ตอนที่ 321 ความละโมบทำลายความเป็นมนุษย์

จี้เทียนซิงคาดไม่ถึงว่าผู้ที่เดินหน้าล้างสังหารชาวบ้านในร้านอาหารกลับกลายเป็นซื่อเหวินหยู

!

เขากลายเป็นแข็งทื่อในทันที

ดวงตาตรึงแน่นอยู่บนร่างของซื่อเหวินหยู เผยให้เห็นความสิ้นศรัทธาความเป็นชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะ

ซื่อเหวินหยูที่มองเห็นอีกฝ่ายก็อึ้งไปวูบหนึ่ง  อย่างไรก็ตามมันเพียงเหลือบตามองเท่านั้น

พลันกระชับกระบี่เสือกแทงเข้าหน้าอกของเศรษฐีทั้งสองคน

ทันใดนั้นร่างทั้งสองก็สลายกลายเป็นพลังปราณสีทองจางสองสายที่พุ่งเข้าไปในร่างของซื่อเหวินหยู

ซื่อเหวินหยูเผยสีหน้าเพลิดเพลินออกมาทันที

มุมปากกระตุกด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินข้ามกองซากศพไปที่หน้าประตู

จี้เทียนซิงเบนศีรษะมองแผ่นหลังที่เดินเชิดหน้าผ่านไปของอีกฝ่ายพลางตะคอกออกมาว่า

“ซื่อเหวินหยู

! เจ้าเป็นถึงหัวหน้าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้า

เหตุใดถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตเยี่ยงนี้ ? ถึงกลับสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ไร้ทางสู้”

ซื่อเหวินหยูชะงักฝีเท้า

หันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทางประหลาดใจพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง เจ้ายึดติดเกินไปหรือไม่ ? เจ้าไม่เห็นหรือว่านี่เป็นภาพลวงตา

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้คือของปลอม

หากการสังหารภาพลวงตาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ก็เป็นเรื่องสมควรแล้วนี่

ข้าโหดเหี้ยมที่ตรงไหนกัน ?"

เมื่อได้ยินคำตอบของซื่อเหวินหยู จี้เทียนซิงพลันขมวดคิ้วตะโกนเสียงต่ำ

“ความละโมบจะทำลายเหตุผลและมนุษยธรรม

! ซื่อเหวินหยู, เจ้ามันก็แค่อยากบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนวิธีการก็เท่านั้น!”

ซื่อเหวินหยูอึ้งไปวูบหนึ่ง

พลันเอียงศีรษะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย

เผยรอยยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา

"อ้อ ข้าลืมไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าขึ้นหอคอยเจ็ดดาว

น่าขันนักที่ข้าต้องมาต่อล้อต่อเถียงไร้สาระกับเจ้า"

พูดจบมันแสยะยิ้มอย่างดูแคลนและก้าวยาวๆเดินออกจากประตูร้านอาหารไป

จี้เทียนซิงยืนอยู่กลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยศพ

ดวงตาจับจ้องเงาหลังของอีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น

แน่นอน เขารู้ว่าเมืองนี้เป็นภาพลวงตาของโลกใบเล็กแห่งนี้

ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณต้นไม้ ผู้คน สิ่งของ

ทุกอย่างคือภาพลวงตาเสมือนจริง

แต่การฆ่าคนและผู้บริสุทธิ์โดยไม่กระพริบตาเพียงเพื่อหวังให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นนั้นเขาไม่เคยทำ

และจะไม่มีวันทำโดยเด็ดขาด !

เหตุผลพื้นฐานในการใช้ชีวิตของเขาก็คือการรู้จักตนเอง

ไม่หลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุ และมีความรู้สำนึกผิดชอบชั่วดี

...........

ครู่ต่อมา

เมื่อเขาเดินออกจากร้านอาหารมาถึงถนนก็ได้ยินเสียงต่อสู้และเสียงกรีดร้องอีกครั้ง

ซื่อเหวินหยูฆ่าคนไปทั่ว

มันสังหารทุกคนที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่เด็ก สตรีและคนชรา

ราวกับว่าในสายตาของมัน สิ่งมีชีวิตล้วนเป็นดั่งเศษขยะริมทาง

เป็นฝุ่นใต้ตีนที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง

เพียงแค่ครึ่งชั่วยามต่อมา

ซื่อเหวินหยูก็สังหารชาวบ้านไปนับร้อยชีวิต

มันเดินทอดน่องกวัดแกว่งกระบี่สังหารไปจนสุดถนน

เหลือทิ้งไว้เพียงซากศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่ด้านหลัง

ถึงแม้การสังหารหมู่ของมันจะพรากชีวิตคนแก่

คนพิการและเด็กเล็กๆ แต่มันก็ยังไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย

แววตาสะท้อนความตื่นเต้นยินดีและความคาดหวัง

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มิอาจอดทนได้อีกต่อไป

เขาพุ่งไปหยุดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

"ซื่อเหวินหยู หยุด !"

“ควับ !”

ชายหนุ่มชักกระบี่มังกรดำออกมาพลางตวัดออกเป็นคลื่นกระบี่อันพร่างพราว

พุ่งเข้าหาซื่อเหวินหยู

เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่

เพียงแค่ต้องการกดดันให้ซื่อเหวินหยูหยุดมือ

อย่างไรก็ตาม

ซื่อเหวินหยูได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เห็นสีหน้าไม่พอใจของจี้เทียนซิง

พลันหลบเลี่ยงคลื่นกระบี่ได้อย่างง่ายดาย หลังจากสังหารผู้บริสุทธิ์ไปอีกหลายคน

จากนั้นมันก็ออกจากถนนกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง

พลันกระโดดไปตามหลังคาบ้านเรือนและหนีไปถึงกลางจตุรัสเมือง

จี้เทียนซิงวิ่งไล่หลัง กระโดดข้ามหลังคาบ้านหลายหลัง

มุ่งหน้าไปกลางเมืองติดตามซื่อเหวินหยู

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังไล่ล่ากันไปที่กลางเมือง

จี้เทียนซิงได้เห็นโศกนาฏกรรมและการฆ่าฟันนับไม่ถ้วนมาตลอดทาง

จอมยุทธ์ถือกระบี่หลายต่อหลายคนเริ่มเข่นฆ่าผู้คนไปทั่วเมือง

ทั้งปล้น ฆ่า ทรมานอย่างป่าเถื่อนท่ามกลางเสียงกรีดร้องของประชาชนผู้บริสุทธิ์

สุดท้าย ซื่อเหวินหยูวิ่งไปถึงจัตุรัสกลางเมืองและหยุดที่ด้านหน้าหินแกะสลักก้อนใหญ่สูงกว่าร้อยเมตร

หินสีดำขนาดใหญ่ก้อนนี้แกะสลักเป็นรูปแมงมุมแปดขาที่สีดำราวกับหมึก

ลักษณะของมันน่าเกลียดน่ากลัวผิดปกติ

เมื่อได้เห็นหินแกะสลักแมงมุมตัวนี้

จี้เทียนซิงก็จดจำได้ในทันที มันเหมือนกับตรารูปแมงมุมที่ด้านหน้าร้านค้า

เขาจ้องมองไปที่หินแกะสลักแมงมุมสีดำและขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

ซื่อเหวินหยูยืนอยู่ใต้นั้นพลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว

ถามด้วยเสียงเย็นว่า “จี้เทียนซิง เจ้าคิดจะทำอะไร ?”

"ถ้าเจ้าคิดจะหยุดข้าจากการฝ่าม่านปราการก็อย่าได้โทษข้าหากจะต้องลงมือกับเจ้า"

จี้เทียนซิงตอบโต้กลับไปว่า “ซื่อเหวินหยู

เจ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปทั่วเมืองแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการฝ่าม่านปราการ ?"

ซื่อเหวินหยูขมวดคิ้วอย่างดุร้าย

ยกมือขึ้นชี้ไปรอบเมืองๆและแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าเบิกตาดูสิจี้เทียนซิง

ไม่เห็นหรือว่าทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน ?”

“การที่จอมยุทธ์มายาเหล่านั้นเอาแต่ฆ่า

ฆ่า และฆ่า

เป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าถ้าหากต้องการฝ่าปราการผ่านโลกนี้ก็จำเป็นจะต้องฆ่าเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้

!”

“จี้เทียนซิง

ข้าขี้เกียจพูดไร้สาระกับเจ้าแล้ว ข้ามีเรื่องต้องทำ อย่าได้มาขวางทางอีก !”

โดยไม่รอให้จี้เทียนซิงได้เอ่ยปาก

ขณะนี้เองหินแกะสลักรูปแมงมุมขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของซื่อเหวินหยูก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง

"แกร่ก

แกร่ก แกร่ก !"

ด้วยการสั่นอย่างรุนแรง

พื้นผิวหนาของหินแกะสลักแมงมุมดำเริ่มปริแตกออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อหินแกะสลักแมงมุมดำสูงกว่า 100 เมตรเริ่มแตกออกก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทุกตารางนิ้ว

ผู้คนจากทุกสารทิศที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังและหลบหนีกันจ้าละหวั่น

ซื่อเหวินหยูก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

คนหันไปมองด้านหลังรอบๆในทันที

เมื่อได้เห็นหินแกะสลักสูงกว่าร้อยเมตรเริ่มถล่มลงมาสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที

"วูบ !"

ซื่อเหวินหยูใช้ท่าร่างเพื่อหลบหนีไปด้านข้างอย่างรวดเร็วท่ามกลางเศษหินมากมายที่ร่วงหล่นลงมากระแทกเสียงจนเกิดเสียงดัง

ปึง ปึง ปึง ไม่ขาดสาย

จี้เทียนซิงก็รีบหนีออกมาเช่นกัน

เขาใช้ย่างก้าวไร้เงาพุ่งหลบก้อนหินนับไม่ถ้วนจนมาถึงริมจตุรัสที่ไกลออกไปกว่าร้อยเมตร

ในเวลาเดียวกัน

หินแกะสลักแมงมุมดำทั้งก้อนก็ทรุดตัวลงและพังลงมาจนเกิดกองฝุ่นทรายมหาศาลพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เสียงกรีดร้องอันแหลมคมแสบแก้วหูได้ดังขึ้นภายกองฝุ่นหนา

"ฮีซ

ฮีซ !"

ในช่วงเวลาต่อมา สัตว์อสูรสีดำใหญ่หลายสิบเมตรก็คืบคลานออกมาจากซากปรักหักพัง

เมื่อจี้เทียนซิงและซื่อเหวินหยูได้เห็นการปรากฏตัวของมัน

ทั้งสองต่างก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาสาดประกายเย็นชา

สิ่งที่ได้เห็นก็คือแมงมุมยักษ์สีดำที่มีขนาดเท่ากับเรือนสามชั้น

!

แขนขาทั้งแปดของมันหนาและแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับเขี้ยวหนามอันแหลมคมที่อยู่ตรงช่วงท้องของมัน

สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือแมงมุมยักษ์ตัวนี้มีหน้าท้องขนาดมหึมาและมีกรงเล็บอันดุร้าย

ร่างกายส่วนบนกับศีรษะของมันมีลักษณะเหมือนสตรีนางหนึ่งที่มีท่าทางแปลกพิลึกด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

มันก้มหน้ามองไปที่ซื่อเหวินหยู อ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวสองแถวอันแหลมคม