ตอนที่ 146

เพียงมีไหวพริบ

จี้เทียนซิงยืนอยู่ในป่าทึบและไม่ผลีผลาม อาคมวิญญาณพฤกษานี้ลึกลับและยิ่งใหญ่มากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นได้

แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือหญ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าและต้นไม้ที่สูงตระหง่านอยู่รอบตัวล้วน

แต่เป็นของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา

ภายในข่ายอาคมนี้เขาสัมผัสได้ถึงอากาศอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมของพืชพรรณธรรมชาติ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับการพักฟื้นและเยียวยาอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี

หากผู้ฝึกยุทธ์ที่มีปราณธาตุไม้ได้บ่มเพาะที่นี่

ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงยืนสังเกตสภาพโดยรอบอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจลองทำลายมันดู “อาคมนับเป็นหนึ่งในวิทยายุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์

มันย่อมได้รับการหนุนนำจากพลังของฟ้าดิน และมีองค์ประกอบเป็นหยินหยางห้าธาตุ

ในเมื่อมีทางเข้าก็ย่อมมีทางออก

ข้าลองเดินเข้าไปในป่าและเลาะริมขอบดูเผื่อจะเจอทางออก”

เมื่อรวบรวมสมาธิได้

จี้เทียนซิงก็ก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าทันที

เขาก้าวไปบนหญ้านุ่ม

มือโบกไปมาเพื่อปัดป่ายเถาวัลย์และวัชพืชรกครึ้มที่ตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้าออกไป

จากนั้นก็เดินตรงไปเบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม

เมื่อเขาเดินผ่านจุดนั้นไปได้ไม่กี่ก้าว ผืนหญ้าและป่าไม้วัชพืชเบื้องหลังเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเงียบงัน

พวกมันราวกับสิ่งมีชีวิตที่สามารถขยับและปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เงียบเชียบเกินไปจนจี้เทียนซิงไม่อาจสังเกตพบ....

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

เขาก็เดินดุ่ยๆไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วจนเรียกได้ว่าเดินมาไกลมากแล้ว  ซึ่งตามหลักเหตุผล เขาควรจะข้ามป่าทึบและไปถึงขอบของข่ายอาคมได้แล้ว

เขาเห็นว่าฉากเบื้องหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

มันยังคงเป็นป่าทึบที่มองไม่เห็นด้านข้าง รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้และมีทุ่งหญ้าเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน

จี้เทียนซิงหยุดเดินและเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

“เหอๆ ที่แท้มันก็ไม่ได้เป็นแค่อาคมเสริม

แต่ยังเป็นอะไรที่ลึกลับไม่น้อย ป่าแห่งนี้เป็นเหมือนวงกต ต่อให้เดินจนขาฉีก

ข้าก็คิดว่าคงไม่มีวันออกไปได้”

“ดูเหมือนว่าข้าต้องหาวิธีอื่นทำลายมัน !”

จี้เทียนซิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยิบกระบี่มังกรดำกับเฉียนเยวี่ยออกจากถุงมิติ

มันกำลังนอนหลับน้ำลายยืด

เมื่อถูกจี้เทียนซิงดึงออกมาก็บุ้ยปากอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า “สหายจี้ คราวหน้าคราวหลังอยากพบข้าก็เรียกก่อนเซ่

จู่ๆมาฉุดลากกันแบบนี้ เสียมารยาทนะรู้มั้ย คนกำลังหลับนอน”

จี้เทียนซิงเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมัน  เขากล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้ข้าติดอยู่ในอาคมวิญญาณพฤกษาของตาแก่เหม็น

เขากำลังทดสอบข้าให้ข้าออกไปโดยเร็วที่สุด เฉียนเยวี่ย ข้าอยากให้เจ้าช่วย”

เมื่อเฉียนเยวี่ยได้ยินว่าตาแก่ผู้นั้นกำลังจะทดสอบจี้เทียนซิง

มันก็เผยสีหน้าสนอกสนใจในทันทีและกล่าวว่า “โอ้..  น่าสนุก ให้ข้าช่วยอย่างไร ว่ามาซิ ?”

จี้เทียนซิงชี้ไปที่ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มบนศีรษะของเขา

“เจ้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและดูบริเวณกว้างให้ข้าที บนพื้นนี้เป็นดั่งป่าวงกตก็จริง แต่เจ้านั้นบินได้

เจ้าสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในมุมมองกว้างทั้งหมด”

เฉียนเยวี่ยเข้าใจความหมายทันทีและพยักหน้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองผืนป่าทึบทั้งหมด

หลังจากกวาดสายตาอยู่ครู่หนึ่ง

มันก็ตะโกนลงมาจากบนฟ้าเสียงดังว่า “เอาล่ะ

ข้าสามารถมองเห็นได้ทั่วแล้ว เจ้าเริ่มได้เลย”

เมื่อได้ยินสัญญาณของเฉียนเยวี่ย

จี้เทียนซิงก็ชักกระบี่มังกรดำออกจากฝักและเดินเข้าไปในป่าลึกอย่างต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้เมื่อเขาเดินผ่านป่า ทุกครั้งที่เจอต้นไม้สูงตะหง่าน

เขาจะเหวี่ยงกระบี่มังกรดำเพื่อทำเครื่องหมายไว้บนต้นไม้

ในไม่ช้า

ครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป

จี้เทียนซิงเดินขาลากมาหลายกิโลอย่างยาวนาน

แต่ทว่าเขาก็ยงคงติดอยู่ในป่าวงกตและไม่สามารถออกไปได้ แม้แต่เครื่องหมายที่เขาใช้กระบี่ทำไว้บนต้นไม้ใหญ่ก็อันตธารหายไปอย่างลึกลับ

จี้เทียนซิงโบกมือให้สัญญาณเฉียนเยวี่ยว่าไม่ต้องแล้ว

จากนั้นมันก็บินลงมาหาและกระซิบว่า “สหายจี้

อาคมของตาแก่นี่ไม่ธรรมดาเลย มันดูแปลกออกไปเล็กน้อย”

“อยู่บนฟ้าข้าสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนที่เจ้าลุยป่า

พวกมันก็เปลี่ยนทิศและมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สรุปว่า

ต่อให้เจ้าเดินจนน่องปูดเป็นปีๆต่อไป ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในรัศมีร้อยเมตรนั่นแหละ”

หลังจากได้ยินคำพูดของเฉียนเยวี่ย

จี้เทียนซิงไม่ได้มีสีหน้าหดหู่แต่อย่างใด แต่กลับแสดงรอยยิ้มแทน “หึๆ เป็นอย่างที่ข้าคาดเอาไว้เลย”

“เฉียนเยวี่ย เจ้ามองจากบนท้องฟ้ามานานแล้ว

เจ้าแน่ใจนะว่ามองละเอียดแล้ว”

เฉียนเยวี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า

“อะ แน่นอนซี่ ! ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี่นา

ประสาทสัมผัสของข้านั้นแข็งแกร่งมาก ทัศนวิสัยที่ข้ามองเห็นนั้นกินพื้นที่หลายสิบไมล์เลยนะจะบอกให้”

จี้เทียนซิงยกยิ้มและถามว่า

“งั้นเจ้าก็บอกข้ามาซิ ในตอนที่ทั้งป่าเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง

มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนไปตามปรากฎการณ์เหล่านั้นมั้ย ?”

“อืม.....

อะไรที่ไม่เปลี่ยนเลยงั้นหรือ......ข้านึกก่อนนะ” เฉียนเยวี่ยขมวดคิ้วและหลับตาครุ่นคิดอย่างละเอียด

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นมันก็นึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง มันกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “โอ้ ข้าจำได้แล้ว มันคือลำธารเล็กๆแห่งหนึ่ง !”

“ลำธารนั้นซ่อนอยู่ในป่าลึกเลยล่ะ

คนทั่วไปไม่มีทางมองเห็นยกเว้นข้า มันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากจุดที่เจ้ายืนอยู่

ห่างออกไปอีกประมาณ 150 เมตร!”

“ตลอดครึ่งชั่วโมงที่เจ้าเดินลุยป่า

ไม่ว่าปรากฎการณ์ใดๆจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่ลำธารแห่งนั้นก็ยังอยู่คงเดิม

ไม่เคลื่อนไหวและไม่เปลี่ยนแปลง !”

“วิเศษมาก !”

จี้เทียนซิงเผยรอยยิ้มแห่งความสุขและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนกุญแจสำคัญในการทำลายอาคมของตาแก่ก็คือลำธารแห่งนั้น  เฉียนหยู ข้าต้องการวานเจ้าอีกครั้ง

บินขึ้นไปช่วยข้าหาลำธารแห่งนั้นที !”

“จัดไปวัยรุ่น !”

เฉียนเยวี่ยเห็นด้วยอย่างยิ่งและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วโดยมองข้ามป่าทั้งหมด

จี้เทียนซิงก้าวเท้าเดินต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เมื่อเขาเดินไปได้สิบก้าว

เฉียนเยวี่ยก็ตะโกนบอกจากบนฟ้าอย่างรวดเร็วว่า “สหายจี้ เดินเอียงๆหน่อย

ไปทางใต้และเดินไปเก้าก้าว”

จี้เทียนซิงยิ้มแผ่วเบาและหันไปทางใต้ตามคำแนะนำของเฉียนเยวี่ย หลังจากเดินไปได้สักพัก เฉียนเยวี่ยก็ตะโกนเสียงดังอีกครั้งว่า “สหายจี้ ใกล้แล้ว หันไปทางตะวันออกอีกสิบก้าว !”

ด้วยวิธีนี้

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มาถึงลำธารเล็กๆแห่งหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของเฉียนเยวี่ย

ลำธารแห่งนี้กว้างเพียงหนึ่งเมตรและสถิตซ่อนอยู่ในป่าทึบและมีพงหญ้าบดบัง

เพียงเดินสะเปะสะปะย่อมไม่มีทางหาพบ

ลำธารสายนี้คดเคี้ยวและกระจ่างใส

ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันมาจากที่ไหนและจะไปที่ไหน

จี้เทียนซิงเดินไปตามลำธารและกระซิบแผ่วเบาว่า

“อาคมวิญญาณพฤกษาแห่งนี้รวบรวมรัศมีของป่าสีเขียวเอาไว้เพื่อให้ตาแก่เพาะปลูกสมุนไพร

แต่ทว่าป่าไม้และต้นหญ้านั้นไม่เพียงต้องใช้รัศมีและอากาศ

แต่มันต้องใช้น้ำด้วย  นอกจากนี้น้ำในข่ายอาคมนั้นไม่ได้ผลิตออกมาอากาศ

มันจะต้องไหลมาจากนอกข่ายอาคมเข้ามาข้างใน  ตราบใดที่ข้าเดินไปถึงต้นลำธารได้ก็ย่อมพบทางออก

!”

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง

จี้เทียนซิงก็เดินไปตามลำธารจนสุดทาง ด้านหน้าของเขาเป็นสระน้ำใสแจ๋วที่มีลำธารไหลออกมา

จี้เทียนซิงนำเฉียนเยวี่ยและกระบี่มังกรดำเก็บไปในถุงมิติและกระโดดลงไปในสระน้ำ

ดำดิ่งลงสู่ก้นสระ

เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่ผิด

เมื่อเขาว่ายไปเรื่อยๆตามก้นสระก็มาถึงบ่อน้ำโบราณแห่งหนึ่ง

“ซ่า ! ”

เมื่อเสียงกระเซ็นของน้ำดังขึ้น

ร่างของจี้เทียนซิงก็ผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำ

เขาเงยหน้าขึ้นและได้เห็นท้องฟ้าสีครามอันกระจ่างใสจึงเผยรอยยิ้มยินดีขึ้นมา

“เป็นไงล่ะ !”

“หึๆ

ข้าทำลายอาคมวิญญาณพฤกษาของตาแก่เหม็นได้ในเวลาชั่วโมงเดียว เขาคงคาดไม่ถึงสิท่า ?”