จี้เทียนซิงคาดไม่ถึงว่าผู้ที่เดินหน้าล้างสังหารชาวบ้านในร้านอาหารกลับกลายเป็นซื่อเหวินหยู
!
เขากลายเป็นแข็งทื่อในทันที
ดวงตาตรึงแน่นอยู่บนร่างของซื่อเหวินหยู เผยให้เห็นความสิ้นศรัทธาความเป็นชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะ
ซื่อเหวินหยูที่มองเห็นอีกฝ่ายก็อึ้งไปวูบหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันเพียงเหลือบตามองเท่านั้น
พลันกระชับกระบี่เสือกแทงเข้าหน้าอกของเศรษฐีทั้งสองคน
ทันใดนั้นร่างทั้งสองก็สลายกลายเป็นพลังปราณสีทองจางสองสายที่พุ่งเข้าไปในร่างของซื่อเหวินหยู
ซื่อเหวินหยูเผยสีหน้าเพลิดเพลินออกมาทันที
มุมปากกระตุกด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินข้ามกองซากศพไปที่หน้าประตู
จี้เทียนซิงเบนศีรษะมองแผ่นหลังที่เดินเชิดหน้าผ่านไปของอีกฝ่ายพลางตะคอกออกมาว่า
“ซื่อเหวินหยู
! เจ้าเป็นถึงหัวหน้าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้า
เหตุใดถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตเยี่ยงนี้ ? ถึงกลับสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ไร้ทางสู้”
ซื่อเหวินหยูชะงักฝีเท้า
หันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทางประหลาดใจพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง เจ้ายึดติดเกินไปหรือไม่ ? เจ้าไม่เห็นหรือว่านี่เป็นภาพลวงตา
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้คือของปลอม
หากการสังหารภาพลวงตาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ก็เป็นเรื่องสมควรแล้วนี่
ข้าโหดเหี้ยมที่ตรงไหนกัน ?"
เมื่อได้ยินคำตอบของซื่อเหวินหยู จี้เทียนซิงพลันขมวดคิ้วตะโกนเสียงต่ำ
“ความละโมบจะทำลายเหตุผลและมนุษยธรรม
! ซื่อเหวินหยู, เจ้ามันก็แค่อยากบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนวิธีการก็เท่านั้น!”
ซื่อเหวินหยูอึ้งไปวูบหนึ่ง
พลันเอียงศีรษะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
เผยรอยยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา
"อ้อ ข้าลืมไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าขึ้นหอคอยเจ็ดดาว
น่าขันนักที่ข้าต้องมาต่อล้อต่อเถียงไร้สาระกับเจ้า"
พูดจบมันแสยะยิ้มอย่างดูแคลนและก้าวยาวๆเดินออกจากประตูร้านอาหารไป
จี้เทียนซิงยืนอยู่กลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยศพ
ดวงตาจับจ้องเงาหลังของอีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น
แน่นอน เขารู้ว่าเมืองนี้เป็นภาพลวงตาของโลกใบเล็กแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณต้นไม้ ผู้คน สิ่งของ
ทุกอย่างคือภาพลวงตาเสมือนจริง
แต่การฆ่าคนและผู้บริสุทธิ์โดยไม่กระพริบตาเพียงเพื่อหวังให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นนั้นเขาไม่เคยทำ
และจะไม่มีวันทำโดยเด็ดขาด !
เหตุผลพื้นฐานในการใช้ชีวิตของเขาก็คือการรู้จักตนเอง
ไม่หลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุ และมีความรู้สำนึกผิดชอบชั่วดี
...........
ครู่ต่อมา
เมื่อเขาเดินออกจากร้านอาหารมาถึงถนนก็ได้ยินเสียงต่อสู้และเสียงกรีดร้องอีกครั้ง
ซื่อเหวินหยูฆ่าคนไปทั่ว
มันสังหารทุกคนที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่เด็ก สตรีและคนชรา
ราวกับว่าในสายตาของมัน สิ่งมีชีวิตล้วนเป็นดั่งเศษขยะริมทาง
เป็นฝุ่นใต้ตีนที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
เพียงแค่ครึ่งชั่วยามต่อมา
ซื่อเหวินหยูก็สังหารชาวบ้านไปนับร้อยชีวิต
มันเดินทอดน่องกวัดแกว่งกระบี่สังหารไปจนสุดถนน
เหลือทิ้งไว้เพียงซากศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่ด้านหลัง
ถึงแม้การสังหารหมู่ของมันจะพรากชีวิตคนแก่
คนพิการและเด็กเล็กๆ แต่มันก็ยังไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย
แววตาสะท้อนความตื่นเต้นยินดีและความคาดหวัง
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มิอาจอดทนได้อีกต่อไป
เขาพุ่งไปหยุดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"ซื่อเหวินหยู หยุด !"
“ควับ !”
ชายหนุ่มชักกระบี่มังกรดำออกมาพลางตวัดออกเป็นคลื่นกระบี่อันพร่างพราว
พุ่งเข้าหาซื่อเหวินหยู
เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่
เพียงแค่ต้องการกดดันให้ซื่อเหวินหยูหยุดมือ
อย่างไรก็ตาม
ซื่อเหวินหยูได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เห็นสีหน้าไม่พอใจของจี้เทียนซิง
พลันหลบเลี่ยงคลื่นกระบี่ได้อย่างง่ายดาย หลังจากสังหารผู้บริสุทธิ์ไปอีกหลายคน
จากนั้นมันก็ออกจากถนนกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง
พลันกระโดดไปตามหลังคาบ้านเรือนและหนีไปถึงกลางจตุรัสเมือง
จี้เทียนซิงวิ่งไล่หลัง กระโดดข้ามหลังคาบ้านหลายหลัง
มุ่งหน้าไปกลางเมืองติดตามซื่อเหวินหยู
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังไล่ล่ากันไปที่กลางเมือง
จี้เทียนซิงได้เห็นโศกนาฏกรรมและการฆ่าฟันนับไม่ถ้วนมาตลอดทาง
จอมยุทธ์ถือกระบี่หลายต่อหลายคนเริ่มเข่นฆ่าผู้คนไปทั่วเมือง
ทั้งปล้น ฆ่า ทรมานอย่างป่าเถื่อนท่ามกลางเสียงกรีดร้องของประชาชนผู้บริสุทธิ์
สุดท้าย ซื่อเหวินหยูวิ่งไปถึงจัตุรัสกลางเมืองและหยุดที่ด้านหน้าหินแกะสลักก้อนใหญ่สูงกว่าร้อยเมตร
หินสีดำขนาดใหญ่ก้อนนี้แกะสลักเป็นรูปแมงมุมแปดขาที่สีดำราวกับหมึก
ลักษณะของมันน่าเกลียดน่ากลัวผิดปกติ
เมื่อได้เห็นหินแกะสลักแมงมุมตัวนี้
จี้เทียนซิงก็จดจำได้ในทันที มันเหมือนกับตรารูปแมงมุมที่ด้านหน้าร้านค้า
เขาจ้องมองไปที่หินแกะสลักแมงมุมสีดำและขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
ซื่อเหวินหยูยืนอยู่ใต้นั้นพลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว
ถามด้วยเสียงเย็นว่า “จี้เทียนซิง เจ้าคิดจะทำอะไร ?”
"ถ้าเจ้าคิดจะหยุดข้าจากการฝ่าม่านปราการก็อย่าได้โทษข้าหากจะต้องลงมือกับเจ้า"
จี้เทียนซิงตอบโต้กลับไปว่า “ซื่อเหวินหยู
เจ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปทั่วเมืองแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการฝ่าม่านปราการ ?"
ซื่อเหวินหยูขมวดคิ้วอย่างดุร้าย
ยกมือขึ้นชี้ไปรอบเมืองๆและแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าเบิกตาดูสิจี้เทียนซิง
ไม่เห็นหรือว่าทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน ?”
“การที่จอมยุทธ์มายาเหล่านั้นเอาแต่ฆ่า
ฆ่า และฆ่า
เป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าถ้าหากต้องการฝ่าปราการผ่านโลกนี้ก็จำเป็นจะต้องฆ่าเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้
!”
“จี้เทียนซิง
ข้าขี้เกียจพูดไร้สาระกับเจ้าแล้ว ข้ามีเรื่องต้องทำ อย่าได้มาขวางทางอีก !”
โดยไม่รอให้จี้เทียนซิงได้เอ่ยปาก
ขณะนี้เองหินแกะสลักรูปแมงมุมขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของซื่อเหวินหยูก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
"แกร่ก
แกร่ก แกร่ก !"
ด้วยการสั่นอย่างรุนแรง
พื้นผิวหนาของหินแกะสลักแมงมุมดำเริ่มปริแตกออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อหินแกะสลักแมงมุมดำสูงกว่า 100 เมตรเริ่มแตกออกก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทุกตารางนิ้ว
ผู้คนจากทุกสารทิศที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังและหลบหนีกันจ้าละหวั่น
ซื่อเหวินหยูก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
คนหันไปมองด้านหลังรอบๆในทันที
เมื่อได้เห็นหินแกะสลักสูงกว่าร้อยเมตรเริ่มถล่มลงมาสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที
"วูบ !"
ซื่อเหวินหยูใช้ท่าร่างเพื่อหลบหนีไปด้านข้างอย่างรวดเร็วท่ามกลางเศษหินมากมายที่ร่วงหล่นลงมากระแทกเสียงจนเกิดเสียงดัง
ปึง ปึง ปึง ไม่ขาดสาย
จี้เทียนซิงก็รีบหนีออกมาเช่นกัน
เขาใช้ย่างก้าวไร้เงาพุ่งหลบก้อนหินนับไม่ถ้วนจนมาถึงริมจตุรัสที่ไกลออกไปกว่าร้อยเมตร
ในเวลาเดียวกัน
หินแกะสลักแมงมุมดำทั้งก้อนก็ทรุดตัวลงและพังลงมาจนเกิดกองฝุ่นทรายมหาศาลพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสียงกรีดร้องอันแหลมคมแสบแก้วหูได้ดังขึ้นภายกองฝุ่นหนา
"ฮีซ
ฮีซ !"
ในช่วงเวลาต่อมา สัตว์อสูรสีดำใหญ่หลายสิบเมตรก็คืบคลานออกมาจากซากปรักหักพัง
เมื่อจี้เทียนซิงและซื่อเหวินหยูได้เห็นการปรากฏตัวของมัน
ทั้งสองต่างก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาสาดประกายเย็นชา
สิ่งที่ได้เห็นก็คือแมงมุมยักษ์สีดำที่มีขนาดเท่ากับเรือนสามชั้น
!
แขนขาทั้งแปดของมันหนาและแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับเขี้ยวหนามอันแหลมคมที่อยู่ตรงช่วงท้องของมัน
สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือแมงมุมยักษ์ตัวนี้มีหน้าท้องขนาดมหึมาและมีกรงเล็บอันดุร้าย
ร่างกายส่วนบนกับศีรษะของมันมีลักษณะเหมือนสตรีนางหนึ่งที่มีท่าทางแปลกพิลึกด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
มันก้มหน้ามองไปที่ซื่อเหวินหยู อ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวสองแถวอันแหลมคม
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved