บัญชีนี้จะให้เก็บที่ใคร
?!
อย่างไรก็ตาม, ในขณะที่จี้เทียนซิงหันไปมองรอบๆ คนผู้นั้นก็หายวับไปเสียแล้ว
แต่กลับมีคลื่นกระบี่สามสายพุ่งออกมาจากส่วนลึกของตำหนัก มันเล็งเป้ามายังไหล่ซ้าย
ไหล่ขวาและหน้าผากของเขาด้วยพลังและความเร็วที่น่าตระหนก
จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและกระโดดถอยหนีไปไกลถึงสี่เมตร
เขาต้องรีดเค้นพลังทั้งหมดและความเร็วสุดชีวิตกว่าจะรอดจากคลื่นกระบี่สังหารทั้งสามสายนั้นมาได้
ถึงกระนั้นก็ยังมีคลื่นกระบี่ที่เข้าเป้าและตัดผ่าแขนเสื้อของเขาจนขาดแหว่ง จี้เทียนซิงกระโดดเข้าไปในสนาม
เท้าของเขายังไม่ทันสัมผัสพื้นดีจึงยืนได้อย่างไม่มั่นคงนัก แต่คลื่นกระบี่อีกสามสายก็โจมตีมาอีกคำรบ
“ฟุ่บ
ฟุ่บ ฟุ่บ !”
ชายหนุ่มต้องใช้พลังชีวิตอย่างมากเพื่อหนีอย่างสิ้นหวังจากการกระบวนท่าสังหารของคลื่นกระบี่ที่หมายเอาชีวิต
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !”
คลื่นกระบี่ก่อนหน้าเพิ่งจะหายไปไม่นานก็ปรากฏคลื่นกระบี่อีกสามสาย
! นอกจากนี้ทั้งมุมและองศาในการจู่โจมก็ยิ่งแพรวพราวมากขึ้น
แถมยังรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย
จี้เทียนซิงไร้หนทางตอบโต้
เขาทำได้เพียงกระโดดและกลิ้งหลบไปมาในสนามอย่างทุลักทุเลเท่านั้น
ในช่วงเวลาสั้นๆเขาก็ถูกจู่โจมด้วยคลื่นกระบี่ไปแล้วมากกว่า
300 สายจนไม่มีโอกาสได้พักหายใจ
ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีคลื่นกระบี่ใดๆที่เปล่งประกายออกมาจากในส่วนลึกของตำหนักอีก
จี้เทียนซิงรอดพ้นจากการถูกลอบสังหาร
เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียวและหอบหายใจอย่างรุนแรง
รูปร่างหน้าตาของเขาดูไม่จืด
เหงื่อโทรมกายและผมเผ้ารุงรัง เสื้อคลุมสีฟ้าของเขาไม่เพียงแค่ชุ่มเหงื่อเท่านั้นแต่ยังเว้าแหว่งหลายสิบแห่งด้วยคลื่นกระบี่ที่กวาดผ่าน สารรูปของเขาดูเหมือนขอทาน
ในช่วงเวลาที่ผ่านไปนั้นเขาพูดได้เต็มปากว่าราวกับวิ่งตะลุยดงกระบี่
แทบตกตายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เขาเกือบถูกคลื่นกระบี่เชือดเฉือนหลายครั้งหลายครา
จนอาจตกตายได้ในทันที
เมื่อถึงตอนนี้
ในส่วนลึกของตำหนักก็มีเงาร่างผอมบางเดินออกมา
ซึ่งคนผู้นั้นก็คือเซี่ยงหวู่จี้และเฉียนเยวี่ยที่กำลังกระพือปีกบินอยู่ข้างๆ
เมื่อจี้เทียนซิงได้เห็นและรับรู้ว่าผู้ลงมือคือเซี่ยงหวู่จี้
เขาก็คำรามด้วยความโกรธว่า "ผู้อาวุโส ! ข้าทำความสะอาดตำหนักตามข้อตกลงอยู่มิใช่หรือ
ทำไมท่านถึงได้ลงมือกับข้าเช่นนี้ !?”
เมื่อตอนที่คลื่นกระบี่นับร้อยโจมตีใส่เขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาคาดเดาได้แล้วว่ามีเพียงผู้เดียวที่กล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้กลางวันแสกๆ นั่นก็คือชายชราหนวดขาวผู้นี้นั่นเอง !
เซี่ยงหวู่จี้ไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนและเขาก็ตอบโต้ความโกรธกริ้วของจี้เทียนซิงด้วยความโกรธเช่นกัน
“ไอ้หนูน้อย เจ้าคิดว่าเพียงแค่กวาดพื้นทำความสะอาดก็ชดเชยความผิดที่เจ้าก่อได้แล้วหรือไง
? โลกสวยเกินไปแล้ว !”
“เมื่อคืนนี้สัตว์อสูรตัวน้อยของเจ้าได้ขโมยผลวิญญาณที่ตาแก่ผู้นี้เก็บสะสมไว้
! มันมีผลไม้สีชาด, ผลอัคคี, ผลวิญญาณน้ำแข็ง, ผลมังกรและลูกพีชวิญญาณ…”
“ผลไม้ล้ำค่าทั้งหมด 26 ชนิดที่หาได้ยากยิ่ง ลงท้องเจ้าสัตว์ตัวน้อยนี้ไปหมดแล้ว ! สารเลวน้อย บัญชีนี้เจ้าจะให้ข้าคิดกับใคร
?”
เซี่ยงหวู่จี้กล่าวชื่อผลไม้วิญญาณทั้งหมดพลางเหยียดนิ้วชี้ไปที่เฉียนเยวี่ย
เฉียนเยวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองหน้าเซี่ยงหวู่จี้ทันที
มันอ้าปากค้างและตกตะลึงพร้อมกับเผยสีหน้าบิดเบี้ยว
จี้เทียนซิงก็หน้าถอดสี เขากรีดร้องใส่เฉียนเยวี่ย “เฉียนเยวี่ย ! เจ้าสร้างปัญหาให้ข้าไม่หยุดหย่อน
ทำไมเจ้าต้องขโมยผลไม้ของผู้อาวุโสด้วยเล่า !"
“เจ้าขโมยของล้ำค่ามากมายเช่นนี้ข้าไม่มีปัญญาตามล้างตามเช็ดชดใช้ให้เจ้าไหวหรอก
!”
เฉียนเยวี่ยหันหน้ามามองจี้เทียนซิงพลางโบกอุ้งเท้าน้อยๆไปมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายว่า
“สหายจี้ เจ้าฟังก่อน เจ้าต้องเชื่อข้านะ ! นี่ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด มันเป็นเพราะ......”
เฉียนเยวี่ยพูดยังไม่จบก็ถูกเซี่ยงหวู่จี้ขัดจังหวะ
เขาจ้องเฉียนเยวี่ยตาเขม็งและคำรามด้วยความโกรธ “อธิบายอะไร
? เจ้าคิดจะอธิบายอะไรอีก ?!”
“จิ้งจอกน้อย เจ้าพูดมาตรงๆ
เจ้าผลไม้วิญญาณไปเมื่อคืนนี้ใช่หรือไม่ ?”
เฉียนเยวี่ยขมวดคิ้ว
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความคับข้องใจ มันเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้ากล่าวว่า
“ใช่... ข้ากินผลไม้พวกนั้นไปจริง แต่ว่าข้า....”
"แต่อะไร ? ไม่มีแต่ กินก็คือกิน !”
เซี่ยงหวู่จี้โบกมือขัดจังหวะอีกครั้ง จากนั้นหันหน้ามาจี้เทียนซิงและตะโกนว่า
“เด็กสารเลว เจ้าได้ยินชัดหรือยัง ?! จิ้งจอกตัวน้อยของเจ้ายอมรับสารภาพแล้ว เจ้าว่ามา เจ้าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ข้าอย่างไร !”
“นี่…” จี้เทียนซิงเถียงไม่ออก
เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าหดหู่ซีดเซียว
ในใจโลดแล่นไปด้วยความคิดหาหนทางอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตาม
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เฉียนเยวี่ยทำผิดจริงๆ เขาที่เป็นเจ้าของก็ต้องรับผิดชอบ
สุดท้ายเขาต้องข่มความโกรธไว้ในใจและกล่าวกับเซี่ยงหวู่จี้ว่า “ผู้อาวุโส ผลไม้วิญญาณเหล่านั้นล้ำค่ายิ่ง
ผู้เยาว์ไม่มีปัญญาชดใช้
ดังนั้นข้าขอให้ท่านยกโทษให้มันเถิด ข้าจะยอมรับผิดทุกอย่างแทนมันเอง”
ดวงตาของเซี่ยงหวู่จี้ส่องประกายด้วยรอยยิ้ม
เพียงแต่ฉากหน้ายังคงวางสีหน้าโกรธกริ้วและตะโกนว่า “เหอะ ! นับว่าเจ้ายังเป็นเด็กเหลือขอที่มีคุณธรรม !”
“แน่นอนว่าตาแก่ผู้นี้ต้องจัดการกับเจ้า เจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก”
“มากับข้า !”
หลังจากกล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็ฉุดลากเฉียนเยวี่ยและหันหลังออกจากลานกว้าง
จี้เทียนซิงทำได้เพียงเดินตามไปอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังลานกว้างที่สามของตำหนักไท่อัน
ลานกว้างที่สามนั้นกว้างใหญ่กว่าลานกว้างด้านหน้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและใบไม้ เซี่ยงหวู่จี้ยืนอยู่ที่ประตูลานกว้างและชี้ไปที่หลังคาของบ้านหลังหนึ่งทางทิศตะวันตกและกล่าวว่า
“สมุนไพรที่ตากอยู่บนหลังคาล้วนแต่ใช้ในการหลอมโอสถของตาแก่ผู้นี้”
“ก่อนฟ้ามืดเจ้าต้องนำสมุนไพรที่แห้งแล้วไปใส่ในตู้เก็บโอสถที่ห้องเก็บโอสถของข้า
!”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
จี้เทียนซิงก็มองไปบนหลังคาทางทิศตะวันตก เขาเห็นว่าบนหลังคาบ้านทางทิศตะวันตกนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรหลากสีสัน
สมุนไพรนับไม่ถ้วนวางเรียงรายอยู่บนหลังคา
กว้างกว่าสามเมตรและยาวกว่า 30 เมตร มันดูเหมือนผ้าห่มหลากสีขนาดใหญ่
จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและขบคิดในใจลับๆว่า
“บนนั้นมีสมุนไพรมากมาย... อย่างน้อยก็นับหมื่นต้น...
อีกราวๆ 4 ชั่วโมงก็มืดแล้ว ข้าจะทำเสร็จได้อย่างไร ?”
เซี่ยงหวู่จี้แสร้งทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นสีหน้าของจี้เทียนซิง
เขาตะโกนต่อไปว่า “เจ้าหนู ไม่เพียงแค่เก็บมันเท่านั้น
แต่ห้ามทำผิดพลาดด้วย"
“มิฉะนั้นข้าจะไม่ยกโทษให้ !”
หลังจากกล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็ฉุดลากเฉียนเยวี่ยเข้าไปนั่งจิบชาในห้องโถง
จากนั้นก็หลับตา
จี้เทียนซิงเผยรอยยิ้มที่หดหู่
เขาทำได้เพียงต้องทำงานตามคำสั่งอย่างซื่อสัตย์ เขาเดินไปที่บ้านทางทิศตะวันตกของลานกว้างและมองขึ้นไปบนหลังคาในขณะที่ขมวดคิ้วเป็นปม
บ้านเรือนในโซนนี้มีบรรยากาศเรียบง่าย
มันกว้างขวางและหลังคาบ้านสูงจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา
เขาสามารถกระโดดขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าเขาต้องเก็บสมุนไพรนับหมื่นต้น หากกระโดดไปมาขึ้นลงหลายครั้งเช่นนี้กระเบื้องบนหลังคาจะทนน้ำหนักไหวได้อย่างไร ?
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงเดินไปในบ้านเพื่อหาบันไดไม้
หมายจะใช้ในการปีนขึ้นปีนลง
แต่ในขณะนั้นเอง
เซี่ยงหวู่จี้ผู้นั่งจิบชาอยู่ในห้องโถงก็ตะโกนออกมาโดยไม่มองว่า “เจ้าหนู เจ้าเป็นถึงจอมยุทธ์เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง
จะขึ้นหลังคาที่สูงแค่ 5 เมตรยังต้องหาบันไดอีกหรือ
ไม่รู้สึกขายหน้าหรือไง ?”
“แล้วก็เจ้าไม่ต้องเสียเวลาหาหรอก ในตำหนักไท่อันของตาแก่ผู้นี้ไม่มีบันไดไม้เพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้วทันที
เขาทำได้เพียงเดินกลับไปและกระโดดขึ้นไปบนหลังคา
แต่ในขณะที่เขาก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศ
เสียงเย็นชาที่ดูโกรธกริ้วของเซี่ยงหวู่จี้ก็ดังลอดมาจากในห้องโถงอีกครั้ง
“เจ้าหนู เบาๆด้วย !”
“หากเจ้ากล้าทำกระเบื้องหลังคาร้าวละก็
ตาแก่ผู้นี้จะทุบตีเจ้าอีกรอบ !”
เมื่อจี้เทียนซิงที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศได้ยินประโยคนี้ใบหน้าก็ของเขาก็กลายเป็นสีเขียวคล้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา เขาทำได้เพียงผ่อนแรงยามเหยียบย่ำลงบนกระเบื้องหลังคา
จากนั้นก็ถ่ายเทพลังลมปราณทั่วร่างเพื่อทำให้กระเบื้องไม่เสียหายจากน้ำหนักตัวของเขา
เขาต้องโคจรพลังลมปราณอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เดินไปรอบๆเพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพรมากมายบนหลังคาบ้าน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved