ตอนที่ 113

เพลงกระบี่ดาราเหิน

!

“ว่าไงนะ ?  ตาแก่เหม็นผู้นี้จะสอนเพลงกระบี่ให้ข้า ?!”

จี้เทียนซิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

เซี่ยงหวู่จี้เป็นคนที่หยาบกระด้างเกรี้ยวกราดและเข้มงวดกับเขามาโดยตลอดและเขาก็ไม่ค่อยพอใจตาแก่คนนี้อยู่เล็กน้อย

เพียงแค่ตาแก่คนนี้พูดจาดีๆกับเขาสักคำ

เขาก็มองว่าอีกฝ่ายกินยาผิดมาแน่นอน

แต่นี่เซี่ยงหวู่จี้กลับเป็นฝ่ายเสนอตัวสอนเพลงกระบี่ให้เขา  นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว !

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเซี่ยงหวู่จี้

แต่เขาก็พอมองออกว่าตาแก่ผู้นี้เป็นคนที่มีฐานะสูงส่งภายในนิกายและยากจะหยั่งถึง

ยอดฝีมือลึกลับเช่นนี้กลับต้องการถ่ายทอดเพลงกระบี่คู่กายให้เขา   เขาจะไม่แปลกใจและตื่นเต้นได้อย่างไร ?

“ยืนเหม่อหาพระแสงอันใด ? เข้ามา !"

เซี่ยงหวู่จี้เดินเอามือไพล่หลังเข้าไปในตำหนักไท่อันอย่างร้อนใจโดยมีจี้เทียนซิงเดินตามติดมาไม่ห่าง  พวกเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักที่สาม

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว

รัตติกาลกำลังมาเยือน

เซี่ยงหวู่จี้ยืนอยู่กลางลานกว้าง

เท้าเหยียบย่างบนพื้นสีน้ำเงิน

ทั่วร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศอันลี้ลับและขุมพลังอันทรงพลัง

“ไอ้หนู ตาแก่ผู้นี้จะสอนเคล็ดวิชากระบี่ให้เจ้าชุดหนึ่ง

มันมีชื่อว่าเพลงกระบี่ดาราเหิน   [飞星剑诀] เฟยซิงเจี้ยนเจวี่ย”

“เพลงกระบี่ชุดนี้มี 9 กระบวนท่าและมีพลังพอที่จะสามารถสะบั้นชั้นฟ้าให้ทะลุทะลวงได้ !”

เมื่อจี้เทียนซิงได้ยินคำพูดของเขา

ทันใดนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยแสงแห่งความคาดหวังอย่างลึกซึ้ง

“ผู้อาวุโส

หรือว่าท่านก็บ่มเพาะเคล็ดวิชาสายปราณกระบี่ ?

เพลงกระบี่ดาราเหินที่ท่านกล่าวถึงใช่ศาสตร์กระบี่จำพวกควบคุมปราณกระบี่ใช่หรือไม่

?”

เซี่ยงหวู่จี้มองหน้าจี้เทียนซิงและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ตาแก่อย่างข้าไม่มีวาสนาพอได้บ่มเพาะปราณกระบี่ในร่างอย่างเจ้าหรอก”

“ไม่เช่นนั้น

ข้าคงทำลายโซ่ตรวนและเข้าสู่เขตแดนพลังยุทธ์ที่สูงส่งกว่านี้ไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว  !”

“เพลงกระบี่ดาราเหินที่ข้าจะสอนเจ้านี้เป็นเพลงกระบี่ที่ข้าใช้เวลากว่า

20 ปีคิดค้นขึ้นมาเอง มันเป็นเคล็ดวิชาที่ควบคุมคลื่นกระบี่”

“โดยปกติแล้ว

แม้จะมีเพียงยอดฝีมือในเขตแดนแก่นกำเนิดเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนและประยุกต์ใช้เพลงกระบี่ดาราเหินได้

แต่ปราณกระบี่ของเจ้านั้นพิเศษยิ่ง  เจ้าสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่ชุดนี้ข้ามขั้นได้”

หลังจากฟังคำอธิบายของเซี่ยงหวู่จี้แล้ว

จี้เทียนซิงก็เข้าใจในทันที เขาพยักหน้าและเข้าใจ

เขาขบคิดในใจลับๆว่า

“ดูเหมือนว่าวิถีใจกระบี่ที่ข้าบ่มเพาะมา ตาแก่นี่น่าจะเคยได้ยินมาก่อนเขาถึงกล่าวเช่นนี้”

“วิถีใจกระบี่ของข้าช่างมหัศจรรย์นัก ด้วยความแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงกลับสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาของเขตแดนแก่นกำเนิดได้

!”

“หากข้าสามารถฝึกเพลงกระบี่ดาราเหินสำเร็จ

ข้าย่อมทรงพลังกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหากข้าใช้เพลงกระบี่นี้ !”

ในขณะนั้นเองเซี่ยงหวู่จี้ก็มองจี้เทียนซิงอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า

“ไอ้หนู คืนนี้ข้าจะสอน 2 กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ดาราเหินให้เจ้า ส่วน 7 กระบวนท่าที่เหลือขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเข้าใจได้มากน้อยเพียงใด ข้าจะตัดสินใจถ่ายทอดให้เจ้าเมื่อเจ้าคู่ควร

!”

“ไอ้หนู จงเปิดตาให้กว้างและมองดูให้ดี

ข้าจะสำแดงให้เจ้าได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

เจ้าจะฝึกฝนสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและพรสวรรค์โดยกำเนิดของเจ้าเอง !”

เมื่อเซี่ยงหวู่จี้กล่าวจบ

จี้เทียนซิงก็รวบรวมสมาธิและไม่คิดฟุ้งซ่านอีก เขาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างราวกับเกรงว่าท้องนภาจะมืดมิดหรือพลาดการเคลื่อนไหวเพียงเสี้ยววินาทีไป

เซี่ยงหวู่จี้ดูสงบนิ่งในฉับพลันและและโคจรขุมพลังลมปราณในร่างกายให้มารวมตัวกัน

เตรียมที่จะร่ายเคล็ดวิชากระบี่ดาราเหิน

พลังลมปราณมหาศาลที่เอ่อล้นวิ่งผ่านร่างของเขา

และแม้กระทั่งทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องดัง ‘ครืน’ ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง

“ไอ้หนู ดูให้ดี !”

“กระบวนท่าแรก  คมมีดพันขนนก !”

เซี่ยงหวู่จี้พ่นลมหายใจและโบกมือร่ายรำคลื่นกระบี่สีน้ำเงินเข้มสามสายออกมา

ในขณะที่มือของเขากำลังปัดป่ายร่ายรำ

คลื่นกระบี่สีน้ำเงินทั้งสามสายนั้นก็วาดเป็นเส้นสายที่โค้งวูบวาบไปตามการควบคุมของเขา

“เช้ง เช้ง เช้ง !”

คลื่นกระบี่สีน้ำเงินทั้งสามพุ่งกระจายออกไปและโจมตีไปในมุมและทิศทางที่แตกต่างกัน

ถึงแม้ว่าคลื่นกระบี่เหล่านี้จะมีระยะการโจมตีเพียงสิบเมตรรอบตัวผู้ใช้

แต่ทิศทางในการโจมตีของแต่ละคลื่นกระบี่ก็กระจายออกไปในทิศทางและแง่มุมที่แตกต่างกัน

ในขณะที่มือของเซี่ยงหวู่จี้ขยับวูบ

คลื่นกระบี่ทั้งสามก็ขยับตามและโจมตีในอากาศด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

ในรัศมีสิบเมตรจากตัวของเซี่ยงหวู่จี้ส่องสว่างไปด้วยประกายแสงที่พร่างพราวของคลื่นกระบี่

มันถูกปกคลุมไปด้วยข่ายกระบี่สีน้ำเงินที่สลับวูบวาบไปมา

ในระยะเวลาเพียงห้าอึดใจ

คลื่นกระบี่สามสายก็จู่โจมออกไปนับพันครั้งจากทุกมุมและทุกทิศทาง !

จี้เทียนซิงตกใจและจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

หัวใจเต้นถี่รัวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“เพียงแค่ห้าลมหายใจ... คลื่นกระบี่แค่สามสายกลับสามารถโจมตีได้นับพันครั้งติดต่อกัน  ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถูกเรียกว่าคมมีดพันขนนก”

“หลังจากคำนวณความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้แล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานการโจมตีหลายพันครั้งภายในห้าลมหายใจ  ฝ่ายตรงข้ามย่อมถูกเฉือดเฉือนเป็นผ้าขี้ริ้วด้วยคลื่นกระบี่เป็นแน่

!”

“พลังของกระบวนท่าคมมีดพันขนนกช่างสะพรึงกลัวเหลือเกิน

เพลงกระบี่ดาราเหินทรงพลังอย่างแท้จริง !”

ในเวลาเดียวกัน

เซี่ยงหวู่จี้ก็สลายคมมีดพันขนนก  คลื่นกระบี่ทั้งสามก็บินกลับมาหาเขาและลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน

เซี่ยงหวู่จี้หันมามองจี้เทียนซิงและตะโกนว่า

“ไอ้หนู เห็นชัดพอหรือยัง ? ข้าจะให้เวลาเจ้าได้จดจำและวิเคราะห์ !”

จี้เทียนซิงไม่ตอบคำแต่ปิดตาทั้งสองลงทบทวนในใจอย่างเงียบๆ

ทุกๆการเคลื่อนไหวและรายละเอียดของกระบวนท่าคมมีดพันขนนกได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา

หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง

ภายในจิตใจของเขาก็แสดงภาพอันเลือนลางหลายพันภาพและจดจำรายละเอียดของกระบวนท่านี้ไว้ได้ทั้งหมด

เขาลืมตาขึ้นและกำลังจะอ้าปากพูด

แต่เซี่ยงหวู่จี้ก็ตะโกนขัดขึ้นมาก่อน

“ไอ้หนู จงดูให้ดี ! ”

“กระบวนท่าที่สอง วายุอัสนีกระหน่ำ !”

เซี่ยงหวู่โบกมืออีกครั้งและใช้สองนิ้วร่ายเพลงกระบี่วาดเป็นเส้นสายวิถีกระบี่อันลี้ลับที่เบื้องหน้า

คลื่นกระบี่สีน้ำเงินที่อยู่เบื้องหน้าผันแปรจาก 3 เหลือ 2 ! แต่มันกลายเป็นใหญ่ขึ้นและยาวกว่าสองเมตร

“ฟุ่บ ฟุ่บ !”

คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่สองสายบินออกไป

ผ่าฟาดจากกลางอากาศลงสู่พื้นดินและระเบิดเป็นเขตแดนพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ในขณะนั้นเองสองคลื่นกระบี่เปล่งแสงและไอเย็น

ตามมาด้วยพายุเฮอริเคนที่ม้วนตัวขึ้นพัดพาก้อนหินดินทรายกระเจิดกระเจิง

“เปรี๊ยะ ! ตูม !”

เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง

ไอเย็นและพายุเฮอริเคนที่มีความรุนแรงผสมผสานกันดั่งพายุสายฟ้า

มันผ่ากระแทกลงไปที่พื้นหินสีน้ำเงิน

ทันใดนั้นพื้นของแผ่นหินสีน้ำเงินก็ระเบิดออกเป็นหลุมยาวสามเมตร

ก้อนหินดินทรายฝุ่นละอองสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

ครืน...... !

พลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกส่งผ่านไปที่ใต้พื้นปฐพีและทำให้ทั้งลานกว้างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว

ในชั่วพริบตาคลื่นกระบี่ใหญ่สองสายก็บินกลับไปหาเซี่ยงหวู่จี้และสลายหายไปในฝ่ามือของเขา

กระบวนท่าที่สองวายุอัสนีกระหน่ำสำแดงฤทธิ์เดชเสร็จสิ้น

ถึงแม้ว่ากระบวนท่าที่สองนี้จะคล้ายคลึงกับคมมีดพันขนนก

มันเรียบง่ายและหยาบกระด้างกว่า แต่พลังทำลายนั้นกลับน่าสะพรึงกลัวกว่ากันมากนัก !

จี้เทียนซิงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและมองดูหลุมขนาดใหญ่ในลานกว้างและฝุ่นดินที่ฟุ้งกระจายบนท้องฟ้า  ภายในใจเต็มไปด้วยความตกใจ

เขาใฝ่ฝันมานานแล้วถึงวันที่ตนเองจะบรรลุวิถีกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้

วิถีกระบี่ที่สามารถทำให้ปฐพีต้องสั่นสะเทือน !

ในเวลานี้เซี่ยงหวู่จี้ก็หันกลับมาและเดินไปที่ใต้ชายคา

เขาได้เห็นใบหน้าที่ตกตะลึงแฝงความปรารถนาของชายหนุ่ม

“นี่ยังมิใช่พลังทั้งหมดของข้า แต่หากเจ้าฝึกสำเร็จ

ผลก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ   จากนี้เจ้าก็ลองทำความเข้าใจและฝึกฝนดู”