะฟังคำอธิบายของจี้เทียนซิง

เขาคำรามต่อไปว่า “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคนสารเลวอย่างเจ้า ! เจ้าทำร้ายข้าได้สาหัสนัก ! กระทั่งตายแล้วข้ายังต้องถูกเผ่ามารสกัดวิญญาณและผนึกไว้ที่นี่

!”

“เราสองต่างก็เป็นคนของรัฐนภากระจ่าง แต่เจ้า !  เจ้ามันเป็นแค่ลูกหลานตระกูลขี้ข้าตัวน้อยๆ

ส่วนข้าเป็นถึงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ! ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้

! ข้าไม่ยอม ข้าไม่เต็มใจ !”

“เจ้าฆ่าข้า

ต่อให้เป็นผีข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ! จำไว้ให้ดี

จี้เทียนซิง !!”

จี้เทียนซิงยิ้มและส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า

“เหอะ !

หากพวกข้าไม่มาช่วยเจ้า แม้แต่โอกาสเป็นผีเกรงว่าเจ้าก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ !”

ในขณะนั้นเอง

เดิมทีลูกคริสตัลกักวิญญาณที่อยู่รอบๆกำลังหลับอย่างเงียบสงบ แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของจี้เทียนซิงกับจี้หลิง

ลูกคริสตัลที่ค่อนข้างเก่าแก่กว่าลูกอื่นที่อยู่ตรงหัวมุมก็ปรากฎร่างของชายชราในชุดคลุมยาวสีฟ้าขึ้น

คนผู้นั้นมิได้ส่งเสียงใดๆ

เขาเพียงแต่เงี่ยหูฟังการสนทนาระหว่างจี้เทียนซิงกับจี้หลิงอย่างระมัดระวัง

จนกระทั่งยามที่เขาได้ยินคำว่า

‘สายเลือดกระบี่ลี้ลับ’ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย  และหลังจากได้ยินคำว่า ‘รัฐนภากระจ่าง’ กับ ‘ตระกูลจี้’ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรงขึ้น

ดวงตาเปล่งประกายอย่างร้อนแรงและอารมณ์ของเขาก็ดูผันผวนตื่นเต้นอย่างยิ่ง

แต่ทว่า

เขาก็ยังมิได้เปล่งเสียงเพรียกวิญญาณออกมาและยังคงอยู่ในลูกคริสตัล

จับจ้องจี้เทียนซิงอย่างเงียบเชียบ

ในเวลาเดียวกันหยุนเหยากับไป๋หวู่เฉินก็เดินมาหาจี้เทียนซิงและมองไปที่ลูกคริสตัลที่มีวิญญาณของจี้หลิงที่ถูกกักขังเอาไว้

จี้หลิงยังคงสบถด่าทอและคำรามกึกก้องอยู่ในลูกคริสตัลด้วยความโกรธแค้น

ซึ่งหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินก็ไม่สนใจเขาและกระซิบกระซาบหาวิธีช่วยอีกฝ่ายออกมา

“ศิษย์พี่หญิง

โซ่เงินเหล่านี้ทำมาจากเครื่องเงินปีศาจและเชื่อมโยงกับลูกคริสตัลกักวิญญาณ พวกมันล้วนเป็นอุปกรณ์วิเศษที่ดูเหมือนว่าจะต้องทำลายอาคมที่ฉาบเคลือบพวกมันเอาไว้

จากนั้นค่อยดึงเอาลูกคริสตัลออกไป”

หยุนเหยาพยักหน้าและกล่าวว่า

“ศิษย์น้องไป๋

เจ้าสามารถทำลายอาคมของโซ่เงินปีศาจได้หรือไม่ ?”

ไป๋หวู่เชินครุ่นคิดอยู่วูบหนึ่งและกล่าวว่า

“ไม่น่าจะมีปัญหา ให้ข้าลองดูก่อน”

หลังจากการปรึกษาหารือกันเสร็จเรียบร้อย

ไป๋หวู่เชินก็หยิบเจดีย์ซวนจี๋ออกมาและร่ายอาคมเพื่อใช้พลังของมันในการทำลายอาคมโซ่เงินปีศาจ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

อาคมของโซ่เงินปีศาจก็เสื่อมสภาพลงและค่อยๆหดตัวเหมือนเชือกที่ถูกลนไฟ

ฉัวะ

!

หยุนเหยาชักกระบี่ออกมาและตัดโซ่เงินปีศาจออก

จากนั้นก็คว้าลูกคริสตัลที่บรรจุวิญญาณของจี้หลิงไว้ในมือ

ไป๋หวู่เชินเต็มไปด้วยความยินดีและรีบกล่าวว่า

“ศิษย์พี่หญิง เราทำสำเร็จแล้ว

รีบออกจากที่นี่กลับนิกายกันเถอะ !”

หยุนเหยายังไม่ทันพูดอะไรออกมา

แต่ดวงวิญญาณจำนวนมากที่ถูกผนึกไว้ในลูกคริสตัลรอบๆกลับส่งเสียงเพรียกกรีดร้องและวิงวอนออกมา

“พ่อหนุ่มน้อย

แม่นางน้อย ช่วยข้าด้วย !”

“พ่อหนุ่มท่านนี้เป็นคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ใช่หรือไม่

? เราผู้เฒ่าคือผู้อาวุโสของนิกายหลิวเหอ

เราเคยไปเยี่ยมเยียนนิกายของเจ้าอยู่หลายครั้ง !”

“เด็กน้อยทั้งสาม เห็นแก่สวรรค์เถิด

เราผู้เฒ่าเป็นผู้ดูแลของนิกายเชียนชิว

เราเป็นสหายที่ดีของผู้ดูแลหลี่จงในนิกายพวกเจ้า !”

“จอมยุทธ์น้อยทั้งสาม ช่วยข้าด้วย

ให้ข้าได้ไปเกิดใหม่เสียทีเถิด หากชาติหน้ามีจริง ข้าขอสาบานว่าจะตอบแทนพวกเจ้า

ข้ายอมเป็นม้าลาเพื่อรับใช้ !”

เสียงอ้อนวอนมากมายทั้งชายและหญิงกระแทกแทรกเข้าไปในดวงจิตของพวกเขาทั้งสาม

ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกเศร้าและทนไม่ได้

ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วและมีสีหน้าไม่เต็มใจ

เขาต้องการเพียงแค่ทำภารกิจให้จบๆและรีบหลบหนีกลับนิกายพันธมิตรสวรรค์โดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม

หยุนเหยาทนไม่ได้ต่อคำวิงวอนของดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้  นางลังเลอยู่วูบหนึ่งก่อนที่จะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ศิษย์น้องไป๋ ดวงวิญญาณที่ถูกคุมขังที่นี่ล้วนเป็นสหายของนิกายและผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น

ดูจากลักษณะที่เก่าแก่ของลูกคริสตัลเหล่านั้น วิญญาณของพวกเขาสมควรถูกผนึกมาอย่างน้อยก็

200-300 ปี

พวกเราทำความดีช่วยพวกเขากันเถอะ”

ไป๋หวู่เชินอึ้งไปพักหนึ่ง

ต่อให้เขาไม่เต็มใจก็ไม่อยากให้หยุนเหยาต้องผิดหวัง เขาพยักหน้าและกล่าวว่า  “ก็ได้ ในเมื่อศิษย์พี่หญิงมีจิตใจงดงาม ข้าย่อมยินดีปฏิบัติตามคำขอของท่าน”

จากนั้นไป๋หวู่เชินก็ใช้พลังของเจดีย์ซวนจี๋ทำลายอาคมโซ่ปีศาจที่ผนึกลูกคริสตัลเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่อาคมของลูกคริสตัลใดถูกทำลาย

หยุนเหยาก็จะซัดฝ่ามือทำลายพวกมัน เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ถูกกักขัง

วิญญาณเหล่านั้นตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง

พวกมันขอบคุณพวกเขาทั้งสามด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็ค่อยๆสลายหายไป สุดท้ายก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน......

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว

จากลูกคริสตัลกักวิญญาณทั้งหมด

39 ลูก ตอนนี้หยุนเหยาทำลายไปแล้ว 38 เหลือเพียงลูกสุดท้ายที่อยู่มุมห้องและดูเก่าแก่ที่สุดเพียงลูกเดียว

ไป๋หวู่เชินร่ายอาคมจากเจดีย์ซวนจี๋อย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายอาคมของลูกคริสตัลกักวิญญาณลูกสุดท้ายและเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจช่วยดวงวิญญาณทั้งหมดที่ถูกผนึก

แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิด  เวลานี้กลับมีเสียงฝีเท้าอย่างฉับพลันดังขึ้นมาจากนอกห้องลับ

หยุนเหยาและจี้เทียนซิงหน้าถอดสี

พวกเขาหันไปมองที่ประตูห้องลับด้วยความตกใจ  วินาทีต่อมา เผ่ามารร่างสูงกว่าสองเมตร

ผิวสีม่วงเข้มและมีร่างกายที่กำยำได้ปรากฏตัวขึ้น

มารตนนี้สวมเพียงชุดหนังสัตว์

ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนหนาเตอะ ที่คอและแขนล้วนเต็มไปด้วยรอยสักที่ดูไม่สามัญธรรมดา

เมื่อมันได้เห็นคนทั้งสามในห้องลับก็ส่งเสียงคำรามและพวยพุ่งจิตสังหารอันแรงกล้าพลางกวัดแกว่งกระบี่ปลายแหลมเข้าหาพวกเขาทันที

กระบี่ปลายแหลมในมือของมันส่องประกายเป็นคลื่นกระบี่สีม่วงยาวสองเมตรออกมาและโอบล้อมพวกจี้เทียนซิงด้วยพลังที่สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง

!

จี้เทียนซิงตระหนักได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของมารตนนี้มาถึงขอบเขตปราณจิตแล้ว

ในเวลานี้เอง

ใบหน้างดงามของหยุนเหยาก็สาดประกายเย็นชา แววตากระพริบผ่านด้วยเจตนาฆ่าฟัน  นางร่ายรำกระบี่ออกมาสาดซัดเป็นคลื่นกระบี่สามสายในทันที

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !!”

เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น

เผ่ามารตนนั้นถูกแทงด้วยคลื่นกระบี่ของหยุนเหยาจนโลหิตสีม่วงสาดกระเซ็นทันที  ร่างของมันกระเด็นตกลงไปข้างนอกห้องลับ

ทันทีที่เผ่ามารตนนั้นร่วงหล่น

พวกมันอีกสองตนที่แข็งแกร่งพอๆกันก็ได้บุกเข้ามาในห้องลับพร้อมกับดาบสีดำสนิท

“พวกเราถูกค้นพบแล้ว ไปเร็ว!”

หยุนเหยาสีหน้าเปลี่ยนไปและฟาดฟันคลื่นกระบี่ออกไปต้านรับเผ่ามารทั้งสอง

และตะโกนเตือนไป๋หวู่เชินให้เร่งมือ

อย่างไรก็ตาม

ไป๋หวู่เชินเพิ่งสลายอาคมของลูกคริสตัลลูกสุดท้ายไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น

เมื่อเห็นหยุนเหยาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้เพียงหยุดมือและเก็บเจดีย์ซวนจี๋กลับไป  จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมาและมุ่งหน้าไปช่วยนาง